ตอนที่ 11 : ด้วยความคิดถึง
ตอนที่ 11
ด้วยความคิดถึง
บิ๊กไบค์สีเงินวาวประทับตราสัญชาติเยอรมันผ่อนคันเร่งก่อนจะจอดลงหน้าประตูรั้วที่ติดป้ายไว้เห็นเด่นชัด
‘โรงเรียนอนุบาลอุ่นรัก’
คนขับตวัดขาตั้งลง พร้อมกับเปิดหน้ากากหมวกกันน็อคขึ้น สายตาจับจ้องมองไปยังหญิงสาวที่สวมเสื้อคอบัวสีขาวแบบเรียบๆ และกระโปรงอัดพลีท ยาวพอดีเข่าที่เป็นหัวขบวนนำหน้ามนุษย์ตัวน้อยๆ ที่เกาะเกี่ยวเดินต่อแถวมาเป็นระเบียบ
“เกาะไหล่กันไว้นะคะเด็กๆ อย่าปล่อยมือนะคะ เราจะได้เป็นรถไฟปู๊นๆ ขบวนเดียวกัน” เสียหวานใสเอื้อนเอ่ยกับเด็กชายหญิงที่เกาะบ่าต่อแถวกันเดินมาเป็นระเบียบ
เขาเผลอยิ้มออกมา เมื่อเห็นนัยน์ตาดำขลับเปล่งประกายระยิบระยับด้วยความสุข รอยยิ้มสวยสว่างกระจ่างในดวงหน้าขาวใสเหมือนสาวรุ่น
ก่อนเด็กน้อยทั้งกลุ่มจะนั่งล้อมวงกันที่สนามหญ้ากลางแดดอุ่น
โดยไม่รู้ตัว ร่างสูงของบุรุษในชุดหนังเหมือนถูกสะกดให้ก้าวลงมา ถอดหมวกกันน็อควางไว้ที่รถ แล้วเดินเข้ามาหยุดยืนมองด้วยความสนอกสนใจ และเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
คนอื่นอาจจะมองเห็นเพียงคุณครูสาวหน้าเด็กใจดี ท่ามกลางมวลหมู่เด็กน้อยวัยอนุบาล แต่สำหรับวาคิมในตอนนี้ เขามองเห็นไปถึงอนาคต ผู้หญิงอย่างแพรวพิชชาเหมาะจะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างกาย เป็นศรีภรรยา เป็นแม่ของลูก และเป็นคู่ทุกข์คู่ยาก
อาจจะฟังเร็วไปสักหน่อยที่ตัดสินใจอย่างนั้น สำหรับการรู้จักกันได้แค่สามเดือน แต่เขาเพิ่งกลับจากดูงานที่เยอรมันหนึ่งเดือนเต็มจึงทำให้รู้ว่าเขาคิดถึงเธอแค่ไหน
“พี่รูปหล่อที่มายืนยิ้มอยู่ตรงนั้น เป็นคนบ้าหรือเปล่าคะ?” เสียงใสไร้เดียงสาถามขึ้นมาด้วยความสงกา ทำเอาพี่รูปหล่อแต่เหมือนคนบ้าถึงกับสะอึกขึ้นมา
แพรวพิชชาเงยหน้าขึ้นมองตามมือเล็กๆ ที่ชี้ถาม จึงได้เห็นว่าใครบางคนยืนมองอยู่นานแล้ว
“ครูจอยคะ แพรวฝากเด็กๆ สักครูนะคะ”
“ได้ค่ะ คุณครู”
แพรวพิชชาเดินยิ้มแป้นมาแต่ไกล กวาดตามองลุคซ์ใหม่ของชายหนุ่มที่เธอไม่เคยเห็น วาคิมยิ้มเผล่ให้เธอ การที่ได้เห็นหน้าคนที่คิดถึงชัดๆ มันทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขานึกอยากจะเข้าไปกอดเธอให้แน่นๆ สมกับความคิดถึงที่ต้องห่างกันไกลเป็นเวลานาน แต่กลัวว่าหญิงสาวจะตกใจเสียเปล่าๆ
“เปลี่ยนมาเป็นสิงห์นักบิดตั้งแต่เมื่อไหร่คะพี่คิม?” เสียงหวานใสทักถาม ด้วยใบหน้าที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม
วาคิมเหลียวหน้าไปมองมอเตอร์ไซด์ที่เพิ่งถอยมาใหม่ เขาชื่นชอบเจ้าสองล้อติดเครื่องนี่มานานแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาสเป็นเจ้าของด้วยเงินที่หามาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง
“เพิ่งซื้อมาได้ไม่กี่วันนี้เองจ๊ะ แต่มีโอกาสมาขี่เป็นจริงเป็นจังก็วันนี้แหละ นี่ก็กำลังมองหาคนซ้อนท้ายอยู่ น้องแพรวสนใจจะให้เกียรติพี่ไหมครับ?”
แพรวพิชชาเอียงตัวไปมองรถคันโก้ข้างหลังร่างสูง คาดเดาว่าราคาคงจะแพงพอๆ กับรถซีดานหรูๆ สักคันเลยทีเดียว ได้ยินว่ารถบิ๊กไบค์พวกนี้ แพงมากราคาเหยียบล้านเสียด้วยซ้ำ
“นึกยังไงคะถึงได้มาขับมอเตอร์ไซด์?” ตั้งคำถามพร้อมกับรอยยิ้มเก๋ๆ
“มันคล่องตัวดี โดยเฉพาะกับการจราจรในกรุงเทพฯ”
“ก็น่าสนใจนะคะ เอาไว้วันหยุดสักวันถ้ามีเวลาแพรวจะแปลงร่างเป็นสาวนักซิ่งเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างก็คงจะดี” ตอบไปอย่างอารมณ์ดี
“ว่าแต่พี่คิมแวะมาหาแพรวหรือว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าเอ่ย?” ทำหน้าสงสัย เพราะจากที่ติดสอยห้อยตามเจ้าสัววิชาญมาที่บ้านทุกวันหยุด หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทั้งปู่ทั้งหลานก็หายหน้าไป ได้ข่าวว่าเขาไปดูงานต่างประเทศเป็นเดือน
“พี่เพิ่งกลับมาจากดูงานที่เยอรมัน เลยมีของมาฝากจ๊ะ แค่ของเล็กๆ น้อยๆ น่ะ” พูดอย่างเขินๆ พร้อมกับดึงพวงกุญแจรูปหอไอเฟล ออกมายื่นให้ตรงหน้า
แพรวพิชชาทำหน้างง
“เพิ่งรู้ว่าเยอรมันมีหอไอเฟลด้วย”
“ขากลับได้แวะเที่ยวฝรั่งเศสน่ะ เห็นมันน่ารักดี คิดถึงน้องแพรว ก็เลยซื้อมากฝาก”
แพรวพิชชายิ้มหวาน กล่าวขอบคุณ พร้อมกับรับของขวัญจากความคิดถึงมาจากชายหนุ่ม
“และก็มีนี่” หยิบเอาผ้าพันคอออกมาจากกระเป๋าเสื้อหนังอีกข้างหนึ่ง
“ว้าว! ขอบคุณมากค่ะ” จับผ้าพันคอผืนสวยเนื้อนุ่มดูด้วยความรู้สึกชอบทันที
“และก็นี่...” ดูท่าจะยังไม่หมดง่ายๆ เมื่อเห็นเป็นกล่องหนังเมื่อเปิดออกจึงเห็นว่าเป็นแว่นกันแดดยี่ห้อดัง
“ขอบคุณค่ะพี่คิม คงจะหลายตังค์เลยสิคะเนี่ย เกรงใจจัง” เธอรู้สึกเกรงใจจริงๆ
“ยังไม่หมดจ๊ะ มีนี่ด้วย” ว่าแล้วก็ล้วงเอากล่องน้ำหอมกลิ่นหวานๆ สดใสเหมือนเธอออกมาให้
แพรวพิชชาตาโต ชักรู้สึกเกรงอกเกรงใจที่จะรับของกำนัลทั้งหมดนี่เอาไว้
“เอ่อ! มันชักจะเยอะไปแล้วนะคะ นี่กระเป๋าโดราเอมอนหรือเปล่าคะเนี่ย?” มองเสื้อหนังที่เขาสวมใส่อย่างสงสัยว่าจะยังมีอะไรออกมาอีก
“หมดแล้วจ๊ะ” คนว่ายิ้มเหมือนเด็กๆ ไม่มีพิษมีภัยนัยน์ตาดำขลับคมเข้มนั่นเปล่งประกายความสุขฉายชัด
“แพรวเกรงใจจัง ไม่ได้ไปเที่ยวไหน เลยไม่มีอะไรมาฝากพี่คิมบ้าง”
“ไม่ต้องซีเรียสหรอกน่า แค่เลี้ยงข้าวกลางวันพี่สักมื้อ ก็โอเคแล้ว”
“เอ่อ” แพรวพิชชาตาปริบๆ นี่วาคิมกำลังชวนเธอออกไปทานข้าวมื้อเที่ยงด้วยใช่ไหม?
ใบหน้าเป็นกังวล หันไปทางนักเรียนตัวน้อยๆ ที่กำลังสนุกสนานกันกลางแดดอุ่น
“อื้ม! แพรวออกไปไหนไม่ได้ด้วย ต้องคอยดูแลเด็กๆ” ยิ่งตอนนี้ที่โรงเรียนเหลือคุณครูเพียงแค่ไม่กี่คน แรงงานหลักก็คือเธอนี่แหละ ที่ไม่เพียงนั่งเก้าอี้บริหารในฐานะเจ้าของโรงเรียน แต่ยังไปช่วยสอนและช่วยดูแลเด็กๆ ด้วย
“ก็ไม่เป็นไรนี่จ๊ะ พี่ทานที่นี่ก็ได้” นึกถึงอาหารอร่อยๆ ฝีมือหญิงสาวที่เคยได้ลิ้มลอง หรือไม่เป็นฝีมือของป้าขจิตซึ่งเป็นแม่ครัวเอกของโรงเรียนเขาก็ไม่เกี่ยงหรอกนะ
“เอ่อ! มันจะดีหรือคะพี่คิม ดูจะไม่คุ้มกับของฝากตั้งหลายอย่างนี่เลย”
“ไม่ต้องซีเรียสน่า ก็แค่ของฝาก” ว่าพร้อมกับหยิบผ้าพันคอที่อยู่ในมือเธอขึ้นมาคล้องที่ลำคอเรียว พันรอบคอให้ ก่อนจะขยับเอียงคอมองยิ้มๆ
“เข้ากับน้องแพรวมากเลย พี่นี่ก็เลือกเก่งเหมือนกันนะ” ว่าพร้อมกับยิ้มอย่างภูมิใจ
แพรวพิชชาอมยิ้ม พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ อย่างขัดเขิน
“คนอะไรชมตัวเองก็ได้นะคะ แต่สวยจริงๆ ค่ะ แพรวชอบมาก ขอบคุณนะคะ” เงยหน้ามองเขาดวงตาเป็นประกายอย่างรู้สึกขอบคุณจากหัวใจ
“จ๊ะ ว่าแต่หนึ่งอิ่มที่จะเลี้ยงพี่นี่ อะไรดีหนอ?” เขาทำท่าคิดพร้อมกับคาดหวัง
แพรวพิชชาพลิกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา
“อีกประมาณครึ่งชั่วโมง ได้เวลาทานข้าวของเด็กๆ พอดี พี่คิมไม่รีบใช่ไหมคะ?”
คนตัวสูงยิ้มแฉ่ง ส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่จ๊ะ ไม่รีบเลย เพื่ออาหารแสนอร่อย พี่รอได้” ทำหน้าตายินดียิ่งที่จะได้ทานข้าวร่วมกับเธอ มันเป็นความรู้สึกตื่นเต้น ยินดีราวกับเป็นเดทแรกของหนุ่มน้อยยังไงยังงั้น
“งั้นได้เลยค่ะ เดี๋ยวแพรวจัดเมนูให้เป็นพิเศษ” คนว่าหน้าเป็นยิ้มระรื่นไปด้วย ดีใจที่ได้เห็นเพื่อนคุยถูกคอ และคนคุ้นเคยที่พอเห็นหน้ากันบ่อยๆ เมื่อหายไปก็อดจะคิดถึงไม่ได้เช่นกัน
ชอบก็อย่าลืมกดหัวใจด้านล่าง
และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะจ๊ะ
กดติดตามผลงานของนักเขียนได้ที่เพจนี้นะจ๊ะ
จะได้ไม่พลาดการติดตามน๊า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
