ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - A lot of books -

    ลำดับตอนที่ #1 : Aphrodite - "Don’t compare me to The Swan Princess, her tragedy is something that my life can’t imitate."

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 154
      0
      9 พ.ย. 61



    ~ The story of becoming beautiful isn't about the ugly duckling becoming a swan;

    it is about the ugly duckling realizing it was a swan all along ~





















    " มันไม่มีสาเหตุต้องสาปแช่งพระเจ้าหากคุณเป็นลูกเป็ดขี้เหร่

    เขาเลือกคนที่แข็งแกร่งพอที่จะทนมันได้ "


    " ตัวฉันนั้นเป็นมนุษย์ตั้งแต่กำเนิด เพียงแค่มีพ่อมดชั่วร้าย

    สาปให้ตัวฉันกลายเป็นหงส์ "


    " เรื่องราวของจุดเริ่มต้นของความสวยงาม ไม่ใช่เรื่องของลูกเป็ดขี้เหร่ที่กลายเป็นหงส์

    แต่เป็นเรื่องที่ลูกเป็ดขี้เหร่เป็นหงส์มาตลอดอยู่แล้ว "


    " แขนของเราเริ่มต้นจากด้านหลังเพราะมันเคยเป็นปีก "


    " ใครว่าสุนัขที่ไม่เห่านั้นเชื่อง? "


    " อย่าเอาตัวฉันไปเปรียบเทียบกับเจ้าหญิงหงส์

    โศกนาฏกรรมนั้นฉันไม่สามารถเลียนแบบมันได้ "




    Aphrodite




    " if you want i can be your swan "

    " ตัวฉันเป็นหงส์ให้เธอได้ ถ้าเธอต้องการน่ะนะ "



    ชื่อ-สกุล :: โอเด็ตต์ ซิกนัส เลอ วาแลต [ Odette Cygnus Le Valette ]

    ชื่อเล่น :: โอเด็ตต์ | Odette

    ความหมาย ::  

               โอเด็ตต์ | Odettethe = หงส์ขาวในเรื่องไชคอฟสกีบัลเล่ต์สวอนเลค แปลว่าร่ำรวย

               ซิกนัส | Cygnus = หงส์

               วาแลต | Valette = สุขภาพดี

    อายุ :: 16

    วันเกิด :: 25 สิงหาคม

    สัญชาติ :: ฝรั่งเศส

    หมู่เลือด :: A



    รูปลักษณ์โดยรวม ::



                   ความงดงามของเธอนั้นลือเลื่องไปทั่วราวกับของขวัญที่พระเจ้าประทานมาให้ ทั้งใบหน้ารูปร่างเหมือนดั่งถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างปราณีตแม้เพียงสบตาก็คล้อยตามหล่อนอย่างห้ามไม่ได้ คำประพันธ์ใดๆก็ไม่อาจเปรียบเทียบกับความงดงามเหล่านี้ได้ กรอบหน้าของเธอนั้นราวกับใบหน้าของตุ๊กตาเนื้อกระเบื้องละเอียดอ่อนงดงามและดูบอบบาง มันเป็นรูปทรงไข่พวงแก้มนวลที่ป่องเข้ากับเค้าโครงหน้าหวาน  แม้เธอมิใช่หญิงสาวบอบบางที่มักจะย้อมเรือนแก้มให้แดงก่ำไปตามคารมของชายหนุ่มหรือแม้แต่มิได้แต่งแต้มเครื่องสำอางค์ใดๆบนเรือนผิว หยาดเลือดที่สูบขึ้นมาบนผิวหน้าทำให้มันระเรื่ออย่างน่ามองและเป็นธรรมชาติโดยมิต้องแต่งแต้มอะไรให้มากความ ริมฝีปากอันเป็นลือเลื่องว่าเป็นอวัยวะที่ทรงเสน่ห์ที่สุดเพราะความอวบอิ่มชุ่มชื่นราวกับกลีบดอกไม้แสนบอบบาง ทำให้น่ามองและคล้อยตามยามที่ริมฝีปากนั้นขยับเอื้อนเอ่ย จมูกโด่งรั้น ดวงตาคู่กลมโตที่ทรงเสน่ห์สวยพริ้มไม่ว่าจะสบสายตาผู้ใดราวกับถูกสายตานั้นตรึงใจไว้ให้คิดถึงแต่ดวงตาสีท้องฟ้ายามค่ำคืนมันใสวาวเหมือนกับลูกแก้วที่มีดวงดาวอยู่ภายใน ทั้งระยิบระยับและสุกประกายทอแสง ไหนดวงตาที่กรอบล้อมไปด้วยขนตาแพหนางอนงามเสมือนนกเลขานุการ ทุกอย่างทำให้ใบหน้าของเธองดงามเสียจนชวนลืมหายใจ หากเธอคลี่รอยยิ้มแม้แต่ดอกไม้ก็ยังแย้มบานตามรอยยิ้มที่งดงามหรือในยามที่เธอหลั่งน้ำตาจนขนตาที่งอนงามนั้นเปียกชุ่มฟ้าฝนก็คงพิโรธไปตามอารมณ์ที่แปรปรวน


                   ผิวขาวเนียนละเอียดไร้ตำหนิให้ได้ระคายตา ผิวของหล่อนเนียนนุ่มราวกับเด็กแรกเกิดนุ่มนิ่มน่าสัมผัสทุกสัดส่วน ไหนจะเค้าโครงและรูปร่างเสมือนนางแบบวิคตอเรียซีเคร็ทยิ่งทำให้ทุกอย่างสวยงาม คองามระหงส์ บ่าทรงกว้าง แขนที่เรียวยาวไร้ไขมันส่วนเกิน เรือนอกอวบอิ่มราวกับผลไม้ที่สุกง่อม เอวค่อดสะโพกผาย เรียวขาที่เหยียดยาว สมส่วนและไม่มีสัดส่วนไหนที่ไม่น่ามองเลยแม้แต่น้อย อาจจะดูผอมไปด้วยซ้ำหากเทียบกับเรือนอกทรงโตนั้น หากลดขนาดหน้าอกนั้นลงคงเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่ารูปร่างของเธอนั้นเพรียวบาง ทรงผมที่ซอยสั้นคลอเคลียกับท้ายทอยไม่ทำให้เธอดูหมดสิ้นความหวาน ปอยผมสีดอกหญ้าหนานุ่มของเธอมักจะคลอเคลียอยู่ข้างแก้มนวลของเธอตลอดเวลา เส้นผมอ่อนนุ่มละมุนนั้นมักถูกเก็บไว้เรียบร้อยเนื่องจากเธอมักจะจัดแต่งให้ดูดีเสมอ Height 5 ft 6 (167 cm). 104 pounds (47 kg).




    นิสัย ::

                   



              ญิงสาวที่งดงาม มากด้วยมารยาทที่เหลือล้น - นอกจากความงดงามที่ปรากฏมายังสายตาผู้คน กิริยามารยาทอันงดงามของเธอก็เป็นสิ่งที่ช่วงชิงสายตาของใครต่อใคร ท่าทางที่มั่นอกมั่นใจยิ่งทำให้หล่อนดูเด่นเป็นสง่า อิริยาบถที่เรียบร้อย แม้งดงามโดดเด่นแต่ท่าทางที่ไม่ข้ามหน้าข้ามตาหรือโอ้อวดเกินความจำเป็นยิ่งทำให้เธอดูน่าค้นหา หล่อนไม่แตกตื่นหรือแสดงสีหน้าออกมามากนัก สำรวมกิริยาเสมอ และเธอยังเป็นประเภทที่ไม่ตกใจอะไรง่ายๆไม่ว่าจะเสียงตะโกนหรือจั๊กจี้ให้หล่อนตกใจ โดยปฏิกิริยาตอบรับนั้นจะไม่ค่อยตอบสนองคนแกล้งดีเท่าไร แต่ต่อให้ว่าไม่ได้แสดงท่าทางตกใจไม่ได้หมายความว่าหล่อนจะไม่โกรธ เพราะฉะนั้นหากจะแกล้งอะไรควรระวังว่าสาวงามจะพิโรธให้เห็น การวางตัวของหล่อนนั้นไม่ได้เป็นผู้ดีฝรั่งเศสเก่าที่เย่อหยิ่งและแข็งกระด้าง เย็นชาหรือไม่ค่อยโต้ตอบ การวางตัวของเธอนั้นนุ่มนวลกว่านั้น สีหน้าที่อ่อนหวานทำให้บรรยากาศโดยรอบนุ่มนวล ดวงตาคู่สวยสบสายตากับคู่สนทนาอย่างใส่ใจถึงแม้จะไม่ค่อยพูดโต้ตอบแต่เธอก็ชอบพยักหน้าตอบรับอยู่บ่อยครั้ง เธอเป็นผู้ฟังที่ดีมากกว่าผู้พูด คอยรับฟังความคิดเห็น แลกเปลี่ยนข้อมูลบ้างในเรื่องที่จำเป็น และฉลาดพอที่จะเข้าใจว่าอีกฝ่ายจะสื่ออะไร พร้อมประคองไปด้วยกัน ช่วยแก้ปัญหา ยืนหยัดเคียงคู่ในยามที่เพื่อนมีปัญหาโดยเธอจะไม่ทิ้งเพื่อนเอาตัวรอดไปไหนแน่ๆ




                   หญิงสาวที่ดูอ่อนหวาน อ่อนนุ่มราวกับมารดา - เสมือนเด็กสาวที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีแนวคิด การให้ความสำคัญ หรือแม้แต่การตั้งเป้าหมายในจิตใจที่ไม่ต่างจากผู้ใหญ่ ทำให้เธอขยับเคลื่อนกายรู้วิธีก้าวไปยังเป้าหมายนั้น เลือกใช้คำพูดในการสนทนาได้อย่างเหมาะสม วางตัวเป็น ควบคุมความรู้สึกของตนเองได้และเอาใจใส่ผู้อื่น ยิ่งทำให้เธอดูสมกับเป็นคุณแม่ ด้วยความวางตัวดี ชอบเฝ้ามองคนอื่นอย่างเงียบๆด้วยความเคยชิน หากทว่าตนก็รู้จักการวางระยะห่างในเรื่องความเป็นส่วนตัว ไม่ได้ตามดูแลจนชวนน่ารำคาญ หากเดือดร้อนก็ยื่นมือเข้าไปช่วยบ้าง ตราบใดที่เห็นว่าตัวเองไม่เดือดร้อน แต่ถ้าหากทุกอย่างสงบสุข เธอก็ไม่ใส่ใจจนเกินเหตุ ช่วยเฉพาะที่ไม่ทำให้เดือดร้อนในกรณีที่ไม่ใช่เพื่อน เพราะถ้าเป็นเพื่อนก็คือเดือดร้อนก็ยอม

                   ละมุนละไมทั้งกิริยามารยาท คุณจะไม่เห็นเธอพูดจาดุดันรุนแรงหรือกิริยาที่แสดงถึงความเสียมารยาท ทั้งการชักสีหน้า แม้แต่ใช้นิ้วชี้ผู้คน ถนัดงานที่ใช้ความละเอียดอ่อนทั้งการเข้าหาผู้คน ปลอบโยน งานที่ต้องใช้เวลานาน หรือความตั้งใจสู้ เป็นคนมีสมาธิที่แน่วเเน่ มีความต้านทานต่อแรงกดดันสูง ยิ่งมีแรงกดดันมากเท่าไรเธอก็ยิ่งมีสมาธิมากขึ้น หากใช้สมาธิมากๆก็จะเห็นเธอหลุดเข้าไปอีกโลก ปิดกั้นสิ่งเร้าทั้งหมด แม้กระทั่งเสียงเรียกจากคนรอบข้าง

                   หากทว่าแท้จริงแล้ว ภายในของโอเด็ตต์ไม่ใช่คนอ่อนโยนอะไรมากมาย ทุกการกระทำที่เธอมอบให้คนอื่นเพราะว่าทำไปตามมารยาท แม้ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูนุ่มนิ่ม นุ่มนวลช่างเอาใจใส่ก็ตาม ดังนั้นต่อให้มีคนแหกปากแหกคอขอให้หล่อนช่วยเหลือในสิ่งที่หล่อนไม่อยากทำจริงๆ หล่อนก็จะไม่ทำ หากปฏิเสธอย่างนุ่มนวลไม่เข้าใจ ก็ต้องปฏิเสธอย่างรุนแรง มันก็เป็นแค่ความเคยชินที่เธอมักจะมีมารยาทกับคนอื่น ลงท้ายคำพูดด้วยหางเสียง มารยาทของผู้ดี เจ้าหล่อนถูกปลูกฝังให้พูดกับคนอื่นแบบนี้ ถึงจะไม่ได้อยากพูดก็ตาม

                   บางทีก็เข้มงวดบางทีก็นุ่มนวล แต่เธอเข้มงวดแต่กับตัวหล่อนเองเท่านั้นมีตารางประจำวันว่าเธอควรทำอะไรกี่โมงกี่นาทีอย่างละเอียดยิบและยึดหลักปฏิบัติอย่างเคร่งเครียดจริงจังสุดๆ แต่เมื่อนอกเวลาตารางความเข้มงวดที่มีต่อตัวเองก็มลายหายไปเหลือเพียงเด็กสาวที่นั่งเฝ้ามองผู้อื่น จริงๆคือเจ้าหล่อนไม่ถึงขั้นใจดีอะไรขนาดนั้นหรอก เธอแค่ไม่ได้บังคับคนอื่นให้ทำตามและปฏิบัติมีกิริยาที่ดีงามกับผู้อื่น




                   หญิงสาวที่มีช่องว่างอะไรบางอย่างที่เว้นไว้กับทุกคน - ชอบปลีกวิเวกอยู่คนเดียวในขณะที่เฝ้ามองคนอื่นอยู่ห่างๆ แม้ความจริงเธอไม่ได้เกลียดการคบหาสมาคม แต่ก็ไม่เห็นเธอเป็นคนริเริ่มบทสนทนากับใครก่อนราวกับถือตัว บางหากครั้งมีงานปาร์ตี้ งานเลี้ยงฉลองก็มักจะเห็นเธอปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียวหรือไปในที่ๆเขาค่อยสังเกตหรือไม่ก็ออกก่อนเวลางานเสมอ หลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจ ไม่ใช่ว่าเธอรังเกียจการเข้าหาสังคม เพียงแค่การที่ถูกรุมล้อมด้วยผู้คนมากมายทำให้หล่อนอึดอัด ส่วนใหญ่ที่มีคนเข้าหาหล่อนมักจะหวังผลประโยชน์ แถมเธอก็ยังออกหน้าปฏิเสธไม่ได้ด้วย ด้วยความที่มารยาทค้ำคอ นั่นทำให้เธอไม่สามารถแสดงความต้องการออกมา แม้ในใจแทบอยากจะเดินหนีก็ตาม

                   แต่หากมีคนเข้าหาราวกับคนปกติที่อยากจะเป็นเพื่อน เธอก็มักไม่ตอบรับ เอาเข้าจริงเธอค่อนข้างอยากมีเพื่อนที่เหมือนกับคนปกติ คบกันเพราะความเป็นมิตรเพราะต้องการปรึกษาแลกเปลี่ยนสิ่งที่สนใจ ไม่ใช่เพราะหน้าตา ชื่อเสียง หรือวัตถุนิยม ดังนั้นเธอจึงมักจะขีดเส้นกั้นบางๆเพื่อไม่ให้ใครรุกล้ำมากเกินไป การขีดเส้นของเธอนั้นไม่ใช่ว่าใครพูดด้วยแล้วไม่ได้โต้ตอบ แต่เธอจะพูดคุยเหมือนปกติเออออไปตามน้ำแต่ไม่สามารถเข้าถึงจิตใจ พูดตอบอย่างสุภาพแม้จะเป็นถามคำตอบคำ และเมื่อบทสนทนาต่อไม่ลื่น หล่อนก็ขอตัวออกมา จึงทำให้ภาพลักษณ์ของเธอนั้นดูพูดคุยยาก เดาใจยาก รวมถึงเข้าถึงยาก แม้ภายนอกนั้นอาจจะดูอ่อนหวาน

                   การเป็นเพื่อนกับหล่อนนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากมากพอ ถ้าคุณแสดงออกจากใจจริงว่าคุณเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู ซึ่งแน่นอนว่าของแบบนี้ต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก เธอจะคบกับคุณไปไหนแต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้ปักหลักเชื่อใจ แต่ท่าทางมารยาทและความเป็นมิตรก็ยังมีตามปกติจนหลายคนอาจจะมองว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว แต่สำหรับเธอนั้นไม่ใช่ เธอนับคนพวกนั้นเป็นเพียงแค่เป็นคนรู้จักเฉยๆ เพราะฉะนั้นการที่หล่อนพูดว่า เราเป็นเพื่อนกันออกมา นับเป็นเรื่องยากมาก และเมื่อเธอเอ่ยคำคำนั้นออกมานั้นคือเธอยอมรับคุณแล้ว แต่หากสนิทกับหล่อนมากขึ้น จากบุคคลที่พูดคำตอบคำก็กลายเป็นคนที่เริ่มชวนคุยก่อน ซ้ำยังพูดมากและยาวขึ้นอีกตั้งหาก และเธอก็แคร์ในความสัมพันธ์ระหว่างมิตรสหายมาก หากพวกเขาเดือดร้อนสิ่งใด เธอจะยื่นมือเข้ามาช่วยโดยไม่รีรอ ผิดกับคนอื่นๆที่เธอยังต้องพิจารณาตามเหตุผลสมควร

                   มีจิตใจที่คิดถึงคนส่วนมากโดยเฉพาะเพื่อนฝูง ยอมเสียสละให้เพื่อน ยอมรับความลำบากมาเป็นของตนเอง หากเธอต้องการเสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่น หล่อนก็พร้อมที่จะสละโดยไม่พะวงหรือกังวลกับมันแม้แต่น้อยไม่ว่าสิง่ที่’เพื่อน’ของเธอต้องการให้ช่วยเหลือมันเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะทำแต่ถ้าเพื่อเพื่อนเธอก็ยอม

                   เป็นคนที่เงียบๆ ไม่แสดงความคิดเห็นหากไม่มีใครถามหรือชวนคุย ถึงแม้จะมีคำพูดโต้ตอบแต่บางครั้งก็เป็นคำพูดสั้นๆที่ตัดบทสนทนา แต่ในกรณีที่ไม่ใช่การชวนคุยเล่นๆเธอก็จะโต้ตอบเหมือนคนปกติในเรื่องข้อมูล สอบถาม เธอเป็นประเภทหากมีประชุมหล่อนจะนั่งฟังอยู่เงียบๆมากกว่า เธอเป็นผู้ฟังที่ดีมากกว่าผู้พูด เป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีความคิดเป็นของตัวเองจนต้องพึ่งพาคนอื่น เพียงแค่ชอบเป็นฝ่ายสนับสนุนมากกว่า และโอเด็ตต์เป็นผู้ตามที่มีความสามารถเธอไม่ได้นิ่งเฉยรอคำสั่ง หากเธอทำอะไรสนับสนุนได้ เธอก็จะทำมันก่อน การกระทำทุกอย่างนั้นทำด้วยใจทั้งสิ้น




                   หญิงสาวที่ไม่ย่อท้อต่อความลำบาก หยัดยืนด้วยลำแข้งของตนเอง - หากเธอตั้งเป้าหมายอะไรบางอย่างในใจและคิดคำนวณว่ามันไม่ทำให้ใครเดือดร้อนหรือต้องทรมาน แม้จะถูกชักชวนให้ล้มเลิก เธอก็จะไม่ปริปากต่อว่าแต่เธอก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงโอเด็ตต์ไม่เคยคิดกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ ข่าวลือของตนเอง แม้เธอจะเป็นคนอ่อนหวานแต่ก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ เรื่องราวอดีตไม่สามารถรั้งให้เธอก้าวสู่อนาคตไม่ได้ ไม่ว่าจะทำพลาดอะไร เธอก็ไม่เสียเวลานั่งนึกเสียใจกับเรื่องที่มันผ่านไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ อนาคตยังต้องก้าวเดินต่อไปแม้จะผ่านอดีตที่ไม่ดีหรือเรียนรู้สิ่งที่เคยผิดพลาดมาแล้ว เธอก็เลือกที่จะไม่ปฏิบัติตามที่เธอทำพลาด เรียนรู้มันเพื่อก้าวไปสู่อนาคต โดยไม่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

                   รวมถึงโอเด็ตต์ก็ไม่ชอบพึ่งพาใคร ยืนหยัดด้วยลำแข้งของตนเอง เริ่มแรกเธอจะลงมือทำด้วยตัวเองก่อนและพยายามทุ่มเทเต็มที่ จนบ้างครั้งก็ฝืนตัวเองมากไป และมักจะเกรงใจถ้าหากต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่ถ้าหากลงมือทำอะไรก็จะทำให้เต็มที่ ไม่มีย่อท้อแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ถนัด ไม่ใช้อารมณ์ตัดสินหรือไม่งอแงเหมือนสตรีทั่วไป แม้ในใจอยากจะบ่นหรืออยากจะโวยวายก็ตามแต่ กะตือรือร้นต่อกิจกรรมส่วนรวม แม้ว่าสังขารจะเริ่มไม่ไหว แต่เธอก็อยากเห็นความสำเร็จด้วยตาของตัวเอง




                   หญิงสาวที่มองทุกอย่างออกอย่างกระจ่างแจ้ง แต่ทำตัวเหมือนคนโง่ไม่รับรู้ใดๆ - เธอทั้งคาดเดาความคิดและอ่านสถานการณ์ออก แน่นอนว่าถ้ามีคนกำลังปิดบังอะไรบางอย่างหรือจงใจที่จะไม่พูด เธอก็ยอมทำตัวโง่ไม่รับรู้ ถึงอีกฝ่ายจะแสดงท่าทางที่ไม่แนบเนียนเอามากๆ หล่อนก็จะไม่แตะประเด็นนั้น ไม่พยายามบงการหรือสอดรู้มากเกินความจำเป็น ทำให้แน่นอนว่าเธอเป็นคนเก็บความลับเก่ง ไม่ว่าจะได้ยินมาหรือมีคนเล่าให้ฟังหล่อนก็จะทำท่าทางไม่รับรู้ ไม่สนใจ ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องของตนเอง แน่นอนว่าไม่เอาไปเล่าต่ออีกด้วย

                   ไม่เว้นแม้แต่ถูกหลอกถูกโกหก เธอก็จะเออออตามไป แม้จะรู้อยู่เต็มประตูว่าไม่จริงก็ตาม ปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของเขา ไม่มีท่าทีที่โกรธแค้นเรื่องที่โดนหลอกหรือพยายามแก้ต่าง มันเหนื่อยและยุ่งยากที่จะพยายามแก้ไขข่าวสารและข้อมูลผิดๆ โดยเฉพาะจากคนโง่และคนที่หลอกลวง ปล่อยเลยตามเลยจะง่ายกว่า แน่นอนว่าถ้าเพื่อนโดนหลอกก็จะค่อนข้างเวทนาเพื่อนที่ไม่สามารถรับรู้เรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่คิดจะบอกหรือแสดงสีหน้าให้รู้ว่าเวทนาอยู่




                   หญิงสาวที่เก็บอารมณ์ ตีสีหน้าเก่งพอ เพียงแต่บางอารมณ์ที่เธอก็เก็บไว้ไม่อยู่ - โมโหร้ายพอตัวเพียงแค่ไม่แสดงออก และแน่นอนว่ามีขีดจำกัด แน่นอนว่าหากทะลุปรอทมากๆก็อาจจะอาละวาดถึงขั้นควบคุมตัวเองไม่ได้ ใครพูดก็อาจจะไม่ฟัง ไม่เข้าหัว การที่จะคุยกับเธอในยามโมโหนั้นยากพอๆกับการผูกมิตรกับเธอด้วยซ้ำ แม้จะไม่ใช้คำด่าทอที่รุนแรง แต่ความอัดอั้นทั้งหมดจะถูกปล่อยออกมาโดยไม่เกรงกลัวอะไรและไร้ความเกรงใจ อาจจะมีการทำลายข้าวของหากคนพูดยังยั่วโมโหเธอต่อ กว่าจะสงบก็นาน เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่เมื่อกำลังถึงขีดจำกัด เจ้าหล่อนมักจะโยนทุกอย่างทิ้ง เดินหนี ไม่เข้าปะทะเพราะรู้ว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ เอาเข้าจริงหล่อนเป็นคนที่มีความอดทนปกติไม่ได้ต่ำหรือไม่ได้สูง แต่ค่อนข้างยั๊วะง่ายถ้าโดนกวนหรือตอแยมากๆ แต่มีข้อดีที่ว่าควบคุมและฝืนตัวเองได้และพยายามหลีกเลี่ยงคนประเภทนี้ แม้แต่ในตอนหล่อนเศร้าสีหน้าก้ไม่ได้แสดงออกมากนัก หล่อนไม่เคยที่จะเสียน้ำตาให้ผู้ใดและไม่มีวัน เธอมักจะทำตัวเข้มแข็งและแบกปัญหาไว้กับตัวเองโดยไม่คิดที่จะปริปากบ่นหรือพูดคุยกับใคร




                   หญิงสาวที่แม้จะผ่าเหลาแต่ก็ยังมีความเป็นอโฟรไดท์ในตัว - รักสวยรักงามเป็นอย่างมาก ความงามของหล่อนนั้นทำให้หลายคนนั้นโง่เขลาราวกับมีอะไรบดบัง ไม่ว่าหล่อนจะทำอะไรพลาด ทุกคนต่างก็เอ็นดูเหตุผลเพราะเพียงแค่ความสวยของเธอ เหตุผลข้ออ้างใดๆก็มักจะถูกยกขึ้นมาอ้างเพื่อรักษาความรู้สึกให้เธอ ชอบของสวยๆงามๆเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นใบไม้ ภาพวาด หิน เสื้อผ้า หรือการทำทรงผมต่างๆ เธอใส่ใจทั้งแฟชั่นทั้งการแต่งหน้าเป็นอย่างมากและดูแลตนเองดี มีทั้งการบำรุงใบหน้า ทาครีมบำรุงมากมาย แต่ก็ไม่เข้าขึ้นเสพติดการแต่งหน้านัก แต่ก็ไม่ถึงปล่อยหน้าเปลือยไปไหนต่อไหน

                   มีบรรยากาศแสนพิเศษรอบกาย ความอ่อนหวานระคนเย้ายวนน่าหลงใหลตามแบบฉบับของผู้มีสายเลือดอโฟรไดท์ เธอมักจะดึงดูดผู้คนให้เข้าหาทุกการกระทำ กิริยา มารยาท การพูดการจา ไม่ว่าเธอจะขยับตัวไปไหนก็เหมือนกับแม่เหล็กที่ดึงดูดสายตา อยากจะให้ใครๆต่างก็เข้ามาหา ไม่ว่าเธอจะเปื้อนเปรอะไปด้วยฝุ่นหรือเหงื่อแต่มันไม่สามารถกลบความงดงามของหล่อนได้แม้แต่น้อย อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่อึดอัด หนำซ้ำเธอยังเป็นคนที่รู้กาละเทศะ รู้เวลาใดควรพูด เวลาใดควรเงียบ ไม่ลืมที่จะใส่ใจทุกคน ทำความดีแต่พอตัวและไม่เด่นเกินหน้าเดินตาใคร ยิ่งทำให้เธอมีทั้งเสน่ห์ภายในและภายนอกอย่างเต็มเปี่ยม




    ประวัติ ::



    แม่ของเธอนั้นคือที่หนึ่ง

    ทั้งสวยงาม ทั้งฉลาด ทั้งเก่ง

    แรงบันดาลใจทุกอย่าง ล้วนอยู่ที่แม่ของเธอภายใต้แสงสปอร์ตไลท์

    ไม่ว่าพยายามหันมองไปทางอื่น แต่ก็อดที่จะหันกลับมามองไม่ได้

    ไม่อาจต้านทานความสวยงามที่เหล่าผู้ชมต่างต้องมนต์สะกดของมารดา

    และเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น




                   โอเด็ตต์ ซิกนัส เลอ วาแลต สาเหตุที่หล่อนมีชื่อแบบนี้เพราะมารดากับบิดาพบรักกันในบทหงส์ขาวในสวอนเลก โดยบิดาของหล่อนเป็นครูสอนบัลเล่ต์ที่มาออกแบบท่าบัลเล่ต์ให้ฝ่ายชายและมารดาของเธอนั้นเป็นนักแสดงที่กำลังเป็นที่โด่งดังทั้งความอ่อนช้อยและความงดงาม ทำให้บิดาของหล่อนตกหลุมรักมารดาในแรกพบเหมือนคนปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกตินั้นคือวิธีการเข้าหามารดา ชายหนุ่มฝรั่งเศสที่มีท่าทางสงบเสงี่ยมแตกต่างจากชายอื่นที่พบเจอ มารดาเองก็ถูกดึงดูดเช่นเดียวกัน การดำเนินการพูดคุยดำเนินการไปอย่างเชื่องช้าและเป็นพิธีการ ไม่รุกล้ำและเต็มไปด้วยความจริงใจตลอดสามเดือนที่มีการฝึกซ้อม ทำให้ทั้งสองตกหลุมรักกันมากขึ้นเรื่อยๆตนกระทั่งเมื่องานแสดงเสร็จ ทั้งสองต่างก็ตัดสินใจที่จะคบกันเป็นแฟนดำเนินนานมาถึงแต่งงานกันจนมีลูกสาวชื่อโอเด็ตต์


                   เด็กสาวที่มีเส้นผมตรงสลวยสีดอกหญ้าหน้าตาจิ้มลิ้ม ใครต่อใครที่เห็นเด็กสาวแก้มยุ้ยต่างก็หยุดมองและเล่นกับเธอ ส่วนเด็กคนนั้นก็ยิ้มโชว์ฟันที่ยังขึ้นไม่ทั่วปากให้ผู้คน ทั้งน่ารักทั้งไม่งอแงยิ่งโตก็ยิ่งมีความงดงามและเสน่หาราวกับร่างจำแลงของมารดาของหล่อน คลาร่า คลาร่าเป็นผู้หญิงที่ฉลาด เรียบง่ายท่ามกลางชื่อเสียงที่โด่งดังเธอกลับใช้ชีวิตอยู่อย่างธรรมดา อบรบสั่งสอนลูกสาวจนโอเด็ตต์เติบโตเป็นเด็กสาวมากด้วยมารยาท และโอเด็ตต์ลูกสาวของเธอก็เชื่อฟังหล่อนทุกคำพูด ไม่ดื้อไม่ซน โอเด็ตต์คงไม่เชื่อใครบนโลกนี้เท่ามารดาของตน เธอภาคภูมิใจในมารดาเป็นอย่างมาก เทิดทูนราวกับเป็นพระเจ้าเลยก็ว่าได้ ในขณะเดียวกับคลาร่าก็ทำตัวให้ลูกสาวของหล่อนภาคภูมิจนโอเด็ตต์เลือกเดินสายเป็นนักแสดงบัลเล่ต์เฉกเช่นเดียวกับเธอ


                   จากนั้นเด็กสาวจึงเริ่มเรียนบัลเล่ต์โดยไปเรียนกับบิดาของตนตั้งแต่สามขวบครึ่งจวบจนปัจจุบัน ความสวยความงามของเธอก็เพิ่มพูนมากขึ้น หล่อนกวาดรางวัลการแข่งขันมาหลายถ้วยจนโดนแมวมองชวนไปถ่ายโฆษณาแฟนตาซีบัลเล่ต์ออกมาจนได้รางวัลจากนั้นเธอก็ถูกดึงตัวไปแสดงหนังเป็นบางครั้งโดยเธอเลือกรับแต่บทที่ได้แสดงบัลเล่ต์เท่านั้น ถึงแม้จะไม่ได้มีบทบาทสำคัญแต่การวาดลวดลายบัลเล่ต์และใบหน้าของเธอนั้นเป็นที่จดจำไปทั่ว จนมีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้กับมารดาของหล่อน และในขณะที่เธอย่างก้าวเข้าวัย15ปี หล่อนก็ถูกเชิญให้มาประกอบละครเวทีร่วมกับมารดา โดยละครเวทีนั้นคือสวอนเลค เธอรับบทเป็นหงส์ขาว ในขณะที่มารดาได้รับบทเป็นราชินี ทุกอย่างนั้นราวกับโรยด้วยกลีบกุหลาบ การแสดงละครเวทีร่วมกับมารดานั้นเป็นสิ่งที่เธอปรารถนาที่สุดในชีวิต ทำให้หล่อนทุ่มเทกับการฝึกซ้อมเป็นอย่างมาก โดยมีบิดาออกแบบท่าเต้นให้โอเด็ตต์เหมือนในตอนสมัยที่เคยเจอมารดาในครั้งแรก


                   แต่แล้วมันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดทางในค่ำคืนที่เธอซ้อมบทโอเด็ตต์อยู่ที่บ้าน จู่ๆไฟก็ดับลง ทุกอย่างมืดมิดแต่พอมองออกไปนอกหน้าต่างก็ค้นพบว่ามีเพียงบ้านของเธอเท่านั้นที่ดับ แม้จะมืดมิดแต่เธอก็คุ้นชินกับเส้นทางเป็นอย่างดี มารดากับบิดาของหล่อนก็เดินไปยังห้องใต้ดินเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับสายไฟ โอเด็ตต์ที่ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับไฟดับมากนัก เธอเดินไปยังริมหน้าต่าง แสงไฟสาดส่องผ่านหน้าตากระทบเป็นเงา วิวทิวทัศน์จากกรุงปารีสฉายอยู่นอกหน้าต่างในขณะที่เธอก็ยังไม่หยุดฝึกซ้อมแม้ในยามไฟดับ เสียงดนตรีในฉาก At the Lakeside คลอเคลียไปกับบรรยากาศ จากนั้นไม่นานก็มีเสียงประตูเปิดออกมา โอเด็ตต์ชะงักท่าเต้นเล็กน้อยในขณะที่หันหลังไปที่ประตู จากนั้นทุกอย่างก็ดำมืดไปหมด


                   และเมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้งหล่อนก็พบว่าตนเองนั้นอยู่ในสถานที่หล่อนไม่รู้จัก ทั้งมือทั้งเท้าก็ถูกมัดขังไว้อยู่ในห้องแคบๆ ท่ามกลางความสับสนและสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เธอสามารถรับรู้ได้ภายในทันทีว่าหล่อนโดนลักพาตัว หน้าต่างถูกปิดจนไม่สามารถมองเห็นโลกภายนอก เชือกที่มัดอยู่รอบข้อมือของหล่อนกับเท้าทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ ทำไมถึงต้องจับตัวเธอมา? ขู่เอาเงิน? แม้เธอจะพยายามทำความเข้าใจยังไงก็ไม่สามารถเข้าใจได้และเมื่อเห็นสีหน้าของบุคคลคนนั้น เธอก็ยิ่งสับสนเข้าไปอีก คนคนนั้นเธอรู้จักดีคือเพื่อนของบิดาของหล่อนเองและเป็นเพื่อนคนสนิทที่เธอก็มักจะเจอประจำ ใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นบิดเบี้ยวก้าวมายังหาหล่อน สีหน้าที่มักจะแย้มยิ้มตอนนี้หล่อนเห็นเป็นเพียงสีหน้าที่แสนจะโสมมสะอิดสะเอียด คำพูดที่อีกฝ่ายมอบให้หล่อนมีเพียงแค่คำเดิมซ้ำไปซ้ำมา แม้ปากจะบอกขอโทษซ้ำๆแต่ใบหน้าที่แย้มยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆช่างตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนเขาจะใช้ข้ออ้างช่วยครอบครัวหล่อนตามหาหล่อน แต่แท้จริงเขานั้นเองที่เป็นคนลักพาตัว กาลเวลาผ่านไปถึงสัปดาห์ครอบครัวของหล่อนก็ยังไม่ลดละการตามหาเธอ ในขณะเดียวกันหล่อนเองก็ถูกคุกคามโดยอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเหตุผลที่จับตัวเธอมา ...โอเด็ตต์ในวัยเด็กก็ไม่แน่ใจนัก ทว่าหากเธอได้ยินอีกฝ่ายก่นด่าถึงพ่อของเธอที่แย่งแม่ของเธอไป และโทษว่าเพราะเหตุการณ์สมัยก่อน ถึงทำให้ชีวิตเขากลายเป็นแบบนี้


                   แต่แล้วก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่พลิกชีวิตของเธอ ไม่รู้ควรเรียกว่าสวรรค์ชวนหรือลากลงนรก เธอที่ถูกรัดและไม่ได้ออกไปเจอโลกภายนอกนานไม่รู้วันเดือนเวลาที่ชัดเจน การแสดงครั้งแรกของเธอคงถูกยกเลิกไปแล้วหรือไม่ก็หาตัวแทนได้ ท่ามกลางความกังวล เสียงอึกทึกครึกโครมก็ดังขึ้นบนหัวของเธอจากนั้นก็เหมือนกับเธอลุกเข้าไปสู่อีกมิติ เมื่อบ้านนั้นสั่นไหวโคลงเคลงไปมาและทุกอย่างก็ตกลงมาทับหล่อนและภาพทุกอย่างก็ตัดเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง แต่ความรู้สึกประหลาดๆก็ไม่จางหายไปไหนเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบเจอกับร่างของสัตว์ประหลาด หัวเป็นคนแต่ร่างกายนั้นเป็นสิงโตในขณะที่เธอติดอยู่กับโซ่และเศษเพดานที่ร่วงทับหลังของหล่อนจนแทบขยับตัวไม่ได้ เจ้าอสูรนั้นจ้องเธอเขม็ง รู้สึกราวกับว่าหลงอยู่ในฝัน ...และเป็นฝันร้ายเสียด้วย..


                   ในขณะที่มันกำลังก้มหน้าลงมาหาหล่อน ฟันที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคม ณ วินาทีนั้นหล่อนคิดว่าตนเองกำลังจะไม่รอดแล้ว ความฝัน ความปรารถนา บิดามารดา ความทรงจำห้วนคืนตั้งแต่ก้นบึ้งของความทรงจำย้อนหวนกลับคืนมา จากนั้นร่างอสูรตัวนั้นก็ถูกชายคนหนึ่งพุ่งชนมันอย่างรุนแรง มันติคอร์กระเด็นไปชนกับกำแพง ผู้หญิงแปลกหน้าอีกคนก็พุ่งเข้ามาช่วยเธอออกจากซาก หล่อนมีท่าทีที่แปลกใจเมื่อเห็นเธอถูกมัดด้วยเชือก สัตว์ร้ายนั้นก็พยายามกระโจนเข้าหาเธออีกครั้งราวกับมีอะไรบางอย่างดึงดูด แต่ชายปริศนานั้นกลับช่วยเหลือไว้ได้ทัน เขาจัดการมันติคอร์ในขณะที่ฝ่ายหญิงปลดเชือกให้เธอ เสียงที่ตื่นตระหนกดังขึ้นรอบอาคารเมื่อจู่ๆอาคารก็พังลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ชายหญิงทั้งสองนั้นมีท่าทีร้อนรนและพยายามจัดการซากของเจ้าอสูรนั้น โอเด็ตต์ก็ถามเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่ทั้งสองเพียงแค่ว่า เมื่อหล่อนเข้าเกรด10เมื่อไรให้ไปเข้าแคมป์โซฮาร์ซะ ที่นั่นจะสอนให้เธอจัดการเอาชีวิตรอดกับสัตว์ประหลาด เธอคงได้เจอพวกมันอีกเป็นแน่ เขาทิ้งท้ายก่อนจะรีบวิ่งออกไป ทิ้งให้หล่อนนั้นอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง


                   โอเด็ตต์รีบออกไปจากสถานที่นี้ เมื่อเธอก้าวขาออกไปด้วยเนื้อตัวที่สะบักสะบอม แสงแดดที่ไม่ได้เห็นมานานจนทำให้เธอตาพร่าเล็กน้อย เสียงจากผู้คนที่มุ่งดูนั้นร้องลั่นเมื่อเขาจำได้หล่อนได้ ดูเหมือนข่าวที่เธอหายตัวไปค่อนข้างดังจนผู้คนขำใบหน้าของหล่อนได้ ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ร่างของเธอที่หนักอึ้งก็เซลงพร้อมโลกที่ดับมืดอีกครั้ง เมื่อเธอฟื้นขึ้นมาเธอก็พบว่าตัวเองอยู่โรงพยาบาล พ่อแม่พาเธอมาบำบัดเพื่อจะมีอาการช็อคเมื่อถูกกักขัง ดูเหมือนเพื่อนของบิดาคนนั้นกำลังหลบหนีหลังจากที่บ้านของเขาได้พังลง การแสดงของเธอนั้นไม่ได้ถูกยกเลิก แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ทันที่จะออกไปแสดง เธอพักฟื้นนานสามเดือนในขณะที่กำลังย่างก้าวเข้าสู่เกรด10 และย้ายไปร่ำเรียนถึงที่ประเทศอังกฤษเพื่อหลบหลีกความวุ่นวายและสายตาของชาวฝรั่งเศสกับเด็กสาวผู้น่าสงสาร และพ่อแม่ของเธอก็กลัวที่จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีกด้วย จากนั้นเธอก็ก้าวเข้าสู่แคมป์โซฮาร์โดยตั้งใจหาความจริงกับสิ่งที่เธอเผชิญหน้ามาก่อน



    ลักษณะคำพูด ::


                   น้ำเสียงที่เธอมักจะพูดคุยกับคนอื่นนั้นมักจะเป็นเสียงที่นุ่มนวล แม้จะไม่ได้น้ำเสียงที่ทรงพลังหรือต้องเปรียบเทียบความงามใดๆเฉกเช่นหน้าตาของหล่อน แต่น้ำเสียงที่ไพเราะนั้นสามารถตราตรึงจิตใจไม่แพ้หน้าตาของหล่อนชวนให้คล้อยตามเหมือนคำพูดของเธอนั้นเป็นดั่งมนต์สะกดไม่สามารถเอาออกจากหัวได้ เธอเป็นคนสุภาพเวลาคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่เธอจะมีหางเสียงทุกครั้ง ค่ะคะ เรียกผู้ใหญ่ที่อายุกว่าตนพอประมาณขึ้นไปว่า ‘ คุณ ’ (4ปีหรือ5ปีขึ้น)หรือยศตำแหน่งอย่างสุภาพ ในขณะเดียวกันหากคุยกับเพื่อนร่วมรุ่นเธอจะไม่ค่อยลงหางเสียงเสียเท่าไรยกเว้นแต่กับคนแปลกหน้า เมื่อคุ้นหน้าคุ้นตาหางเสียงนั้นก็หายไป เธอมองว่าการใช้ค่ะค่า เรียกคนรุ่นเดียวกันว่า ‘ คุณ ’ มันน่าอึดอัดไปหน่อยโดยเฉพาะในแคมป์ เธอมักจะเรียกคนอื่นด้วย ‘ นามสกุล ’ เมื่อสนิทเธอถึงจะเรียกด้วยชื่อต้นโดยปราศจากคุณ(มิส/มิสเตอร์) เรียกแทนตัวเองว่า ‘ ฉัน ’  ในบางครั้งก็ตัวฉัน เรียกคนอื่นว่า ’ เธอ/นาย ’ เธอมักจะใช้คำสุภาพ น้ำเสียงของเธออาจจะฟังยากนิดหน่อยเพราะมีสำเนียงฝรั่งเศสติดมา


    “ ..ขอโทษด้วย ฉันไม่ค่อยชอบทานอะไรจุกจิกน่ะ ”

    “ อย่าเพิ่งยอมแพ้ ความสามารถไม่ทำให้คนประสบความสำเร็จ แต่เป็นเพราะความพยายาม “

    “ เหนื่อยก็พัก..เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ทุกครั้ง... “

    “ ...ไม่หรอกค่ะ แค่ทำความเป้าหมายที่ตัวเองตั้งเอาไว้ เป็นเรื่องที่ใครๆถ้าตั้งใจก็ทำได้ ถ้าจะชื่นชมโปรดชื่นชมทุกคนด้วยเถอะค่ะ ”

    “ ฉันไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก ถ้าได้ปกป้องใครได้ ต่อให้ร่างกายนี่พังทลายก็ยอม ”

    “ ...ถ้านายพูดแบบนั้น แล้วฉันจะต้องทำอะไรบ้าง? ”



    ชอบ ::


    บัลเล่ต์ : เป็นสิ่งที่เธอชอบมากที่สุดในทุกอย่างโดยไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้ ในตอนแรกเธอชอบเพียงเพราะมารดาของหล่อนได้แสดง แต่เมื่อลองเล่นแล้วกลายเป็นว่าเธอชอบมันแทนที่จะชอบตามมารดา ในแคมป์หากมีโอกาสเธอก็มักจะซ้อมบัลเล่ต์เป็นประจำอย่างนุ่มนวล ใต้แสงจันทร์อย่างงดงาม


    มารดา : เป็นผู้หญิงอันดับหนึ่งในใจ เธอต้องการที่จะเป็นดั่งมารดา แข็งแกร่ง อ่อนหวาน ใจดี สวยงาม ฉลาด เก่งกาจไปเสียทุกอย่าง เธอค่อนข้างเป็นเด็กติดแม่ ไม่ว่าจะทำอะไรเธอก็มักจะคิดถึงแม่อยู่บ่อยครั้งในค่ายก็พยายามส่งจดหมายเพื่อพูดคุยกับมารดาอยู่เป็นประจำ


    ของสวยๆงามๆ แฟชั่น : สาวงามก็ต้องคู่กับของงามๆ มันเป็นจิตใต้สำนึกที่เธอจะกวาดสายตาไปหาของสวยๆงามๆก่อนโดยปราศจากเหตุผลราวกับมันเป็นสัญชาตญาณลึกๆในใจ เธอชอบสีทุกสี ดอกไม้ต่างๆ อาคาร ตึก บ้าน ใดๆก็ตามไม่ใช่แค่ของจุกจิก แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการออกมาเป็นพิเศษว่าชอบและก็ไม่ได้พยายามเลือกให้ได้แต่ของที่ชอบ เช่นหากลงคะแนนจะไปเที่ยวที่อื่นด้านนอก เธออยากจะไปหมู่บ้านน่ารักๆ แต่ถ้าผู้คนพูดว่าไปที่อื่นดีกว่าเธอก็จะเลือกตาม แต่หากเป็นของช็อปปิ้งคือกวาดเรียบ


    กลิ่นหอม : กลิ่นหอมยังไงก็ดีกว่ากลิ่นเหม็น เธอมักจะพกขวดน้ำหอมเล็กๆที่มีกลิ่นสดชื่นและไม่ฉุยจนเกินไปพกติดตัวและพรมตามกายเสมอ ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็ได้กลิ่นนี้ติดตัวไป ไม่เว้นแม้แต่พกมันเข้าแคมป์ตั้งเครื่องหอมไว้ที่ห้องเพื่อให้กลิ่นหอมๆลอยไปทั่ว แน่นอนว่ากลิ่นหอมรวมถึงกลิ่นอาหาร(แต่ดันไม่ชอบกินอาหาร) กลิ่นน้ำฝน กลิ่นธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องเป็นกลิ่นปรุงแต่งแต่อย่างใด เธอไม่ค่อยแสดงท่าทางอะไรมากนักนอกจากยิ้มๆเช่นเคยพร้อมกับเอ่ยชมเท่านั้น


    เรื่องราวโรแมนติก : เธอชอบฟังมากกว่าประสบเรื่องรักๆใคร่ๆ เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สวยงามที่ทุกคนมีความรัก แม้ตนเองไม่ค่อยอยากจะมีเท่าไร หากมีคนมาเล่าเรื่องรักๆเธอก็ยินดีที่จะฟังโดยไม่คิดที่จะบ่นอะไร แค่ชอบ ….แต่ยังไงก็ไม่กล้าที่จะเปิดใจรับในโลกความเป็นจริง



    ไม่ชอบ ::


    ขนมของหวานหรือสิ่งที่หวานจัดๆ : เธอไม่ชอบรสหวานเป็นทุนเดิม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคุกกี้ เค้ก มาการอน ใดๆก็ตามเธอล้วนแล้วแต่ไม่ค่อยชื่นชอบนักและก็ไม่แตกอย่างชัดเจน แม้แต่ลูกอมเธอก็ยังว่าหวานไป ผลไม้เธอชื่นชอบรสเปรี้ยวมากกว่าหวาน ค่อนข้างชอบไปทางหวานน้อยมากๆเสียมากกว่า


    คนน่ารำคาญ : สำหรับเธอนั้นคือคนที่คอยพูดย้ำๆซ้ำๆหรือมาเกาะแกะ ชวนคุยอย่างไร้แก่นสารมากๆ โดยปกติเธอมักจะปฏิบัติอย่างนุ่มนวล นานเข้านานเข้าถ้ายังพยายามอยู่ก็คงเห็นสาวงามพิโรธ


    การขุดเรื่องอดีตมาพูด : มันช่างไร้มารยาทว่างั้นมั้ย? เธอเป็นพวกถ้าผ่านไปแล้วจบคือจบจะไม่พูดขึ้นมาอีก แต่มันก็แล้วแต่สถานการณ์ หากพูดว่าเมื่อก่อนก็ทำแบบนี้แล้วพลาด แนะนำให้ไปทำอย่างอื่น อันนี้เธอยังพอรับได้ แต่หากเอาอดีตของคนอื่นมาพูด มาล้อ มาขำหรือเอามาด่าโดยไร้สาเหตุก็ทำให้หล่อนมีน้ำโหได้เหมือนกัน


    อากาศร้อนๆ : มันทำให้เหนียวตัว เหงื่อออก แต่ถึงกระนั้นก็พอทนได้ เธอจะไม่ปริปากบ่น แม้เหงื่อจะออกเธอก็มักจะเก็บเงียบเอาไว้และอดทนให้ถึงที่สุด



    เกลียด ::


    ของทอดหรืออาหารมันๆ : เธอควบคุมน้ำหนัก อีกทั้งอาหารพวกนี้เธอมองว่ามันเป็นอาหารขยะที่มีไขมันและแป้งมากเกินไปกว่าความจำเป็น เธอค่อนข้างเกลียดอาหารอเมริกันจั้งฟู้ดหรืออาหารที่ต้องทอด ไม่ว่าจะเป็นฟิชแอนด์ชิพ(เกลียด) ไก่ทอด(เกลียด) เฟรนด์ฟราย(เกลียด) ขนมปังขาว(ไม่ชอบ) น้ำสลัดมายองเนส ใดๆที่ทานแล้วอ้วนหรือมีไขมันมากเกินไป เธอจะหลีกเลี่ยงไม่กินอยากเห็นได้ชัด วันใดที่มีแต่อาหารพวกนี้เธอจะไม่แตะถึงขั้นไม่รับประทานอาหารเลย


    เครื่องในสดๆ : มันชวนขยะแขยงมากกว่าทำให้เธอกลัว เธอไม่ได้กลัวเลือดาสดๆหรือภาพที่ชวนหวาดเสียว แต่เธอเกลียดมันมากกว่า มันทั้งชวนคลื่นไส้และรู้สึกไม่ดี แต่เมื่อเผชิญหน้ากับมันเธอก็ไม่ได้ทรมานกับการจ้องมองหรือสัมผัสมัน



    กลัว ::


    การถูกกักขัง : จะต้องอยู่ในห้องมืดๆ ถูกล็อคแขนล็อคขาไม่ให้เคลื่อนไหว ภาพในอดีตมันก็มักจะมาหลอกหลอนเธอ ภาพผู้ชายที่เข้ามาล่วงละเมิดทางเพศ มันจะเกิดภาพหลอน ภาพของผู้ชายคนนั้น รอยยิ้มที่ชวนขนหัวลุก การสัมผัสของเขามันทำให้เธอหยะแหยง อยากจะกรีดร้อง ใบหน้าที่งดงามแสดงถึงความตื่นกลัว ควบคุมสติของตนเองไม่ได้ อยากจะร้องไห้แต่น้ำตาก็ไม่ไหล


    การแตะเนื้อต้องตัวของเพศตรงข้าม : มันทำให้เธอถึงขั้นอดีต ร่างกายนั้นจะสั่นเทาเล็กน้อย แม้จะรู้แก่ใจดีกว่าคนในแคมป์ไม่มีเจตนาเดียวกับผู้ชายคนนั้นแต่ก็อดซ้อนทับภาพคนคนนั้นไม่ได้ เธอยังควบคุมอารมณ์ได้ แต่จะมีท่าทางสะดุ้งหรือแสดงความตกใจมากๆหากถูกสัมผัสโดยไม่รู้ตัว(ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงเพศชาย)และสีหน้าจะซีดมากๆหากคนที่แตะตัวเป็นผู้ชาย แต่ตอนนี้อาการทุกอย่างก็เริ่มเบาลง



    เพิ่มเติม ::


    • ต้องควบคุมน้ำหนัก โดยปกติมักจะเห็นเธอทานสลัดผักโดยไม่มีน้ำสลัดอะไร อาหารคลีนๆที่ไม่ค่อยผ่านการปรุง รสชาติไม่จัด บางครั้งก็เห็นแต่เธอทานแต่อัลมอนด์กับนมแพะเสียด้วยซ้ำไป

    • และเพราะว่าทานน้อยมากๆจนเธอไม่ค่อยมีแรงมากเท่าไร เธอเลยค่อยข้างเป็นลมง่ายหรือหน้ามืดบ่อย จนอาจจะสร้างปัญญาให้ใครหลายๆคน เธอเลยพยายามกินให้มากขึ้นเพราะเธอต้องใช้กำลัง แต่ประสบปัญหาทานมากแล้วร่างกายไม่รับ ตอนนี้ก็กำลังแก้ไขปัญหาอยู่

    • ปัจจุบันบิดามารดาของหล่อนกำลังตามหาเพื่อนของพ่ออย่างบ้าคลั่ง เธอย้ายไปต่างประเทศโดยไม่ได้ชี้แจ้งอะไร พ่อของเธอหันไปเปิดร้านรับจ้างสอนบัลเล่ต์ที่อังกฤษ ในขณะที่มารดาเองก็ไปช่วยเช่นกัน พยายามปกปิดตัวเองเพื่อไม่ให้เพื่อนคนนั้นตามมาเจอและเกิดลักพาตัวลูกสาวของเขาอีก

    • เธอถูกล่วงเกินทางเพศก็จริง แต่ไม่ได้ถูกข่มขืนแต่อย่างใด แต่ถึงแบบนั้นก็สร้างบาดแผลทางจิตใจของเธอได้พอควร



    { RP }



        ตั้งแต่เช้ายันเกือบสี่โมงเย็น โอเด็ตต์ ซิกนัส เลอ วาแลต นั่งกับเก้าอี้ แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านข้อสอบจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว รู้สึกเหมือนหัวสมองขาวโพลนเหลือเกิน ขณะเดียวกันสายตาคู่นี้ก็เหลือบมองไปที่โต๊ะลงทะเบียนเข้าสอบ ท่ามกลางเสียงพูดคุยและการจัดเก็บโต๊ะ


        ผู้หญิงเรือนผมสีมะกอก ใบหน้านิ่ง หากแต่สง่างาม...


        เธอชื่ออะไรหรือ?


        เธอ หันซ้ายหันขวา คล้ายมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น อยู่ๆเสียงของผู้หญิงก็แวบเข้ามาในหัวสมอง


        ตลกจัง ไม่ต้องหาหรอก ข้าอยู่ตรงหน้าไง เอาล่ะ ตอบชื่อของเจ้ามาได้แล้ว


       เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ? สิ่งที่อยู่ใต้จิตสำนึกของหล่อนนั้นเป็นรูปเป็นร่างที่ดูพิศวง แต่เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เธอเคยเจอในอดีตมันก็เป็นคำตอบให้ทุกอย่าง มือที่ประกอบไปด้วยนิ้วเรียวยาวนั้นวางปากกาไว้กับโต๊ะ เด็กสาวที่มีรูปร่างเพรียวบางสำรวจอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง หากอีกฝ่ายโต้ตอบเธอในสมอง ถ้างั้นหล่อนก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดก็ได้กระมั้ง ‘ วาแลต ...โอเด็ตต์ ซิกนัส เลอ วาแลต ’


       ใบหน้าที่เรียบเฉยในขณะที่ทำข้อสอบแย้มยิ้มกับตัวเองขึ้นมาหน่อยราวกับขบขัน เธอแน่ใจว่านี้ไม่ใช่อาการหลอนเป็นอย่างแน่แท้ แต่หากย้อนกลับไปเมื่อครึ่งปีก่อนหล่อนจนคิดว่านี่คือเรื่องไร้สาระและหมางเมิงอีกฝ่ายและดูตอนนี้สิ เธอกำลังกังวลว่าตอบในความคิดเช่นนี้จะส่งไปถึงอีกฝ่ายหรือไม่หรือจำเป็นต้องพูดออกมา แต่ไม่นานทุกอย่างก็กระจ่างแจ้งเมื่อเสียงนั้นตอบรับหล่อน

        

        อื้ม...ข้าหวังว่าจะได้พบเจ้าอีกครั้งนะ


        สิ้นเสียงนั้นในหัว  เธอยกมือขึ้นมาดีดนิ้วก่อนจะหายไปกับอากาศ โอเด็ตต์ ยกมือขึ้นมาขยี้ตาของตัวเองคล้ายไม่แน่ใจในสิ่งที่เกิดนัก ในขณะที่หล่อนเองก็ยังคงอมยิ้มและกลับไปเขียนข้อสอบเฉกเช่นเดิม





    { Talk Mawnum }



    สวัสดีค่ะ ไรท์เตอร์ชื่อแมวน้ำนะคะ! ยินดีที่ได้รู้จัก ท่านผปค.ชื่ออะไรเอ่ย---

    :: เกวลินค่าา


    ทำไมถึงเลือกสมัครบทนี้เอ่ย มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจระหว่างที่เขียนรึเปล่าคะ?

    :: อยากเขียนเกี่ยวกับเรื่องบัลเล่ต์น่ะค่ะ ทั้งสวยงามอ่อนหวาน สง่างามเหมือนกับเทพีอโฟรไดท์


    อยากทราบนิยามของตัวละครตัวนี้หน่อยค่า ❤

    :: นิยามตัวนี้คือ อ่อนหวานแต่ไม่ได้อ่อนแอ ใจดีไม่ได้แปลว่าจะต้องยอมคน เป็นตัวที่ค่อนข้างเข้าใจยากพอตัวเลยค่ะ แม้จะไม่ใส่ใจคนอื่นเท่าเพื่อนแต่ยังไงก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เน้นสายมิตรภาพและเผ่าเหลาออกมาจากเทพีอโฟรไดท์5555 ด้วยความคิดที่ว่า สายเลือดเดียวกันไม่จำเป็นต้องนิสัยเหมือนกับแม่พิมพ์ แม้แต่คิวปิด อีรอสนิสัยก็ยังไม่เหมือนมารดาของตน


    เอ่ออออ ถามอะไรต่อดี... เอ... รักแมวน้ำไหมคะ---- แค่ก (จะตอบอะไรไม่รู้ แต่แมวน้ำรักทุกคนนะ //บิด)

    :: รักสิคะะ ถถถถถ


    ถ้ามีการดองเกิดขึ้น ช่วยให้อภัยกันหน่อยนะคะ ฮาาาา

    :: โอเคค่ะ


    ยังไงก็สู้ๆ โชคดีนะคะ!

    :: ขอบคุณค่ะ

    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×