ตอนที่ 5 : หลักฐานชี้ชัด
‘ตามเอกสารที่คุณฤทธิ์ให้ตรวจสอบยืนยันว่าเป็นของจริงครับ และคุณภูมิชาติเป็นคนไปแจ้งเกิดเด็กคนนั้นด้วยตัวท่านเอง ส่วนบัญชีของคุณภูมิชาติที่ให้ตรวจสอบทั้งหมด พบว่าท่านโอนเงินจากบัญชีส่วนตัวเข้าบัญชีคุณบัวชมพู สุคนทัพทุกเดือนจริงๆ’
หลังจากได้รับคำยืนยันจากปากของทนายประจำตระกูลที่ได้รับมอบหมายให้สืบเสาะค้นหาข้อมูลมาแล้ว...ไอ้ความมั่นใจห้าสิบห้าสิบเมื่อหลายชั่วโมงก่อน เริ่มขยับเป็นเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถึงยังไง เขาก็ไม่เชื่อเสียทั้งหมด
ส่วนหนึ่งก็เพราะพฤติกรรมของคุณบัวชมพูที่ประกาศปาวๆ เรื่องเงินนั่นแหละ ทำให้เขาต้องคิดหนัก
เมื่อผลออกมาเช่นนี้ เขาคงต้องไปพูดจาตกลงกับเธอเสียใหม่ เพราะขืนให้ผู้หญิงอย่างนั้น เลี้ยงน้องชายของเขาต่อไปตามลำพัง อนาคตของเด็กชายก็น่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
เขาไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นแม่แบบไหนและเลี้ยงดูลูกได้ดีเพียงใด แต่ในฐานะพี่ชายที่มีพ่อคนเดียวกัน ภูวฤทธิ์ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในการดูแลเด็กคนนั้น
ส่วนเมียเด็กของบิดาที่อายุเพิ่งจะยี่สิบสามปี เธอยังสาวยังสวย อีกไม่นานก็คงจะหาสามีใหม่ได้ไม่ยากกระมัง
ภูวฤทธิ์เกรงว่าหากเขาจ่ายเงินให้ตามที่เรียกร้อง ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเอาเงินไปใช้อย่างอื่น เขาจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ให้ไป บัวชมพูจะเอาไปใช้ในการดูแลลูกชาย
และถ้าคิดจะรับเอาภีรภัทรมาไว้ดูแลเสียเอง แล้วให้เงินแม่เด็กไปสักก้อนหนึ่ง เจ้าหล่อนคงจะไม่ยอมแน่ๆ เมื่อมีลูกชายเป็นแหล่งเงินถุงเงินถังในฐานะบุตรชายของนายภูมิชาติ อัครเดชาชาญ
ที่สำคัญคนเป็นแม่มีหน้าที่เลี้ยงดูลูก ตัวเขาเองก็มีภาระหน้าที่การงานที่รับผิดชอบอยู่ในตอนนี้ก็หนักหนาสาหัสเอาการอยู่แล้ว
จะมาเลี้ยงเด็กอีก คงมีเวลาให้และดูแลแกได้ไม่เต็มที่
แต่เพื่อให้น้องชายเติบโตขึ้นมาในสายตาและการดูแลของเขาตามหน้าที่ที่ควรเป็น รวมถึงเพื่อควบคุมให้มารดาของเด็กชายไม่ทำตัวออกนอกลู่นอกทางด้วย...ภูวฤทธิ์กำลังคิดเงื่อนไขบางอย่าง
“ผมจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลภีรภัทรเหมือนตอนที่คุณพ่อยังอยู่”
หญิงสาวค่อนข้างพอใจในคำตอบที่ได้รับ เธอพยักหน้าน้อยๆ กำลังจะยิ้มอยู่แล้วเชียว
“แต่ตาหนูจะไม่ได้รับเพียงแค่นั้นใช่ไหมคะ?”
ใบหน้าคร้ามที่กำลังพิศมองน้องชายต่างมารดาชะงัก เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ ดวงตาที่ฟาดฟันต่อสู้กันอยู่เงียบๆ ไม่มีฝ่ายใดยอมถอย
บัวชมพูเองก็อึดอัดใจไม่น้อย เมื่อถูกมองด้วยสายตาเหมือนเธอเป็นผู้หญิงหน้าเงิน แต่เธอก็อยากให้เขาพูดออกมาให้มันชัดเจนเลยว่าเขาจะไม่ฮุบสมบัติไว้เองเสียหมด แล้วแบ่งเพียงเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ มาให้ลูกชายเธอ
...ภีรภัทรจะต้องได้รับมากพอสมฐานะบุตรชายอีกคนที่มีบิดาคนเดียวกับเขา
“ฉันหมายความว่า ในเมื่อตาหนูก็เป็นลูกของคุณภูมิชาติเหมือนคุณ แกควรจะได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ว่าทางด้านไหน เหมือนกับที่คุณเคยได้รับ”
ภูวฤทธิ์ผงกหน้า
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
“รวมถึง...เอ่อ...ทรัพย์สินอื่นๆ ของคุณภูมิชาติด้วย”
เพื่อที่เจ้าหล่อนจะได้เกาะลูกชายกิน สบายไปทั้งชาติอย่างนั้นสิ...ภูวฤทธิ์แค่นยิ้ม
แค่ผู้หญิงคนนี้อ้าปากพูด เขาก็เห็นถึงลิ้นไก่ เห็นไส้กี่ขดกี่ขดของเธอแล้ว...
นี่ไงล่ะเหตุผลที่ทำให้เธอยอมมาเป็นเมียลับๆ ของผู้ชายแก่คราวพ่อ...แถมยังปล่อยให้ตัวเองตั้งท้องตั้งแต่อายุสิบเจ็ดปี เป็นแม่คนตอนอายุสิบแปดปีก็เพราะหวังขุดทองชัด
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง...ลูกคุณจะได้รับส่วนแบ่งในส่วนที่แกสมควรได้”
บัวชมพูยิ้มออกมาอย่างพอใจ...ถึงจะไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของภูวฤทธิ์เป็นคนเช่นไร แต่เธอค่อนข้างเชื่อใจ และเชื่อมั่นในคำพูดของเขา
“แต่นั่นต้องในเวลาที่เหมาะสม”
น้ำเสียงราบเรียบ หากเน้นหนักแน่นในทุกคำพูดทำให้หญิงสาวชะงัก กลีบปากสวยที่คลี่ยิ้มพอใจกลับมาหุบฉับสนิท สายตาที่มองมายังเขา เหมือนกำลังค้นคว้าหาอะไร
‘ในเวลาที่เหมาะสม’
คือเวลาไหนล่ะ? จนกว่าลูกชายเธอจะบรรลุนิติภาวะเช่นนั้นหรือ?
“ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองมีน้องชาย แถมยังอายุห่างกันมากขนาดนี้”
ขนาดที่พอจะเป็นพ่อลูกกันได้เลยเสียด้วยซ้ำ “เลยทำตัวไม่ค่อยถูก”
เขามองที่เด็กชายอย่างค่อนข้างกังวลนิดๆ การเลี้ยงคนสักคนให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเด็กชายที่กำพร้าพ่อแต่เล็กๆ ยิ่งน่าเป็นห่วงว่าเขาจะเติบโตมาอย่างไร...เมื่อไม่มีต้นแบบของผู้ชายดีๆ ให้ดูเป็นตัวอย่าง
มารดาของภูวฤทธิ์เองก็จากไปด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่ตอนที่เขาอายุได้สิบหกปี และแม้ว่าจะโตขนาดนั้น เขายังรู้สึกเคว้งคว้างและโหยหา เขาจึงไม่อยากให้น้องชายต่างมารดาเกิดความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้ แม้ว่าอีกฝ่ายอาจจะยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจอะไรทั้งหมดก็ตามทีเถอะ
เขาอยากมีส่วนในการดูแลแก...ซึ่งคุณภูมิชาติเองก็คงอยากให้เป็นเช่นนั้น ภูวฤทธิ์จึงไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงไม่เคยเอ่ยปากบอกเรื่องนี้กับเขา แถมยังเก็บงำเป็นความลับมาตั้งห้าหกปี ทั้งๆ ที่เขาเองก็โตพอที่จะเข้าใจเหตุผล และรับได้ หากท่านจะมีใครมาดูแลในช่วงเวลาที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย
แต่พอมาพิศดูผู้หญิงตรงหน้านี่ ...อายุที่ห่างจากบิดาของเขาถึงสามสิบปี คงเป็นหนึ่งเหตุที่ทำให้ท่านคิดหนัก เกรงว่าเขาจะต่อต้าน รวมถึงคนแวดล้อมและสังคมที่จะมองไม่ดีด้วยก็เป็นได้
“คุณคงไม่ว่าอะไร ถ้าผมอยากจะทำความรู้จักน้องชายของตัวเองให้มากกว่านี้ รวมถึงอยากมีส่วนในการเลี้ยงดูแกด้วย”
“ได้ค่ะ คุณสามารถไปเยี่ยมตาหนูได้เสมอ ดิฉันไม่มีปัญหาอะไร เราอยู่ที่บ้านจัดสรรย่านชานเมืองนี่เอง”
ดวงตาคมหรี่ลง พร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“ผมหมายถึงว่าให้ภีรภัทรย้ายมาอยู่ที่นี่”
แม่ของเด็กชะงักไป อ้าปากค้าง ก่อนจะรีบแย้ง
“ฉันเกรงว่า...”
“อย่าปฏิเสธเลยคุณบัวชมพู อันที่จริงแล้วคุณก็เป็น... เอิ่ม...ภรรยาของพ่อผม ถ้าคุณจะมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เพื่อจะได้ช่วยกันดูแลลูกๆ ของท่านก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมิใช่หรือ?”
สีหน้าของหญิงสาวดูหนักใจจนเกินเหตุ...เขาไม่รู้หรอกว่าบ้านจัดสรรที่บิดาซื้อให้เธอนั่นหลังใหญ่โตแค่ไหน และมีคนคอยดูแลรับใช้อำนวยความสะดวกสบายเหมือนบ้านหลังนี้หรือเปล่า?
หรือว่าเหตุผลแท้จริงที่เธอไม่อยากมาอยู่ที่นี่ เพราะเธอเกรงจะไม่มีอิสระและไม่สะดวกสบายในการคบหาผู้ชายคนใหม่ได้ง่ายขึ้น
ผู้หญิงที่มีสามีและมีลูกตั้งแต่อายุสิบแปดปี ไม่เรียกว่าไวไฟแล้วจะให้เรียกอะไร...เขาไม่ไว้ใจเธอเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ
“คุณอยู่ที่บ้านหลังนั้นกับลูกแค่สองคนหรือ?”
“เปล่าค่ะ...มีป้าอุไร เอ่อ! แม่บ้านที่คุณภูมิชาติจ้างมาช่วยดูแลตาหนูอีกคน”
ภูวฤทธิ์ย่นคิ้วนิดๆ
“แค่นั้นจริงนะหรือ?”
“ค่ะ...และทุกหนึ่งหรือสองอาทิตย์ คุณท่านจะแวะไปเยี่ยมตาหนูเสียครั้งหนึ่ง”
“มีแต่ผู้หญิง กับเด็ก อันตรายจะตายไป”
“ไม่อันตรายหรอกค่ะ ฉันอยู่ที่นั่นมาห้าปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้น”
รีบแย้งขึ้นมาเพราะโครงการบ้านจัดสรรที่คุณภูมิชาติซื้อให้เธออยู่กับลูกชาย นอกจากจะสะดวกสบายก็ยังมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีอีกด้วย ผิดกับการย้ายมาอยู่ที่นี่ นอกจากไม่คุ้นชินกับสถานที่ ดูแล้วผู้คนยังไม่เป็นมิตรอีกต่างหาก
“แต่ผมเป็นห่วง”
สายตาและน้ำเสียงของชายหนุ่มค่อนข้างจริงจัง จนคนฟังสะดุดหู
“ผมห่วงน้องชายของตัวเอง มันคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมถ้าคุณจะย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน”
ชอบก็อย่าลืมกดหัวใจด้านล่าง
และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะจ๊ะ
กดติดตามผลงานของนักเขียนได้ที่เพจนี้นะจ๊ะ
จะได้ไม่พลาดการติดตามน๊า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
