ตอนที่ 34 : สะกดสายตา
“แน่ะ”
คุณแม่ใจร้ายแยกเขี้ยวใส่ลูกชาย ที่หน้าจ๋อย ตะกายไปนั่งตักพี่ชายอย่างหาที่พึ่ง ดวงตาเขียวปั๊ดเลยมองไปถึงใบหน้าไม่รู้ไม่ชี้ของเขาด้วย
“เห็นไหมคะว่าคุณกำลังจะทำให้ตาภีมเสียคน”
พ้อขึ้นมาอย่างเหนื่อยใจ
ใบหน้าหล่อเหลาเพียงยิ้มๆ ไม่ว่าอะไร ทานข้าวตังต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย
“ข้าวตังหน้าตั้งฝีมือป้าแจ่มอร่อยไม่เคยตก”
เอ่ยชมขึ้นมาเมื่อความอร่อยทำเอาทานเพลินจนหมดจาน
“ใครว่าคะ คุณบัวเป็นคนทำต่างหาก”
คุณแม่บ้านที่ไปเอาสำรับชุดใหม่มาเสิร์ฟแก้ความเข้าใจผิด
“ใช่ค่ะ รวมถึงขนมวุ้นกรอบกับอาลัวนี่ด้วย”
ต้นหอมเสริม ชื่นชมหญิงสาวที่ทำขนมไทยอร่อยๆ ให้ทานทุกวัน
คนกำลังเคี้ยวเพลินตวัดสายตา กลับมามองเจ้าของฝีมือเลิศรสอย่างไม่น่าเชื่อ
“คุณบัวเธอให้ช่วยชิมว่าผ่านหรือเปล่า? คุณฤทธิ์ว่าไงคะ?”
ภูวฤทธิ์เปลี่ยนท่านั่งแสนสบาย กลับมายืดหลังตรง
“ก็ใช้ได้”
เขาแบ่งรับแบ่งสู้
“ป้าว่าอร่อยทีเดียวเลยล่ะค่ะ”
“ใช่ค่ะ อร่อยมาก อย่างนี้รับรองว่าต้องมีคนสั่งจนทำไม่ทันแน่ๆ”
บัวชมพูยิ้มอย่างดีใจ ที่หลายเสียงช่วยการันตีฝีมือ เพราะถ้ามันอร่อยก็น่าจะขายได้ เธอเองจะได้มีรายได้ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
“แหม! บัวจะตัวลอยเพราะต้นหอมชมนี่แหละ ยังไม่ทันจะได้เอาไปฝากขายเลย จะขายได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้”
ภูวฤทธิ์ชะงักมือที่หยิบของอร่อยเข้าปาก
“คุณจะทำขนมขายหรือ?”
“ค่ะ ดิฉันว่าจะลองทำเอาไปฝากขายที่ร้านกาแฟที่ปั๊มน้ำมันหน้าปากซอย เห็นเขามีขนมหลายอย่างเลยลองถามดู เขาบอกยินดีรับฝากขายค่ะ”
ร้
านกาแฟที่ว่านั่น เจ้าของเป็นผู้ชาย ท่าทางหน้าหม้อใช่ย่อย...ภูวฤทธิ์นึกตะหงิดๆ ในใจ
“คุณมีเวลาว่างขนาดไปหากาแฟดื่มนอกบ้านด้วยหรือไง?”
เสียงถามขุ่นนิดๆ
“พอดีพี่ธันวา เอ่อ! นายตำรวจที่เราเคยเจอที่สถานีตำรวจน่ะค่ะ เขานัดพบฉันที่นั่นเมื่อสองวันก่อน”
เจ้าผู้กองหนุ่มนั่นเห็นเงียบหายไป ให้เขาโล่งใจ นี่แอบดอดไปพบกันแล้วหรือ? และเวลาที่เขาไม่อยู่ เธอทำอะไรที่ไหนกับใครบ้าง?
จู่ๆ ภูวฤทธิ์ก็อยากรู้ขึ้นมา เพราะเข้าใจมาตลอดว่าบัวชมพูอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปไหน แต่แท้ที่จริงกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย
ดวงตาคมแอบและเหลือบมองใบหน้าสวย ผิวของบัวชมพูขาวอมชมพูนิดๆ หน้าใสไม่ต่างจากสาวรุ่น ผมยาวสีดำสนิทแนบไปกับศีรษะทุยสวยได้รูป เขายอมรับว่าเธอเป็นคนสวย และมีเสน่ห์ชวนมอง
เสน่ห์ของมารดาน้องชายไม่เพียงดึงดูดผู้ชาย แต่สามารถกวาดหัวใจคนในบ้านได้ด้วย อย่างป้าแจ่มที่ไม่ชอบหน้าในตอนแรก หากว่าเวลานี้ดูจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย แววตารักใคร่เอ็นดูไม่ต่างจากมีให้เขา
“คุณอยากทำงานงั้นหรือ?”
“ค่ะ ฉันอยากหาอะไรทำตอนที่ตาภีมไปโรงเรียน จะได้ไม่เหงา”
“แล้วคุณเรียนจบอะไรมาล่ะ?”
ถามโดยไปไม่ได้คาดหวังคำตอบ เมื่อเธอมาเป็นภรรยาของนายภูมิชาติ ตั้งแต่อายุสิบแปด อย่างมากสุดก็น่าจะจบมัธยมปลาย
“ฉันจบบัญชีค่ะ”
หญิงสาวบอกคณะและมหาวิทยาลัยที่จบมา ทำให้ภูวฤทธิ์อึ้งไป
“คุณเพิ่งเรียนจบหรือ? แล้วเอาเวลาที่ไหนไปเรียน...ไม่ต้องเลี้ยงนายภีมหรือไง?”
“ฉันมีป้าอุไรช่วยดูแล แต่ถ้าไม่มีเรียนฉันก็จะเลี้ยงลูกเองค่ะ”
ภูวฤทธิ์ไม่เคยรู้เรื่องนี้ เพราะเขาไม่สนใจที่จะรู้ คิดเอาเองว่าบัวชมพูคงทำตัวเป็นคุณนาย เกาะบิดาเขากินสบายไปวันๆ มีอะไรอีกหลายอย่างที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้
“ที่บริษัทกำลังต้องการเจ้าหน้าที่บัญชี”
คนที่ป้อนขนมลูกเงยหน้ามามองเขา ดวงตาดำขลับใสแจ๋วมองอย่างตื่นเต้นนิดๆ
“แต่ฉันไม่เคยมีประสบการณ์นะคะ จบมาก็ยังไม่ได้ทำงานที่ไหน”
“ก็ไม่เป็นไรนี่ เพราะที่บริษัทก็มีพนักงานหลายคนที่ชำนาญงาน ดูท่าคุณจะเป็นคนเรียนรู้งานไว และอีกอย่าง ทำงานในบริษัทของครอบครัว ก็ดีกว่าไปทำงานกับคนอื่น”
คำพูดว่า ‘บริษัทของครอบครัว’ ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เพราะเท่ากับว่าชายหนุ่มได้รับเธอเข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวเขาแล้ว
บัวชมพูยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ได้ยินแบบนั้น เพราะมันเท่ากับเขายอมรับความรู้ความสามารถและไว้วางใจในตัวเธอระดับหนึ่ง
“คุณฤทธิ์พูดจริงใช่ไหมคะ?”
“ผมดูเหมือนเป็นคนชอบล้อเล่นหรือไง?”
คำถามกวนๆ ชวนหาเรื่องนิดๆ ทำเอาใบหน้างามค้อนขวับ
“เดี๋ยวคุณช่วยเอาหลักฐานการศึกษา และเอกสารต่างๆ ที่จะใช้สมัครงานมาให้ผมก็แล้วกัน ผมจะได้เอาไปให้ฝ่ายบุคคลพิจารณา”
“ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวฉันไปหยิบให้นะคะ ฝากคุณฤทธิ์ไปวันนี้เลยจะได้ไหม?”
ท่าทางกระตือรือร้นยินดีทำให้เขายิ่งประหลาดใจเพราะไม่คิดว่าบัวชมพูจะอยากทำงานถึงขนาดนี้
“คุณมีเอกสารสมัครงานเตรียมพร้อมเลยหรือ?”
“ค่ะ...ก่อนที่จะพาตาภีมมาพบคุณ ฉันก็ไปสมัครงานไว้หลายที่บ้างเหมือนกัน แต่บริษัทส่วนมากอยากได้คนมีประสบการณ์ด้วย ฉันเลยยังไม่ได้ทำงานที่ไหน”
เรื่องที่ได้ยินทำให้ภูวฤทธิ์พอใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อรู้ว่าหญิงสาวไม่ใช่ชอบพวกงอมืองอเท้ารอคอยโชคชะตา หรือหวังจะเกาะลูกกิน
“ตาภีม เดี๋ยวแม่มานะลูก คุยกับพี่ฤทธิ์ไปก่อน”
หญิงสาวโอบแก้มบุตรชายมาหอมฟอด ก่อนจะรีบเร่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อไปหยิบเอกสารมาให้ภูวฤทธิ์
แว่บหนึ่งเขานึกอิจฉาเจ้าน้องชายที่นั่งทานขนมอย่างเอร็ดอร่อยนัก
“อร่อยมากหรือไงนายภีม?”
“ครับ แม่บัวทำขนมอร่อยๆ หนูชอบกินหลายอย่างเลย”
“แม่บัวทำขนมเป็นหลายอย่างเลยหรือ?”
“ครับ หนูชอบขนมกล้วยกับวุ้นกะทิที่แม่บัวทำที่สุดเลย”
เจ้าหนูร่ายเมนูโปรดของตัวเองเสียงจ้อยๆ เป็นอีกหนึ่งข้อมูลใหม่ที่เขาไม่เคยรู้
“คุณฤทธิ์จะเอาไปทานเป็นอาหารว่างที่บริษัทด้วยไหมคะ ตอนนี้เลยเที่ยงมาแล้วนะคะ เดี๋ยวกลับไปประชุมไม่ทัน” ป้าแจ่มถามอย่างเป็นห่วง
ภูวฤทธิ์พลิกนาฬิกาดู เห็นว่าเขามัวโอ้เอ้เพลิดเพลินนานเกินไปแล้ว จนขี้เกียจจะกลับไปทำงาน แต่ว่าประชุมของผู้บริหารสำคัญกว่า
“บัวชมพูทำไว้เยอะเลยหรือครับป้า ถ้าได้ก็ดีเหมือนกัน ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียหน่อย เจ้าตัวยุ่งนี่ทำทั้งเปียกทั้งยับหมดเลย”
ว่าพร้อมกับลุกขึ้นยืน จับศีรษะเล็กทุยคลุมด้วยเส้นผมหยิกเปียกชื้นของไอ้ตัวยุ่งโยกไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะก้มลงหอมแก้มข้างเดียวกับที่แม่ไอ้หนูหอม
แก้มป่องนุ่มน่าฟัดเสียจริงๆ เมื่อครู่นี้ริมฝีปากอิ่มสวยของแม่นายภีมประทับลงไปตรงนี้...เขาเองกำลังประทับรอยทับตรงนั้น...จุดเดียวกับริมฝีปากของเธอ คิดๆ แล้วก็อมยิ้มออกมา...กลีบปากสวยน่าจูบ...นี่เขากำลังคิดทะลึ่งอะไร
ภูวฤทธิ์ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินกลับขึ้นตึกเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปทำงานเสียที
ชอบก็อย่าลืมกดหัวใจด้านล่าง
และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะจ๊ะ
กดติดตามผลงานของนักเขียนได้ที่เพจนี้นะจ๊ะ
จะได้ไม่พลาดการติดตามน๊า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
