ตอนที่ 1 : พระอาทิตย์ของคุณ 0 : พระอาทิตย์เป็นแค่เพื่อน
พระอาทิตย์ของคุณ 0 : พระอาทิตย์เป็นแค่เพื่อน
#โทนของสาม
คุณเคยตกหลุมรักใครไหม ?
คำถามง่ายๆ ที่นิยามได้ล้านคำตอบ ไม่ต้องไปเปิดกูเกิ้ลหรือค้นหาในเว็บ pantip ใช้แค่ความคิดที่สิงสถิตอยู่ในเศษเสี้ยวของสมอง คิดว่าครั้งหนึ่งคนเราก็น่าจะเคยตกหลุมรักใครสักคนมาบ้างไม่ว่าจะนานแค่ไหน บางคนอาจจะสักเดือน สองเดือน ปี สองปีก็ว่ากันไป
งั้นเปลี่ยนคำถามใหม่
ทำไมถึงตกหลุมรัก ?
“พี่...พี่โทนคะ คะ...คือหนูชื่อแป้งนะคะ อยะ...อยู่มอสามทับห้า” เด็กสาวที่ไว้ผมหางม้าตามกฎโรงเรียนพูดปากสั่น ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ หนำซ้ำยังหัวใจยังเต้นดัง ดังชนิดที่กลัวว่าคนตรงหน้าที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่จะได้ยินและรับรู้ว่าเธอเขินหนักขนาดไหน
เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลยืนนิ่ง ไม่ได้ยกยิ้มหรือว่าโต้ตอบอะไร เขาเพียงแค่มองเด็กสาวแล้วเลื่อนสายตาไปมองใครอีกคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงต้นไม้
ใครบางคนที่มีผิวขาวเปล่งประกาย
ใครบางคนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นหมอเพื่อมารักษาคนรอบข้างให้หายจากโรคภัย
ใครบางคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน
“หนู...หนูมีความในใจอยากจะบอก ตะ...แต่ไม่ได้อยากทำให้พี่อึดอัดใจหรอกนะคะ คือหนูจะจบแล้วและก็ต้องย้ายโรงเรียนใหม่ กลัวว่าจะไม่ได้เจอกับพี่อีกเลยบอกไปดีกว่า” เสียงหวานรั้งให้หันกลับมาอีกครั้ง เธออึกอัก เหงื่อกาฬไหลผ่านใบหน้าพาให้เส้นผมสีดำแนบลู่ไปตามสภาพ
ไม่ต่างจากเขาที่เพิ่งเล่นบอลมาหมาดๆ เนื้อตัวมีแต่เหงื่อ หากแต่สาวๆ ก็เข้าหาไม่ขาดสาย คงเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับใครๆ
14 กุมภา วันวาเลนไทน์
วันแห่งความรักที่ใครก็อยากให้หัวใจได้สมหวัง
“หนู...หนูชอบพี่มานานแล้วค่ะ ชอบมากๆ พี่เท่ๆ มากเลยเวลาเล่นบอลในสนาม” เธอยังพูดต่อคาดว่าคงรอให้อีกฝ่ายตอบรับหลังพูดเสร็จ ซึ่งคนเป็นพี่ก็มีมารยาทมากพอที่จะฟังโดยไม่ขัด นิ่งเงียบมากจนบางครั้งก็เหมือนไปกดดันคนอายุน้อยกว่า
เด็กสาวตัวสั่นมาก ทำหน้าคล้ายกับจะร้องไห้ตอนยื่นกล่องของขวัญสีชมพูไปให้
ในนั้นเต็มไปด้วยรูปถ่ายกับความในใจ รวมถึงของที่ตัวเองทำให้ที่ขอพรให้ตัวเองได้อะไรกลับมา แม้ปากจะบอกว่าไม่ต้องการ
“ถ้าพี่ไม่รังเกียจช่วยรับของขวัญไปหน่อยนะคะ หนูทำเองทุกอย่างและอยากให้พี่รู้ว่าหนูชอบพี่มากแค่ไหน”
“ให้พี่จริงๆ เหรอ ?” เป็นประโยคแรกที่หลุดออกไป พาให้รุ่นน้องพยักหน้ารัวเร็วจนคอแทบหัก “ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากทำ”
“…”
“และหนูก็ชอบพี่มากๆ จริงๆ นะคะพี่โทน” เจ้าของชื่อหลุบตามองกล่องของขวัญแทนที่จะสบตากับคนตรงหน้าที่ฮึดขึ้นมาสบตาด้วย ทว่าเขากลับเลือกที่จะมองของในมือกับคนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้มากกว่า เพราะเขากลัวว่าหากมองตา อาจจะเห็นความคาดหวังที่ต้องผิดหวังไปก็ได้
ขนาดแค่เงียบไม่ยอมพูดอะไร อีกคนยังแทบน้ำตาไหลแล้วถ้าพูดคำนั้นออกไป...
‘ขอโทษนะ พี่ตอบรับความรู้สึกไม่ได้หรอก’
คงจะเสียใจน่าดู
“ขอบคุณนะที่ชอบพี่ พี่ดีใจมากเลย” เขาเปลี่ยนคำตอบใหม่ ยอมเคลื่อนสายตามาหาเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่เต็มไปด้วยความหวัง “พี่ขอให้แป้งเจอคนที่ใช่ แล้วก็ขอให้โชคดีกับโรงเรียนใหม่นะ”
“พี่โทน”
“แล้วถ้าเกิดว่างก็อย่าลืมกลับมาเยี่ยมกันบ้างนะ”
“…”
“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะครับ น้องแป้ง” เจ้าของชื่อน้ำตาไหลลงตรงนั้น ไม่แน่ใจว่าดีใจมากๆ หรือเสียใจจนแทบบ้ากันแน่ รู้แค่ว่าพอพูดจบ น้องก็พยักหน้า ยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะหมุนตัวหันหลังวิ่งหนีไปหาเพื่อนที่รออยู่ โทนมองตามแผ่นหลังจนพวกเขาหายไปทั้งคู่
แล้วก็เดินถอนหายใจกลับมาหาคนที่นั่งรออยู่
คนที่แอบมองการสารภาพรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ทำน้องเขาเสียใจ”
“ไม่ได้พูดอะไรใจร้ายสักคำ” เจ้าตัวตอบ ทิ้งตัวลงนั่งสัมผัสลมเย็นๆ ที่พัดผ่าน เวลานี้เย็นมากแล้วเหลือเพียงไม่กี่คนที่เล่นบอลอยู่ ตลอดทั้งวันทุกตึกทุกอาคารล้วนคึกครื้น มีแต่คนให้ดอกไม้ ให้ของขวัญกันเต็มไปหมด เขาคือหนึ่งในนั้น ได้จากน้องมอสามหลายคนที่ใกล้จะจบแม้ตัวเองจะเพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่นาน
คนข้างๆ ก็ไม่ได้น้อยหน้าติดแค่ว่าเขาดูจะไม่ใส่ใจมากนัก
และแทบไม่มีใครกล้าเข้ามาหา ได้แต่เก็บความในใจดีกว่าพูดให้คนหน้านิ่งจอมหยิ่งของห้องมอสี่ทับสองรับฟัง
มีแต่คนกลัวว่าจะไม่ได้รับการตอบรับ เผลอๆ อาจจะโดนเมินไปเลยก็ได้ใครจะรู้
“แค่บอกให้เขาโชคดีและเจอคนที่ใช่”
“ประโยคหลังนั่นแหละที่โคตรใจร้าย” เพื่อนสนิทบอกพลางเปลี่ยนหน้าหนังสือที่อ่านอยู่ออก มันเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับจิตวิทยาด้านจิตใจของมนุษย์ เรียนรู้ถึงทุกความรู้สึกที่จะแสดงออกมา “เพราะคนที่ใช่เขาก็อยากให้เป็นคนที่เขามาสารภาพรัก”
“ก็กูไม่ได้ชอบน้องเขา หน้ายังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ”
“หลังจากนี้ก็คงไม่ได้เห็นแล้วล่ะ เพราะกูไม่เคยเห็นคนบอกชอบคนไหนกลับมาหลังจากบอกชอบเลย” คำพูดนั้นคล้ายเสียดลึกเข้าไปในอก รั้งให้อีกคนให้หันไปมองเสี้ยวหน้า จมูกโด่งสันที่บ่งบอกถึงความดื้อรั้นไม่เท่ากับนิสัยจริงที่ได้รู้จักมา
โดยเฉพาะเรื่องคำพูดคำจา คุณสาธิต รัชตธนวิโรจน์เขาไม่เคยเป็นสองรองใคร
“อาจจะมีแต่มึงไม่เห็นก็ได้ มึงเคยมองใครที่ไหนนอกจากหนังสือที่อ่าน”
“ถ้ามันไม่ช่วยให้กูติดหมอได้ กูก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”
“…”
“และกูก็ไม่มีใครมาบอกชอบทั้งวันเหมือนมึง” แซะไปทีให้รู้ว่าที่พูดมาน่ะทำอะไรเขาไม่ได้หรอก เล่นเอาเพื่อนรักได้แต่ส่ายหน้าใส่ อย่างที่บอกไปด้วยใบหน้านิ่งๆ ติดหยิ่งแบบนี้ไม่เคยมีใครกล้าเข้าใกล้ เว้นเขาที่สนิทมานานกับเพื่อนอีกคนที่วันนี้ดันไม่สบายมาเรียนไม่ได้
ก็ถือว่ารอดตัวไปไม่งั้นคงเห็นคนหวงเพื่อนแถวนี้
ทว่านั่นกลับเป็นสิ่งที่น่าสนใจ การที่อีกฝ่ายไม่มีใครบอกชอบเลยทั้งวันไม่ใช่ลางร้ายของวันแห่งความรัก กลับกันมันเป็นโอกาสให้เขาหยิบดอกกุหลาบที่แอบซ่อนไว้ทั้งวันจนช้ำออกมาจากกระเป๋า วางมันลงคั่นหนังสือที่คนด้านข้างอ่านอยู่ ส่งผลให้เจ้าตัวถึงกับชะงัก
“ฝากทิ้ง ?”
“ให้ต่างหาก”
“เนื่องในโอกาสอะไร ?”
“วาเลนไทน์”
“…”
“กูชอบมึง สาม” เจ้าของชื่อนิ่งชะงัก ยอมสบตากับคนที่ยกยิ้มบนใบหน้า ใครหลายคนตกหลุมรักนายทิวากร คนเก่งประจำห้องก็เพราะรอยยิ้มแสนหวาน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ดวงตะวันอาบไล้เสี้ยวหน้าให้ดวงตาสะท้อนประกายออกมาก็ยิ่งเป็นอะไรที่ทรงอิทธิพล
เขาพร้อมที่จะดึงดูดทุกคนให้หลงใหลไปกับความอบอุ่นแสนอ่อนโยนนั่น ไม่เว้นกระทั่งคนที่มอบดอกกุหลาบให้
หัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะตอนหยิบดอกไม้มาถือไว้
“สงสารกูหรือไง กูไม่ดีใจหรอกนะถ้ามึงให้เพราะกูไม่มีใครมาบอกชอบ”
“เปล่า กูให้เพราะกูอยาก ไม่ได้สงสารมึงสักหน่อย”
“…”
“และกูก็แค่อยากบอกชอบมึง เหมือนที่เคยทำ” ถ้อยคำนั้นสื่อได้หลายความหมาย หนำซ้ำยังเต็มไปด้วยหลากความรู้สึก ช่วงเวลานั้นบรรยากาศมันเหมือนจะฟุ้ง ดวงตาจับจ้องไปเพียงแค่คนตรงหน้า สามไม่ได้ตอบกลับ เขามองดอกไม้สลับกับคนให้ เขากับโทนรู้จักกันมานาน ได้ยินคำนั้นมาหลายครั้งจนรู้ลึกไปถึงสิ่งที่ซ่อนไว้ข้างใน
และโทนก็จำได้ว่าทุกครั้งที่พูดออกไป
“ขอบคุณนะ มึงเป็นเพื่อนที่ดีมาก”
“…”
“และกูก็อยากให้เราเป็นเพื่อนกันไปนานๆ นะ โทน” เพียงประโยคสั้นๆ สองประโยคกลับทำให้อีกคนเจ็บลึกแทบพูดไม่ออก สามทำเพียงแค่เก็บของใส่กระเป๋า เอาดอกไม้ยัดลงไปในหนังสือ จากนั้นก็หยิบของสะพายเป้เดินหายไปจากสนามบอลหน้าตึก ปล่อยให้โทนตกตะกอนความคิดกับสิ่งที่เพิ่งพูดออกไป
คำบอกชอบที่ไม่เคยได้รับคำตอบที่พอใจ และก็ไม่เคยได้รับคำปฏิเสธที่ชัดเจนพอ
หรือไม่เขาก็คงไม่อยากให้มันชัดเจน กลัวว่าตัวเองจะเจ็บช้ำกับเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำซาก สามไม่เคยพูดว่าให้ออกไปจากชีวิต ไม่เคยพูดว่าไม่รัก เพราะเราต่างก็รู้กันดีว่าสายสัมพันธ์ของพวกเรามันแน่นหนาขนาดไหน
ซึ่งสามก็คงไม่อยากให้มันพังลงไป
แต่สามไม่รู้เลยว่าไอ้คำพูดที่บอกว่า ‘ไม่เคยเห็นคนบอกชอบคนไหนกลับมาหลังจากบอกชอบ’ เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดยิ่งกว่าอะไร
เพราะมีอยู่คนนึงที่ไม่เคยหายไปไหน ยังคอยกลับมา อยู่ที่เดิม ขึ้นลงดั่งดวงตะวันลับฟ้าแล้วก็โผล่พ้นมาในเช้าวันใหม่
ใครคนนั้นที่ได้แต่ยิ้มกับสิ่งที่อีกฝ่ายฝากฝังไว้
แล้วก็บอกกับตัวเองไม่ให้ช้ำเกินไป
“ใช่...เป็นเพื่อนกัน มันดีที่สุดแล้ว”
ใครคนนั้นคือคุณทิวากรคนนี้ คนที่รักคุณสาธิตมาตลอด
LOADING 100 PER
มาเปิดตัวต้อนรับวาเลนไทน์เพราะอินจาก Friend Zone ที่เพิ่งไปดูมาสดๆ
บอกเลยว่าไม่เคยอินอะไรขนาดนี้ พอดูปุ้ปพล็อตหมอสามกับพ่อโทนมาทันที
แล้วมีเหรอที่จะไม่ลงมือเขียนให้ได้อ่านกัน
ก็เป็นการฝากตัวรัวๆ เนื่องจากเปิดเรื่องนี้ไว้นานมาก
อาจจะถึงเวลาแต่งแล้วก็ได้หลังจากจบสายฟ้าน่ารักไป
ยังไงก็ขอฝากไว้ในอ้อมใจ มารู้จักสถานะ Friend zone กันนะคะ จุ้บ
สกรีมลงแท็กเมื่อพูดถึงความแซ่บของแม่และความอึดของพ่อ
#โทนของสาม
ติดตามนักเขียนได้ที่
เพจ Aelisma / Avery Pie
ทวิต ael_2543
หรือจิ้มที่รูปนะงับ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอติดตามนะคะ ~^^