ตอนที่ 22 : ผูกสัมพันธ์
“อย่างแกกับข้า มันรุ่นแย้มฝาโลงนั่นต่างหาก”
คนรุ่นแย้มฝาโลงเหมือนกันหันกลับมาค้อนตาเขียว ฮึ่มฮั่มใส่คนช่วยประคองอีกข้างหนึ่ง บัวชมพูได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็อดยิ้มขันไม่ได้
เมื่อพาป้าแจ่มไปพบหมอเรียบร้อยก็ได้มาทั้งยาใส่ตา และยาแก้ฟกช้ำ พร้อมคำแนะนำอีกเล็กน้อย
“ช่วงนี้ก็อย่าใช้สายตามากนะคะป้า”
หลังหยอดยาเสร็จ เธอก็เอ่ยกำชับตามคำสั่งของคุณหมออีกครั้ง เพราะรู้ว่าป้าแจ่มไม่ใช่คนที่จะนิ่งอยู่เฉยๆ ได้
“มันปวดเมื่อยครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้เชียวคุณ”
พอได้ฟังอย่างนั้น หญิงสาวก็แตะมือลงตามเนื้อตัว
“ตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้ด้วยค่ะ แล้วที่หัวเป็นยังไงบ้างคะ เจ็บอยู่หรือเปล่า?”
ใบหน้าที่มีริ้วรอยตาวัยนิ่วนิดๆ
“มันก็มึนๆ หัวน่ะค่ะ แต่คงไม่เป็นอะไรมาก”
“บัวว่าป้าไปพักสักหน่อยเถอะค่ะ”
“โอ้ย! ไม่ได้หรอก อาหารก็ยังทำไม่เสร็จเลย เดี๋ยวคุณฤทธิ์ทำงานกลับมาก็หิวโซ จะกินอะไรล่ะคะ?”
ถ้าไม่รู้จักคุณฤทธิ์ตัวเป็นๆ ได้แต่ฟังป้าแจ่มพูดเพียงอย่างเดียว เธอคงคิดว่าเขาอายุไม่ถึงสิบขวบ หรือไม่ก็ง่อยเปลี้ยเสียขาจนคุณป้าแม่บ้านจะต้องห่วงใยเสียขนาดนั้น
“เดี๋ยวบัวทำต่อให้เองค่ะป้า”
สีหน้าไม่ไว้ใจเงยขึ้นมามองเธออย่างกังขา
“คุณทำเป็นเหรอ?”
“ก็พอเป็นบ้างล่ะค่ะ”
“ป้ากลัวจะไม่ถูกปากคุณฤทธิ์เอา”
บัวชมพูอมยิ้มบางๆ
“เอาเถอะค่ะ เดี๋ยวถ้าคุณฤทธิ์เธอว่าอะไร บัวจะบอกเองว่าป้าไม่ค่อยสบาย”
“ฮึ้ย! ป้าไม่เป็นอะไรหรอกคุณ”
คนแก่ยังดื้อดึง
“แต่ยานี่บนซองเขียนไว้ว่าทานแล้วจะง่วงซึม ยังไงป้าไปพักก่อนเถอะค่ะ สักสิบยี่สิบนาทีก็ได้ อีกตั้งนานกว่าคุณฤทธิ์จะกลับ ค่อยผัดน้ำพริกให้ทานร้อนๆ เลย”
ป้าแจ่มนิ่งคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะผงกหน้า ยอมให้หญิงสาวพาไปส่งที่เรือนพักด้านหลังเพื่อพักผ่อนเสียหน่อย
แต่เมื่อภูวฤทธิ์กลับมาถึงบ้านป้าแจ่มก็ยังไม่ตื่น เธอจึงลงมือทำอาหารที่คุณแม่บ้านเตรียมไว้ให้เสียเอง อาหารพวกนี้เธอทำเป็นหมด สมัยอยู่กับยาย ยายก็เคี่ยวเข็ญให้ทำ
‘จะได้เอาตัวรอดได้ ไม่อดตาย’ เธอเพิ่งซึ้งคำยายก็ตอนนี้แหละ
“ป้าแจ่มไปไหนเนี่ย?”
ถามเมื่อไม่เห็นคนโปรดที่คอยมารับหน้าทุกครั้งที่เขากลับถึงบ้าน
“ป้าแจ่มไม่ค่อยสบายค่ะ”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
ใบหน้าคร้ามดูเหน็ดเหนื่อยพิกลถามอย่างประหลาดใจนิดๆ เพราะร้อยวันพันปี ป้าแจ่มขึ้นชื่อว่าเป็นซุปเปอร์วูแมนไม่เคยป่วยไข้กับใครเขาเลยสักครั้ง
“แกโดนยางมะม่วงกระเด็นเข้าตา แล้วยังลูกมะม่วงทั้งพวงหล่นใส่หัวอีก เพราะจะทำน้ำพริกลงเรือให้คุณทาน”
เล่าไปตามความจริง
“น้ำพริกลงเรือนี่นะ คุณก็รู้ว่าตอนนี้ผมทานไม่ได้”
น้ำเสียงหงุดหงิดท้วงขึ้นมา
“ก็คุณบอกให้ฉันห้ามบอกใครไงคะ?”
เธอท้วงคำสั่งของเขา
ภูวฤทธิ์ผงกหน้าอย่างยอมจำนน
“แล้วมีอะไรทานอีกบ้างล่ะ ฝืนกินพอไหว แต่คงกินไม่ได้นักหรอก”
ไอ้แผลที่คิดว่าไม่เป็นอะไร ตอนนี้เริ่มบวมเจ่อออกมาชัดเจน พร้อมอาการระบมที่ทำให้เขาไม่อยากไปแตะต้องมันด้วย
“แกทำน้ำพริกลงเรือไว้ กับปลากะพงผัดฉ่า ปลาแห้งต้มโคล้งบอกว่าเป็นของโปรดคุณทั้งนั้น”
ภูวฤทธิ์หน้าแหย เพราะเมื่อกลางวันแค่ปวดตุ๊บๆ แต่ตอนนี้รอยเจ่อบวมที่ริมฝีปากกำลังเจ็บได้ที่ทีเดียว ขืนกินอาหารตามเมนูที่หญิงสาวว่ามา พรุ่งนี้ปากคงได้บวมเจ่อเป็นครุฑแน่ๆ
“ผมคงกินไม่ได้หรอก”
“ฉันทำแกงจืดวุ้นเส้นให้ตาภีม คุณคงพอทานได้อยู่มั้งคะ?”
ถามอย่างไม่แน่ใจ
“เห็นจะเป็นอย่างเดียวที่กินได้แหละ”
“จะให้ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ?”
“ดีเลย ผมกำลังหิวโซเชียวล่ะ ไว้ทานมื้อเย็นเสร็จเดี๋ยวจะแวะไปดูป้าแจ่มเสียหน่อย”
บอกแล้วเดินขึ้นไปข้างบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยมีภีรภัทรที่มารับหน้าพี่ชาย จูงพาขึ้นไปด้านบน
เจ้าหนูกระโดดเหย็งๆ ขึ้นบันไดไปกับคนเป็นพี่ เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟังเสียงจ้อยๆ อย่างมีความสุขทีเดียว
บัวชมพูมองตามไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นลูกชายมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดกับพี่ชาย ภีรภัทรเห่อที่มีพี่เอามากๆ วันไหนที่ภูวฤทธิ์กลับบ้านค่ำเป็นได้ถามหาไม่หยุดปาก
หลังทานอาหารเย็นเสร็จ ภูวฤทธิ์ก็แวะไปเยี่ยมป้าแจ่มที่เรือนพัก แต่คุณแม่บ้านยังไม่ตื่น เขาจึงกลับขึ้นตึกกลับไปพักผ่อนเพราะไม่อยากรบกวน กอปรกับทำงานมาเหนื่อยทั้งวัน บัวชมพูจึงขันอาสารับหน้าที่ดูแลต่อ
ตอนกลางดึก ป้าแจ่มไข้ขึ้นตัวร้อนจี๋ หญิงสาวเข้าไปช่วยดูแลเช็ดตัวให้เรียกให้ทานยาอยู่ทั้งคืนจนกระทั่งเช้า ไข้ลดดี เมื่อตื่นขึ้นมาเห็นว่าบัวชมพูนอนฟุบหลับอยู่ที่โซฟาในห้อง พร้อมกับอ่างน้ำและผ้าขนหนู
คนแก่ที่ตั้งแง่เข้าใส่มาตลอดถึงกับซาบซึ้งใจที่หญิงสาวมาห่วงใยดูดำดูดีทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่สักนิด และตั้งแต่วันนั้นมา สายตาที่นางมองบัวชมพูก็เปลี่ยนไป ให้ความเอ็นดูและเกรงใจประดุจหนึ่งเจ้านายคนหนึ่งที่ต้องดูแลเหมือนกับภูวฤทธิ์
เมื่อหนุงหนิง ต้นหอม และจ่อยกลับมาจากเชียงใหม่ ได้เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือก็อดที่จะถามขึ้นมาอย่างกังขาไม่ได้
“ป้าไปญาติดีกับคุณบัวชมพูเสียแต่เมื่อไหร่กัน”
ต้นหอมสอดหน้ามาถาม เมื่อได้ยินเสียงอ่อนเสียงหวานของป้าแจ่มถามว่านายสาวอยากรับประทานอะไร
“ก็ตอนที่เอ็งไม่อยู่น่ะสิ ไอ้พวกพึ่งพาไม่ได้”
น้ำเสียงสะบัดว่าพร้อมค้อนอย่างเคืองๆ ที่ไอ้หนุ่มๆ สาวๆ พวกนี้พากันทิ้งนางไปกันเสียหมดในยามคับขัน คนจะได้เห็นน้ำใจกัน ก็ในยามลำบากทุกข์ยากนี่แหละ และเมื่อใช้ใจที่เป็นกลางมองดู นางก็รับรู้ได้ว่าบัวชมพูเป็นคนดีคนหนึ่งทีเดียว
ชอบก็อย่าลืมกดหัวใจด้านล่าง
และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะจ๊ะ
กดติดตามผลงานของนักเขียนได้ที่เพจนี้นะจ๊ะ
จะได้ไม่พลาดการติดตามน๊า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
