ตอนที่ 4 : เอาเรื่อง
ตอนที่ 3
เอาเรื่อง
“นี่...มันไม่ใช่เรื่องของเธอ มีมารยาทหรือเปล่า คนเขาไม่ได้คุยด้วยก็พูดสอดขึ้นมาอย่างนี้น่ะ?”
“ก็หล่อนคุยข้ามหัวฉัน”
“ไม่มีอะไรน่านิน...แล้วนี่คุณมาร้านนี้ได้ยังไง มากับใคร?”
“จะมากับใครก็ช่าง ตอบคำถามมาก่อน”
“หล่อนยังจะต้องให้ผู้ชายเขาสาธยายอะไรอีกละจ๊ะ เขาเลือกมากับใคร ก็เพราะเขาเห็นความสำคัญของคนนั้นนั่นแหละ ฉันก็พอรู้นะว่าคุณแบงค์น่ะเจ้าเสน่ห์ มีผู้หญิงเยอะ ฉันไม่รู้ว่าหล่อนเป็นกิ๊กเบอร์ไหนหรือลำดับที่เท่าไหร่? แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นข่าวกับใคร หรือแว่บไปแก้เบื่อกับผู้หญิงที่ไหน สุดท้ายเขาก็ต้องกลับมาหาฉันทุกที”
ฝ่ายนั้นลอยหน้าลอยตาว่าอย่างเป็นต่อ ไม่รู้ว่าได้ทิ้งก้านไม้ขีดจุดไฟโทสะลงในใจใครอีกคนที่ตอนนี้ก็ราวกับถังน้ำมันสองร้อยลิตรดีๆ นี่เอง
ดวงตางามวาบวาวขึ้นมาอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะคว้าเอาหม้อไฟที่อยู่บนโต๊ะสาดเข้าใส่ฝ่ายชายจนร้องลั่นเสียงหลง
“ตายแล้ว อีนังบ้า แกทำอะไรแฟนฉัน”
เสียงหวีดร้องอย่างตกใจดังลั่นร้าน เป็นนาทีที่หมอพงศ์ภวัตรู้ตัวว่านิ่งเฉยอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง
“สาดไล่ตัวเสนียดจัญไรไงล่ะ?”
มือเรียวยกขึ้นมาปัดๆ มองอย่างสาแก่ใจ หมุนตัวกลับเหมือนว่ายอมเลิกลา หากว่าไม่ถูกอีกฝ่ายกระชากแขนกลับ ก่อนจะมีการจิกทึ้งฉุดกระชากอย่างชุลมุนชุลเกในนาทีต่อมา พร้อมประโยคโต้เถียงด่าทอหยาบคายเป็นสลุตทีเดียว
และดูเหมือนว่าน้องสาวที่เคยน่ารักน่าใคร่ของเขา จะไม่เชี่ยวชาญชำนาญการตบตี เพราะดูทีแล้วจะเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำเสียเปรียบ
เมื่อฝ่ามืออีกฝ่ายที่วาดขึ้นสูง กำลังจะประทับลงบนข้างแก้มนวลใส มือใหญ่ก็รีบถลันเข้าไปรับเอาไว้ให้ทันเสียก่อนทันอย่างหวุดหวิด
“พอแล้วนิน เลิกแล้วต่อกันเถอะ”
ร่างสูงตรงเข้าไปแยก ดึงรั้งร่างนินไพลินไปไว้ข้างหลัง ปล่อยมือของอีกฝ่ายแล้วใช้ร่างหนาโอบกำบังเมื่อเห็นว่ามีหลายคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้
ผู้หญิงสองคนตีกันกลางร้านอาหาร เป็นภาพที่ดูไม่จืด และยิ่งฝ่ายหนึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงสังคม ส่วนอีกคนคือนางแบบนิตยสารแนวเซ็กซี่ปลุกใจเสือป่า ส่วนฝ่ายชายนั่นก็ถือว่าเป็นคนดัง
“อย่ามาห้ามนินนะคะพี่ตะวัน ยัยนั่นมันจะตบนิน”
ร่างในอ้อมกอดกระโดดโลดเต้นสุดพลังอยู่เหมือนกัน และการใช้กายกำบัง พลอยทำให้คุณหมอโดนลูกหลง ทั้งเล็บมือที่ตบตีจิกข่วนมาจากฝ่ายตรงข้าม
แถมคนตัวเล็ก ที่นาทีนี้รู้แล้วว่าเล็กแต่ตัว เพราะพิษสงและฤทธิ์เดชมากมายเหลือเกิน ก็ดีดดิ้นเสียจนเขาเองแทบจะเอาไม่อยู่
“นิน พี่บอกให้พอ”
น้ำเสียงเข้มที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนักตวาดใส่ มีผลทำให้คนไม่เคยถูกดุชะงักงันในทันที แล้วก็ถูกล็อกรวบตัวลากออกมาภายนอกร้านอย่างทุลักทุเล
“เราไม่อายเขาหรือไง ไปทะเลาะตบตีกันอย่างนั้นน่ะ?”
“ก็ยัยนั่นมันจะตบนินนี่ นินมีมือมีเท้านะคะ ก็ต้องสู้สิ”
“สู้เพื่ออะไร? คุ้มกันไหมที่จะเอาตัวเองเข้าไปแลกกับเรื่องแบบนี้”
“คุ้มไม่คุ้มไม่รู้หรอกค่ะ แต่นินไม่มีวันยอมให้ใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีแน่ๆ”
“ศักดิ์ศรีงั้นหรือ? เราเห็นไหมว่ามีคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปด้วย ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป ศักดิ์ศรีอะไรจะเหลือ ยอมทำลายชื่อเสียงของตัวเองเพื่อผู้ชายอย่างนั้น”
คนถูกดุหน้าสลด ตาแดงๆ ขึ้นมา เม้มปากแน่น
“เขาเห็นนินเป็นอะไรถึงสวมเขาลับหลังให้อย่างนี้”
“นินพูดเองนะว่าไม่มีผู้ชายคนไหนพิเศษ ผู้ชายคนนั้นก็เหมือนกัน เขาไม่มีค่าพอให้เราต้องไปทะเลาะตบตีกับใครเพื่อแย่งชิงมาหรอก ดีเสียอีกที่เขาเผยธาตุแท้ให้เห็นเสียแต่ตอนนี้ จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลา เสียใจทีหลัง”
“แต่นินเจ็บใจนี่คะที่ถูกหลอก”
คุณหมอส่ายหน้าอย่างระอาเอือม
“เรื่องนั้นมันจบไปแล้ว แต่เรื่องที่มีคนใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปไป พี่ว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ”
“ก็ช่างสิคะ”
“ช่างได้จริงหรือ? นินเป็นใคร แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? เราไม่ใช่คนที่ใครจะไม่สนใจ และถ้าพี่จำไม่ผิด ดูเหมือนผู้หญิงที่เขาพามาจะเป็นดาราหรือนางแบบนี่แหละ เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ แน่”
“ก็ช่าง”
เจ้าตัวเบะปาก ยักไหล่ว่า ราวกับไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่โตที่ควรจะซีเรียส
“ถ้าเรื่องนี้เป็นข่าวออกไป ก็ทำท่าทางและพูดแบบนี้ให้ได้ก็แล้วกัน”
ส่ายหน้าอย่างระอาใจนิดๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ คนรู้ตัวว่าผิดเริ่มสำนึกได้ เดินตามมารีบเดินตามมาเร็วๆ ฉวยแขนคนตัวโตเอาไว้
ชอบก็เม้นต์ด้วยนะคะ อย่าลืมกดให้กำลังใจกันนะคะ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
