Puzzle Venom ปริศนา(ไม่)ลับ ฉบับจู่โจมหัวใจ [Mino x Irene]
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ รักหวานแหวว ผู้แต่ง : Obaka '
My.iD :
https://my.dek-d.com/serbahanelo/writer/
ตอนที่ 3 : No.1 venom :: Ch.2 Dangerous men [100 Per.]
:: ผู้ชายอันตราย ::
บ้า บ้า! นี่มันเรื่องบ้าที่สุดที่ฉันเคยเจอมาในชีวิต ทำไมคนอย่างหวานหวานต้องมาทำเรื่องอะไรแบบนี้ นี่ถ้าไม่มีเรื่องบริษัทของพ่อฉันเข้ามาเกี่ยวนะ ต่อให้คุณทิพย์ทุบฉันให้ตายสาบานยังไงฉันก็ไม่พาตัวเองมาทำอะไรแบบนี้หรอก
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด~
ฉันพยายามระงับสติอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิดแทบในทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องที่จะลากจอมทัพมาเซ็นสัญญากับบริษัท พลางกำโทรศัพท์ในมือแน่น รับสิ รับสิ
“ต้มจืด! แกอยู่ไหน” ฉันเรียกชื่อปลายสายเสียงดังทันทีที่รับโทรศัพท์
“เฮ้ยย บอกกี่รอบแล้วว่าไม่ได้ชื่อต้มจืด เรียกให้มันดีๆหน่อยดิ๊” ปลายสายรีบแย้งทันทีที่ได้ยินเสียงฉัน “น้องชื่อไคน์ ไคน์ ไคน์!”
“โอเค ไคน์เมื่อไหร่แกจะเอารถมาคืนฉัน”
“...”
ไคน์หรือที่ฉันเรียกว่าต้มจืดคือน้องชายตัวแสบวัยยี่สิบเอ็ดปี พวกเราอายุห่างกันสามปี ส่วนหน้าตาไคน์นั้นไม่ต้องพูดถึง ถึงฉันจะไม่อยากจะยอมรับแต่ต้องบอกว่าไคน์หล่อจริงๆ เขามีเรือนผมสีดำสนิทเหมือนแม่ แต่มีนัยน์ตาเรียวรีสีน้ำตาลเหมือนฉันซึ่งรับกับจมูกโด่งรั้นที่บ่งบอกนิสัยของไคน์ว่าดื้อสุดๆ และปากสีแดงกระจับที่ด่าฉันฉอดๆ ราวกับมันเป็นพี่ฉัน ส่วนที่ฉันเรียกไคน์ว่าต้มจืดก็เพราะว่าตอนที่ไคน์เกิดมาฉันอยากให้น้องชายชื่อคล้องกับฉัน ฉันเลยคิดว่าหวานกับจืดน่าจะเป็นอะไรที่น่ารักดี แต่พ่อกับแม่ฉันไม่เห็นด้วยไคน์เลยโชคดีไป
“ไคน์ รถพี่เมื่อไหร่จะได้” ฉันขึ้นเสียงเล็กน้อยเมื่อปลายสายเงียบ คนกำลังรีบนะรู้ไหม นี่ถ้าคุณทิพย์ไม่นัดฉันไว้เก้าโมงเพื่อให้ไปเซ็นเอกสารเกี่ยวกับข้อตกลงหลังจากที่ฉันลากจอมทัพมาเซ็นสัญญาได้ ฉันจะไม่เร่งอะไรเลย
“อีกครึ่งชั่วโมงนะหวาน”
“ครึ่งชั่วโมงอะไรนี่มันแปดโมงสี่สิบแล้ว ฉันมีนัดเก้าโมงรู้ไหม!” ฉันเหวี่ยงใส่น้องชายตัวดีเมื่อมองนาฬิกาที่ข้อมือ ถ้ารอให้ไคน์เอารถมาคืนคงไม่ทันแน่ “ไม่ต้องแล้วฉันนั่งวินไปก็ได้”
ฉันตอบไคน์ออกไป พร้อมกับเดินไปหน้าคอนโดเพื่อเรียกวินมอเตอร์ไซด์ จังหวะนี้แล้วแท็กซี่ก็คงไม่สู้พี่วินหรอก โชคดีนะที่คอนโดฉันอยู่ไม่ห่างจากบริษัทเท่าไหร่ ไม่งั้นฉันโดนแน่เพราะคุณทิพย์เคร่งเรื่องเวลามาก
“หวานหวาน เฮ้ยยยย ตู๊ม!”
“ต้มจืด ต้มจืด ไคน์!!!” ฉันเรียกน้องชายเสียงดังเมื่อได้ยินเสียงเหมือนรถชนเข้ากับอะไรสักอย่างที่ปลายสาย
“บ้าเอ้ยยย” ไคน์สบถเสียงดัง “แค่นี้ก่อนนะหวาน”
“เฮ้ย ไคน์ ไคน์ ไอ้ไคน์”
ตู๊ดดดดดดดดดดดด
“สั่งฉันได้ขนาดนี้คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่ในใจลึกๆ ก็อดเป็นห่วงน้องไม่ได้ ก่อนจะรีบขึ้นวินมอไซด์เพื่อตรงไปที่บริษัทเอาเป็นว่าเคลียร์เรื่องที่บริษัทเสร็จแล้วค่อยตามไปดูไคน์ก็แล้วกัน
# NJ Entertainment
“อ่านข้อตกลงก่อนเซ็นนะ” คุณทิพย์พูดขึ้นในขณะที่ยื่นเอกสารข้อตกลงคืนโฉนดที่ดินบริษัทมาให้ฉัน ฉันได้แต่เก็บท่าทางไม่พอใจไว้ข้างในเพราะต่อให้ฉันจะอ่านหรือไม่อ่านสุดท้ายฉันก็ต้องรับหน้าที่นี้อยู่ดี
หวานหวานคนนี้มีทางเลือกที่ไหนละ!
ฉันไม่พูดอะไรก่อนจะกวาดสายตาอ่านเนื้อหาภายในเอกสารคร่าวๆ เมื่อข้อความทุกอย่างเป็นไปตามที่เราตกลงฉันก็จัดการเซ็นเอกสารก่อนจะยื่นให้คุณทิพย์เซ็นรับทราบเช่นกัน
“ฉันฝากงานนี้ไว้กับเธอด้วยนะหวานหวานหวังว่าฉันจะได้ยินข่าวดี” คุณทิพย์พูดขึ้นหลังจากเซ็นเอกสารเสร็จ เธอส่งยิ้มหวานมาให้ฉันอย่างน่าขนลุกแต่ถึงกระนั้นฉันก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มตอบ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อขอตัวลา
“ให้ตาย สุดท้ายฉันก็ต้องทำงานนี้” ฉันพึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาไคน์
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
(ไง เสร็จแล้วหรอ) เสียงปลายสายดังขึ้นก่อนที่ฉันจะได้พูด
“อืม แกเป็นไงบ้าง ไม่เป็นไรใช่ไหม” ฉันถามน้องออกไปด้วยความเป็นห่วงซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์เปิดพอดี “ฉันพึ่งคุยงานเสร็จ เดี๋ยวไปหา”
(ไม่เป็นไร ประกันเคลียร์ให้เรียบร้อยแล้ว ดีนะมีแค่ท้ายรถที่บุบไม่งั้นฉันได้จ่ายหนักกว่านี้แน่) ไคน์บ่นอย่างหัวเสีย (งั้นหวานรอฉันอยู่ที่บริษัทแล้วกันเดี๋ยวไคน์ไปรับ)
“อืม”
ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อคุยโทรศัพท์เสร็จตอนแรกคิดว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่ใหญ่กว่านี้แต่ฟังจากน้ำเสียงไคน์แล้วน่าจะเป็นแค่การชนท้ายรถธรรมดาอีกทั้งประกันก็มาเคลียร์ให้เรียบร้อยคงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ส่วนเรื่องที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นสถานการณ์ตรงหน้าฉันตอนนี้มากกว่า
เพราะทันทีที่ฉันเดินออกมาจากลิฟท์ ฉันก็เจอผู้หญิงที่เคยนัวกับจอมทัพที่ไนท์คลับเมื่ออาทิตย์ก่อน ไม่รู้วันนี้เป็นวันซวยอะไรของฉันถึงมีเรื่องวุ่นๆเข้ามาตั้งแต่เมื่อเช้า
“เธอ!” ในขณะที่ฉันกำลังเดินผ่านร่างบางเสียงแหลมเล็กก็ดังขึ้น “ก็นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็แค่เด็กฝึกงาน หึ”
ฉันชะงักพลางเม้มปากเป็นเส้นตรง ก่อนจะหมุนตัวแล้วส่งยิ้มหวานให้เธอ
“เราเคยรู้จักกันด้วยหรอค่ะ” พูดจบฉันก็ส่งยิ้มหวานพลางเอียงคออย่างไร้เดียงสาเล่นเอาหล่อนแทบกรี๊ดกับท่าทางของฉันเลยทีเดียว
“นี่ ไม่ต้องมาแอ๊บ อาทิตย์ที่แล้วเธอทำอะไรไว้จำไม่ได้หรือไง” พูดไม่พอเธอยังเบ้ปากอย่างไม่เป็นมิตรส่งมาให้ฉันแบบสุดๆ
“เอ...” ฉันพูดก่อนจะเว้นหายใจ เพื่อกระตุ้นอารมณ์โกรธของฝ่ายตรงข้าม และมันก็ได้ผลสุดๆ “เรื่องที่ฉันสาดแอลกอฮอล์ใส่หน้าคุณหรือเป็นเรื่องที่ผู้ชายของคุณเปลี่ยนมาคั่วฉันแทนน้า”
“หน้าด้าน!!!” ร่างเล็กตะโกนเสียงดัง จนคนรอบข้างเริ่มหันมาสนใจ “ผู้หญิงที่มายืนอ่อยผู้ชายทั้งๆที่เห็นเขาว่าเขาทำอะไรอยู่คิดหรอว่าคนอย่างจอมทัพจะสนใจ”
“แล้วได้ผลไหมละ”
“กรี๊ดดดดด”
ฉันยิ้มมุมปากอย่างพอใจเมื่อเห็นท่าทางโกรธจัดของผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะพาตัวเองเดินออกจากสถานการณ์ที่ไม่สบอารมณ์ ป่านนี้ไคน์น่าจะมาถึงแล้ว รีบไปดีกว่า แต่เดินไปสักพักมือของผู้หญิงคนนั้นก็คว้าไหล่ฉันไว้ ก่อนที่ฝ่ามือเธอจะตรงเข้าที่หน้าฉัน
เพี๊ยะ!
“หน้าด้าน!!!”
เธอตะคอกเสียงดัง แต่คนแบบนี้ให้ตบกลับคงไม่สนุกหรอก ฉันยิ้มร้ายก่อนจะใช้นิ้วโป้ปาดเลือดที่มุมปากเพราะแรงตบเมื่อครู่ออก
“แอลกอฮอล์วันนั้นเหมือนจะไม่ได้เรียกสติคุณสักนิดเลยสินะ” ฉันพูดพลางเดินเข้าไปหาหล่อน ก่อนจะใช้มือเล็กของตัวเองลูบไปที่แก้มของเธออย่างถือวิสาสะ “และเหมือนมันจะไม่ทำให้หน้าคุณบางลงด้วย ด้านเหมือนกันเลยแฮะ”
“กรี๊ดดดดดดดด” ฉันรีบคว้าข้อมือเล็กไว้เมื่อเธอทำท่าจะตบฉันอีกรอบ
“ฟังนะ สวยแต่นิสัยแบบนี้ไม่มีผู้ชายที่ไหนเขาเอาหรอก” พูดจบฉันก็สะบัดมือหล่อนออก เสียงกรี๊ดที่ดังมาแต่ด้านหลังทำให้ฉันถึงกับเผลอหลุดขำอย่างพอใจ บอกแล้วถ้าไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวหวานหวานคนนี้ทำได้ทั้งหมดแหละ นิสัยฉันไม่ได้หวานเหมือนชื่อหรอกนะ
“ช้าจัง” ไคน์พูดขึ้นทันทีที่ฉันเปิดประตูรถ “คนอุตส่าห์รีบมายังมาทำให้รออีก”
“เป็นพี่ไหมที่ควรบ่น” ฉันตอบน้องกลับในขณะที่กำลังคาดเบลท์ ก่อนจะหันไปมองหน้าน้องเพื่อขอคำอธิบายเรื่องเมื่อเช้า
“เพราะหวานนั่นละ ไม่ต้องมาจ้องแบบนั้น” ไคน์โวยวายเสียงดังเหมือนเด็ก “นี่ถ้าหวานไม่โทรมาน้องคงมีสมาธิมากกว่านี้ไม่เผลอสติหลุดเหยียบเบรกกลางคันเพราะตกใจเสียงหวานหรอก”
“ก็เกินไป”
ฉันหัวเราะกับท่าทีของน้อง เห็นไคน์ไม่เรียกฉันว่าพี่แบบนี้แต่เขาให้ความเคารพฉันมากนะจะว่าไปฉันก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน ที่โดนเด็กอายุน้อยกว่าฉันสามปีเรียกชื่อฉันราวกับเราอายุเท่ากัน แต่ไม่เป็นไรฉันชินแล้วละ เพราะไคน์ก็เรียกฉันแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
“เออ ต้มจืดไปส่งพี่ที่คอนโดแถวนี้นะ” ฉันพูดพลางยื่นแผนที่คอนโดนที่คุณทิพย์ให้ฉันมาเมื่อวานไปให้น้อง
“บอกแล้วไง อย่าเรียกต้มจืด สาวที่ไหนได้ยินคงได้อายเขาหมด” ไคน์บ่นอย่างไม่พอใจแต่ถึงกระนั้นเขาก็รับแผนที่จากฉันไป “ไปทำไร เฮ้ยแล้วปากหวานไปโดยอะไรมา”
“อ่อ” ฉันเผลอจับริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัวเมื่ออยู่ดีๆน้องก็ทักขึ้นมา “มีเรื่องนิดหน่อยนะ”
“ใครทำ เดี๋ยวน้องไปจัดการให้” ไคน์พูดพร้อมทำท่าทางโกรธจัด เล่นเอาฉันถึงกับหัวเราะน้องเพราะความเอ็นดู
“ผู้หญิงที่บริษัทหน่ะสวยด้วยนะ”
“ปั๊ดโธ่” มือที่กำพวงมาลัยแน่นในตอนแรกค่อยๆคลายออกเมื่อได้ยินคำว่าผู้หญิงและสวยหลุดออกมาจากปากฉัน “รับมือยากสิถ้างั้น เพราะน้องแพ้ผู้หญิงสวย”
“ไม่ต้องเลย” ฉันผลักหัวไคน์อย่างหมั่นไส้ก่อนจะหัวเราะร่วน
ไคน์หันมายิ้มให้ฉัน ก่อนจะตั้งใจขับรถต่อ ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่ลึกๆไคน์คงคิดอยากจะแก้แค้นให้ฉันจริงๆ อย่างที่บอกน้องฉันเคารพแล้วก็รักฉันมาก ถ้ามีใครมาทำอะไรฉันเขาคงไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอกและเหมือนกันถ้ามีใครมาทำอะไรน้องชายฉัน ฉันก็ไม่ปล่อยไปง่ายๆเหมือนกัน
ก็เรามีกันสองพี่น้อง ก็ต้องรักและเป็นห่วงกันถูกไหม
“ถึงแล้ว”
ไม่นานก็มาถึงคอนโดที่พรุ่งนี้ฉันจะต้องย้ายเข้ามาอยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือน ฉันเดินลงจากรถโดยไม่ลืมบอกว่าเดี๋ยวฉันหาทางกลับเองเพราะว่าน้องฉันต้องเอารถไปซ่อมท่าทางจะนานกว่าฉัน ฉันขี้เกียจรออีกอย่างฉันแค่มาสำรวจห้องของฉันเท่านั้นคงใช้เวลาไม่นาน
“ที่นี่เองสินะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองคอนโดหรูหราที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ ก่อนจะก้มลงมองแผนที่ในมืออีกที เมื่อคิดว่ามาไม่ผิดที่แน่ ก่อนจะกระชับสายกระเป๋าแน่นเมื่อรู้สึกประหม่าไม่รู้สิฉันรู้สึกไม่ดีเลยแฮะ
“ไม่มีอะไรหรอกหวานหวาน”
ฉันให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน แต่แล้วสิ่งที่ฉันกลัวก็เกิดขึ้น เมื่อพอเดินไปถึงหน้าลิฟท์แล้วเจอเข้ากับเจ้าของนัยน์ตาสีดำสนิทในสภาพเสื้อยืดสีดำแมทกับกางเกงยีนส์ขาดสีซีดที่ตอนนี้กำลังยกบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบในขณะรอลิฟท์
และใช่แล้วคนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกกลัวแล้วประหม่าในเวลาเดียวกันก็คือเขาคนนี้
จอมทัพ!!!
จอมทัพชักงักไปชั่วครู่ราวกับไม่นึกไม่ฝันว่าจะเจอฉัน ก่อนจะบี้บุหรี่ลงที่เขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่ข้างๆลิฟท์ พลางระบายรอยยิ้มน้อยๆ อย่างพอใจ
ให้ตาย ถึงจะรู้ว่าต้องเจอ แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้สิ!
ฉันมองสบนัยน์ตาสีดำสนิทเรียวรีที่คมดุจเหยี่ยวนั่นอย่างไม่คิดจะเลี่ยง เพราะถ้าฉันยิ่งหลบ เขาก็จะคิดว่าฉันกลัว และฉันมั่นใจว่าฉันไม่มีทางเข้าถึงตัวผู้ชายคนนี้ได้ง่ายๆแน่ หากฉันยังคิดจะหลบหน้าเขา และไม่มีทางที่เขาจะยอมเซ็นสัญญานั่นง่ายๆ
ดูก็รู้ว่าหมอนี่นะโคตรเลวและถ้าทำตัวเป็นผู้หญิงอ่อนแอก็เข้าทางเขานะสิ
“ฉันว่าฉันเตือนเธอแล้วนะ”
“แล้วคุณคิดว่าฉันจะกลัวงั้นหรอ” ฉันระบายรอยยิ้มน้อยๆ ทันทีที่ตอบเขาเสร็จแม้ในใจฉันจะยิ้มแทบไม่ออกเมื่อเจอหน้าเขา แม้เขาจะหล่อลากมากมายขนาดไหนแต่ดูจากภูมิฐานข้างนอก กริยาที่ฉันเห็น การกระทำต่ำๆ ที่เกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ก่อน และประวัติคร่าวๆ บอกได้คำเดียวผู้ชายคนนี้ผุดออกมาจากอเวจีชัดๆ!!!
และนับว่าเป็นโชคดีเมื่อลิฟท์เปิดได้ตรงจังหวะพอดี ฉันจึงถือโอกาสรีบเดินเข้าไป เพื่อตัดบทการสนทนาของเรา ต้องยอมรับก่อนว่าครั้งนี้ฉันพลาดจริงๆ ที่ไม่ได้เตรียมวิธีรับมือกับคนร้ายกาจแบบเขา
แต่ใครจะคิดกันละว่าเราจะเจอกัน!
“หึ!” จอมทัพเหยียดยิ้ม ก่อนจะเดินตามฉันเข้ามาในลิฟท์
ทันทีที่ประตูลิฟท์ปิดสนิท ฉันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ แม้ผู้ชายคนนี้จะไม่พูดอะไร แต่นัยน์ตาสีดำสนิทกับจับจ้องร่างกายฉันตลอดเวลา และนั่นทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดจนแทบบ้า
แม้มันจะไม่ได้จาบจ้วงปานอะไรขนาดนั้น แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ฉันรู้ว่าเขากำลังมองฉันด้วยสายตาแบบนั้น! ใครจะชอบให้ผู้ชายมามองร่างกายตัวเองละ!
ติ๊ง!
ฉันรีบเดินออกจากลิฟท์ทันที เมื่อถึงชั้นสิบห้า หลังจากแทบคลั่งเพราะทนกับนัยน์ตาของจอมทัพไม่ไหว นี่ถ้ามันนานกว่านี้ สาบานได้ว่าฉันโวยแน่!
ฉันควานหาคีการ์ดในกระเป๋าทันทีที่เดินมาถึงหน้าห้อง ‘1521’ แต่ให้ตายตอนนี้ฉันแทบจะเทกระเป๋าลงกับพื้นแล้ว แต่ทำไมหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ฉันจำได้ ว่าฉันเป็นคนเอาใส่กระเป๋าใบนี้ ทันทีที่ได้รับมาจากคุณทิพย์
เป็นจังหวะเดียวกันที่จอมทัพเดินผ่านมา ก่อนที่เขาจะหันมาคลี่ยิ้มน้อยๆให้ฉัน พลางชูคีการ์ดของฉัน ซึ่งเขาเอาไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
ให้ตาย ฉันพลาดตอนไหน หมอนั่นถึงได้หยิบไปตอนที่ฉันไม่รู้สึกตัว!
“นี่คุณ...!” ฉันถลึงตาใส่จอมทัพทันที เมื่อรู้ว่าคีการ์ดที่ฉันแทบจะหาพลิกแผ่นดินหาอยู่ในมือเขา “เอาคืนมานะ”
“คืนก็โง่ ฉันบอกแล้วไงว่าเธอจะเจอกับอะไร” จอมทัพพูดพลางยิ้มร้าย ก่อนที่จะเอาคีการ์ดของฉันลงบนกระเป๋าหน้ากางเกงยีนส์สีซีดของตัวเอง พลางหยิบคีการ์ดของห้องตัวเองขึ้นมารูด และไม่นานประตูห้องเขาก็เปิดโดยที่ประตูห้องฉันยังปิดสนิท
คนหน้ามึนเดินเข้าห้องตัวเอง โดยไม่ลืมที่จะโปรยสายตามามองฉันเป็นเชิงสั่งกลายๆ ว่าให้ฉันเข้าไป แต่เรื่องอะไรฉันจะเข้าไปละ -^-!
แต่ยืนรอได้ไม่ถึงสิบนาทีก็เป็นฉันที่ความอดทนหมดลง เมื่อเหลือบมองไปที่ประตูที่เปิดกว้าง แล้วเห็นคนตัวสูงยืนถือขวดน้ำพิงกรอบประตูทางเข้า โดยยักคิ้วพร้อมกับทำสีหน้ากวนๆ
“เข้าไปสิ” จอมทัพพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์อย่างเชิญชวน “ถ้าเธอเข้ามา ฉันจะทำเป็นลืมเรื่องวันนั้นที่เคยพูดไว้กับเธอ”
น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ดังขึ้นอีกครั้ง ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะอ่อนระทวย แต่สำหรับฉันมันใช้ไม่ได้ผล เพราะฉันรู้ดีว่าถ้าฉันก้าวเข้าไปในห้องนั้นฉันจะเจอเข้ากับอะไร
“คุณจะลืมเรื่องอะไรก็ช่าง แต่ตอนนี้คุณควรจะคืนคีการ์ดห้องฉันได้แล้ว”
จอมทัพไม่ตอบแต่ยิ้มยั่ว ก่อนที่เขาจะโยนขวดน้ำทิ้งตรงถังขยะหน้าห้อง พลางเดินมาหาฉัน ซึ่งตอนนี้ถอยจนหลังชิดกับผนังหยาบของคอนโดเมื่อสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังคลืบคลานเข้ามา
มือหนายันไว้กับผนังข้างหนึ่งราวกับจะกักขังฉันไว้ไม่ให้ไปไหน ก่อนที่อีกมือจะล้วงเข้าไปบนกระเป๋าหน้ากางเกงยีนส์หยิบคีการ์ดของฉันออกมาแล้วพรมจูบเบาๆ แล้วช้อนสายตาที่บ่งบอกได้ว่าอันตรายชัดๆส่งมาให้ฉัน
“ทำไมฉันจะต้องคืนด้วยละ ในเมื่อเธอตามฉันมาถึงทีนี้ แถมยัง...อยู่ข้างห้องฉันซะอีก” จอมทัพทิ้งจังหวะพูดเพื่อจงใจปั่นความรู้สึกของฉัน ก่อนจะลงท้ายด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอย่างเชิญชวน
“และฉันก็หวังว่าจุดประสงค์ที่เธอมาที่นี้คงจะไม่ใช่เรื่องสัญญาที่เกี่ยวกับยัยแม่มดนั่น!” ก่อนที่เขาจะตวาดฉันเสียงดังลั่น จนฉันถึงกับสะดุ้งในท่าทีที่เปลี่ยนไป
แต่ถึงกระนั้น ฉันก็ไม่คิดจะเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเขา
“แล้วถ้าฉันตอบว่าใช่ คุณจะทำไม!”
คราวนี้จอมทัพเงียบเหมือนกำลังจะประเมินสถารการณ์อะไรสักอย่าง ใบหน้าหล่อเหลาของเขานั่นปราศจากอารมณ์ใดๆ ยกเว้นนัยน์ตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจ ก่อนที่อยู่ๆ เขาจะทำกริยาห่ามๆขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยการอุ้มฉันพาดบ่าโดยไม่บอกไม่กล่าวอะไร ก่อนจะใช้เท้าปิดประตูห้องแล้วทิ้งฉันลงบนโซฟาโดยไม่คำนึงว่าฉันจะเจ็บ
“ฉันว่าเธอกับฉัน เราควรจะคุยอะไรกันสักหน่อย”
หลังจากที่เขายืนจ้องฉันสักพักจอมทัพก็พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ ฉันค่อยๆคลี่ยิ้มเมื่อเริ่มรู้สึกว่าคุ้มกับการเจ็บตัวครั้งนี้ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสดีๆ ที่เราจะได้คุยกัน บางทีฉันอาจจะไม่ต้องอยู่ที่นี้ถึงเดือน
“ได้สิ” ฉันพูดขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่จอมทัพนั่งลงบนโซฟาข้างฉัน หลังจากที่ฉันพึ่งยันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งได้สำเร็จ
“เธอเป็นอะไรกับยัยแม่มด!”
ฉันถึงกับขมวดคิ้วทันทีเมื่อหันไปมองหน้าเขาแล้วเจอประโยคนี้เข้า ซึ่งไม่เคยวาดฝันสักครั้งว่าคนอย่างจอมทัพจะถามประโยคโง่ๆพรรค์นี้!
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” ฉันตอบออกไปอย่างเลี่ยงๆ เพราะมันคงไม่ดีแน่ ถ้ามีคนนอกรู้เรื่องภายในของคนในบริษัท
“ตอบฉันมา!!!”
แต่น้ำเสียงเหี้ยมโหดของเขาก็ดังขึ้นทันทีเมื่อฉันตอบออกไปแล้วไม่พอใจเขา
“แล้วทำไมฉันจะต้องตอบ คุณเป็นใคร” ฉันถามอย่างหยั่งเชิง พลางมองสบนัยน์ตาคู่สวยอย่างหาคำตอบว่าเขาเป็นอะไรทำไมอยู่ดีๆถึงมาถามความสัมพันธ์ของฉันกับคุณทิพย์
“อย่ามาเล่นลิ้น!” จอมทัพตอบกลับ ก่อนจะมองด้วยสายตาที่กดให้ฉันจมลงดินอย่างเค้นเอาคำตอบ
“พอกันที ถ้าคุณคิดจะไม่ยอมเซ็นง่ายๆ ก็จบ ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งนักหรอกคนแบบคุณเนี่ยะ”
ฉันพูดก่อนจะลุกขึ้นเมื่อตัวเองหมดความอดทน ไม่รู้ว่าจะนั่งอยู่ให้เข้าจ้องจับผิดทำไม ส่วนเรื่องคีการ์ดฉันก็แค่ไปขอคีการ์ดสำรองที่เคาเตอร์ก็น่าจะจบ เอาไว้ให้เราอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมที่จะคุยมากกว่านี้และหวังว่าเจอกันครั้งหน้าผู้ชายคนนี้จะใจเย็นลงบ้าง
“อย่าคิดเดินหนี ถ้าฉันยังไม่สั่ง” จอมทัพพูดก่อนจะคว้าแขนฉัน ก่อนจะผลักให้ฉันล้มลงบนโซฟา
“โอ้ย” ฉันร้องขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บแสบที่แล่นมาถึงแผ่นหลังเนื่องเกิดจากการกระทำของเขา ก่อนจะมองจอมทัพด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลอย่างไม่พอใจจนออกหน้าสุดๆ! “เก็บกริยาต่ำๆ ไว้ใช้กับผู้หญิงคนอื่น อย่ามาใช้กับฉัน เพราะฉันไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของใคร!”
“อวดดี!!!” จอมทัพตวาดลั่นจนฉันเผลอสะดุ้ง ก่อนที่เขาจะหันมามองหน้าฉันอย่างวาวโรจน์ราวกับฉันไปกระตุกต่อมโมโหของเขาได้ถูกจุด!!! “เธอรู้ไหมผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาในห้องนี้ ได้รับอะไรไปจากฉัน”
จอมทัพเหยียดยิ้มน้อย ก่อนจะคร่อมลงบนตัวฉัน
“นายคิดจะทำอะไร!”
“ถามโง่ๆ” ผู้ชายคนนั้นตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สา ก่อนจะโน้มหน้าลงบนซอกคอขาวของฉันอีกครั้ง ให้ตายมันจะจบแบบนี้ไม่ได้!
ฉันพยายามทั้งจิกทั้งข่วนลงบนแผ่นอกกว้างของเขา เพื่อหาทางเอาตัวรอด แต่จนเล็บฉันแทบจะหัก ผู้ชายคนนี้กับไม่รู้สึกอะไรทั้งสิน มิหนำซ้ำยังรุกฉันหนักกว่าเดิมอีก เมื่อริมฝีปากสวยเริ่มต่ำลงมาจนเกือบจะถึงบริเวณเนินอกฉัน
และนับว่าเป็นวันที่ฉันรู้สึกผิดหวังกับการแต่งตัวของตัวเองมาก เมื่อวันนี้ฉันเลือกใส่แค่เสื้อกล้ามสีดำกับเกงยีนส์!
“หึ!” จอมทัพเหยียดยิ้ม ก่อนจะมองหน้าฉัน “นี่ละโทษของการอวดดี!”
ก่อนที่เขาจะก้มลงบนซอกคอขาวของฉันอีกรอบ พร้อมกับฝากรอยเขี้ยวที่คมราวกับแวมไพร์กระหายเลือดไว้อีกด้วย!
ฉันพยายามดีดดิ้นเพื่อขัดขืน และดูเหมือนครั้งนี้พระเจ้าจะเข้าข้าง เมื่อฉันเหลือบไปเห็นถาดผลไม้ที่วางไว้อยู่บนโต๊ะแก้วใส ฉันพยายามเอื้อมมือข้างที่ว่างโดยอีกข้างหนึ่งก็พยายามดันแผงอกกว้างของเขาไว้ แม้จะรู้ว่ามันไม่เป็นผล
และในที่สุดก็สำเร็จ! เมื่อฉันใช้จังหวะที่คนตัวสูงกำลังเคลิ้ม ค่อยๆ เคลื่อนตัวและพยายามยื้อแขน จนในที่สุดฉันก็คว้าถาดผลไม้กระเบื้องได้
มันอาจจะไม่ทำให้เขาเจ็บมากนัก แต่เชื่อฉันเถอะ อย่างน้อยเขาคงเบลอไปชั่วขณะ
แต่ในจังหวะที่ฉันจะฟาดลงบนหัวของเขา ก็ต้องเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เมื่อมือหนาของจอมทัพไขว้หลังจับข้อมือเล็กของฉันไว้ในขณะที่ปากเขายังนัวเนียอยู่ที่ซอกคอขาวฉัน
“ฉันไม่อ่อนอย่างที่เธอคิด”
จอมทัพพูดก่อนจะบีบข้อมือฉันให้ราวกับจะแหลกละเอียด ซึ่งตอนนี้มันทั้งเจ็บทั้งแสบ จนฉันต้องจำยอมคลายมือที่กำถาดนั้นให้ตกลงสู่พื้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพล้งงง!!!
เสียงกระเบื้องที่แตกดึงสติให้จอมทัพเข้าร่างไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วรีบอุ้มฉันขึ้นอย่างไม่ให้ฉันได้ตั้งตัวแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องนอน
“เธอไม่รอดแน่หวานหวาน”
จอมทัพพูดขณะที่โยนฉันลงบนเตียงขนาดใหญ่ พร้อมกับพูดชื่อฉันราวกับรู้จักฉันดี ทั้งๆที่ฉันไม่รู้จักเขาแม้แต่นิด!!! ก่อนที่เขาจะโถมเข้ามาทับร่างฉันกอปรกับมือหนาที่รวบข้อมือฉันขึ้นเหนือหัว เพื่อไม่ให้ฉันดิ้นหนี
“นี่ละโทษของการอยากลองดี!”
1 ความคิดเห็น