ตอนที่ 17 : #ซิมฟาง 05 [4]
05
[4]
หลังจากฉันเอาภาชนะสำหรับใส่ของกินที่เขาซื้อมาตั้งไว้บนโต๊ะด้านนอกนี้เรียบร้อยแล้ว ซิมก็เป็นคนจัดแจงเทมันออกจากถุงให้แบบเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร หน้าเขานิ่งแปลกๆ จนฉันคิดว่าหมอนี่อาจจะยังเก็บเศษหน้าที่แตกกระจายเมื่อกี้ไม่เรียบร้อยดี
ฉันยืนกอดอกพิงกำแพงดาดฟ้าแล้วมองภาพนั้นห่างๆ อดอมยิ้มออกมาไม่ได้ ฮ้า… จะว่าไปแล้วตั้งแต่รู้จักเขา ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองยิ้มมากขึ้นจนเมื่อยปากยังไงก็ไม่รู้แฮะ
“มากินด้วยกันสิ กินข้าวแล้วก็ต้องกินของหวาน” เขาพยักหน้าเรียกพลางมือก็หยิบขนมปังนึ่งจิ้มลงในสังขยาไปด้วย จากนั้นเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ฉันลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนยอมเดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับซิมแล้วขยับแก้วน้ำเต้าหู้มาไว้ใกล้ๆ ตัวเอง มือกำลังจะหยิบขนมปัง หากแต่ดันชะงักเสียก่อนเพราะเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“รู้ได้ไงว่าฉันกินข้าวแล้ว”
“แคกๆ ๆ!” คนถูกถามถึงกับสำลักรีบคว้าแก้วน้ำสีขาวขุ่นไปยกดื่ม ไม่วายยกมือขึ้นทุบเหนืออกเบาๆ ฉันหรี่ตาลงมองคนตรงหน้าอย่างจับผิด อะไรกัน อยู่ดีไม่ว่าดีก็หายตัวไปจากสถานีรถไฟฯ แต่ดันรู้ความเคลื่อนไหวของฉันเนี่ยนะ
“ก็...เห็นไง เดินไปแถวนั้นพอดี”
“ฉันไม่เห็นจะเห็นนายเลย” ฉันรีบสวนกลับทันควัน แต่มารู้ตัวทีหลังว่าพลาดไปก็ตอนที่ซิมยิ้มกริ่ม
เขาพยักพเยิดหน้ามาทางฉันแล้วถามว่า “มองหาฉันด้วยเหรอ”
“เปล่า” ฉันตอบเสียงเรียบพร้อมใบหน้านิ่งๆ ก่อนยกน้ำเต้าหู้ขึ้นจิบแล้วพูดต่อว่า “ก็แค่สงสัยว่านายหายไปไหน แบบอยู่ดีๆ ก็หายไป”
“อ๋อ เจอปัญหานิดหน่อยน่ะ เลยต้องรีบออกไปจากตรงนั้น” คำตอบของเขาทำให้ฉันนึกถึงคืนแรกที่เขามาที่ชั้นดาดฟ้านี้ วันนั้นเขาทำตัวแปลกๆ และพยายามจะหลบผู้ชายที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงเสาไฟด้านล่าง
“นายไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า เป็นโจรเหรอ” หรือที่เขามีเงินเยอะแยะก็เพราะเป็นนักต้มตุ๋นหลอกเอาเงินจากชาวบ้านชาวช่องเขา นั่นสิ! ไม่งั้นเขาจะเอาเงินมาจากไหนทั้งที่ชีวิตก็ดูว่างงาน “ถ้าคิดไม่ดีกับฉัน บอกเลยว่าฉันไม่มีเงินให้นายหรอกนะ”
ฉันรีบออกตัว เล่นเอาอีกฝ่ายมองหน้าฉันแล้วถึงกับหลุดขำออกมา
“เธอจะคิดอะไรก็ช่างเถอะ แต่ฉันไม่ได้มาหลอกอะไรเธอหรอก เชื่อได้”
ฉันไม่ได้ตอบโต้อะไรต่อ ทว่าก็ยังไม่หายคลางแคลงใจอยู่ดี จากการที่เขาไม่ยอมแก้ตัวหรือให้เหตุผลเกี่ยวกับตัวเองมา แสดงว่าเขาต้องมีความลับอะไรบางอย่างปิดบังอยู่แน่ๆ พูดก็พูดเถอะ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนเข้าถึงง่าย แต่จริงๆ เหมือนจะเข้าถึงยากกว่าฉันแบบที่คนอื่นพูดถึงเสียอีก
ฉันทั้งรู้สึกปลอดภัยแล้วก็อันตรายไปในคราวเดียวกัน
“นี่ ฉันถามอะไรได้เปล่า” ซิมเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน แม้ฉันจะไม่ได้มองหน้าเขา แต่ก็แอบเห็นแหละว่าเจ้าตัวกินไปพลางจ้องฉันไปมาสักพักแล้ว คล้ายชั่งใจว่าจะถามดีไหม
ฉันเหลือบตาขึ้นมองเขานิดหน่อยก่อนพยักหน้า “อืม”
“เธอห้ามร้องไห้อีกนะ ฉันตกใจ”
“...” ฉันเงียบไป พอจะเดาได้แล้วว่าเขากำลังสงสัยเรื่องอะไร
“ฉันถามเรื่องครอบครัวเธอได้ไหม” ประโยคนั้นดังขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่คล้ายของแหลมเรียวเล็กพุ่งเข้าไปทิ่มที่กลางใจฉัน มันจี๊ดและเสียวแปลบอย่างบอกไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังพยักหน้าลงแทนคำตอบอีกครั้ง จะว่าบ้าก็ได้ล่ะมั้ง แต่ก็อย่างที่บอกว่าฉันสบายใจแบบแปลกๆ เมื่ออยู่กับผู้ชายคนนี้ “ทำไมเมื่อกี้เธอถึงพูดแบบนั้น เอ่อ คือฉันหมายถึงถ้าพวกท่านเสียไปแล้วก็น่าจะ...”
“นายนี่เดาเก่งนะ” ฉันพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงติดตลก ก่อนเคลื่อนสายตามองไปทางอื่นแล้วพูดอีกว่า “มันเป็นความลับที่ฉันไม่อยากเอ่ยถึงเท่าไร”
ไม่ได้นึกเคืองอะไรเขาหรอก แค่แปลกใจกับความช่างสังเกตของเขาก็เท่านั้น นึกๆ ไปแล้วก็อยากรู้จักเขามากขึ้นเหมือนกันแฮะ
“เดาเก่ง? ที่จริงเรียกว่าวิเคราะห์เอาจากคำพูดเธอจะดีกว่า” เขาพูดแล้วยืดตัวขึ้นเล็กน้อยเหมือนภูมิใจนักหนา “เอางี้ เรามาแลกความลับกันเอาไหม ให้ดวงดาวเป็นพยานว่าพวกเราจะไม่เอาความลับของอีกคนไปบอกใคร”
ซิมชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีดาวแต่ก็มองแทบไม่เห็น ผืนฟ้าที่ทำให้ฉันสบายใจทุกครั้งที่ได้มอง... หรือผู้ชายคนนี้จะเป็นฟ้าส่งมาอยู่เป็นเพื่อนฉันกันนะ ทำไมเขาพูดอะไรออกมาฉันก็รู้สึกโอเคไปหมด ทั้งที่เขาคือคนที่ฉันควรจะระแวดระวังและอยู่ให้ห่างที่สุดแท้ๆ นี่ถ้าพิณรู้เข้าคงไม่สบายใจมากแน่ๆ เชื่อเถอะ
“ลองบอกของนายมาสิ”
“ที่จริงแล้วตอนนี้ฉันพักอยู่ตึกนั้น ที่สูงสุดตรงนั้นน่ะ เพิ่งมาอยู่ก่อนเจอเธอไม่นานนี่เอง” เขาบอกแล้วชี้ไปทางทิศหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากตรงนี้ไม่มากเท่าไร แม้จะคนละซอยกัน และความโดดเด่นของตึกก็ทำให้สะดุดตาทันทีที่มองไป ที่จริงก่อนจะมาอยู่นี่ ฉันเคยไปดูห้องที่นั่นด้วยนะ แต่สู้ราคาไม่ไหว
“เนี่ยนะความลับ” ฉันนิ่วหน้างง คิดไม่ตกเลยว่าสิ่งที่เขาบอกมานั่นเป็นความลับยังไง
“เธอไม่รู้อะไร แม้แต่พี่สาวฉันยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน” เขาทำหน้าตาทำนองว่า ‘นี่มันเป็นความลับสุดยอดที่สุดในโลกเลยนะ’
“เหรอ”
“อืม ฉันไม่แน่ใจว่าคนที่พยายามจะจับตัวฉันอยู่มันจะสะกดรอยตามพี่สาวฉันหรือเปล่าน่ะสิ ฉันอยากอยู่แถวนี้นานๆ ขี้เกียจย้ายไปไหนแล้วอะ ใกล้เธอดี”
ฉันชะงักไปเมื่อเขาพูดจบก็ฉีกยิ้มกว้าง พอได้สติจึงถามว่า “ทำไมต้องอยากอยู่ใกล้”
“ก็จะได้มากินขนมกับเธอทุกวันไง หรือถ้าเธอว่างก็ไปนั่งเล่นห้องฉันได้นะ นอกจากฉันจะว่างแล้ว ห้องฉันก็ว่างด้วย”

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไม่อ่อยเลยพี่ไม่อ่อยเล๊ยยยย 55555