ตอนที่ 14 : ห้ามหว่านเสน่ห์
“คุณจิรามาช้อปปิ้งคนเดียวหรือครับ?”
ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องที่ไม่อยากเอ่ยถึง
“อ้อ...ค่ะ พอดีจิรานัดกับเพื่อนไว้ ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นทางด้านโน้น”
“หรือครับ...งั้นก็เชิญตามสบายเลยนะครับ”
คำพูดคล้ายกับไล่ทางอ้อม ทำให้จิรากานต์ทำหน้าไม่ถูก ท่าทางของภูวฤทธิ์ดูไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องที่เธอถาม และไม่แต่อยากจะแนะนำหญิงสาวที่นั่งร่วมโต๊ะให้เธอรู้จัก
เธอจึงเอ่ยลาเขาหิ้วถุง ช้อปปิ้งหลายใบในมือจากมาพร้อมกับความสงสัย แต่ก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะไปซักไซ้ไล่เลียงอะไรกับชายหนุ่มได้
แม้จะแอบหมายตาและหวังใจว่าจะเข้าไปทำความรู้จักตีสนิทกับเขาให้มากกว่านี้
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”
อดที่จะเหลียวหน้ากลับไปมองอีกครั้งไม่ได้ ทั้งสองคนร่วมโต๊ะเดียวกัน แต่หันหน้าเหมือนกับมองไปคนละทาง บางทีอาจจะเป็นความบังเอิญให้มานั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน เพราะในตอนเที่ยงวันเช่นนี้ที่ฟู้ดเซ็นเตอร์แน่นไปด้วยผู้คน จนแทบไม่มีที่นั่ง
แต่คนอย่างภูวฤทธิ์ นั่งร่วมโต๊ะกับผู้หญิงแปลกหน้าก็ได้งั้นหรือ เขาดูไม่ใช่คนง่ายๆ สบายๆ แบบนั้น ที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นสวยเสียด้วยสิ...เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าหล่อนเป็นใครกัน
ดวงตาคมมองหญิงสาวที่นั่งปั้นหน้าเฉยเมยไร้อารมณ์ หลังจากกานต์จิราจากไป
“คุณคงไม่ว่าอะไรนะ ที่ผมไม่แนะนำคุณให้เธอรู้จัก”
“ไม่หรอกค่ะ”
บัวชมพูฝืนยิ้ม หันมองไปอีกทาง
เพียงแค่มันทำให้เธอรู้สึกแย่นิดหน่อย แต่ไม่ใช่ที่ภูวฤทธิ์ไม่ได้แนะนำเธอกับคนรู้จักของเขาหรอก แต่เป็นเรื่องภีรภัทรต่างหากล่ะ
ทำไมเขาต้องปิดบังว่ามีน้องชาย คล้ายกับจะบอกเป็นนัยว่ายังไม่ได้ยอมรับลูกชายของเธอเป็นทายาทอัครเดชาชาญอีกคนหนึ่ง
“ผมคิดว่านี่ไม่ใช่เวลาเหมาะนักที่จะแนะนำคุณกับนายภีมให้ใครๆ รู้จัก”
คนสวยตรงหน้ายิ้ม พร้อมกับยักไหล่
“ฉันไม่ซีเรียสหรอกค่ะ ใครจะไม่รู้จักฉันก็ไม่เป็นไร ขอเพียงคุณยอมรับว่าตาหนูเกี่ยวข้องกับคุณด้วยฐานะอะไรก็พอ”
เธอย้ำประโยคที่ทำให้เขารู้สึกจี๊ดๆ หัวใจขึ้นมานิดหนึ่ง
“ไม่ต้องห่วง ผมกับนายภีมดูท่าจะเข้ากันได้ดี”
และออกจะดีเกินไปเสียด้วยซ้ำในสายตาเธอ ดูแต่เขาตามใจจนบัวชมพูเกรงว่าต่อไปลูกจะไม่ฟังเธอ อ้อนออดแต่กับพี่ฤทธิ์
“แต่ฉันไม่อยากให้คุณตามใจแกเกินไป เพราะมันจะทำให้แกเสียคน” เธอวกกลับมาเรื่องที่คุยค้างกันอยู่
“มันเป็นวิธีที่ผมจะตีสนิทกับน้องนี่นา เด็กชอบให้ตามใจ พอใครตามใจเข้าหน่อย ก็จะติดคนนั้นแจ ส่วนคุณเป็นแม่มีหน้าที่คอยสั่งสอนอบรม อะไรดีก็ส่งเสริม อะไรไม่ถูกไม่ดี ไม่ควรก็ต้องห้ามปราม”
คนพูดยิ้มร้ายๆ ยิ้มที่ทำให้เธอไม่ชอบใจนัก ยิ้มที่เหมือนกับบอกว่าเธอเป็นสาวแก่ขี้กังวลจนเกินเหตุ ก่อนจะลุกเดินไปที่บอลแลนด์
“แล้วทำไมต้องให้ฉันเป็นนางยักษ์ในสายตาลูกด้วยล่ะ”
เธอพึมพำตามหลังไป มองผู้ชายที่เดินหน้าระรื่นเข้าไปหาภีรภัทรที่กำลังเล่นสนุกอยู่อย่างเคืองๆ
หญิงสาวยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะตามเดิม สายตาจับจ้องมองชายหนุ่มที่เกาะตาข่ายกั้นโซนบอลแลนด์ดูภีรภัทรเล่นสนุกสนาน หากใครไม่รู้คงคิดว่าเป็นพ่อลูกเสียมากกว่าจะเป็นพี่กับน้อง นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากแนะนำเธอกับภีรภัทรให้ใครต่อใครรู้จักฐานะที่แท้จริง บัวชมพูพยายามเข้าใจ
“ขอโทษนะครับ ตรงนี้ว่างรึเปล่าครับ?”
เธอเงยหน้าขึ้นมองคนถาม ก็เห็นชายหนุ่มอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับภูวฤทธิ์ กำลังถือจานอาหารและแก้วน้ำ ในฟู้ดเซ็นเตอร์ที่แน่นขนัดในตอนกลางวัน เขาคงจะหาที่นั่งไม่ได้ เมื่อคนที่นั่งไม่อยู่ เก้าอี้ว่าง เธอก็ควรจะแสดงน้ำใจ เพราะนี่เป็นที่สาธารณะ
“เชิญนั่งค่ะ”
หนุ่มมาใหม่จัดแจงวางอาหารจานด่วนพร้อมเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ ก่อนจะขยับเก้าอี้นั่ง
“ขอบคุณน่ะครับ แล้วคุณไม่ทานอะไรหรือครับ?”
“อ๋อ ฉันไม่หิวค่ะ”
“รักษารูปร่างหรือครับ สาวๆ สมัยนี้กลัวอ้วนกันจัง แฟนผมก็คนหนึ่ง ชวนทานอะไรก็ไม่ทาน แต่ทีซื้อกระเป๋ารองเท้า เท่าไหร่เท่ากัน"
บัวชมพูเพียงยิ้มให้ ไม่โต้ตอบอะไร ไม่นานนักภูวฤทธิ์ก็อุ้มน้องชายเดินกลับมา หน้าตึงๆ ดวงตาขุ่นเขียวทำให้เธอสงสัยว่าพลาดช็อตเด็ดอะไร หรือลูกชายไปทำให้ชายหนุ่มโกรธหรือเปล่า?
“ลุกขึ้นเร็วสิคุณ”
น้ำเสียงห้วนออกคำสั่งอย่างวางอำนาจนิดๆ
“จะไปไหนกันคะ?”
“ไปซื้อของเล่นให้ลูกน่ะสิ”
หางตาแลเหลือบไปถึงหนุ่มร่วมโต๊ะกับหญิงสาว ที่ส่งยิ้มมาให้
อาการแบบนี้ผู้ชายด้วยกันมองก็รู้ดูก็ออก...ว่าหึง ก็สมควรแฟนออกจะสวยปล่อยให้นั่งอยู่คนเดียวให้คนเข้าใจผิดได้
“แต่ของเล่นตาภีมมีเยอะแล้วนะคะ ฉันคิดว่า...”
“ผมบอกให้ลุกไงล่ะคุณบัวชมพู หรือคุณจะนั่งอยู่นี่ก็ตามใจนะ”
น้ำเสียงเร่งเร้า บัวชมพูรีบคว้ากระเป๋าถือขึ้นมา
“ขอตัวก่อนนะคะ”
เสียงหวานที่ได้ยิน ทำให้ใบหน้าตึงๆ ยิ่งบึ้งเข้าไปใหญ่ ทำไมเขาจะไม่เห็น ว่าพอเขาลุกไปได้ไม่นาน แม่เลี้ยงหน้าหวานของเขาก็คงจะสอดส่องสายตาหาหนุ่มๆ และก็มีเหยื่อหลงกลได้ไม่ยาก ภูวฤทธิ์หันมาหน้าบึ้งๆ พร้อมยื่นตัวภีรภัทรส่งให้เธอ
“เอ้า! อุ้มลูกด้วย”
เขาจงใจพูดเสียงดังให้คนได้ยินกัน ว่าเจ้าหล่อนหน้าใสนั้น ไม่ได้โสด...สด...ซิง...แต่มีลูกชายตัวโตเบ้อเร้ออยู่แล้ว
บัวชมพูรีบรับแทบไม่ทันกลัวลูกชายจะหัวทิ่มพื้นเสียก่อน พร้อมนึกประหลาดใจที่จู่ๆ เขาก็โยนภาระหน้าที่นี้มาให้เธอ และเป็นฝ่ายดึงกระเป๋าถือของเธอไปหิ้วให้แทน แต่คนเดินนำหน้ากลับแอบยิ้มร้ายๆ อย่างพอใจ
อย่าเชียวนะ...อย่าเชียว...ที่เธอจะมาทำอ่อยเหยื่อ หว่านเสน่ห์ไอ้หนุ่มหน้าไหนให้เขาเห็น ความรู้สึกไม่พอใจหมั่นไส้พุ่งพรวดขึ้นมาทันทีอย่างไม่มีปี่มี่ขลุ่ย
ในเมื่อเคยคิดจะสบายจับชายแก่คราวพ่อเป็นสามีแถมยังปล่อยให้ตัวเองท้องตั้งแต่ยังสาวหวังเป็นคุณนายนอนกินนอนใช้เงินของพ่อเขาสบายๆ มันก็ต้องแลกกัน บนโลกไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ บัวชมพูจึงยังทิ้งภีรภัทรไปได้ในตอนนี้ไม่ได้
ตอนที่เขาเห็นว่ายังไม่เหมาะไม่ควร แม้จะคิดไว้แล้วว่า สักวันเธอต้องออกไปจากบ้านเขา แต่เธอจะไปแค่ตัวเปล่าเท่านั้น ไม่มีวันจะได้อะไรออกไปด้วยเด็ดขาด แม้แต่ลูกชายก็ตาม
ชอบก็อย่าลืมกดหัวใจด้านล่าง
และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะจ๊ะ
กดติดตามผลงานของนักเขียนได้ที่เพจนี้นะจ๊ะ
จะได้ไม่พลาดการติดตามน๊า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หวงแทนน้องใช่มั้ยนายภู