ตอนที่ 3 : เรื่องชวนช็อก
บัวชมพูหน้าค้าง เธอทิ้งก้นนั่งลงไปบนชุดโซฟาหลุยส์เรียบร้อยแล้ว และไม่คิดจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งเพราะคำพูดมะนาวไม่มีน้ำและไม่ให้เกียรตินั่น
“ดิฉันเกรงว่าเราต้องคุยกันนานค่ะ ไม่อยากยืนให้เมื่อย เลยขอนั่งก่อน”
การเก็บตุนพลังงานเอาไว้ต่อกรเขาเท่าที่จำเป็น ยิ่งเห็นท่าทางเหยียดหยามดูแคลนพูดจามะนาวไม่มีน้ำของชายหนุ่มแล้ว เธอรู้ว่าเรื่องนี้ต้องคุยกันยาวแน่ๆ
“แต่ถ้าคุณสะดวกที่จะยืนค้ำหัวกันก็เชิญตามสบายค่ะ ดิฉันไม่ถือ เพราะถึงแม้ดิฉันจะมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของคุณ แต่อายุของดิฉันน่าจะอ่อนกว่าคุณอยู่หลายปี”
‘แม่เลี้ยง’ งั้นหรือ?
ดวงตาคมแลปราดมองใบหน้าเล็กเรียวนวลขาวนั่นด้วยความไม่ชอบใจและไม่พอใจ ที่เจ้าหล่อนกล้ามาลำดับญาติกับเขา...มองด้วยตาเขาก็พอรู้ว่าเธออ่อนวัยกว่าหลายปี แต่เล่ห์เหลี่ยมนี่สิแพรวพราวนัก
ภูวฤทธิ์ดึงสายตากลับมาอ่านตัวหนังสือบนหลักฐานที่รับมาดูเพื่อจะได้ยุติเรื่องบ้าบอนี่เสียที
แต่แล้วกลับต้องเบิกตาค้างชะงักไปเพราะบนใบสูติบัตรนั่น ระบุชื่อบิดาของเด็กชายคือนายภูมิชาติ อัครเดชาชาญ พร้อมรายละเอียดแวดล้อมอื่นๆ ที่ค่อนข้างชัดเจนถูกต้อง...แต่ของอย่างนี้ มันทำปลอมขึ้นมาก็ได้
“ผมจะรู้ได้ยังไงว่านี่เป็นของจริง”
ใบหน้าคมคายพยักพเยิดตั้งคำถาม
บัวชมพูแอบพ่นลมหายใจเบาๆ เธอเดาได้แต่แรกก่อนที่คิดจะทำเรื่องนี้ ว่าชายหนุ่มคงไม่ยินดีต้อนรับเธอพร้อมยอมรับเรื่องนี้ง่ายๆ แน่ จึงหยิบรูปถ่ายอีกหลายใบจากในกระเป๋าเอกสารส่งให้ ภาพที่เมื่อเขารับไปดูแล้วต้องสับรูปในมือดูแทบไม่ทัน ดวงตาแทบเถลือกถลนเลยทีเดียว
หญิงสาวแอบยิ้มเยาะท่าทางตระหนกนั่นอยู่เงียบๆ...อันที่จริง เธอเพียงตั้งใจแค่มาแจ้งให้เขาทราบว่ามีน้องชายร่วมบิดาอยู่อีกคนและจะขอให้ชายหนุ่มช่วยดูแลส่งเสียค่าใช้จ่ายให้ภีรภัทรต่อไปตามเดิมเหมือนอย่างที่คุณภูมิชาติทำมาตลอด
แต่พอเห็นท่าทางขี้งก หวงสมบัติ แถมยังดูถูกดูแคลนคนอื่นด้วยคำพูดและสายตาแบบนี้แล้ว ได้คืบ เธอก็ชักอยากจะขยับเอาศอก...เอาวา...เอาให้มันคุ้มค่าเท่าเทียมกับที่ชายหนุ่มตรงหน้าจะได้รับ เพราะภีรภัทรเองก็ได้ชื่อว่ามีบิดาคนเดียวกับเขาเหมือนกันนี่นา
ภูวฤทธิ์คอแห้งผากจนต้องรีบกลืนน้ำลาย เมื่อเห็นรูปถ่ายตั้งแต่ตอนที่บิดาเขาอุ้มเด็กชายตัวแดงๆ มาจนกระทั่งเจ้าหนูเริ่มโต และบางรูปก็มีผู้หญิงที่แอบอ้างว่าเป็นแม่เลี้ยงเขาร่วมเฟรมอยู่ด้วย
หากมันเป็นการตกแต่งรูปด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เขาก็ถือว่าคนทำมีฝีมือมากทีเดียว
กลีบปากหยักหนาได้รูปเม้มแน่น ดวงตาสงสัยไม่ไว้วางใจตวัดมองหญิงสาวอีกครั้ง ในใจยังเชื่อแค่ห้าสิบห้าสิบ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลง เพราะคงได้คุยกันยาวอย่างที่เจ้าหล่อนว่า
“หลักฐานทั้งหมดนี่อาจจะทำปลอมขึ้นมาได้”
น้ำเสียงเรียบ กล่าวเป็นการเป็นงานจริงจัง สิ้นคำพูด เขาเห็นดวงตาหวานแสดงออกว่าไม่พอใจกับข้อกล่าวหา
“คุณยังมีอะไรยืนยันอีกหรือเปล่า?”
“คุณลองมองหน้าเด็กคนนี้ดูสิคะ...แล้วถามสัญชาตญาณตัวเองดูว่า คุณคิดว่าแกเป็นน้องชายของคุณหรือเปล่า?”
โดยไม่รู้ตัวภูวฤทธิ์เผลอจ้องดวงตาแป๋วแหววดำสนิทฉายชัดถึงความซื่อใสไร้เดียงสาของเด็กชาย พลันก็ขนลุกซู่เย็นยะเยือกขึ้นมาตามไขสันหลัง ก่อนจะรีบสลัดสายตาให้พ้นจากหลักฐานบ้าบอของเจ้าหล่อน
ไอ้เรื่องใช้จิตวิทยาล่อลวงให้คนเชื่อ มันเคยมีให้ได้ยิน เขาจะไม่เชื่ออะไรที่เลื่อนลอย นอกจากหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้เท่านั้น
“ผมหมายถึงหลักฐานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน”
กลีบปากเล็กอิ่มสวยนั่นเม้มนิดๆ
“เท่าที่คุณเห็น ดิฉันก็คิดว่ามันมากพอแล้ว คุณควรรู้ว่าตัวเองมีน้องชายร่วมสายเลือดเดียวกันอีกคนหนึ่ง และที่ฉันนี่ต้องมาก็เพราะว่า เงินค่าเลี้ยงดูตาหนู ไม่เข้าบัญชีมาสามเดือนแล้วค่ะ”
บัวชมพูพูดเข้าประเด็น เพราะเสียเวลาต่อปากต่อคำกับเขามานานแล้ว
อ้อ! หล่อนมาเพราะเงิน...ชัดเจนดี
ดวงตาคมบนใบหน้าคร้ามเข้มมองใบหน้าสวยที่เชิดๆ น่าหมั่นไส้อย่างตรึกตรอง
ในฐานะบุตรชายเพียงคนเดียวของนายภูมิชาติ เขาจึงยื่นเรื่องขอเป็นผู้จัดการมรดก และได้จัดการทรัพย์สินของบิดา รวมถึงการสั่งอายัดบัญชีทั้งหมดของท่านด้วยเมื่อสามเดือนก่อน
...ซึ่งนั่นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ในเมื่อเขาและใครๆ ต่างก็รู้ว่าทายาทของอัครเดชาชาญมีเพียงหนึ่งเดียว แต่ตอนนี้เขากำลังมีน้องชายตัวจ้อยโผล่ขึ้นมาอีกคน แม้จะยังไม่แน่ใจนักก็เถอะว่าตัวจริงหรือเปล่า? แต่คำพูดที่ผู้หญิงหน้าอ่อนตรงหน้านี่ พร้อมสิ่งที่เจ้าหล่อนกำลังทำอยู่ มันสั่นประสาทภูวฤทธิ์ไปได้ไม่น้อยเลยเชียวล่ะ
“เด็กอายุเท่าไหร่?”
คิ้วเข้มขมวด มองไปที่เด็กชายอย่างครุ่นคิด
บัวชมพูนึกไม่ชอบใจ ที่เขาเรียกภีรภัทรว่า ‘เด็ก’
“ตาหนูอายุได้ห้าขวบแล้วค่ะ”
เสียงแข็งๆ จากกลีบปากเล็กอิ่มเต็ม แต่ผู้เป็นเจ้าของยังหน้าเชิดและคงความบึ้งตึงเอาไว้เป็นสามารถ
ห้าขวบ...โอ้! พระเจ้า
เขาอายุยี่สิบแปดปี...เด็กนี่ห้าขวบ...แล้วแม่ของเด็ก
ดวงตาคมก้มลงมองสูติบัตรที่วางหมิ่นๆ บนโต๊ะกระจกตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง...ในนั้นระบุอายุของแม่เด็กไว้ที่สิบแปดปี...ผ่านมาห้าปีตอนนี้เธอก็อายุยี่สิบสามปี อ่อนกว่าเขาถึงห้าปีทีเดียว
ริมฝีปากได้รูปสวยแบบผู้ชายเหยียดนิดๆ อย่างดูถูกดูแคลน เมื่อคิดคำนวณอายุอานามแล้วเจ้าหล่อนห่างจากบิดาของเขาถึงสามสิบปีทีเดียว
...ผู้หญิงอายุแค่สิบแปดปี ริเป็นเมียเก็บผู้ชายแก่คราวพ่อ...บอกให้รู้ว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แม่คุณ
ภูวฤทธิ์ไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่สมัยวัยรุ่น...เรียน...เที่ยว...เล่น ทำงานหาประสบการณ์ชีวิต
จนกระทั่งเพิ่งกลับเมืองไทยเพื่อมาอยู่เป็นการถาวรก็เมื่อตอนบิดาเสียชีวิต นั่นเลยทำให้เขาพลาดหลายๆ เรื่อง
รวมถึงที่บิดาของเขามีเมียคราวลูก แถมยังมีน้องชายต่างแม่ทิ้งเอาไว้ให้เขาดูต่างหน้าด้วยอีกคน
ทุกอย่างเกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วนเสียจนทำให้เขาอดจะช็อกไม่ได้ ด้วยไม่คิดไม่ฝันมาก่อน
และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะจ๊ะ
กดติดตามผลงานของนักเขียนได้ที่เพจนี้นะจ๊ะ
จะได้ไม่พลาดการติดตามน๊า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
