ตอนที่ 22 : ใกล้ตา ใกล้ตัว
ตอนที่ 22
ใกล้ตา...ใกล้ตัว
“คุณวิศรุต”
แพรวพิชชาเรียกชื่อคนที่เปิดประตูมาเห็นด้วยความประหลาดใจล้นเหลือ
หลังจากเมื่อคืนนี้ เขามาส่งเธอที่บ้านเรียบร้อยแล้ว แพรวพิชชาคิดว่าเธอจะไปดูอาการของคุณยงยุทธที่โรงพยาบาลก่อนจะกลับมาทำงาน ซึ่งก็ได้โทรศัพท์ฝากฝังคุณครูที่โรงเรียนไว้แล้ว
แต่ที่ไม่คิดไม่ฝัน คือจะได้เจอชายหนุ่มในเช้านี้
“คุณกำลังจะไปโรงเรียนหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ ฉันกำลังจะไปโรงพยาบาล” บอกกับเขาด้วยความประหลาดใจ กำลังจะเปิดประตูบ้านเพื่อนำรถยนต์ออก
“ไปสิ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“อะไรนะคะ คุณจะไปส่งฉัน แล้วไม่ต้องไปทำงานหรือคะ?” เพิ่งกวาดตามอง ว่าวันนี้เขาไม่ได้สวมสูทผูกเนกไทร์เช่นทุกวัน แต่เป็นเสื้อโปโลและกางเกงสแลคสีสุภาพ
“คุณปู่ผมสั่งให้ผมมารับคุณไปโรงพยาบาล เมื่อเช้านี้ท่านได้โทรไปถามที่โรงพยาบาลมา ทราบว่าอาการของปู่ยุทธปลอดภัยแล้ว ตอนเช้าท่านมีธุระต้องเข้าไปเซ็นเอกสารที่บริษัทก่อน สักบ่ายๆ ท่านคงจะตามไปเยี่ยม” เขาบอกที่มาที่ไป ของการมาปรากฏตัวที่นี่ให้เธอรับทราบ
“ไม่เป็นไรนะคะ ฉันไปเองได้ ไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของคุณ”
“ผมกำลังปฏิบัติตามคำสั่งของประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งนั่นก็เท่ากับผมกำลังทำงานนั่นแหละคุณ รีบมาขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวสายรถจะติด”
เมื่อเขาเร่งเร้าแบบนั้น แพรวพิชชาจึงไม่มีทางเลือก เธอรีบไปคว้ากระเป๋า ก่อนจะออกมาแล้วปิดประตูบ้านให้เรียบร้อย วิศรุตเปิดประตูรถให้
“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยแผ่วเบาพอให้เขาได้ยิน ก่อนจะก้าวขึ้นรถอย่างขัดเขิน
ไม่บ่อยนักหรอกที่เธอจะเจอผู้ชายเล่นบทสุภาพบุรุษสุดติ่งอย่างนี้ นั่นเพราะเธอไม่เคยเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหน สมัยที่ยังเรียนอยู่ ก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ไม่เคยสนใจเพศตรงข้าม เมื่อเรียนจบชีวิตก็มีแต่งาน...งานและงาน
ช่วงชีวิตของวัยหนุ่มสาว เป็นอะไรที่ห่างไกลตัวเธอมาก เธอไม่เคยได้ไปค้างอ้างแรมที่อื่น แม้ว่าจะเป็นกิจกรรมของคณะหรือที่มหาวิทยาลัย เพราะไม่อยากให้ทั้งตาและยายเป็นห่วง
การได้ใกล้ชิดกับวิศรุต เลยทำให้เธออดรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ ไม่ได้
มันเป็นคนละความรู้สึกที่มีให้กับวาคิม กับน้องชายของเขา เธอยังสนิทใจที่จะได้ใกล้ชิดสนิทสนม เรียกพี่เรียกน้องกันได้
แต่กับวิศรุต เขาดูไม่ใช่ผู้ชายที่แทบไม่เชื่อว่าจะผ่านเข้ามาในชีวิต ทีแรกเขาก่อกวน ยั่วยวนประสาท ขี้เก็ก มาดเยอะ หยิ่งจองหอง ไม่น่าคบหาไม่น่าเข้าใกล้ แต่ตอนนี้เขาได้เผยมุมอันอ่อนโยน ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ฉลาดและรอบคอบอย่างที่เธอไม่คาดมาก่อน
แต่เธอก็รู้ดีว่าชายหนุ่มคงไม่ได้คิดอะไรกับเธอเป็นพิเศษ เพราะเขาเอง ก็มีแฟนสาวเป็นถึงดาราดังที่ทั้งสวยและเซ็กซี่อยู่ทั้งคน
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากเจ้าชาญ แกหยุดเทศนาฉันได้แล้ว”
คุณยงยุทธยกมือขึ้นปรามด้วยน้ำเสียงรำคาญ เมื่อเพื่อนรักที่แวะมาเยี่ยม เฝ้าบ่นอยู่นั่นว่าท่านเป็นคนแก่หัวดื้อหัวรั้น ไม่รู้จักดูแลตัวเอง
“จะไม่ให้ฉันบ่นได้ยังไง แกขาดตรวจสุขภาพประจำปีมาสองปีแล้วทั้งที่ก็รู้ตัวว่าไม่ใช่หนุ่มๆ แล้วนะ นี่ไงล่ะถึงได้ทำให้ล้มหมอนนอนเสื่อไปไม่รู้ตัว ดีแค่ไหนที่หามส่งโรงพยาบาลทัน”
ยิ่งได้ฟังคนแก่เถียงกัน แพรวพิชชาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นความผิดของเธออย่างไม่อาจปฏิเสธได้ เธอสมควรที่จะพาคุณยงยุทธไปหาหมอ เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี แต่ก็ลืมไปเสียได้
“ก็ฉันแข็งแรงดี ไม่เป็นอะไรนี่นา จะให้ไปหาหมอทำไม?”
“ยังทำมาพูดดีอีก จนติดสายน้ำเกลือ สายนั่นสายนี่ระโยงระยางอย่างนี้ ก็ยังคิดว่าตัวเองหนุ่มแน่น ไม่มีวันแก่งั้นเหอะ”
“พูดจาอย่างนี้ มันต้องดวลหมากรุกกันคนละกระดานแล้ว”
“คุณตาคะ คุณหมอห้ามคุณตาออกกำลังกายทุกอย่าง งดทุกเรื่องที่จะทำให้หัวใจเต้นผิดปกติด้วยค่ะ” เธอต้องเอ่ยเตือนเป๋ห่าวนายทหารเก่าที่เย้วๆ ท้ารบกับเพื่อนวัยเดียวกันอยู่บนเตียงอย่างไม่ยอมเสียเหลี่ยม
“จะว่าไปก็เป็นความผิดของแพรวเอง ที่ไม่ได้พาคุณตาไปตรวจสุขภาพ”
“โอ้ย! ไม่ใช่หรอกหนูแพรว คนมันหัวดื้อต่างหาก”
“ตั้งแต่มาถึงนี่แกว่าให้ฉันไม่หยุดเลยนะเจ้าชาญ ตกลงมาเยี่ยมไข้ หรือมาเร่งให้คนป่วยตายไวๆ กันแน่” ถามอย่างอารมณ์ดี เมื่ออาการกระเตื้องขึ้น ก็ใจชื้นขึ้นมากพอเห็นหน้าเพื่อนฝูงวัยเดียวกันมาเยี่ยมเยือน
“มาเยี่ยมไข้นั่นแหละ อ้อ! ที่สำคัญคือจะมาบอกว่า ห้ามแกตายทิ้งกันเด็ดขาด แก่ๆ หนังเหนียวอยู่กันมาจนปูนนี้ ก็เหลืออยู่ไม่กี่คนแล้วนะ”
“ฉันไม่รีบตายหรอก จะตายตาหลับได้ยังไง ยังมีหนูแพรวให้เป็นห่วงอยู่ทั้งคน” น้ำเสียงอ่อนลง พร้อมกับทอดสายตามองไปยังหลานสาวที่เป็นเสมือนแก้วตาดวงใจของท่านด้วยความห่วงใยอย่างที่สุด
เจ้าสัววิชาญมองไปยังหลานสาวของเพื่อนด้วยสายตาเอ็นดู
“แล้วนี่หนูเลยไม่ได้ไปทำงานเลยสิ?”
“ไปค่ะคุณปู่ อีกสักพักจะกลับไปทำงาน”
“เหนื่อยแย่เลยสินะ นี่เห็นไหมเจ้ายุทธ แกนี่มันเพิ่มภาระให้หลานแท้ๆ”
“ไม่หรอกค่ะปู่ชาญ มันเป็นหน้าที่ ถ้าแพรวใส่ใจดูแลสุขภาพคุณตากว่านี้ ท่านก็คงไม่...” พูดเสียงเครือสั่นแล้วน้ำตาจะไหล
“เดี๋ยวคุณปู่คุยกันไปก่อนนะคะ แพรวขอตัว” รีบขออนุญาต และลุกออกไป ก่อนจะทำบ่อน้ำตาแตกขึ้นมาจริงๆ
ผู้ชราทั้งสองมองตามหลังหญิงสาวไป
“ห่วงหนูแพรวนัก แกก็ยกให้เป็นหลานสะใภ้ฉันเสียสิเจ้ายุทธ รับรองว่าฉันจะดูแลให้เหมือนหลานในไส้เลย” ตกปากรับคำเป็นมั่นเหมาะ
“ก็ไม่เห็นเขามีท่าทีกับใครเลยนี่นา ถ้าหนูแพรวรักใคร่ชอบพอกับหลานชายแกจริง ฉันก็คงจะสบายใจไม่น้อย แต่เรื่องของหัวจิตหัวใจ คงไปบังคับใครไม่ได้หรอก ไม่ว่าหลานแกหรือหลานฉัน ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามบุญวาสนานั่นแหละว่าเขามีร่วมกันมาหรือเปล่า”
ถ้อยคำที่เอ่ยเหมือนปลงๆ ทำให้คนที่ยืนโทรศัพท์อยู่นอกระเบียง และกำลังจะเปิดประตูกลับเข้ามาข้างในห้องพักฟื้นคนป่วย ได้ยินบทสนทนาของผู้ใหญ่ทั้งสอง
ดวงตาคมกล้าฉายแวววาววับขึ้นมา พร้อมกับยิ้มที่มุมปาก สถานการณ์ช่างเป็นใจให้กับแผนการร้ายที่เขาวางไว้ในใจอยู่เงียบๆ แผนการที่จะอยู่เหนือกว่าวาคิม และได้ทุกอย่างที่ต้องการจากคุณวิชาญโดยที่ท่านไม่มีทางเกี่ยงงอนบิดพลิ้ว
ชอบก็อย่าลืมกดหัวใจด้านล่าง
และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะจ๊ะ
กดติดตามผลงานของนักเขียนได้ที่เพจนี้นะจ๊ะ
จะได้ไม่พลาดการติดตามน๊า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
