ตอนที่ 9 : ทำตัวน่าสงสัย
“นายคงต้องชวนเองแล้วล่ะ แต่ถึงแม่นายไม่ไป เราไปกันสองคนก็ได้นี่นา”
ใบหน้าของภีรภัทรเจื่อนลง พร้อมส่ายหน้าดิก
“พี่ฤทธิ์ชวนแม่บัวด้วยนะครับ...น๊าคร๊าบ...”
น้ำเสียงออดอ้อน แววตาเว้าวอนของน้องชายทำให้เขายอมผงกหน้าในที่สุด
“หนูอยากออกไปเล่นที่สวนสนุกบ้าง เหมือนเพื่อนๆ”
“แล้วปกตินายไปเล่นที่ไหนกับใครบ้างล่ะ?”
“ก็เล่นตุ๊กตากับแม่บัว กับเล่นหม้อข้าวหม้อแกงกับป้าไรที่บ้าน แม่ไม่ชอบพาออกไปไหน คุณพ่อก็หายไปเลย แม่บอกว่าคุณพ่อตายแล้ว หนูจะไม่ได้เจอคุณพ่ออีก”
ใบหน้าเล็กๆ เจื่อนจ๋อยลง ดวงตาดำขลับที่ทอประกายสดใสหม่นแสงลงไปทันที
คำตอบที่ได้ฟังทำให้เขาพลอยสะเทือนใจไปด้วย การเลี้ยงดูเด็กสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเด็กที่ไม่ได้เลี้ยงเองมาแต่อ้อนแต่ออก
และด้วยสภาพแวดล้อมที่มีแต่ผู้หญิง อาจจะทำให้ภีรภัทรเบี่ยงเบนเอาก็ได้ เขาคงต้องใช้เวลาในการใกล้ชิดสนิทสนมกับแกให้มากกว่านี้เพื่อช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของน้องชาย
“ตกลง เดี๋ยวจะลองชวนให้”
“เย้ๆ จริงนะพี่ฤทธิ์”
เสียงแจ๋วๆ ฟังร่าเริงสดใส ทำให้คนเป็นพี่เผลอยิ้มตามไปด้วย
“จริงสิ...แต่นายต้องทานผักนะ”
ว่าพร้อมกับตักผัดผักใส่จานให้
“หนูทานแต่แครอทกับข้าวโพดอ่อนได้ไหม”
ใบหน้าเล็กเงยขึ้นมาต่อรอง
“แล้วผักคะน้าล่ะ ไม่ลองทานดูล่ะ มันอร่อยนะ”
ภูวภัทรสั่นหน้าแรง
“มันเหม็นหนูไม่ชอบ”
ว่าแล้วมือเล็กๆ ก็ใช้ช้อนส้อมเขี่ยผักใบเขียวไว้ที่ข้างจาน ก่อนจะตักแครอทเข้าปาก ท่าทางการกินอย่างมีความสุขแบบเด็กๆ ทำให้เขาอดที่จะยิ้มไปด้วย และนึกเอ็นดูไม่ได้
เสียงเปิดประตูแผ่วเบา ตั้งใจให้เงียบเชียบที่สุด ก่อนที่ใบหน้าเล็กเรียวจะยื่นออกมาจากหลังบานประตู เหลียวซ้ายแลขวา ก่อนจะหยุดมองตามทางเดินที่ทอดไปยังบันไดวนลงไปชั้นล่าง ไฟในบ้านเปิดไว้เพียงสลัว ส่องให้เห็นลางๆ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
เมื่อใช้สายตาสำรวจตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีใครอื่นที่ตื่นขึ้นมาในบ้านหลังใหญ่โตแสนวังเวงในเวลานี้ ร่างบางก็เบี่ยงตัวออกมาจากหลังประตู แล้วดึงมันงับปิดลงอย่างแผ่วเบา ด้วยกลัวว่าจะทำให้ลูกชายตื่น
เฮ้อ! บัวชมพูแอบลอบถอนใจ ไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องทำตัวแปลกประหลาดอย่างนี้ ทำราวกับพวกหัวขโมยจะมาลักอะไรสักอย่าง นั่นอาจจะเป็นเพราะเธอไม่รู้สึกคุ้นเคยกับบ้านหลังใหญ่นี่ รวมถึงคนในบ้านด้วย
ในตอนค่ำเมื่อกลับมาถึงที่บ้านอัครเดชาชาญ เธอก็เอาแต่ง่วนอยู่กับการจัดห้องและรื้อกระเป๋าเพื่อนำเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เรียบร้อย เธอไม่ได้พักอยู่ที่ห้องนอนของคุณภูมิชาติอย่างที่ภูวฤทธิ์เสนอ
นั่นเพราะตัวเองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับบิดาของภีรภัทร เธอให้ความเคารพและยำเกรงท่านดั่งผู้ใหญ่ที่นับถือมาโดยตลอด และนึกกลัวอยู่ในใจลึกๆ ว่าการเข้ามาแสดงตัวและย้ายมาอยู่ที่บ้านนี้ อาจจะทำให้วิญญาณของคุณภูมิชาติไม่พอใจเอาก็ได้
เธอจึงเลือกที่จะพักห้องนอนรับรองแขก ซึ่งก็โอ่อ่ากว้างขวาง สะดวกสบายดี เสียเพียงอย่างเดียว คือมันอยู่ติดกับห้องนอนของภูวฤทธิ์ แต่ชั้นบนนี่ มีห้องนอนใหญ่เพียงแค่สามห้อง อีกห้องหนึ่งเล็กกว่าหน่อย และถูกใช้แทนห้องเก็บของเสียแล้ว การย้ายเข้ามาอยู่ปุบปับกะทันหันในวันนี้ จึงทำให้เธอไม่มีโอกาสเลือกมากนัก
เมื่อมาถึงบัวชมพูก็ง่วนอยู่กับการจัดห้อง รื้อกระเป๋านำเสื้อผ้าจัดเข้าตู้
โดยปฏิเสธที่จะไปร่วมโต๊ะรับประทานอาหารค่ำกับภูวฤทธิ์ แต่ปล่อยให้ลูกชายได้ไปทำความรู้จักกับพี่ชายของแกให้เต็มที่
ในเวลานี้เสียงท้องกำลังร้องครวญโครกครากจึงทำให้เธอไม่อาจข่มตานอนหลับได้
ร่างปราดเปรียวในชุดนอนเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว ย่องฝีเท้าเงียบกริบเกาะราวเหล็กดัดลงบันไดมาข้างล่างโดยมีจุดหมายที่ห้องครัว เพื่อหาอะไรปิดปากพยาธิในกระเพาะเสียหน่อย
โดยที่ไม่รู้ว่า คล้อยหลังเธอ ประตูห้องข้างๆ ก็แง้มเปิดออกมาเพราะเจ้าของห้องก็นอนไม่หลับเช่นกัน และกำลังสงสัยในพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ ของแม่เลี้ยงวัยละอ่อนว่าเจ้าหล่อนกำลังย่องเบาลงไปไหนในเวลาดึกดื่นมืดค่ำ
หรือว่าเธออาจจะนัดชู้รักเอาไว้...ให้ตายสิ เขาไม่มีความคิดด้านดีๆ เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้เลย และส่วนหนึ่งที่ทำให้ให้ภูวฤทธิ์ไม่อาจข่มตานอนหลับได้ ก็คือความคลางแคลงใจสงสัยในตัวของบัวชมพู คนที่จู่ๆ ก็กลายมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ทั้งที่เจ้าหล่อนอ่อนวัยกว่าเขาหลายปีทีเดียว
และชายหนุ่มไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยโดยคาดเดาคำตอบไปเรื่อย...อยากรู้ก็ตามไปดูให้เห็นกับตาตัวเองสิว่าหญิงสาวลงไปไหน...หรือนัดใครเอาไว้
ร่างสูงใหญ่พลอยย่องฝีเท้าเงียบกริบเพื่อตามบัวชมพูลงไปข้างล่างด้วยอีกคนหนึ่ง
“สวรรค์”
ดวงตาคู่สวยหวานทอประกายระยิบระยับ เมื่อเห็นเสบียงอาหารที่อัดแน่นอยู่ในตู้เย็นหลังใหญ่แบบ side by side ขนาดไม่ต่ำว่ายี่สิบคิวที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้องครัว
มือบางเลือกหยิบกล่องคุ้กกี้มาเปิดทานแก้อาการหิวจนตาลาย เพราะน่าจะง่ายและสะดวกที่สุด
เธอไม่น่าทนข่มตัวเองให้นอนอยู่ตั้งนานสองนาน เพราะคิดว่าถ้าหลับไปแล้วเดี๋ยวก็คงลืมหิวไปเอง แต่กระเพาะของเธอมันไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ด้วย หลังจากร้องอุธรณ์วอนเว้าผู้เป็นเจ้าของอยู่นานสองนาน กระทั่งรู้สึกหิวจนแสบกระเพาะทนไม่ไหวนั่นแหละ บัวชมพูจึงพบว่าตัวเองพ่ายแพ้ราบคาบ จำต้องลุกขึ้นมาหาอะไรใส่ท้องเพื่อให้กระเพาะได้ย่อยเสียหน่อย
อารามหิวทำให้หญิงสาวหยิบคุ้กกี้ใส่ปากทานจนเคี้ยวไม่ทัน คุ้กกี้สองสามชิ้นอัดแน่นจนกลืนไม่ลงแถมยังติดคออีกต่างหาก
มือบางละจากกล่องคุ้กกี้หันไปเปิดตู้เย็นอีกครั้งหยิบขวดนมจืดมาเปิดยกซดอึกๆ พร้อมกับทุบที่เหนือทรวงอกเบาๆ ช่วยดันคุ้กกี้ลงไปตามหลอดอาหาร
กริยาท่าทางอย่างนี้จะทำให้ภีรภัทรเห็นไม่ได้เป็นเด็ดขาด เธอจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกชาย
แต่อาจจะเป็นเพราะเธอไม่มีสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่แท้จริง พอลับหลังเจ้าหนูบัวชมพูก็ไม่ต่างจากผู้หญิงวัยซนที่เพิ่งพ้นโรงเรียนมัธยมมา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
