ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอเพียงใจรักมั่น真诚的爱[จบ]

    ลำดับตอนที่ #16 : ความลับแตก(รู้กันเฉพาะสองเรา)2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.48K
      268
      28 มี.ค. 61

    จูหยวนจางก้มมองหลิวหลีนิ่งงัน  เขาถึงกับทำอะไรไม่ถูกกับประโยคนี้ที่ภรรยาของเขาเอ่ยออกมา

    เขาไม่เคยมีความรักให้กับสตรีนางใด...

    เขาคิดว่าเขาไม่ได้รักนาง  นางก็แค่สตรีคนหนึ่งที่เป็นฝ่ายเข้าหาเขา  เป็นฝ่ายรักเขา เหมือนกับสตรีทั่วไปที่มักจะชอบเข้าหาเขา 

    เขาแต่งงานกับนางก็เพราะสมรสพระราชทาน  เขาปฏิเสธสมรสพระราชทานนี้ไม่ได้  เขาจึงจำใจต้องแต่งงานกับนาง  เขาไม่ได้รักนางแต่อย่างใด

    แต่ทำไม

    นางจะหย่าหรือ?

    สมรสพระราชทานจะหย่าได้อย่างไร

    ไม่มีทาง

    เขาไม่มีทางหย่าให้นาง

    เขา...

    ไม่หย่า!

     

     

    จูหยวนจางเพียงยืนนิ่งๆตกอยู่ในภวังค์ของตนเอง ในขณะที่หลิวหลีเพียงกอดกระชับรอบเอวของเขา นางฝังหน้าของตนให้จมอยู่กับแผงอกของเขา  ในขณะที่เขายังคงปล่อยให้หญิงสาวสวมกอดอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะถอยออกห่างแต่อย่างใด

    “ท่าน...” หลิวหลีเริ่มส่งเสียงอู้อี้อยู่ตรงหน้าอกแกร่งของจูหยวนจาง “ข้าชอบท่าน...แม้ท่านไม่ชอบข้า แต่...แต่ว่า...ข้าชอบท่าน” หญิงสาวเอ่ยออกมาแค่นั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองจูหยวนจาง

    “ทำไม...ท่านช่างโง่งม  ข้ากับท่าน...ช่างโง่งม...โง่งม... ช่างโง่งม” หลิวหลีบ่นพึมพำด้วยประโยคซ้ำๆวกวนไปมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาแวววาว

    จูหยวนจางเพียงก้มมองใบหน้าอย่างนั้นของหลิวหลีนิ่งๆด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก  ยามนี้เขารู้สึกได้ว่า

    นางทั้งน่าเอ็นดู

    และน่าหมั่นไส้

    เขาเริ่มเข่นเขี้ยวนางมากขึ้นทุกที ทุกที

    จูหยวนจางยังคงก้มหน้ามองหลิวหลีที่ยังคงส่งเสียงแว่วหวานด้วยริมฝีปากได้รูปสีแดงสดกับประโยคที่ฟังแล้วพาหัวเสีย 

    เขาเห็นนางยกมือเรียวเล็กของนางแกะหนวดปลอมเคราปลอมออกอย่างยากลำบาก เขาจึงเอื้อมมือขึ้นเพื่อช่วยนางแกะออกเสียเอง

    “ข้าจะไม่อยู่แล้ว...ไม่ทนปลอมตัวบ้าๆนี่อีกแล้ว...” หลิวหลีกล่าวพลางพยายามลอกหนวดออกจากใบหน้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้สนใจฝ่ามือของใครบางคนที่พยายามช่วยนางเอาออกอีกแรง

    “ข้าจะไม่ขวางท่าน... ท่าน...อยากทำอะไรก็ทำเลย อยากโง่งมกับสตรีนางใดก็ทำเลย เชิญเลย...คนโง่  จูหยวนจาง...โง่...” หญิงสาวยังคงบ่นยาวเหยียดด้วยประโยคที่ทำชายหนุ่มถึงกับคิ้วกระตุกแต่ยังคงช่วยนางลอกคราบอยู่อย่างนั้น

                นาง...

    กำลังเข้าใจเขาผิด!

     

     

    จูหยวนจางถึงกับอมยิ้มอย่างนึกเห็นใจในตัวภรรยาของเขา

    มิรู้ได้ว่าทำไม

    มิรู้ได้ว่าเมื่อไหร่

    ที่เขามักจะชอบกลั่นแกล้งนางอย่างนี้

    “นั่นเจ้าจะทำอะไร” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวค่อยๆหมุนตัวเดินไปตรงมุมห้องหลังตู้เก็บเสื้อผ้า

    “ข้าจะเก็บของ...กลับบ้าน...” หลิวหลีตอบงึมงำขณะก้มลงหยิบสัมภาระที่นางแอบเอามาซ่อนเอาไว้ที่ข้างตู้เสื้อผ้าของจูหยวนจาง

    จูหยวนจางเดินตามมาคอยช่วยพยุงร่างบางเกรงว่าจะล้มกลิ้งจนหัวทิ่มลงไป  นางแอบเอาสัมภาระของนางมาไว้ข้างตู้เสื้อผ้าของเขาตั้งแต่วันที่แอบเข้ามาอาบน้ำภายในห้องพักของเขา  

    เขาเห็นทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

    เขาปล่อยให้นางได้ทำตามอำเภอใจไป 

    นางคงคิดว่าเขาไม่รู้ไม่เห็นอันใดกระมัง ถึงได้กระทำการอย่างย่ามใจถึงเพียงนี้ 

    ถ้าหากว่ามีผู้อื่นล่วงรู้ เขาคงถูกทำโทษอย่างไม่เหลือชิ้นดี 

    เขาเป็นคนคุมกฎระเบียบต่างๆของค่ายทหาร แต่กลับทำผิดกฎอย่างมหันต์ ก็เพราะนาง

    ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆหลิวหลีที่นั่งลงอยู่กับสัมภาระของตนเอง เขาปล่อยให้นางถอดเสื้อ ถอดผ้ารัดอกออก เขาคิดว่านางคงเตรียมตัวจะผลัดผ้าเพื่อเดินทางในทันที เขาได้แต่นึกขันจนปวดมวนในท้องไปหมด ภรรยาของเขาเป็นสตรีอย่างนี้หรอกหรือ 

    เขาชักจะเริ่มเป็นห่วงสวัสดิภาพของนางเสียแล้ว...

    “ท่านยิ้มอะไร” หลิวหลีหันมาถามคนตัวโตที่นั่งยิ้มขันหัวเราะในลำคออยู่ข้างๆอย่างนึกเคือง  “ดีใจมากเลยหรือไร ที่ข้าจะหย่าให้... คนโง่”

    “เจ้าดุด่าข้าพอหรือยัง” ชายหนุ่มถามออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

    หญิงสาวถึงกับชะงักกับสีหน้าอย่างนั้น

    “พอใจแล้วหรือยัง” เขาย้ำถามนางขณะช่วยนางแกะผ้ารัดอกออกทีละชั้น

    หลิวหลีถึงกับเม้มริมฝีปาก ขมวดคิ้วมุ่น ทำแก้มพอง ก่อนจะถลึงตากลมโตใส่หน้าจูหยวนจาง แล้วตอบเสียงเบา “พอแล้ว...”

    “แน่ใจ?

    “....”

    หลิวหลีทำท่านิ่งคิดด้วยสีหน้ามึนเมา ก่อนถามเสียงเบากว่าเดิม  “ท่าน... ไม่ชอบนาง...ได้หรือไม่”

    ชายหนุ่มนิ่งฟังขณะเอื้อมมือขึ้นแกะมวยผมของหญิงสาวออกอย่างเบามือ

    “แค่ท่านไม่ชอบข้า...มันก็มากเกินพอแล้ว” หลิวหลีเริ่มพึมพำบ่นงึมงำ “รู้หรือไม่...”

    “แล้วอย่างไร...” ชายหนุ่มถามเสียงเบาเหม่อมองสตรีตรงหน้าก่อนจะจับคลี่ผมของหญิงสาวให้ทิ้งตัวลงคลอเคลียอยู่กับช่วงไหล่นวลเนียน และเนินอกกลมกลึงที่ได้คลายผ้าชั้นสุดท้ายออกแล้ว

    ยามนี้หญิงสาวได้กลายร่างกลับมาเป็นสตรีเรียบร้อยดีแล้ว และ...

    นางกำลังทำให้เขาเริ่มรู้สึกบางอย่าง

    “ท่านไม่ต้องไปชอบใคร...ได้หรือไม่กันเล่า” หลิวหลีเริ่มเสียงดัง

    “พูดพอหรือยัง...” จูหยวนจางเอ่ยเสียงต่ำขณะใช้นิ้วเกลี่ยช่วงไหล่ของนางไล่ปอยผมให้ตกออกไปทางด้านหลัง ก่อนจะโน้มใบหน้าคมเข้มเข้าหาใบหน้าแดงระเรื่อที่ยังคงพองออกด้วยอาการแง่งอน 

    เขากดริมฝีปากของเขาลงตรงเปลือกตาของนาง ก่อนจะเลื่อนลงมาที่พวงแก้มนุ่มนิ่ม แล้วถอยห่างออกมาเพียงนิดเพื่อพิศมองกิริยาของนาง

    หลิวหลีชะงักฝ่ามือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบชุดใหม่ที่แตกต่างจากชุดประจำการของทหารเพื่อเอามาสวมใส่ทันที นางกระพริบตาถี่รัวอย่างตกตะลึงและมึนงง แต่ยังคงเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น

    จูหยวนจางขยับเข้ามาก้มหน้าลงอีกนิดแล้วกดริมฝีปากที่พวงแก้มอีกข้างหนึ่งของนาง แล้วถอยหน้าออกเพื่อสังเกตกิริยาของนางอีก

    หลิวหลีเริ่มคลายริมฝีปากที่เม้มกันออก แต่ยังคงถลึงตากลมโตเข้าใส่ 

    ครานี้จูหยวนจางก้มหน้าลงที่ซอกคอของนางแล้วจูบเบาๆไปหนึ่งที ก่อนจะถอนใบหน้าออกมาอีก

    หลิวหลีถึงกับตาโตยิ่งกว่าเดิม และเริ่มอมยิ้ม

    จูหยวนจางโน้มใบหน้าของตนเข้าหาอีก ครานี้เขาเลือกที่จะกัดเม้มที่ติ่งหูของนางเบาๆ ทำเอาหลิวหลีถึงกับห่อไหล่ขนลุกเกรียว

    “อยากหย่าอยู่หรือไม่” เขาถามเมื่อถอนใบหน้าออกมา

    “....”

    นางกระพริบตาใส่หน้าแทนคำตอบ

    จูหยวนจางจึงก้มหน้าลงขบเม้มติ่งหูอีกข้างหนึ่งของนาง 

    ครานี้หลิวหลีห่อไหล่หัวเราะคิก  ชายหนุ่มเริ่มคลี่ยิ้ม  ภรรยาของเขา ง้อไม่ยากเลยสักนิด

    “อยากหย่าหรือไม่...” เขาถาม

    “หืม...” นางอมยิ้มตอบได้แค่นั้น

    ครานี้จูหยวนจางก้มหน้าลงแล้วเลื่อนริมฝีปากของเขาเข้าหาตรงซอกคอของนางก่อนจะพรมจูบไล่เลียตามแนวลำคอจนลงมาถึงช่วงไหล่ขาวผ่อง พลางกระซิบ “จะหย่าหรือไม่...”

    หลิวหลีไม่ตอบคำใด นางเพียงเอื้อมมือขึ้นจับกุมช่วงไหล่กว้างใหญ่ของเขา ขณะที่เขายังคงพรมจูบนางอยู่ตามลำคอระหง

    เขาเอียงใบหน้าฝังเข้าไปในซอกคอไล่ระดับไปเรื่อยๆค่อยๆขึ้นค่อยๆลงอย่างใจเย็น ขณะย้ำถามเสียงแหบเบาใกล้ใบหูของนาง “ว่าอย่างไร...”

    “ท่าน...” หลิวหลีเอ่ยได้แค่นั้นขณะเลื่อนฝ่ามือของตนเองขึ้นมาจับกุมอยู่ตรงซอกคอของชายหนุ่ม

    จูหยวนจางถอนใบหน้าของตนออกมาเพื่อจ้องมองใบหน้าของภรรยา และรอฟังคำตอบ แต่เขาเห็นแค่เพียงใบหน้าเห่อแดง แววตาเหม่อมอง และกลิ่นอายความร้อนแผ่ซ่านออกมาจากใบหน้าและฝ่ามือของนางที่กำลังลูบไล้อยู่ตรงลำคอและสันกรามของเขา

    มิใช่แค่เขาคนเดียวที่คิดถึงสัมผัสของนาง

    นางเองก็เช่นเดียวกัน

     

     

    “เจ้ายังไม่ได้ตอบข้า...” เขาถามขณะเคลื่อนใบหน้าคมเข้มเข้าหาใบหน้าอ่อนหวานของภรรยา ก่อนจะเตรียมจรดริมฝีปากของเขาเข้าหาริมฝีปากของนาง

    “ไม่...” หลิวหลีขยับริมฝีปากออกเพียงนิดเพื่อตอบ ก่อนจะเผยอออกแล้วแนบชิดกับริมฝีปากของเขา

    จูหยวนจางจูบเม้มเบาๆไปหนึ่งที แล้วถอนออกมาแต่ยังคงคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ก่อนถามย้ำ “ไม่อะไร...”

    หลิวหลีปรือตามองริมฝีปากของชายหนุ่มในระยะประชิดอย่างเหม่อลอย ตอบแบบมึนๆเสียงเบาหวิว  “ไม่หย่า...”

    จูหยวนจางเอียงหน้าเพียงนิดเพื่อประกบริมฝีปากแนบสนิทกับริมฝีปากของนาง เขาจูบเม้มเบาๆอย่างหยอกเย้า จนหญิงสาวถึงกับคลี่ยิ้มขณะสนองตอบการกระทำ 

    ทำเอาชายหนุ่มถึงกับยิ้มตามแม้ริมฝีปากยังคงประกบเสียดสีไปมา

    เขา...

    รู้สึกดี...

     

    จูหยวนจางเอื้อมฝ่ามือของตนข้างหนึ่งขึ้นโอบรอบลำตัวของหลิวหลีแล้วลูบไล้เพียงเบาๆไปตามแผ่นหลังเรียบลื่นของนาง

    เขาเอียงศีรษะเพื่อเปลี่ยนทิศทางขณะจูบหญิงสาวพลางยกมือข้างหนึ่งประคองใบหน้าของนางให้ขยับเปลี่ยนทิศทางตามริมฝีปากของเขาอย่างใจเย็น

    หลิวหลีพริ้มตาตอบสนองเขาได้เป็นอย่างดีคล้ายละเมอก็ไม่ปาน ฝ่ามือน้อยๆของนางยังคงจับประคองใบหน้าของเขาคล้ายกับเกรงว่าเขาจะถอยห่างออกไป

    ซักพักจูหยวนจางค่อยๆถอนริมฝีปากออกเพียงเบาๆเพื่อมองใบหน้าของนางในระยะประชิด เขาอยากเห็นสีหน้าของนางในยามนี้ 

    หลิวหลียังคงเหม่อมองจูหยวนจางอย่างหลงใหล ดวงตาหยาดเยิ้ม ใบหน้าเห่อแดง ริมฝีปากชุ่มชื้นเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ข้า...ชอบท่าน”

    ชายหนุ่มคลี่ยิ้มมุมปากเพียงนิดก่อนก้มหน้าลงประกบริมฝีปากของเขาเข้าหาริมฝีปากของนางอีกครา 

    ไม่รู้ทำไม  เขาถึงชอบให้นางเอ่ยคำนี้  มิใช่ว่าไม่เคยมีใครเอ่ยกับเขา  มีสตรีเคยเอ่ยประโยคนี้กับเขาออกบ่อยไป  แต่...

    แต่กับนาง....

    ทำไมเขาถึงชอบฟัง...

    ตั้งแต่เมื่อไหร่...

    ที่เขาชอบฟัง...

    จูหยวนจางเริ่มจูบหลิวหลีดูดดื่มมากยิ่งขึ้น เริ่มลูบไล้หนักมือขึ้น ด้วยอารมณ์ที่เริ่มเพิ่มมากขึ้น ผสมผสานกับความร้อนของร่างบางในอ้อมกอดที่เริ่มแผ่ซ่านออกมาทำให้เขาได้รับรู้อารมณ์ร่วมนั้น เขายิ่งเพิ่มความต้องการโดยธรรมชาติ 

    เขาจึงเริ่มปลดสาบเสื้อของเขาออกอย่างใจเย็นขณะยังคงบรรจงจูบนางอย่างแนบแน่นก่อนจะผละออกเบาๆแล้วค่อยๆเลื่อนไล้ริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากของนางไปตามแนวพวงแก้มไล่ลงมาตามปลายคางก่อนจะซุกเข้าที่ซอกคอหอมกรุ่นของนาง 

    กลิ่นเนื้อนวลนางกลิ่นนี้ล่ะที่เขาไม่เคยลืม 

    เนื้อนวลเนียนละเอียดของนางอีกที่เขามิอาจลืม

    มิรู้ได้ว่า  ทำไม...

    มีเพียงนางที่เขาไม่อาจลืม...

    ร่างสองร่างยังคงอยู่ในท่านั่งแนบชิดคลอเคลียกันอยู่ตรงตู้เสื้อผ้าซึ่งจูหยวนจางคิดว่าพื้นตรงนี้มันคงจะเย็นจนเกินไปหากเขาจะจับภรรยาของเขาให้นอนแนบพื้นในขณะนี้ เขาจึงช้อนร่างบางของนางขึ้นก่อนจะลุกขึ้นเดินไปทางเตียงนอนที่มีผ้าห่มผืนใหญ่วางเอาไว้

    มันเป็นไปตามแผนการที่เขาคิดเอาไว้

    คืนนี้นางไม่มีโอกาสหลับคาอกของเขาก่อนเวลาอันควรอย่างแน่นอน

    “อืม...” หลิวหลีเริ่มส่งเสียงครวญครางเมื่อจูหยวนจางเริ่มรุกหนักมากยิ่งขึ้นหลังจากวางนางลงบนเตียงนอนแล้วตามด้วยร่างกำยำของเขาแนบชิดทาบทับลงมา

    จูหยวนจางเกรงว่าเสียงหวานใสของนางจะดังจนทำให้เหล่าทหารที่ยังคงวนเวียนไปมาอยู่ด้านนอกที่พักจะได้ยินจึงเลื่อนใบหน้าที่กำลังก้มต่ำอยู่ตรงเนินอกนูนเด่นของนางขึ้นไปประกบริมฝีปากของนางเอาไว้ด้วยการจูบอย่างแนบแน่น

    ไม่นานต่อมาจูหยวนจางจึงเริ่มขยับกายเข้าใส่หลิวหลีเมื่ออารมณ์ของเขาและนางในยามนี้พร้อมแล้วสำหรับขั้นตอนสำคัญอย่างนั้น

    กิจกรรมของสองสามีภรรยายังคงดำเนินต่อไปภายในห้องพักที่มีเพียงกำแพงชั้นบางกางกั้น ผู้คนเดินกันขวักไขว่อยู่ภายนอกอย่างคลาคล่ำ บ้างร่ำสุรา บ้างเสวนา บ้างเดินไปมา บ้างฝึกเพลงยุทธ์ ใครไหนเลยจะคิดว่าภายในค่ายทหารที่มีแต่บุรุษอยู่ทั่วทุกมุมจะมีมุมเล็กๆที่กำลังสุขสมอย่างรัญจวนอยู่ภายในที่พักชั่วคราวของค่ายทหารแห่งนี้

    เนื่องจากค่ายทหารแห่งนี้เลือกที่ตั้งใกล้กับริมแม่น้ำ และเป็นตำแหน่งหน้าด่านที่จำลองค่ายทหารตามหลักยุทธศาสตร์เพื่อหลอกล่อศัตรูต่างแคว้นที่นิยมเลือกเส้นทางรุกรานทางแม่น้ำและมักจะมีคำสั่งให้เคลื่อนย้ายฐานทัพอยู่อย่างสม่ำเสมอตามแผนการจากเบื้องบน  แม้ว่ายามนี้แว่นแคว้นจะสงบสุขร่มเย็นมิได้มีเภทภัยจากสงครามแต่อย่างใด การปฏิบัติตามกลยุทธการศึกของท่านอ๋องผู้เป็นแม่ทัพประจำหน้าด่านยังคงต้องเป็นไป เพื่อความรอบคอบอยู่ตลอดเวลาเพราะมิรู้ได้ว่ายามใดจะมีกลุ่มใดเกิดเหิมเกริมลุกล้ำเข้ามา หรือว่ายามใดจะมีกองกำลังของฝ่ายไหนแอบมาซ่องสุมกำลังตามแนวหน้าด่านริมแม่น้ำอย่างนี้ การต้องคอยเคลื่อนย้ายฐานทัพอย่างนี้จึงเป็นการกำราบมิให้ใครหรือกองกำลังใดแอบกระทำการตามใจอยู่จนตลอดแนว

    เวลาปลายยามอิ่น(เกือบตีสาม) หลิวหลีที่ตื่นจากการหลับใหลเพราะอ่อนล้าจากกิจกรรมบางอย่างจนสร่างเมากำลังนอนกระพริบตาปริบๆอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของจูหยวนจางภายใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยร่างเปลือยเปล่าที่ยังคงแนบชิดกับกล้ามเนื้อแน่นๆของเขา   

    เมื่อคืนนาง...

    พลาดไปแล้ว

    หรือนี่

    ทำอย่างไร

    ทำอย่างไรดี

    หลิวหลีคิดในใจอย่างว้าวุ่นขณะนอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับกายแม้เพียงนิดเดียว 

    นางเกรงว่าจูหยวนจางจะตื่นขึ้นมาแล้วจับนางโยนออกไปจากในห้องพักแห่งนี้

    ทำอย่างไรดี

     

     

     

    เมื่อคืนวานนางแอบเข้ามานอนในห้องพักของเขา

    แล้วคืนนี้

    นางเข้ามาขืนใจเขา

    ได้อย่างไร

    นางไม่ควรนึกถึงภาพระหว่างร่วมรักกับเขาก่อนไปดื่มเหล้าเลย

    นางจำได้เลือนรางว่านางเป็นฝ่ายฉุดดึงร่างของเขาให้เดินตามเข้ามาในห้องพักแห่งนี้

    แล้ว...

    แล้ว...

    เฮ้อ...

    พลาดไปแล้วหลิวหลี

    “เป็นอะไรไปอีก” เสียงทุ้มต่ำดังอยู่ข้างหูของหลิวหลี ทำหญิงสาวถึงกับสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะพยายามใช้สายตาฝ่าความมืดเพ่งมองเขา 

     

     

    ยามนี้เปลวเทียนภายในห้องได้มอดดับไปเสียหมดแล้ว แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาจึงมีเพียงแสงจากคบไฟด้านนอกที่พักซึ่งมีกำแพงปิดกั้นอยู่ ทำให้ยามนี้หลิวหลีมองสีหน้าของจูหยวนจางไม่ถนัดถนี่ซักเท่าไหร่ มิรู้ได้ว่าสีหน้าของเขายามนี้เป็นอย่างไร

    กำลังโกรธนางมากหรือไม่

    กำลังแยกเขี้ยวใส่นางหรือเปล่า

    เขาจะจัดการกับนางอย่างไร

    เขารู้แล้วว่าอาหลิ่วเป็นหลิวหลีปลอมตัวมาอย่างไม่ต้องสงสัย

    นางลอกคราบออกเสียขนาดนี้

    ทำอย่างไรดี

    หลิวหลียังคงตัวแข็งทื่อหลังจากสะดุ้งสุดตัวไปเมื่อครู่ขณะตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองโดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา

    จูหยวนจางที่รับรู้ได้ว่าร่างของภรรยากำลังแข็งทื่อคล้ายกับท่อนไม้ จึงทำได้เพียงนึกขัน  นางคงจะตระหนกตกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆตกอยู่ในสภาพอย่างนี้

    เขาจะแกล้งอะไรนางอีกดี...

    “เจ้า...” จูหยวนจางทำเสียงเข้มใส่หน้าของหลิวหลี “ทำอะไรลงไป...รู้ตัวหรือไม่”

    ประโยคนั้นของชายหนุ่มทำหลิวหลีถึงกับสะดุ้งเฮือกใหญ่ก่อนจะเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นพร้อมกลั้นหายใจ

    ตายแน่...หลิวหลี

    “หลีเอ๋อร์...” เขาเรียกชื่อหญิงสาวเสียงต่ำแบบที่ไม่เคยเรียกมาก่อนอย่างไม่รู้ตัวขณะจับร่างของนางให้พลิกกายเข้าหาแผงอกของเขา  

    หลิวหลีถึงกับตาโตยอมพลิกกายเข้าหาเขาแต่โดยดีอย่างยอมจำนน

    “ว่าอย่างไร” จูหยวนจางเอ่ยเสียงเบาขณะก้มมองหลิวหลีที่ก้มหน้างุดๆมุดอยู่กับแผงอกของเขา 

    นางยังจะอยากหย่าอยู่หรือไม่ เขาคิด

    “ข้า...เอ่อ...” หลิวหลีอึกอักส่งเสียงอู้อี้อยู่ตรงกล้ามเนื้อหน้าอกอบอุ่นโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาแต่อย่างใด “ข้าขอโทษ ข้ารู้ว่ามันผิด แต่...แต่...”

    “แต่อะไร” จูหยวนจางแกล้งคำรามเสียงเบา

    หลิวหลีสะดุ้งอีกทีก่อนเอ่ย “ข้าผิดไปแล้ว...”

    “ดี...” เขาเอ่ยเสียงเข้มต่อเนื่อง “ทำผิดย่อมต้องรับโทษ”

    “หา!” หลิวหลีอุทานขณะเงยหน้าขึ้นมองจูหยวนจางแบบเต็มตาก่อนจะส่ายศีรษะไปมา “เมื่อวานก็รับโทษทั้งวันแล้ว”

    “นั่นมันโทษของเมื่อวาน”

    “....”

    “ความผิดของเจ้าในวันนี้มันน้อยเสียที่ไหน”

    “....”

    หลิวหลีเม้มริมฝีปากแน่นยิ่งขึ้น นางยังไม่อยากถูกไล่ให้ออกไป

    อีกทั้งความผิดที่ปลอมตัวเข้ามา มันน้อยเสียที่ไหน  คงถูกจับขังตามด้วยโทษทัณฑ์ทรมานอย่างอื่นอีก

    เมื่อคิดได้ดังนั้นน้ำตาพลันรื้อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มันเต็มขอบตาจนล้นออกมาหยดอยู่กับแผงอกของจูหยวนจาง  หลิวหลีแอบยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างยอมจำนน 

    ตอนทำไม่คิด  หลิวหลีเอ๋ย... หญิงสาวคิดในใจแม้รู้อยู่แล้วว่ามันผิดตั้งแต่ต้น  แต่ก็ยังฝืนจะทำ ถูกเขาจับได้คาหนังคาเขาแล้วจะปฏิเสธได้อย่างไร

    จูหยวนจางที่รับรู้ได้ถึงน้ำตาอุ่นๆที่หยดลงตรงกล้ามเนื้อหน้าอกของเขา  เขาถึงกับชะงักงัน ทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่านางจะใช้ลูกไม้เช่นนี้ 

    น้ำตาของนางมันใช้กับเขาได้ผลหรือนี่

    “ข้ามิได้มีใจให้กับสตรีนางนั้น” เขาเอ่ยออกมาเพียงเบาๆ ด้วยเพราะคิดว่าประโยคนี้มันคงช่วยได้บ้าง อย่างน้อยเรื่องนี้ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้นางอยากหย่ากับเขา

    “หืม...” หลิวหลีชะงักกึก  นางลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะนั่น

    “เจ้ายังไม่ควรกลับไปบ้านยามนี้” เขากล่าวออกไปขณะที่ในใจคิด ถ้าให้นางกลับไปคงไปเตรียมหนังสือหย่าวุ่นวายเป็นแน่

    “หืม...” หลิวหลียังคงอุทาน 

    เขาไม่ให้นางกลับบ้าน...

    เช่นนั้นแล้ว...

    “เรื่องที่ข้าปลอมตัวเข้ามา...” หลิวหลีกลั้นใจถามออกไปถึงความผิดของตน

    “เจ้าก็ปลอมตัวได้แนบเนียนดีนี่ ทำไม...” จูหยวนจางเอ่ยออกไปโดยเข้าใจไปคนละอย่างกับหลิวหลี “ก็แค่ปลอมตัวต่อไป จะรีบกลับบ้านไปใย”

    “หา...” หลิวหลีตาโตเสียงดัง

    “จะเสียงดังทำไม” เขาดุเสียงต่ำใส่หน้าหญิงสาว

    หลิวหลีงุนงง  อะไรกันนี่?

    “หลับได้แล้ว...” เขายังคงเอ่ยเสียงเบาแต่ดุดันใส่นางขณะจับศีรษะของนางกดแนบกับแผงอกของเขาให้หลับตา

    หลิวหลีผงกศีรษะขึ้นมาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าหูไม่ได้ฝาดไป

    “ข้าบอกให้หลับ...” เขายังคงดุใส่

    “แต่...”

    “ไม่หลับใช่หรือไม่” เขากระซิบคำราม

    “หา...”

    จูหยวนจางตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมร่างของตนกับของภรรยาอีกครั้ง

    “อื้อ...” หลิวหลีถึงกับตกใจเมื่อจูหยวนจางยกร่างกำยำของเขาขึ้นคร่อม

    “อย่าเสียงดัง...” เขาดุเบาๆขณะเริ่มต้นบทรักรอบไม่

    “อืม...ท่าน...” นางเริ่มครวญครางเมื่อกายงามของเขาเริ่มเบียดเสียดคลอเคลียก่อนจะสอดเสียดแทรกซึม “อืม...”

    “เบาหน่อย...”

    “...”

    และแล้วก็เกิดบางอย่างอยู่ภายใต้ผ้าห่มเนื้อหนาอีกครา 

    ถึงแม้ว่าในครานี้หลิวหลีจะมีสติดีครบถ้วนทุกอย่าง แต่ด้วยความที่ยังมึนงงผูกเรื่องปะติดปะต่อยังไม่ถูกจึงทำได้เพียงตอบสนองเขาอย่างมึนๆพลางกลั้นเสียงครวญครางอยู่อย่างทรมาน...

     

    เวลายามเฉิน(เจ็ดโมงเช้า)

    “รวมพล!” เสียงประกาศกร้าวของหัวหน้าหน่วยดังก้องอยู่ตรงด้านหน้าของกองธงโดยมีจูหยวนจางยืนเอามือไขว้หลังยืนชมการฝึกระเบียบด้วยมาดน่ายำเกรงดั่งเช่นปกติ  ทุกคนในค่ายทหารแห่งนี้ยังคงฝึกปรือและฝึกซ้อมกันอย่างปกติ 

    หลิวหลีก็เช่นเดียวกัน 

    นางยังคงอยู่ในคราบของอาหลิ่วอย่างปกติ

    ทุกอย่างและทุกผู้คนยังคงดำเนินไปอย่างเป็นปกติ 

    กฎระเบียบ  การฝึกซ้อม  การจัดระเบียบ  การปฏิบัติหน้าที่ ทุกอย่าง  ยังคงปกติ  แต่...

    ใจที่ยังคงเต้นระส่ำอยู่ภายใต้หน้าอกของหลิวหลี

    มันยัง...

    ไม่เป็นปกติ...

    ยิ่งหันไปเจอสายตาคมเข้มของคนตัวโตมาดเคร่งขรึมที่กำลังยืนอยู่หัวขบวนกองธงอีก  ยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ

    นางรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าคราแรกที่ปลอมตัวเข้ามาแล้วกลัวเกรงว่าเขาจะรู้ความจริงเสียอีก

    ยิ่งเมื่อยามที่จูหยวนจางมองมาแต่ละครั้ง หลิวหลีก็แทบจะหมุนตัววิ่งหนี

    “นั่งลงได้” หัวหน้ากองธงสั่งเสียงเข้มเมื่อฝึกระเบียบขั้นต้นเสร็จ

    ทุกคนนั่งลงกันหมดแล้ว  มีเพียงหลิวหลีที่ยังคงยืนตัวเกร็งแข็งค้างอยู่ เพราะกำลังเหม่อลอยมองใครบางคน

    “อาหลิ่ว!” เสียงตะโกนคำรามของหัวหน้าหน่วยดังลั่น 

    เหล่าทหารต่างพากันมองมาทางสหายที่มีนามว่าอาหลิ่วกันอย่างพร้อมเพรียง

    รับโทษ! วิ่งรอบสนาม"

    เอาอีกแล้วอาหลิ่ว...


    *************************

    ฉบับ e-book ทั้ง Android และ Apple คลิก>>>www.mebmarket.com

    วิธีการสั่งซื้อ คลิกตรงนี้ค่ะ วิธีการสั่งซื้อ e-book

    ขอเพียงใจรักมั่น真诚的爱
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    นางผู้ปักใจรักเพียงเขา ทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้ได้อยู่ใกล้เขา แม้ว่าตนเองจะกลายเป็นคนโง่งมเขาผู้ที่มิได้สนใจใคร่ดีสตรีนางใด  แต่กับนาง ไม่รู้ทำไม...ชอบรบกวนหัวใจให้ได้คิดฟุ้งซ่านอยู่ตลอดเวลาหลิวหลี หญิงสาวผู้มีใจรักมั่นกับจูหยวนจางนางรักเขา ในที่สุด นางก็ได้แต่งงานกับเขา ได้เป็นภรรยาของเขาจูหยวนจาง ชายหนุ่มผู้เย็นชา ไร้ใจ เห็นความรักเป็นเรื่องโง่งมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานกับเขาเช่นนั้นหรือ อยากเป็นภรรยาของเขานักใช่หรือไม่ ได้เลย!

    ใน e-book มีตอนพิเศษ ก่อนแต่งงานของเฮียจูกับหลิวหลีแล้วก็บทส่งท้ายตอนมีลูกจ้า... 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×