ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    hey! boy - #พี่เตคนคูล

    ลำดับตอนที่ #3 : #พี่เตคนคูล - 01

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.69K
      30
      10 ก.พ. 64

    **คำเตือน**
    นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา คำพูด การกระทำ และฉากที่ไม่เหมาะสม
    ไม่ควรลอกเลียนแบบ ตรรกะความคิดของตัวละครผิดเพี้ยนไปตามคาแรคเตอร์
    ผู้อ่านควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
    และผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
    .
    .
    .

    - 01 -

    @โรงอาหารมหาวิทยาลัยS

    เซ็งโคตรๆ อ่ะลูกพี่” ผู้ชายโครงหน้าหล่อเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองพูดพร้อมกับวางจานข้าวลงบนโต๊ะก่อนจะหย่อนก้นนั่งฝั่งตรงข้ามฉัน สีหน้าที่ขนมผิงแสดงออกอยู่ตอนนี้เป็นไปทางเดียวกับคำพูดเมื่อครู่ของมันเอามากๆ

    เซ็งอะไร

    ก็อาจารย์ยกคลาสอ่ะดิ” คนตรงหน้าพูดจบก็ตักข้าวคำใหญ่ยัดเข้าปากอย่างตะกละตะกลามเหมือนกลัวว่าจะไม่ได้กินข้าวอีกแล้วชาตินี้

    แล้วมันไม่ดีเหรอวะ” ฉันยังคงสงสัยไม่เลิก เอาจริงๆ ถ้าฉันได้ยินคำว่ายกคลาสมันจะมีความรู้สึกดีใจนิดๆ เกิดขึ้นน่ะเลยเหมารวมว่าขนมผิงมันก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน

    ดีกับผีดิ” ขนมผิงกลอกตาก่อนจะพูดต่อ “ลูกพี่รู้ป้ะผิงไม่ได้ไปเล่นเกมกับลูกพี่ก็เพื่อจะทำงานมาพรีเซนต์วันนี้อ่ะ ละอดหลับอดนอนทำจนดึกดื่นด้วยนะ แค่นั้นไม่พอนะพี่ อาจารย์ยังมาบอกยกคลาสให้เลื่อนไปพรีเซนต์อาทิตย์หน้าตอนผิงมาถึงมหาลัยแล้วด้วย ถ้าจะยกคลาสทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อคืนวะผิงจะได้ไม่ต้องอดหลับอดนอนทำงาน แล้วก็ไม่ต้องตื่นเช้าด้วย โคตรโกรธอ่ะบอกเลย!”

    ขนมผิงบ่นยาวเหยียดจนพอใจแล้วจึงดักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ เพื่อดับอาการเซ็ง

    ฉันไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าแกดีว่ะ” ฉันว่าแล้วคว้าแก้วน้ำอัดลมของขนมผิงมาดื่มอึกใหญ่จนมันพร่องลงไปเกือบครึ่งแก้ว การทำงานก่อนถึงเดตไลน์ส่งแค่วันเดียวมันก็เหมือนจุดไฟเผาตัวเองนั่นแหละ และไอ้ผิงมันดันชอบทำแบบนั้นประจำซะด้วยสิฉันเลยไม่แน่ใจว่าควรสงสารมันดีไหม

    ลูกพี่ต้องสงสารผิงดิ” แม้จะเคี้ยวข้าวยังไม่หมดปากมันก็ยังพยายามที่จะพูดกับฉัน

    ครืนนน ครืนนน

    ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรกับขนมผิงต่อโทรศัพท์มือถือที่ถูกปิดเสียงไว้ของฉันก็สั่นเครือเหมือนเจ้าเข้าอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขายาวสีเข้ม ฉันล้วงโทรศัพท์เจ้ากรรมออกมาและไม่รีรอที่จะกดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์โทรของเบียร์สดที่โทรเข้ามา

    [อยู่ไหน] ปลายสายยิงคำถามใส่ทันทีไม่ปล่อยโอกาสให้ฉันได้เอ่ยทักทายก่อน

    อยู่มหาลัย

    [เราตกลงว่าจะไปพร้อมกันไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอไปก่อน]

    ฉันชะงักไปอึดใจหนึ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น บอกตรงๆ ว่าฉันลืมซะสนิทที่ไปตกลงกับไอ้เบียร์ไว้แบบนั้น ความจริงวันนี้ฉันต้องมามหาวิทยาลัยพร้อมเบียร์สดเพราะมันจะแวะไปดูแมวที่บ้านฉันก่อน แมวที่เหมือนเป็นพยานรักของมันของแฟนเก่าน่ะ พอเลิกกันเธอคนนั้นดันเอาแมวมาคืนและไอ้เบียร์เองก็คงไม่อยากเลี้ยงเลยเอามาฝากเลี้ยงไว้ที่บ้านฉันแทน

    ฉันลืมอ่ะ” 

    [เธอนี่นะ] เบียร์สดว่าด้วยน้ำเสียงเอือมๆ

    ก็คนมันลืมจะให้ทำยังไงวะ” ฉันกระเง้ากระงอดใส่เพื่อน

    […] เบียร์สดไม่ได้ตอบกลับมาในทันที สงสัยจะกำลังคิดคำด่าอยู่ ระหว่างนั้นฉันเลยกวาดสายตาไปบริเวณรอบๆ มองคนในโรงอาหารแห่งนี้เดินสวนกันไปมาแบบไม่มีที่วางตา ในขณะเดียวกันมือก็กระทุ้งหลอดลงแก้วน้ำอัดลมอยู่ไม่ละ ฉันมองไปตามประสา ไม่คิดว่าจะเจอบุคคลที่ฉันพยายามตั้งตารอ

    ผู้ชายคนนั้นที่ทำให้หัวใจของฉันเต้นผิดจังหวะ

    ผู้ชายคนที่พี่ไหมบอกว่าถ้าเขาใช่สำหรับฉัน เราจะได้เจอกันอีก

    แค่นี้ก่อนนะเบียร์ ค่อยคุยกัน” ปลายสายยังไม่ทันจะได้ตอบกลับอะไรฉันก็กดตัดสายทิ้งไปซะดื้อๆ สายตาฉันไม่สามารถละไปทางอื่นได้เลย มันจับจ้องที่กลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่มีผู้ชายหน้าหวานคนที่ฉันเจอเมื่อคืนอยู่ด้วย เครื่องหน้าดูดีของเขาคนนั้นดึงดูดฉันมาก แม้เมื่อคืนจะมองใบหน้าเขาไม่ได้ชัดเจนอะไรมากแต่ฉันก็จำอาการตัวเองตอนนั้นได้ดี

    หัวใจของฉันมันเต้นแรงและรู้สึกว่าฉันไม่เป็นตัวของตัวเองสุดๆ และอาการนั้นกำลังเกิดกับฉันอยู่ตอนนี้ มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ได้ พี่ไหมบอกว่าถ้าเขาใช่สำหรับฉัน เราจะได้เจอกันอีก แบบนี้ก็แสดงว่าเขาใช่สำหรับฉันสินะเราถึงได้เจอกัน

    ฉันไม่รู้หรอกนะว่านี่มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือใครลิขิตเราถึงได้เจอกันเร็วขนาดนี้ ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้เขาคือคนที่ใช่ที่สุดสำหรับฉันแล้ว

    มองอะไรวะลูกพี่” เสียงของขนมผิงทำฉันหลุดจากภวังค์ความคิดแล้วละสายตาจากผู้ชายหน้าหวานคนนั้นมามองหน้าคนอายุน้อยกว่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน  

    มองหลุม” ฉันพูดออกไปแบบเพ้อๆ ซึ่งแน่นอนว่าบุคคลที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉันตอนนี้งงเป็นไก่ตาแตกเลย

    หลุมอะไร” ขนมผิงถามออกมาด้วยน้ำเสียงงุนงงไม่ต่างจากสีหน้ามันตอนนี้

    หลุมรัก

    เขาคนนั้นคือหลุมรักที่ฉันเพิ่งตกลงไปเมื่อคืน พี่ไหมบอกแบบนั้นแหละ

    เดี๋ยวนะลูกพี่” ขนมผิงทำหน้าไม่เข้าใจ “ที่พูดนี่หมายความว่ายังไงวะ

    “…”

    ลูกพี่มองไปที่ผู้ชายกลุ่มนั้นแล้วบอกว่ามองหลุมรัก” ขนมผิงขมวดคิ้วจนเป็นปม “นี่แสดงว่าลูกพี่ชอบใครในกลุ่มนั้นเหรอ

    ขนมผิงว่าจบก็หันไปมองกลุ่มของผู้ชายหน้าหวานคนนั้นที่นั่งอยู่ไม่ไกล เพียงครู่เดียวบุคคลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็หันกลับมารอคำตอบจากฉัน และแน่นอนว่าฉันเองก็ตอบไปตามความจริง

    ใช่

    ลูกพี่!” ขนมผิงมองฉันด้วยสายตาเหลือเชื่อ มันก็ควรเป็นแบบนั้นเพราะตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยชอบใครหรือพูดอะไรเชิงนี้มาก่อน “พูดอะไรออกมาน่ะ

    ก็พูดความจริงไง

    ให้ตายดิ” ขนมผิงมองฉันด้วยสายตาที่แปลกไป “นี่ใช่ลูกพี่ผิงจริงๆ ป้ะเนี่ย

    “…”

    แกเป็นใคร” อยู่ๆ ขนมผิงก็ใช้นิ้วเรียวๆ ของมันชี้หน้าฉัน “คายลูกพี่ฉันออกมาเดี๋ยวนี้

    เป็นบ้าอ่อ” ฉันด่าขนมผิงแบบไม่จริงจัง

    ก็ทั้งชีวิตลูกพี่ไม่เคยคิดจะชอบใครอ่ะ อยู่ๆ มาพูดแบบนี้ผิงก็สับสนดิ” ขนมผิงว่าพร้อมกับมองฉันตรงๆ สายตาคมคู่สวยที่มองฉันอยู่มันส่อให้รู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ อย่างที่ขนมผิงบอก ทั้งชีวิตฉันไม่เคยคิดที่จะชอบใคร แต่ฉันว่าตอนนี้ฉันควรคิดได้แล้ว

    แล้วฉันจะชอบใครไม่ได้เลยหรือไง” ฉันถามแบบหาเรื่อง

    ก็เปล่า~” ขนมผิงลากเสียงยาว “ผิงก็แค่แปลกใจ

    “…” ฉันละสายตาจากขนมผิงไปมองผู้ชายหน้าหวานคนนั้น เรือนผมสีดำขลับทำให้เขาดูดียิ่งขึ้น รอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติของเขาเองก็สวยไม่แพ้ใคร ไม่รู้สิ ในความคิดฉันตอนนี้เขาดูดีกว่าใครที่ฉันเคยพบเจอมาเลยแหละ

    อึก!

    ฉันกลืนน้ำลายลงคอดังอึกเมื่อสายตาคมคู่ที่เคยได้สบมองมาที่ฉัน เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นที่ได้สบตากันหัวใจที่เต้นปกติในตอนแรกทว่าตอนนี้กลับมีจังหวะที่ผิดเพี้ยนไปหมด ความรู้สึกฉันมันตีกันมั่วจนจับไม่ได้ว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไงกันแน่ ในสมองขาวโพลนไร้ความคิดใดๆ ฉันอยากหลบสายตาคู่นั้น แต่ในเวลาเดียวกันฉันก็อยากมองเขาอยู่แบบนี้

    ให้ตายเถอะ เขาทำให้ความรู้สึกของฉันรวนหมดแล้ว

    เขาชื่อวอดก้า” อยู่ๆ ขนมผิงก็พูดขึ้น เสียงของรุ่นน้องผลักฉันให้หลุดจากภวังค์และละสายตาจากเขาคนนั้น

    อะไร” ฉันถามงงๆ

    คนที่ลูกพี่มองจนจะแดกเขาอยู่เมื่อกี้อ่ะชื่อวอดก้า เรียนนิเทศฯ” ขนมผิงขยายความที่พูดมาตอนแรก นั่นเลยทำให้ฉันสงสัยในบางส่วนแล้วตัดสินใจถามออกไปตรงๆ

    ไปรู้มาจากไหน” 

    เพจคิ้วท์บอยในเฟซบุ๊กเอาลงเมื่อไม่กี่นาทีนี่เอง” ขนมผิงว่าพร้อมกับส่งโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำสนิทมาให้ฉันดู “หน้าหวานมากอ่ะแถมน่ารักโคตร เป็นเกย์ป้ะวะพี่” 

    เกย์ที่หน้าแกดิ” ฉันแยกเขี้ยวใส่คนอายุน้อยกว่า “ตบปากไปเลย” 

    ก็ขนาดผิงเป็นผู้ชายเห็นรูปเขาแล้วยังใจสั่นเลย” คำพูดของขนมผิงทำให้ฉันมองหน้ามันด้วยความรู้สึกหวงของ

    อย่ามาใจสั่นกับคนของฉัน” ฉันพูดออกไปแบบไม่คิดนั่นทำให้ขนมผิงทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อใส่ฉันอีกรอบ

    อย่าว่าแต่มันไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน

    คนของฉันเลยเหรอ” ขนมผิงทวนคำพูดของฉัน

    เออดิ” ฉันเองก็ตอบอย่างมั่นใจ แม้จะรู้สึกร้อนๆ ที่พวงแก้มตอนพูดแบบนั้นออกไป แต่ฉันก็ไม่เลี่ยงที่จะแสดงออกไปตรงๆ แบบนั้นหรอกนะเพราะมันคือความรู้สึกของฉันจริงๆ “แม้ตอนนี้จะไม่ใช่ แต่เดี๋ยวก็ใช่” 

    มั่นใจอะไรขนาดนั้นอ่ะ เคยจีบใครมาแล้วเหรอ” ขนมผิงถามอีก หน้าตาและคำพูดคำจาของคนเป็นน้องมันดูถูกและเหยียดหยามฉันมาก

    ไม่เคย”

    แต่ก็อย่างที่บอก ฉันไม่เคยชอบใคร ไม่เคยมีแฟน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักแบบแฟนจริงๆ มันหน้าตาเป็นยังไง แล้วฉันจะเคยไปจีบใครที่ไหนล่ะสังคม

    ฮ่าๆๆ” ขนมผิงระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังจนนักศึกษากลุ่มที่นั่งทานข้าวอยู่โต๊ะข้างๆ หันมามองเราเป็นตาเดียว แต่ก็ใช่ว่าคนหน้าด้านแบบฉันกับขนมผิงจะสน “แล้วทำมาเป็นพูดนะลูกพี่” 

    หุบปากแล้วกินข้าวไป” ฉันบอกคนอายุน้อยกว่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเมื่อรู้สึกว่ามันเริ่มพูดไม่เข้าหู “ก่อนที่แกจะได้กินรองเท้าเบอร์สามสิบเก้าของฉัน” 

    “…” ขนมผิงยอมเงียบไปตามที่สั่งฉันเลยก้มลงอ่านคำบรรยายภาพที่เพจคิ้วท์บอยของมหา’ลัยลงพร้อมกับรูปของผู้ชายหน้าหวานคนนั้น 

    น้องวอดก้าคิ้วท์บอยจากคณะนิเทศศาสตร์ วารสารปี 2 เรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก น้องวอดก้าจะน่ารักไปเพื่อใครคะพี่แอดมินใจละลายแล้วนะ’ 

    นั่นดิ น่ารักไปเพื่อใครวะ” ฉันเผลอพึมพำออกมาเบาๆ หลังอ่านข้อความนั้นจบแล้วมองไปยังโต๊ะที่มี ‘วอดก้า’ นั่งอยู่ 

    ถึงกับเพ้อเลยเหรอลูกพี่” เสียงขนมผิงแซวฉัน มันคงจะได้ยินที่ฉันพึมพำออกไปก่อนหน้า

    แล้วจะทำไม” ฉันเลิกคิ้วกวนๆ ชวนหาเรื่องใส่มัน “มีปัญหาเหรอ

    เปล่าครับ~ ผิงก็แค่ถามดู” รุ่นน้องที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเกิดอาการลิ้นอ่อนพูดเพราะขึ้นมาทันตา

    “…” ฉันมองบุคคลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนิ่งๆ พร้อมกับส่งโทรศัพท์มือถือเครื่องละหลายหมื่นคืนมัน

    ว่าแต่…” ขนมผิงเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งเพื่อหันไปมองวอดก้าที่อยู่โต๊ะใกล้ๆ เพียงครู่เดียวเท่านั้นคนอายุน้อยกว่าก็หันมาพูดให้ฉันท้อใจเล่นๆ “เขาน่ารักขนาดนั้นไม่ใช่มีแฟนแล้วเหรอวะพี่

    มีได้ไงวะ” ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังลงช้าๆ ตอนที่ขนมผิงพูดแบบนั้นออกมา บอกตรงๆ ว่าฉันไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย “ฉันไม่ให้มี

    เอ้า! ขนมผิงถึงกับทำหน้างง “เป็นเอามากนะเนี่ยลูกพี่

    “…” ฉันเงียบไปแต่ภายในหัวมีแต่คำถามมากมายแต่ก็ไม่รู้จะไปถามใคร

    เอางี้” ขนมผิงพูดเรียกความสนใจจากฉันได้อีกรอบ “เดี๋ยวผิงสืบให้

    จะสืบทำไมวะ” ฉันย้อนถามรุ่นน้องบ้าง

    อ้าว ไม่สืบจะรู้มั้ยอ่ะ

    อยากรู้ก็แค่เดินไปถาม” ว่าจบฉันก็ลุกขึ้นเต็มความสูงที่สูงเกือบร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร

    เดี๋ยว!” ขนมผิงเอ่ยรั้งพร้อมกับฉุดชายเสื้อช็อปสีกรมท่าประจำคณะของฉันไว้ก่อนที่ฉันจะได้เดินไปยังโต๊ะของวอดก้า “จะไปไหนเนี่ย

    ไปถามไงว่าเขามีแฟนหรือเปล่า” ฉันอยากรู้ และคิดว่าถามออกไปตรงๆ มันง่ายกว่าต้องมานั่งคาดเดาว่าตกลงเขามีเจ้าของแล้วหรือยัง

    ถ้าเขามีเจ้าของแล้วฉันจะได้ไม่ต้องใจสั่นเวลาเจอหน้าเขาอีก

    เอาจริงดิ” ขนมผิงทำหน้าตาไม่อยากจะเชื่อใส่ฉันรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้

    จริง” ฉันตอบอย่างหนักแน่นพร้อมกับปัดมือขนมผิงออกจากชายเสื้อ

    โคตรคูล” 

    ยิ่งฉันเดินห่างจากโต๊ะที่ขนมผิงนั่งอยู่มากเท่าไหร่นั่นก็แปลว่าฉันเดินเข้าใกล้โต๊ะที่มีวอดก้านั่งอยู่มากเท่านั้น และยิ่งเข้าใกล้โต๊ะที่มีวอดก้านั่งอยู่มากเท่าไหร่ จังหวะการเต้นของหัวใจฉันมันก็ยิ่งเร็วและรัวขึ้นแบบห้ามไม่ได้ ถ้าไม่รู้ว่านี่มันคืออาการที่ได้อยู่ใกล้คนที่ชอบฉันคงคิดว่าตัวเองป่วยอยู่แน่ๆ

    ไม่แฮปปี้อ่ะ” เสียงสุดท้ายของวอดก้าสิ้นสุดลงทันทีที่ฉันหยุดการเคลื่อนไหวลงตรงหัวโต๊ะ สายตาของเพื่อนวอดก้ารวมทั้งเขามองฉันเป็นตาเดียว มันทำให้ฉันชะงักไปชั่วครู่ เพียงครู่เดียวจริงๆ

    การได้มองหน้าวอดก้ามุมนี้ทำให้ฉันได้รับรู้ว่าเขาน่ารักมากขนาดไหน และความน่ารักของเขาก็ทำให้ในหัวฉันมีแต่คำว่า ‘น้อง’ เต็มไปหมด ไม่รู้สิ ฉันชอบแทนอะไรที่น่ารักๆ ว่าน้องน่ะ และวอดก้าก็จะเป็นอีกคนที่ฉันจะแทนว่าน้องโดยไม่สนว่าเขาจะอายุเท่าไหร่

    มาเป็นแฟนพี่สิ แล้วน้องก้าจะแฮปปี้” ฉันไม่รู้หรอกนะว่าก่อนหน้านี้พวกเขาสนทนาอะไรกันอยู่ แค่ตีเนียนเพื่อจะสนทนาร่วมด้วยก็เท่านั้น

    คุยกับเราเหรอ” วอดก้ามองฉันอึ้งๆ พร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง หน้าตาที่ดูงุนงงของเขามันช่างน่ารักเกินกว่าที่ฉันจะบรรยายออกมาได้ บอกตรงๆ ว่าฉันแพ้ความน่ารักนี้ของเขาเข้าแล้วล่ะ

    ใช่ พี่คุยกับน้อง” ฉันตอบคำถามของบุคคลที่ทำให้ฉันไม่สามารถละสายตาไปมองทางไหนได้ นัยน์ตาคู่สีน้ำตาลอ่อนของวอดก้าเหมือนมีมนต์สะกด มันดึงดูดฉัน มันทำให้ฉันไม่อยากมองไปทางอื่น มันสะกดให้อยากมองแค่เขา อยากจะมองแค่เขาอยู่แบบนี้

    เธอเป็นใครเรายังไม่รู้จักเลย จะเป็นแฟนกันได้ยังไง” ริมฝีปากหยักสีแดงธรรมชาติขยับพูด ท่าทางของเขาเหมือนยังมึนงงกับการมาของฉันอยู่

    ชื่อพี่…” ฉันเว้นระยะก่อนจะยักคิ้วหลิ่วตาพูดต่อ “เอาไว้บอกตอนเรามีลูกคนแรกด้วยกันก็ยังไม่สาย

    ฮิ้ววว~” ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ วอดก้าทำตัวเป็นลูกคู่ให้ฉัน การกระทำนั่นเรียกร้องความสนใจจนฉันต้องเหลือบมองไปที่เขา ซึ่งบุคคลดังกล่าวกำลังยกนิ้วโป้งให้ราวกับจะบอกว่าที่ฉันพูดไปเมื่อกี้มันเจ๋งมาก เขาทำให้ฉันยิ้มมุมปากแบบได้ใจ

    เราว่าเธอเพี้ยนๆ นะ” วอดก้ามองฉันด้วยสายตาแปลกๆ

    มึงรู้จักยัยหัวฟ้านี่เหรอก้า” เพื่อนผู้ชายที่นั่งข้างวอดก้าเอ่ยถามเขาด้วยท่าทางสู่รู้ หรือพูดง่ายๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือเสือก

    เราจะไปรู้จักได้ยังไงวะ” วอดก้าตอบเพื่อนก่อนจะมองมาที่ฉันแล้วพูดต่อ “ก็เจอพร้อมนายเนี่ย

    ถามจริง!

    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะจำคนที่เขาพยายามช่วยให้รอดพ้นจากเงื้อมมือขี้เหล้าเมื่อคืนไม่ได้ เขาความจำสั้นไปหรือเปล่าวะ เหตุการณ์มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนเองนะ สีผมของฉันออกจะเป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้เขาลืมได้ยังไง แล้วทำไมถึงเป็นฉันที่จำเขาได้แม่นอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ ให้ตายเถอะ! มันน่าน้อยใจชะมัด

    แต่ในเมื่อเขาจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ฉันก็จะไม่ลื้อฟื้น

    ชื่อต้องเต ไม่ใช่ยัยหัวฟ้า” ฉันท้วงขึ้นเมื่อรู้สึกขัดหูกับชื่อที่เพื่อนวอดก้าเรียก และมันก็เป็นการแนะนำตัวกลายๆ

    ชื่อโคตรเฟี้ยว” เพื่อนของวอดก้าว่าเสริม

    แต่ฉันว่าฉันรู้จักเธอนะ” เสียงเพื่อนผู้หญิงของวอดก้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาพูดขึ้นทำให้ฉันหันไปสนใจเธอ

    “…” แม้จะบอกว่าหันไปสนใจเธอแต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปสักคำ ทำได้เพียงแค่มองดวงตาคมกริบอันทรงเสน่ห์ของเธอ หน้าตาเธอออกฝรั่ง ดูเหมือนลูกครึ่ง เส้นผมสีดำสนิทถูกมัดม้วนไว้ลวกๆ ทว่าเธอกลับไม่ได้ดูแย่ ให้พูดตรงๆ เธอก็เป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งเลย แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดึงดูดเพศตรงข้ามได้ กลับกันดูเหมือนเธอจะเป็นประเภทที่ดึงดูดเพศเดียวกันแทน

    เธอไปรู้จักผู้หญิงเพี้ยนๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เค้ก” วอดก้าถามเพื่อนปนหลอกด่าฉันไปด้วย

    เธอเป็นเพื่อนกับโซ่อ่ะ เคยเจอตอนไปกินเหล้าด้วยกัน นานแล้วแหละ” ริมฝีปากบางขยับพูดถึงชื่อเพื่อนที่ฉันชอบไปเที่ยวด้วยบ่อยๆ และคำพูดเธอก็ทำให้ฉันฉุดคิดขึ้นได้ว่าเคยเจอเธอแบบที่บอก แต่นั่นมันนานพอสมควรแล้วไม่แปลกเลยที่ฉันจะลืม “ฉันชื่อเค้กนะ ส่วนนี่เควาย

    ฉันมองไปยังเพื่อนวอดก้าที่ชื่อเควาย เขายิ้มแฉ่งให้ฉันอยู่ ท่าทางเขาจะเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย และแน่นอนว่ามันเป็นผลดีกับฉันมากๆ เลยล่ะ

    ส่วนนี่ก็น้องวอดก้า” ฉันว่าพร้อมกับยิ้มให้คนที่ฉันเพิ่งเอ่ยชื่อ ซึ่งเขาก็มองฉันอยู่

    เรียกเราว่าน้องแบบนี้ เธอเป็นรุ่นพี่เราเหรอ

    พี่อยู่ปีสอง” ฉันบอกไปตามความจริงพร้อมกับยกนิ้วโป้งและนิ้วชี้ขึ้นมาสองนิ้ว ฉันยกนิ้วที่สามซึ่งเป็นนิ้วก้อยขึ้นมาแล้วพูดต่อ “ปีหน้าก็อยู่ปีสาม

    ฉันตั้งใจจะทำนิ้วเป็น I love you ใส่วอดก้าแบบเห็นได้ชัด

    แม่งเป็นการจีบที่กูไม่เคยคิดว่าไอ้ก้าจะโดน” เควายรำพันอยู่คนเดียวทว่าได้ยินกันทั้งโต๊ะ

    ฉันอยากจะพูดกับเควายอยู่เหมือนกันว่ามันเป็นการจีบที่ฉันเองก็ไม่เคยคิดว่าจะได้จีบใครมาก่อนเหมือนกัน

    เธอจะแทนตัวเองว่าพี่ทั้งๆ ที่เรารุ่นเดียวกันได้ยังไง” วอดก้าเอียงคอถาม นั่นมันเป็นการกระทำที่น่ารักจนใจฉันจะพังเลยแหละ ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องเอียงคอถามแบบนั้น หรือเขารู้ว่าทำแล้วน่ารักวะ ถ้าเขาคิดแบบนั้นบอกเลยว่าเขาคิดถูก แต่บอกตรงๆ ว่าถ้าฉันโดนเขาทำแบบนี้ใส่บ่อยๆ ฉันคงหัวใจวายตายเข้าสักวัน

    ได้ดิ” ฉันตอบคำถามพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ ก่อนจะพูดต่ออีก “เพราะพี่คูล

    ฮ่าๆๆ กูชอบยัยหัวฟ้านี่ว่ะก้า” เควายเรียกฉันตามสีของเส้นผมอีกแล้ว

    งั้นนายก็ชอบไปคนเดียวเถอะเค” คำพูดของวอดก้าทำฉันหุบยิ้มแทบไม่ทัน

    ที่มาหาเพราะพี่มีเรื่องอยากถามน้องวอดก้าอ่ะ” ฉันเชือนแชแกล้งไม่ได้ยินประโยคเมื่อครู่ของวอดก้าแล้วบอกจุดประสงค์หลักที่ทำให้ฉันต้องเดินมาหาเขา

    ไม่ใช่รุ่นพี่ก็หยุดเรียกเราว่าน้องดีกว่ามั้ย” วอดก้าบอกฉันเสียงเรียบ เขาไม่ได้มีท่าทางรำคาญหรือหงุดหงิดอะไร เขาอาจจะแค่ไม่ชอบ น้ำเสียงที่เขาใช้บอกมันเป็นน้ำเสียงธรรมดาทั่วไป วอดก้าดูเป็นคนเรียบร้อย พูดน้อย และน่ารัก ตามที่แอดมินเพจคิ้วท์บอยบอกไว้จริงๆ เขาเป็นคนพูดเพราะนะ จากที่ฟังเขาพูดกับเพื่อนแล้วไม่มีคำหยาบให้ได้ยินเลย แม้เพื่อนเขาจะหยาบใส่หลายครั้งแล้วก็เถอะ

    ถ้าจะบอกว่าประโยคเมื่อครู่ของเขามันบ่งบอกว่ารำคาญ ฉันว่ามันคงเป็นการรำคาญแบบสุภาพสไตล์อ่ะ

    เป็นแฟนอ่อมาสั่งอ่ะ” ว่าจบฉันก็เลิกคิ้วกวนๆ ใส่วอดก้า

    “…” คำพูดหยอกๆ ของฉันทำให้วอดก้าถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ให้พี่ถามได้ยัง” ฉันเลิกคิ้วสูงเชิงถาม และรอคำอนุญาตจากวอดก้า สายตาที่เขาใช้มองฉันอยู่ตอนนี้มันไม่มีความไว้วางใจเอาซะเลย เขาอาจจะมองว่าฉันแปลก แน่นอนว่าฉันเองก็รู้ตัวดีว่าฉันแปลก

    ถามมาสิ ถ้าตอบได้เราจะตอบ” วอดก้าว่าเสียงเฉื่อยพร้อมกับทำสีหน้าเรียบนิ่ง

    ฉันมองหน้าเขาแบบจริงจังเพื่อสื่อให้เห็นว่าเรื่องที่จะถามต่อไปนี้ฉันไม่ได้เล่นๆ จังหวะการเต้นของหัวใจเริ่มเร็วขึ้นแบบห้ามไม่ได้

    น้องวอดก้ามีแฟนยัง” แม้จะรู้สึกหน้าร้อนๆ ตอนถามทว่าฉันกลับเลือกที่จะไม่แสดงสีหน้าแปลกๆ ออกไปให้เขาเห็น ไม่รู้จะแกล้งทำหน้าด้านไปทำไมในเมื่อตัวเองเขินจนตัวจะแตกอยู่แล้ว

    เรา…” วอดถ้าเว้นระยะให้ฉันลุ้นจนตัวโก่ง

    ดวงตาของฉันกับวอดก้าผสานกันอยู่แบบนั้นแต่กลับไม่มีคำพูดไหนหลุดจากปากบุคคลตรงหน้าเลยแม้แต่คำเดียว นั่นมันทำให้คนที่รอคำตอบอยู่แบบฉันต้องถามย้ำออกไปอีกด้วยความร้อนรนใจ

    มียัง

    ถ้าเรามีแฟนแล้วเธอจะเลิกยุ่งกับเรามั้ย

    อย่าตอบคำถามด้วยคำถามดิ” 

    ฉันลุ้นจนตัวโก่งทว่าคำตอบที่ได้กลับเป็นการย้อนมาถามเนี่ยนะ ถ้าไม่ติดว่าเขาน่ารักฉันโบกหัวทิ่มพื้นไปแล้วนะขอบอก

    ตอบคำถามเราก่อนเราถึงจะบอก” ตอนนี้เหมือนฉันจะตกเป็นรอง ฉันต้องการคำตอบจากเขา ไม่รู้ทำไมตอนนี้ดันกลายเป็นเขาที่เค้นเอาคำตอบจากฉันแทน

    คำถามยากว่ะ” ฉันบ่นอุบ บ่นไปตามความรู้สึกจริงๆ ของฉันนี่แหละ ฉันไม่รู้เลยว่าถ้าเขามีแฟนแล้วฉันควรจะทำตัวยังไงดี เขาเป็นคนแรกที่ฉันรู้สึกชอบ ฉันไม่อยากให้เขามีแฟนเลยจริงๆ ถ้าแฟนคนนั้นไม่ใช่ฉัน 

    ฉันไม่อยากอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

    ไม่เห็นยากเลย” วอดก้าพูดเสียงเรียบ “แค่เธอตอบว่าเลิกยุ่งหรือไม่เลิกยุ่ง

    “…” ฉันมักกัดริมฝีปากล่างเมื่อใช้ความคิด และตอนนี้ฉันก็กำลังทำอยู่

    ฮ่าๆๆ” อยู่ๆ เควายก็มองฉันแล้วหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับเขย่าแขนวอดก้าเบาๆ “น่ารักว่ะ

    “…” วอดก้าไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรกับคำพูดของเพื่อน เขาเพียงมองหน้าฉันเงียบๆ ก็เท่านั้น

    ไม่ตอบได้ป้ะ” ฉันส่งสายตาให้วอดก้า ที่ไม่ตอบเพราะฉันอยากเลี่ยงตอบคำถามที่ตัวเองยังตัดสินใจไม่ได้ อะไรที่ไม่แน่ใจเราก็ไม่ควรพูดไม่ใช่เหรอ ถ้าเขามีแฟนแล้วฉันก็ไม่ได้คิดจะแย่งหรอกนะ แต่มันทำใจลำบากที่ฉันต้องแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแบบนี้

    ไม่ได้” บุคคลตรงหน้ายืนกรานว่าจะให้ฉันตอบคำถามให้ได้ ซึ่งดูเหมือนฉันจะเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

    ถ้าน้องก้ามีแฟนแล้ว…” ฉันจินตนาการตามที่พูดออกไป แค่นึกภาพในมโนมันก็ปวดหนึบๆ ที่อกข้างซ้ายแล้ว “พี่ก็คง… เหมาน้ำใบบัวบก ลูกจาก สละ แห้วกระป๋องไปนั่งกินนอนกินที่ร้านเกมข้ามวันข้ามคืนข้ามเดือนข้ามปีข้ามพบข้ามชาติเพื่อทำใจอ่ะ

    ถ้าเขามีแฟนแล้วฉันว่าฉันคงเซ็งไปหลายวันเลยล่ะ

    มดขึ้นคีย์บอร์ดนะเว้ยยัยหัวฟ้า” เควายพูดแทรกขึ้นมาดื้อๆ

    ก็อย่าทำหกดิ” ฉันเองก็ดันบ้าจี้ไปพูดกับเขา

    สรุปคือจะเลิกยุ่งเหรอ” วอดก้าเอียงคอถามอย่างน่ารักอีกครั้ง

    ประมาณนั้นแหละ

    บอกตรงๆ ว่าเห็นวอดก้าเอียงคอถามแบบนี้แล้วไม่รู้เลยว่าฉันยังจะทำแบบที่พูดไปเมื่อกี้ได้หรือเปล่า จะเลิกยุ่งกับเขาได้จริงๆ ไหม ผู้ชายอะไรไม่รู้ น่ารักฉิบหาย!

    เรายังไม่มีแฟนหรอก” วอดก้าพูดออกมายิ้มๆ เป็นรอยยิ้มแรกที่ฉันได้จากเขา

    เขาช่างน่ารักกระแทกใจไอ้ต้องเตคนนี้เหลือเกิน!

    แบบนี้พี่ก็จีบน้องได้ใช่ป้ะ” ฉันยิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงหูเมื่อคำพูดแบบนั้นหลุดจากปากวอดก้า ทั้งที่เป็นคนถามเขาเองแท้ๆ ทว่าใบหน้าฉันกลับร้อนฉ่าอย่างกับจะไหม้อยู่รอมร่อ

    คนจริงว่ะ” เป็นเสียงผู้หญิงอีกคนที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้พูดขึ้นมา เค้กส่ายหัวไปมาด้วยสีหน้ายิ้มๆ ก่อนจะพูดต่ออีก “ยอมเลย

    จะจีบได้ยังไง” วอดก้าเมินเฉยกับคำพูดของเพื่อนแล้วตอบฉัน “เธอเป็นผู้หญิงนะ จีบผู้ชายก่อนได้ไง

    พี่เป็นผู้หญิงยุคสี่จุดศูนย์” ฉันแสยะยิ้มให้วอดก้าก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทางที่คิดว่าดูคูลที่สุดแล้ว “จีบผู้ชายก่อนถือว่ากล้าหาญ

    ฮ่าๆๆ” ทั้งเควายและเค้กหัวเราะกันลั่นเมื่อฉันพูดจบประโยค

    วอดก้าถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ เขามองฉันค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้วงกระเป๋าเป้ของเจ้าตัวเพื่อหาอะไรบางอย่าง ฉันมองเขาอยู่ทุกการกระทำ มือเรียวหยิบปากกากับสมุดบันทึกขนาดเอห้าออกมา บุคคลตรงหน้าเปิดมันออกแล้วบรรจงจรดปลายปากกาลง

    วอดก้าเขียนไปเงียบๆ แบบไม่พูดอะไร ฉันเองก็ได้แต่ยืนมองเขาเงียบๆ โดยไม่ได้รบกวนเพราะคิดว่าเขาคงจะเขียนเบอร์ติดต่อหรือไม่ก็ไอดีไลน์ให้เพื่อเป็นการเริ่มสานสัมพันธ์ เวลาผ่านไปครู่หนึ่งกระดาษแผ่นบางก็ถูกฉีกออกจากสมุดก่อนที่มือเรียวจะยืนมันมาตรงหน้าฉัน

    อะไร” แม้ปากจะถามแต่ฉันก็รับมันมาไว้กับตัวตามคำสั่งของบุคคลตรงหน้า ฉันรับมันมาไว้กับตัวแบบงงๆ โดยไม่ได้ก้มอ่านกระดาษเจ้ากรรมเลยสักบรรทัด แค่มองผ่านๆ แล้วมันไม่เหมือนเบอร์ติดต่อหรือไอดีไลน์ฉันเลยถามออกไปงงๆ แบบนั้น

    เราไม่ชอบเธอหรอก” วอดก้าปฏิเสธฉันง่ายๆ โดยไม่ให้โอกาสฉันพยายามอะไรเลย “เราชอบผู้หญิงเรียบร้อย

    ประโยคหลังของเขามันทำให้ฉันหน้าชา ฉันไม่เรียบร้อยตรงไหนวะ!

    “…” ฉันได้แต่ทำหน้านิ่งๆ ฟังเขาไปเงียบๆ สายตาคมไล้มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพูดออกมาอีกเพื่อตอกย้ำคำพูดก่อนหน้านี้ของเขา

    ซึ่งเราดูแล้วเธอไม่ใช่แนวนั้น

    พี่เรียบร้อยนะ” ฉันเถียงคอเป็นเอ็น “ดูดิแต่งตัวมิดชิดมาก เรียบร้อยโคตร

    ไม่ใช่ดิ” คู่สนทนาทำหน้าเหมือนโดนขัดใจ “เราหมายถึงเรียบร้อยแบบสาวหวานๆ อ่ะ

    พี่ก็หวาน” ฉันเท้ามือลงกับโต๊ะก่อนจะก้มลงไปหาวอดก้านิดหน่อยให้สายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน “ไม่เชื่อลองเลียปากพี่ดูมั้ยล่ะ

    “…” คำพูดของฉันทำวอดก้าเอ๋อไปเลย

    ฉันตั้งใจให้เป็นแบบนั้น การที่ฉันไม่ใช่คนในแบบที่เขาชอบ ก็ใช่ว่าเขาจะชอบฉันไม่ได้ มันต้องมีสักทางที่จะเปลี่ยนใจเขา แม้การแต่งตัวหรือกิริยาฉันจะไม่หวาน แต่ปากฉันหวานนะโว้ย

    ได้ใจว่ะ” เควายพูดกึ่งหัวเราะเมื่อได้ยินฉันหยอดวอดก้าแบบนั้น

    เธอนี่เป็นผู้หญิงยังไงกันนะ” วอดก้าถามฉันด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ คิ้วที่พาดเฉียงได้รูปของเขาตอนนี้มันขมวดเข้าหากันจนเป็นปม

    “…” ฉันไม่ได้ตอบคำถามที่ไม่รู้ว่าต้องการคำตอบไหม ทำได้เพียงมองหน้าบุคคลตรงหน้าด้วยสีหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างกับคนบ้า ฉันไม่เสียใจหรอกนะที่เขาบอกว่าไม่ชอบฉัน คำพูดนั่นมันทำให้ฉันมีไฟที่จะจีบเขามากกว่า

    ลูกพี่จะสายแล้ว!” น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ฉันหันไปมองขนมผิงโดยอัตโนมัติ

    หมับ!

    ยังไม่ทันได้ตั้งตัวแขนฉันก็ถูกพันธนาการด้วยมือสากๆ ของผู้ชายร่างสูงโปร่ง ขนมผิงออกแรงลากฉันให้วิ่งตามแบบเร่งรีบอย่างกับแมวที่บ้านหิวข้าว

    อะไรของแกไอ้ผิง” ฉันถามคนอายุน้อยกว่าแบบไม่ค่อยพอใจเพราะมันกำลังทำให้ฉันต้องออกห่างจากคนที่ได้สถานะเป็น คนที่ฉันชอบ เรื่อยๆ

    จะเข้าเรียนสายแล้วเนี่ย” ขนมผิงว่าพร้อมกับฉุดกระชากลากฉันไม่หยุด “อีกสี่นาทีก็โดนเช็คสายแล้วลูกพี่

    คำพูดของขนมผิงทำให้ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีเรียน และแน่นอนว่าถึงฉันจะชอบวอดก้ามากขนาดไหนแต่ฉันก็ต้องเลือกที่จะไปเรียนก่อน

    ไว้เจอกันนะน้องวอดก้าสุดที่รัก” ฉันตะโกนเสียงดังพร้อมโบกมืออีกข้างให้วอดก้าทั้งๆ ที่ขาก็ก้าวเดินตามขนมผิงอยู่ต้อยๆ การกระทำของฉันทำให้คนเกือบครึ่งโรงอาหารหันมามอง ถามว่าอายไหมฉันสามารถตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าไม่! เห็นแบบนี้แต่ฉันมีความหน้าด้านในตัวพอสมควรเลยนะ

    “…” วอดก้าไม่ได้โบกมือกลับ เขาทำเพียงแค่มองฉันนิ่งๆ ก็เท่านั้น

    วิ่งลูกพี่ วิ่ง!” ขนมผิงบอกเสียงดังพร้อมกับปล่อยแขนฉันให้เป็นอิสระ และฉันก็ไม่รีรอที่จะทำตาม รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ฉันกับขนมผิงเรียนวิชาเดียวกัน มันเป็นวิชาเรียนรวม ไม่ว่าจะอยู่คณะไหนหรืออยู่ชั้นปีอะไรก็สามารถลงเรียนด้วยกันได้ แน่นอนว่าขนมผิงติดฉันมากเลยเลือกลงวิชาเรียนรวมตัวเดียวกับฉัน ในหนึ่งวันขนมผิงมันห่างกับฉันได้มากสุดแค่ 6-7 ชั่วโมงเท่านั้น บางวันมันแทบจะหอบหมอนกับผ้าห่มมานอนห้องฉันด้วยซ้ำ

    ทันเฉยเลย” ขนมผิงพูดขึ้นตอนที่เราหาที่นั่งกันเสร็จแล้ว

    ทันดิ วิ่งกันจนหอบขนาดนี้” ฉันว่าพร้อมกับใช้กระดาษในมือพัดไปมาเพื่อคลายความร้อน แม้มันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม

    แล้วนี่ลูกพี่ได้เรื่องยังไงบ้างเนี่ย” คนอายุน้อยกว่าถามออกมาอย่างใส่ใจ หรือพูดง่ายๆ ว่าเสือก

    ก็ยังไม่ได้เรื่องอะไรมากหรอก

    อ้าว แล้วสรุปพี่วอดก้าเขามีแฟนยังอ่ะ

    ยัง

    แบบนี้ก็เข้าทางลูกพี่เลยดิ

    เข้าทางกับผีดิ!

    บอกเลยว่ายากดูจากสถานการณ์เมื่อกี้แล้วน่าจะยากอยู่พอสมควร วอดก้ามีท่าทีต่อต้านฉันแบบเห็นได้ชัด ต่อต้านแบบสุภาพสไตล์น่ะ

    สู้เขาว่ะพี่” ขนมผิงตบไหล่ฉันเบาๆ

    แน่นอนว่าฉันไม่ถอยหรอก

    แล้วนี่กระดาษอะไร

    คำถามของขนมผิงทำให้ฉันก้มมองกระดาษแผ่นบางในมือที่วอดก้าเป็นคนให้มา ฉันอ่านมันแบบตั้งใจ ตั้งใจมากกว่าตอนอ่านหนังสือสอบซะอีก ลายมือของวอดก้าสวยมาก มันเป็นระเบียบและอ่านง่าย ไล้สายตาอ่านจนจบสมองของฉันก็พอประมวลได้ว่าในกระดาษแผ่นนี้เขียนคุณสมบัติผู้หญิงที่วอดก้าชอบไว้ ฉันมั่นใจได้เลยว่าถ้ามีผู้หญิงแบบที่เขาเขียนในกระดาษแผ่นนี้ผู้หญิงคนนั้นต้องคู่ควรกับเขามาก แต่จะหาผู้หญิงแบบที่เขาชอบได้คงต้องย้อนกลับไปหลายยุคสมัย

    ข้อความในกระดาษทำให้ฉันถอนหายใจเบาๆ

    กระดาษที่บรรยายบุคลิกสาวในอุดมคติของเขาอ่ะ” ฉันตอบขนมผิงไปแบบไม่ยี่หระ ฉันไม่สนใจว่าตอนนี้เขาจะชอบผู้หญิงแบบไหน แต่สักวันเขาต้องชอบผู้หญิงแบบฉัน

    ผิงขออ่านหน่อยดิ

    “…” ฉันไม่ได้พูดอะไรแค่ยื่นกระดาษแผ่นบางให้คนอายุน้อยกว่าที่นั่งอยู่ข้างๆ

    ขนมผิงอ่านมันแบบตั้งใจ สีหน้าตอนอ่านก็ไม่ได้ต่างกับฉันมากมาย

    สุภาพ อ่อนหวาน เรียบร้อย พูดน้อยๆ ยิ้มเยอะๆ เป็นแม่บ้านที่ดี…” ขนมผิงอ่านข้อความไปได้ยังไม่ถึงครึ่งก็หันมามองหน้าฉัน “เท่าที่อ่านมานี่ตรงข้ามกับลูกพี่หมดเลยนะ

    ฉันเป็นแม่บ้านที่ดีได้

    แม่บ้านที่ดี” ขนมผิงทวนคำพูดฉัน “ลูกพี่ทำอะไรได้บ้างวะ แค่ล้างจานยังฉิบหายเลยอ่ะ

    มันก็พูดเว่อร์ไป ฉันแค่เคยทำจานแตกไม่กี่ใบเอง ใครๆ ก็เคยทำจานแตกกันทั้งนั้นแหละน่า

    ฉันเปลี่ยนหลอดไฟได้” ฉันว่าไปตามความจริง งานครัวฉันไม่ถนัด บ้านเราเลยแบ่งหน้าที่กันทำตามความถนัดของแต่ละคน ซึ่งแน่นอนว่าฉันถนัดแนวที่บอกไอ้ผิงไปเมื่อกี้

    จบเห่” ขนมผิงพึมพำออกมา “อกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยครับงานนี้

    หักที่หน้าแกดิ” ฉันแยกเขี้ยวใส่รุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างๆ มันปากเสียได้ใครมาวะฉันอยากรู้จริงๆ

    ก็ลูกพี่ไม่ใช่แบบที่พี่วอดก้าชอบเลยอ่ะ” ขนมผิงบอกเสริมก่อนจะเสนอความเห็นเพิ่มเติม “หรือพี่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นไปตามแบบที่เขาชอบ”  

    ทำไมต้องเป็นในแบบที่เขาชอบล่ะ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำแบบนั้นเลยนะ

    ไม่อ่ะ” ฉันตอบคนอายุน้อยกว่าไปด้วยท่าทางสบายๆ ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่สนว่าเขาชอบผู้หญิงแบบไหน

    แล้วลูกพี่จะทำยังไงอ่ะ

    ก็ทำให้เขาหันมาชอบในแบบที่ฉันเป็นไง

    ถ้าเราฝืนเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เป็นไปตามแบบที่เขาชอบเราเองนั่นแหละที่จะไม่มีความสุข สู้ให้เขามาชอบในแบบที่เราเป็นดีกว่าเยอะเลย ในเมื่อใจคนมันเปลี่ยนกันอยู่แทบทุกเวลาอยู่แล้ว ทำไมวอดก้าจะหันมาชอบผู้หญิงแบบฉันบ้างไม่ได้

    โคตรคูล” ขนมผิงว่าพร้อมกับมองฉันด้วยสายตาชื่นชม

    “…” ฉันแค่ยิ้มมุมปากพลางยักไหล่ให้คนอายุน้อยกว่า ฉันรู้ว่าขนมผิงมันชื่นชมฉันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่อย่างนั้นมันไม่นับถือฉันเป็นลูกพี่หรอก

    แต่ที่เขาเขียนไว้ข้อนี้หนักเลยนะลูกพี่” ขนมผิงมองกระดาษแผ่นบางก่อนจะอ่านมันให้ฉันฟังชัดๆ “ไม่ชอบผู้หญิงที่ทำผมสีฟ้า

    อันนี้ฉันว่าเขาตั้งใจบอกฉันว่า ไม่ชอบตรงๆ แน่เลยว่ะ

    แล้วไงวะ

    เปลี่ยนสีป้ะพี่ เผื่อเขาจะมองพี่ดีขึ้น” ขนมผิงเสนอความคิดเห็น ทว่าฉันดันไม่ชอบความคิดเห็นนี้เท่าไหร่ ถ้าฉันเปลี่ยนสีผมเท่ากับว่าฉันยอมเปลี่ยนตัวเองไปเป็นตามแบบที่วอดก้าชอบแล้วหนึ่งอย่าง ซึ่งฉันจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน

    เปลี่ยนทำไม” ฉันมองหน้าคนอายุน้อยกว่าก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ผมสีฟ้าไม่เคยทำให้พ่อใครตายซะหน่อย

    ซี๊ดแรงบาดใจ” ขนมผิงพูดพร้อมกับทำท่ากุมอกข้างซ้ายไปด้วย

    เดี๋ยวจะบาดหน้าแกด้วย” ฉันบอกไปนิ่งๆ พร้อมกับกระชากกระดาษแผ่นบางคืนมาไว้ในมืออย่างเดิม วอดก้าไม่ได้ไม่ชอบผู้หญิงทำผมสีฟ้าหรอก เขาตั้งใจจะบอกว่าไม่ชอบฉันมากกว่า

    ไม่เคยจะอ่อนโยน

    ตั้งใจเรียนไป

    ครับผม~” ขนมผิงมันเป็นเด็กว่าง่าย ฉันให้มันทำอะไรมันก็ทำ หมายถึงบางครั้งนะ บางครั้งที่นึกอยากดื้อก็ไม่ค่อยฟังหรอก หรือบางครั้งนึกอยากกวนตีนมันก็กวนจนฉันนึกโมโหได้เลย แต่ตอนนี้ฉันบอกให้เรียนมันก็ว่าง่าย รีบหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาแล้วฟังบรรยายและจดตามไปด้วย

     



    tbc.
    #พี่เตคนคูล
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×