คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ความลับแตก(รู้กันเฉพาะสองเรา)2
จูหยวนจางก้มมองหลิวหลีนิ่งงัน
เขาถึงกับทำอะไรไม่ถูกกับประโยคนี้ที่ภรรยาของเขาเอ่ยออกมา
เขาไม่เคยมีความรักให้กับสตรีนางใด...
เขาคิดว่าเขาไม่ได้รักนาง นางก็แค่สตรีคนหนึ่งที่เป็นฝ่ายเข้าหาเขา เป็นฝ่ายรักเขา
เหมือนกับสตรีทั่วไปที่มักจะชอบเข้าหาเขา
เขาแต่งงานกับนางก็เพราะสมรสพระราชทาน เขาปฏิเสธสมรสพระราชทานนี้ไม่ได้ เขาจึงจำใจต้องแต่งงานกับนาง เขาไม่ได้รักนางแต่อย่างใด
แต่ทำไม…
นางจะหย่าหรือ?
สมรสพระราชทานจะหย่าได้อย่างไร
ไม่มีทาง…
เขาไม่มีทางหย่าให้นาง
เขา...
ไม่หย่า!
จูหยวนจางเพียงยืนนิ่งๆตกอยู่ในภวังค์ของตนเอง
ในขณะที่หลิวหลีเพียงกอดกระชับรอบเอวของเขา
นางฝังหน้าของตนให้จมอยู่กับแผงอกของเขา ในขณะที่เขายังคงปล่อยให้หญิงสาวสวมกอดอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะถอยออกห่างแต่อย่างใด
“ท่าน...”
หลิวหลีเริ่มส่งเสียงอู้อี้อยู่ตรงหน้าอกแกร่งของจูหยวนจาง
“ข้าชอบท่าน...แม้ท่านไม่ชอบข้า แต่...แต่ว่า...ข้าชอบท่าน”
หญิงสาวเอ่ยออกมาแค่นั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองจูหยวนจาง
“ทำไม...ท่านช่างโง่งม ข้ากับท่าน...ช่างโง่งม...โง่งม... ช่างโง่งม”
หลิวหลีบ่นพึมพำด้วยประโยคซ้ำๆวกวนไปมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาแวววาว
จูหยวนจางเพียงก้มมองใบหน้าอย่างนั้นของหลิวหลีนิ่งๆด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก ยามนี้เขารู้สึกได้ว่า
นางทั้งน่าเอ็นดู
และน่าหมั่นไส้
เขาเริ่มเข่นเขี้ยวนางมากขึ้นทุกที
ทุกที
จูหยวนจางยังคงก้มหน้ามองหลิวหลีที่ยังคงส่งเสียงแว่วหวานด้วยริมฝีปากได้รูปสีแดงสดกับประโยคที่ฟังแล้วพาหัวเสีย
เขาเห็นนางยกมือเรียวเล็กของนางแกะหนวดปลอมเคราปลอมออกอย่างยากลำบาก
เขาจึงเอื้อมมือขึ้นเพื่อช่วยนางแกะออกเสียเอง
“ข้าจะไม่อยู่แล้ว...ไม่ทนปลอมตัวบ้าๆนี่อีกแล้ว...”
หลิวหลีกล่าวพลางพยายามลอกหนวดออกจากใบหน้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้สนใจฝ่ามือของใครบางคนที่พยายามช่วยนางเอาออกอีกแรง
“ข้าจะไม่ขวางท่าน...
ท่าน...อยากทำอะไรก็ทำเลย อยากโง่งมกับสตรีนางใดก็ทำเลย เชิญเลย...คนโง่ จูหยวนจาง...โง่...”
หญิงสาวยังคงบ่นยาวเหยียดด้วยประโยคที่ทำชายหนุ่มถึงกับคิ้วกระตุกแต่ยังคงช่วยนางลอกคราบอยู่อย่างนั้น
นาง...
กำลังเข้าใจเขาผิด!
จูหยวนจางถึงกับอมยิ้มอย่างนึกเห็นใจในตัวภรรยาของเขา
มิรู้ได้ว่าทำไม
มิรู้ได้ว่าเมื่อไหร่
ที่เขามักจะชอบกลั่นแกล้งนางอย่างนี้
“นั่นเจ้าจะทำอะไร”
ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวค่อยๆหมุนตัวเดินไปตรงมุมห้องหลังตู้เก็บเสื้อผ้า
“ข้าจะเก็บของ...กลับบ้าน...”
หลิวหลีตอบงึมงำขณะก้มลงหยิบสัมภาระที่นางแอบเอามาซ่อนเอาไว้ที่ข้างตู้เสื้อผ้าของจูหยวนจาง
จูหยวนจางเดินตามมาคอยช่วยพยุงร่างบางเกรงว่าจะล้มกลิ้งจนหัวทิ่มลงไป
นางแอบเอาสัมภาระของนางมาไว้ข้างตู้เสื้อผ้าของเขาตั้งแต่วันที่แอบเข้ามาอาบน้ำภายในห้องพักของเขา
เขาเห็นทั้งหมด
แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
เขาปล่อยให้นางได้ทำตามอำเภอใจไป
นางคงคิดว่าเขาไม่รู้ไม่เห็นอันใดกระมัง
ถึงได้กระทำการอย่างย่ามใจถึงเพียงนี้
ถ้าหากว่ามีผู้อื่นล่วงรู้
เขาคงถูกทำโทษอย่างไม่เหลือชิ้นดี
เขาเป็นคนคุมกฎระเบียบต่างๆของค่ายทหาร
แต่กลับทำผิดกฎอย่างมหันต์ ก็เพราะนาง
ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆหลิวหลีที่นั่งลงอยู่กับสัมภาระของตนเอง
เขาปล่อยให้นางถอดเสื้อ ถอดผ้ารัดอกออก
เขาคิดว่านางคงเตรียมตัวจะผลัดผ้าเพื่อเดินทางในทันที
เขาได้แต่นึกขันจนปวดมวนในท้องไปหมด ภรรยาของเขาเป็นสตรีอย่างนี้หรอกหรือ
เขาชักจะเริ่มเป็นห่วงสวัสดิภาพของนางเสียแล้ว...
“ท่านยิ้มอะไร”
หลิวหลีหันมาถามคนตัวโตที่นั่งยิ้มขันหัวเราะในลำคออยู่ข้างๆอย่างนึกเคือง “ดีใจมากเลยหรือไร ที่ข้าจะหย่าให้... คนโง่”
“เจ้าดุด่าข้าพอหรือยัง”
ชายหนุ่มถามออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
หญิงสาวถึงกับชะงักกับสีหน้าอย่างนั้น
“พอใจแล้วหรือยัง”
เขาย้ำถามนางขณะช่วยนางแกะผ้ารัดอกออกทีละชั้น
หลิวหลีถึงกับเม้มริมฝีปาก
ขมวดคิ้วมุ่น ทำแก้มพอง ก่อนจะถลึงตากลมโตใส่หน้าจูหยวนจาง แล้วตอบเสียงเบา
“พอแล้ว...”
“แน่ใจ?”
“....”
หลิวหลีทำท่านิ่งคิดด้วยสีหน้ามึนเมา
ก่อนถามเสียงเบากว่าเดิม “ท่าน...
ไม่ชอบนาง...ได้หรือไม่”
ชายหนุ่มนิ่งฟังขณะเอื้อมมือขึ้นแกะมวยผมของหญิงสาวออกอย่างเบามือ
“แค่ท่านไม่ชอบข้า...มันก็มากเกินพอแล้ว”
หลิวหลีเริ่มพึมพำบ่นงึมงำ “รู้หรือไม่...”
“แล้วอย่างไร...”
ชายหนุ่มถามเสียงเบาเหม่อมองสตรีตรงหน้าก่อนจะจับคลี่ผมของหญิงสาวให้ทิ้งตัวลงคลอเคลียอยู่กับช่วงไหล่นวลเนียน
และเนินอกกลมกลึงที่ได้คลายผ้าชั้นสุดท้ายออกแล้ว
ยามนี้หญิงสาวได้กลายร่างกลับมาเป็นสตรีเรียบร้อยดีแล้ว
และ...
นางกำลังทำให้เขาเริ่มรู้สึกบางอย่าง
“ท่านไม่ต้องไปชอบใคร...ได้หรือไม่กันเล่า”
หลิวหลีเริ่มเสียงดัง
“พูดพอหรือยัง...”
จูหยวนจางเอ่ยเสียงต่ำขณะใช้นิ้วเกลี่ยช่วงไหล่ของนางไล่ปอยผมให้ตกออกไปทางด้านหลัง
ก่อนจะโน้มใบหน้าคมเข้มเข้าหาใบหน้าแดงระเรื่อที่ยังคงพองออกด้วยอาการแง่งอน
เขากดริมฝีปากของเขาลงตรงเปลือกตาของนาง
ก่อนจะเลื่อนลงมาที่พวงแก้มนุ่มนิ่ม
แล้วถอยห่างออกมาเพียงนิดเพื่อพิศมองกิริยาของนาง
หลิวหลีชะงักฝ่ามือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบชุดใหม่ที่แตกต่างจากชุดประจำการของทหารเพื่อเอามาสวมใส่ทันที
นางกระพริบตาถี่รัวอย่างตกตะลึงและมึนงง แต่ยังคงเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น
จูหยวนจางขยับเข้ามาก้มหน้าลงอีกนิดแล้วกดริมฝีปากที่พวงแก้มอีกข้างหนึ่งของนาง
แล้วถอยหน้าออกเพื่อสังเกตกิริยาของนางอีก
หลิวหลีเริ่มคลายริมฝีปากที่เม้มกันออก
แต่ยังคงถลึงตากลมโตเข้าใส่
ครานี้จูหยวนจางก้มหน้าลงที่ซอกคอของนางแล้วจูบเบาๆไปหนึ่งที
ก่อนจะถอนใบหน้าออกมาอีก
หลิวหลีถึงกับตาโตยิ่งกว่าเดิม
และเริ่มอมยิ้ม
จูหยวนจางโน้มใบหน้าของตนเข้าหาอีก
ครานี้เขาเลือกที่จะกัดเม้มที่ติ่งหูของนางเบาๆ
ทำเอาหลิวหลีถึงกับห่อไหล่ขนลุกเกรียว
“อยากหย่าอยู่หรือไม่”
เขาถามเมื่อถอนใบหน้าออกมา
“....”
นางกระพริบตาใส่หน้าแทนคำตอบ
จูหยวนจางจึงก้มหน้าลงขบเม้มติ่งหูอีกข้างหนึ่งของนาง
ครานี้หลิวหลีห่อไหล่หัวเราะคิก ชายหนุ่มเริ่มคลี่ยิ้ม ภรรยาของเขา ง้อไม่ยากเลยสักนิด
“อยากหย่าหรือไม่...”
เขาถาม
“หืม...”
นางอมยิ้มตอบได้แค่นั้น
ครานี้จูหยวนจางก้มหน้าลงแล้วเลื่อนริมฝีปากของเขาเข้าหาตรงซอกคอของนางก่อนจะพรมจูบไล่เลียตามแนวลำคอจนลงมาถึงช่วงไหล่ขาวผ่อง
พลางกระซิบ “จะหย่าหรือไม่...”
หลิวหลีไม่ตอบคำใด
นางเพียงเอื้อมมือขึ้นจับกุมช่วงไหล่กว้างใหญ่ของเขา
ขณะที่เขายังคงพรมจูบนางอยู่ตามลำคอระหง
เขาเอียงใบหน้าฝังเข้าไปในซอกคอไล่ระดับไปเรื่อยๆค่อยๆขึ้นค่อยๆลงอย่างใจเย็น
ขณะย้ำถามเสียงแหบเบาใกล้ใบหูของนาง “ว่าอย่างไร...”
“ท่าน...”
หลิวหลีเอ่ยได้แค่นั้นขณะเลื่อนฝ่ามือของตนเองขึ้นมาจับกุมอยู่ตรงซอกคอของชายหนุ่ม
จูหยวนจางถอนใบหน้าของตนออกมาเพื่อจ้องมองใบหน้าของภรรยา
และรอฟังคำตอบ แต่เขาเห็นแค่เพียงใบหน้าเห่อแดง แววตาเหม่อมอง
และกลิ่นอายความร้อนแผ่ซ่านออกมาจากใบหน้าและฝ่ามือของนางที่กำลังลูบไล้อยู่ตรงลำคอและสันกรามของเขา
มิใช่แค่เขาคนเดียวที่คิดถึงสัมผัสของนาง
นางเองก็เช่นเดียวกัน
“เจ้ายังไม่ได้ตอบข้า...”
เขาถามขณะเคลื่อนใบหน้าคมเข้มเข้าหาใบหน้าอ่อนหวานของภรรยา
ก่อนจะเตรียมจรดริมฝีปากของเขาเข้าหาริมฝีปากของนาง
“ไม่...”
หลิวหลีขยับริมฝีปากออกเพียงนิดเพื่อตอบ ก่อนจะเผยอออกแล้วแนบชิดกับริมฝีปากของเขา
จูหยวนจางจูบเม้มเบาๆไปหนึ่งที
แล้วถอนออกมาแต่ยังคงคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ก่อนถามย้ำ “ไม่อะไร...”
หลิวหลีปรือตามองริมฝีปากของชายหนุ่มในระยะประชิดอย่างเหม่อลอย
ตอบแบบมึนๆเสียงเบาหวิว “ไม่หย่า...”
จูหยวนจางเอียงหน้าเพียงนิดเพื่อประกบริมฝีปากแนบสนิทกับริมฝีปากของนาง
เขาจูบเม้มเบาๆอย่างหยอกเย้า จนหญิงสาวถึงกับคลี่ยิ้มขณะสนองตอบการกระทำ
ทำเอาชายหนุ่มถึงกับยิ้มตามแม้ริมฝีปากยังคงประกบเสียดสีไปมา
เขา...
รู้สึกดี...
จูหยวนจางเอื้อมฝ่ามือของตนข้างหนึ่งขึ้นโอบรอบลำตัวของหลิวหลีแล้วลูบไล้เพียงเบาๆไปตามแผ่นหลังเรียบลื่นของนาง
เขาเอียงศีรษะเพื่อเปลี่ยนทิศทางขณะจูบหญิงสาวพลางยกมือข้างหนึ่งประคองใบหน้าของนางให้ขยับเปลี่ยนทิศทางตามริมฝีปากของเขาอย่างใจเย็น
หลิวหลีพริ้มตาตอบสนองเขาได้เป็นอย่างดีคล้ายละเมอก็ไม่ปาน
ฝ่ามือน้อยๆของนางยังคงจับประคองใบหน้าของเขาคล้ายกับเกรงว่าเขาจะถอยห่างออกไป
ซักพักจูหยวนจางค่อยๆถอนริมฝีปากออกเพียงเบาๆเพื่อมองใบหน้าของนางในระยะประชิด
เขาอยากเห็นสีหน้าของนางในยามนี้
หลิวหลียังคงเหม่อมองจูหยวนจางอย่างหลงใหล
ดวงตาหยาดเยิ้ม ใบหน้าเห่อแดง ริมฝีปากชุ่มชื้นเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ข้า...ชอบท่าน”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มมุมปากเพียงนิดก่อนก้มหน้าลงประกบริมฝีปากของเขาเข้าหาริมฝีปากของนางอีกครา
ไม่รู้ทำไม เขาถึงชอบให้นางเอ่ยคำนี้ มิใช่ว่าไม่เคยมีใครเอ่ยกับเขา มีสตรีเคยเอ่ยประโยคนี้กับเขาออกบ่อยไป แต่...
แต่กับนาง....
ทำไมเขาถึงชอบฟัง...
ตั้งแต่เมื่อไหร่...
ที่เขาชอบฟัง...
จูหยวนจางเริ่มจูบหลิวหลีดูดดื่มมากยิ่งขึ้น
เริ่มลูบไล้หนักมือขึ้น ด้วยอารมณ์ที่เริ่มเพิ่มมากขึ้น
ผสมผสานกับความร้อนของร่างบางในอ้อมกอดที่เริ่มแผ่ซ่านออกมาทำให้เขาได้รับรู้อารมณ์ร่วมนั้น
เขายิ่งเพิ่มความต้องการโดยธรรมชาติ
เขาจึงเริ่มปลดสาบเสื้อของเขาออกอย่างใจเย็นขณะยังคงบรรจงจูบนางอย่างแนบแน่นก่อนจะผละออกเบาๆแล้วค่อยๆเลื่อนไล้ริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากของนางไปตามแนวพวงแก้มไล่ลงมาตามปลายคางก่อนจะซุกเข้าที่ซอกคอหอมกรุ่นของนาง
กลิ่นเนื้อนวลนางกลิ่นนี้ล่ะที่เขาไม่เคยลืม
เนื้อนวลเนียนละเอียดของนางอีกที่เขามิอาจลืม
มิรู้ได้ว่า ทำไม...
มีเพียงนางที่เขาไม่อาจลืม...
ร่างสองร่างยังคงอยู่ในท่านั่งแนบชิดคลอเคลียกันอยู่ตรงตู้เสื้อผ้าซึ่งจูหยวนจางคิดว่าพื้นตรงนี้มันคงจะเย็นจนเกินไปหากเขาจะจับภรรยาของเขาให้นอนแนบพื้นในขณะนี้
เขาจึงช้อนร่างบางของนางขึ้นก่อนจะลุกขึ้นเดินไปทางเตียงนอนที่มีผ้าห่มผืนใหญ่วางเอาไว้
มันเป็นไปตามแผนการที่เขาคิดเอาไว้
คืนนี้นางไม่มีโอกาสหลับคาอกของเขาก่อนเวลาอันควรอย่างแน่นอน
“อืม...”
หลิวหลีเริ่มส่งเสียงครวญครางเมื่อจูหยวนจางเริ่มรุกหนักมากยิ่งขึ้นหลังจากวางนางลงบนเตียงนอนแล้วตามด้วยร่างกำยำของเขาแนบชิดทาบทับลงมา
จูหยวนจางเกรงว่าเสียงหวานใสของนางจะดังจนทำให้เหล่าทหารที่ยังคงวนเวียนไปมาอยู่ด้านนอกที่พักจะได้ยินจึงเลื่อนใบหน้าที่กำลังก้มต่ำอยู่ตรงเนินอกนูนเด่นของนางขึ้นไปประกบริมฝีปากของนางเอาไว้ด้วยการจูบอย่างแนบแน่น
ไม่นานต่อมาจูหยวนจางจึงเริ่มขยับกายเข้าใส่หลิวหลีเมื่ออารมณ์ของเขาและนางในยามนี้พร้อมแล้วสำหรับขั้นตอนสำคัญอย่างนั้น
กิจกรรมของสองสามีภรรยายังคงดำเนินต่อไปภายในห้องพักที่มีเพียงกำแพงชั้นบางกางกั้น
ผู้คนเดินกันขวักไขว่อยู่ภายนอกอย่างคลาคล่ำ บ้างร่ำสุรา บ้างเสวนา บ้างเดินไปมา
บ้างฝึกเพลงยุทธ์ ใครไหนเลยจะคิดว่าภายในค่ายทหารที่มีแต่บุรุษอยู่ทั่วทุกมุมจะมีมุมเล็กๆที่กำลังสุขสมอย่างรัญจวนอยู่ภายในที่พักชั่วคราวของค่ายทหารแห่งนี้
เนื่องจากค่ายทหารแห่งนี้เลือกที่ตั้งใกล้กับริมแม่น้ำ
และเป็นตำแหน่งหน้าด่านที่จำลองค่ายทหารตามหลักยุทธศาสตร์เพื่อหลอกล่อศัตรูต่างแคว้นที่นิยมเลือกเส้นทางรุกรานทางแม่น้ำและมักจะมีคำสั่งให้เคลื่อนย้ายฐานทัพอยู่อย่างสม่ำเสมอตามแผนการจากเบื้องบน
แม้ว่ายามนี้แว่นแคว้นจะสงบสุขร่มเย็นมิได้มีเภทภัยจากสงครามแต่อย่างใด
การปฏิบัติตามกลยุทธการศึกของท่านอ๋องผู้เป็นแม่ทัพประจำหน้าด่านยังคงต้องเป็นไป เพื่อความรอบคอบอยู่ตลอดเวลาเพราะมิรู้ได้ว่ายามใดจะมีกลุ่มใดเกิดเหิมเกริมลุกล้ำเข้ามา
หรือว่ายามใดจะมีกองกำลังของฝ่ายไหนแอบมาซ่องสุมกำลังตามแนวหน้าด่านริมแม่น้ำอย่างนี้
การต้องคอยเคลื่อนย้ายฐานทัพอย่างนี้จึงเป็นการกำราบมิให้ใครหรือกองกำลังใดแอบกระทำการตามใจอยู่จนตลอดแนว
เวลาปลายยามอิ่น(เกือบตีสาม)
หลิวหลีที่ตื่นจากการหลับใหลเพราะอ่อนล้าจากกิจกรรมบางอย่างจนสร่างเมากำลังนอนกระพริบตาปริบๆอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของจูหยวนจางภายใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยร่างเปลือยเปล่าที่ยังคงแนบชิดกับกล้ามเนื้อแน่นๆของเขา
เมื่อคืนนาง...
พลาดไปแล้ว
หรือนี่
ทำอย่างไร
ทำอย่างไรดี
หลิวหลีคิดในใจอย่างว้าวุ่นขณะนอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับกายแม้เพียงนิดเดียว
นางเกรงว่าจูหยวนจางจะตื่นขึ้นมาแล้วจับนางโยนออกไปจากในห้องพักแห่งนี้
ทำอย่างไรดี
เมื่อคืนวานนางแอบเข้ามานอนในห้องพักของเขา
แล้วคืนนี้
นางเข้ามาขืนใจเขา
ได้อย่างไร
นางไม่ควรนึกถึงภาพระหว่างร่วมรักกับเขาก่อนไปดื่มเหล้าเลย
นางจำได้เลือนรางว่านางเป็นฝ่ายฉุดดึงร่างของเขาให้เดินตามเข้ามาในห้องพักแห่งนี้
แล้ว...
แล้ว...
เฮ้อ...
พลาดไปแล้วหลิวหลี
“เป็นอะไรไปอีก”
เสียงทุ้มต่ำดังอยู่ข้างหูของหลิวหลี ทำหญิงสาวถึงกับสะดุ้งสุดตัว
ก่อนจะพยายามใช้สายตาฝ่าความมืดเพ่งมองเขา
ยามนี้เปลวเทียนภายในห้องได้มอดดับไปเสียหมดแล้ว
แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาจึงมีเพียงแสงจากคบไฟด้านนอกที่พักซึ่งมีกำแพงปิดกั้นอยู่
ทำให้ยามนี้หลิวหลีมองสีหน้าของจูหยวนจางไม่ถนัดถนี่ซักเท่าไหร่
มิรู้ได้ว่าสีหน้าของเขายามนี้เป็นอย่างไร
กำลังโกรธนางมากหรือไม่
กำลังแยกเขี้ยวใส่นางหรือเปล่า
เขาจะจัดการกับนางอย่างไร
เขารู้แล้วว่าอาหลิ่วเป็นหลิวหลีปลอมตัวมาอย่างไม่ต้องสงสัย
นางลอกคราบออกเสียขนาดนี้
ทำอย่างไรดี…
หลิวหลียังคงตัวแข็งทื่อหลังจากสะดุ้งสุดตัวไปเมื่อครู่ขณะตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองโดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา
จูหยวนจางที่รับรู้ได้ว่าร่างของภรรยากำลังแข็งทื่อคล้ายกับท่อนไม้
จึงทำได้เพียงนึกขัน
นางคงจะตระหนกตกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆตกอยู่ในสภาพอย่างนี้
เขาจะแกล้งอะไรนางอีกดี...
“เจ้า...”
จูหยวนจางทำเสียงเข้มใส่หน้าของหลิวหลี “ทำอะไรลงไป...รู้ตัวหรือไม่”
ประโยคนั้นของชายหนุ่มทำหลิวหลีถึงกับสะดุ้งเฮือกใหญ่ก่อนจะเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นพร้อมกลั้นหายใจ
ตายแน่...หลิวหลี
“หลีเอ๋อร์...”
เขาเรียกชื่อหญิงสาวเสียงต่ำแบบที่ไม่เคยเรียกมาก่อนอย่างไม่รู้ตัวขณะจับร่างของนางให้พลิกกายเข้าหาแผงอกของเขา
หลิวหลีถึงกับตาโตยอมพลิกกายเข้าหาเขาแต่โดยดีอย่างยอมจำนน
“ว่าอย่างไร”
จูหยวนจางเอ่ยเสียงเบาขณะก้มมองหลิวหลีที่ก้มหน้างุดๆมุดอยู่กับแผงอกของเขา
นางยังจะอยากหย่าอยู่หรือไม่
เขาคิด
“ข้า...เอ่อ...”
หลิวหลีอึกอักส่งเสียงอู้อี้อยู่ตรงกล้ามเนื้อหน้าอกอบอุ่นโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาแต่อย่างใด
“ข้าขอโทษ ข้ารู้ว่ามันผิด แต่...แต่...”
“แต่อะไร”
จูหยวนจางแกล้งคำรามเสียงเบา
หลิวหลีสะดุ้งอีกทีก่อนเอ่ย
“ข้าผิดไปแล้ว...”
“ดี...”
เขาเอ่ยเสียงเข้มต่อเนื่อง “ทำผิดย่อมต้องรับโทษ”
“หา!”
หลิวหลีอุทานขณะเงยหน้าขึ้นมองจูหยวนจางแบบเต็มตาก่อนจะส่ายศีรษะไปมา
“เมื่อวานก็รับโทษทั้งวันแล้ว”
“นั่นมันโทษของเมื่อวาน”
“....”
“ความผิดของเจ้าในวันนี้มันน้อยเสียที่ไหน”
“....”
หลิวหลีเม้มริมฝีปากแน่นยิ่งขึ้น
นางยังไม่อยากถูกไล่ให้ออกไป
อีกทั้งความผิดที่ปลอมตัวเข้ามา
มันน้อยเสียที่ไหน
คงถูกจับขังตามด้วยโทษทัณฑ์ทรมานอย่างอื่นอีก
เมื่อคิดได้ดังนั้นน้ำตาพลันรื้อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
มันเต็มขอบตาจนล้นออกมาหยดอยู่กับแผงอกของจูหยวนจาง หลิวหลีแอบยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างยอมจำนน
ตอนทำไม่คิด หลิวหลีเอ๋ย...
หญิงสาวคิดในใจแม้รู้อยู่แล้วว่ามันผิดตั้งแต่ต้น
แต่ก็ยังฝืนจะทำ ถูกเขาจับได้คาหนังคาเขาแล้วจะปฏิเสธได้อย่างไร
จูหยวนจางที่รับรู้ได้ถึงน้ำตาอุ่นๆที่หยดลงตรงกล้ามเนื้อหน้าอกของเขา เขาถึงกับชะงักงัน ทำอะไรไม่ถูก
ไม่คิดว่านางจะใช้ลูกไม้เช่นนี้
น้ำตาของนางมันใช้กับเขาได้ผลหรือนี่
“ข้ามิได้มีใจให้กับสตรีนางนั้น”
เขาเอ่ยออกมาเพียงเบาๆ ด้วยเพราะคิดว่าประโยคนี้มันคงช่วยได้บ้าง
อย่างน้อยเรื่องนี้ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้นางอยากหย่ากับเขา
“หืม...”
หลิวหลีชะงักกึก
นางลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะนั่น
“เจ้ายังไม่ควรกลับไปบ้านยามนี้”
เขากล่าวออกไปขณะที่ในใจคิด ถ้าให้นางกลับไปคงไปเตรียมหนังสือหย่าวุ่นวายเป็นแน่
“หืม...”
หลิวหลียังคงอุทาน
เขาไม่ให้นางกลับบ้าน...
เช่นนั้นแล้ว...
“เรื่องที่ข้าปลอมตัวเข้ามา...”
หลิวหลีกลั้นใจถามออกไปถึงความผิดของตน
“เจ้าก็ปลอมตัวได้แนบเนียนดีนี่
ทำไม...” จูหยวนจางเอ่ยออกไปโดยเข้าใจไปคนละอย่างกับหลิวหลี “ก็แค่ปลอมตัวต่อไป
จะรีบกลับบ้านไปใย”
“หา...”
หลิวหลีตาโตเสียงดัง
“จะเสียงดังทำไม”
เขาดุเสียงต่ำใส่หน้าหญิงสาว
หลิวหลีงุนงง อะไรกันนี่?
“หลับได้แล้ว...”
เขายังคงเอ่ยเสียงเบาแต่ดุดันใส่นางขณะจับศีรษะของนางกดแนบกับแผงอกของเขาให้หลับตา
หลิวหลีผงกศีรษะขึ้นมาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าหูไม่ได้ฝาดไป
“ข้าบอกให้หลับ...”
เขายังคงดุใส่
“แต่...”
“ไม่หลับใช่หรือไม่”
เขากระซิบคำราม
“หา...”
จูหยวนจางตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมร่างของตนกับของภรรยาอีกครั้ง
“อื้อ...”
หลิวหลีถึงกับตกใจเมื่อจูหยวนจางยกร่างกำยำของเขาขึ้นคร่อม
“อย่าเสียงดัง...”
เขาดุเบาๆขณะเริ่มต้นบทรักรอบไม่
“อืม...ท่าน...”
นางเริ่มครวญครางเมื่อกายงามของเขาเริ่มเบียดเสียดคลอเคลียก่อนจะสอดเสียดแทรกซึม
“อืม...”
“เบาหน่อย...”
“...”
และแล้วก็เกิดบางอย่างอยู่ภายใต้ผ้าห่มเนื้อหนาอีกครา
ถึงแม้ว่าในครานี้หลิวหลีจะมีสติดีครบถ้วนทุกอย่าง
แต่ด้วยความที่ยังมึนงงผูกเรื่องปะติดปะต่อยังไม่ถูกจึงทำได้เพียงตอบสนองเขาอย่างมึนๆพลางกลั้นเสียงครวญครางอยู่อย่างทรมาน...
เวลายามเฉิน(เจ็ดโมงเช้า)
“รวมพล!”
เสียงประกาศกร้าวของหัวหน้าหน่วยดังก้องอยู่ตรงด้านหน้าของกองธงโดยมีจูหยวนจางยืนเอามือไขว้หลังยืนชมการฝึกระเบียบด้วยมาดน่ายำเกรงดั่งเช่นปกติ ทุกคนในค่ายทหารแห่งนี้ยังคงฝึกปรือและฝึกซ้อมกันอย่างปกติ
หลิวหลีก็เช่นเดียวกัน
นางยังคงอยู่ในคราบของอาหลิ่วอย่างปกติ
ทุกอย่างและทุกผู้คนยังคงดำเนินไปอย่างเป็นปกติ
กฎระเบียบ การฝึกซ้อม
การจัดระเบียบ การปฏิบัติหน้าที่
ทุกอย่าง ยังคงปกติ แต่...
ใจที่ยังคงเต้นระส่ำอยู่ภายใต้หน้าอกของหลิวหลี
มันยัง...
ไม่เป็นปกติ...
ยิ่งหันไปเจอสายตาคมเข้มของคนตัวโตมาดเคร่งขรึมที่กำลังยืนอยู่หัวขบวนกองธงอีก ยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ
นางรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าคราแรกที่ปลอมตัวเข้ามาแล้วกลัวเกรงว่าเขาจะรู้ความจริงเสียอีก
ยิ่งเมื่อยามที่จูหยวนจางมองมาแต่ละครั้ง
หลิวหลีก็แทบจะหมุนตัววิ่งหนี
“นั่งลงได้”
หัวหน้ากองธงสั่งเสียงเข้มเมื่อฝึกระเบียบขั้นต้นเสร็จ
ทุกคนนั่งลงกันหมดแล้ว มีเพียงหลิวหลีที่ยังคงยืนตัวเกร็งแข็งค้างอยู่
เพราะกำลังเหม่อลอยมองใครบางคน
“อาหลิ่ว!” เสียงตะโกนคำรามของหัวหน้าหน่วยดังลั่น
เหล่าทหารต่างพากันมองมาทางสหายที่มีนามว่าอาหลิ่วกันอย่างพร้อมเพรียง
“รับโทษ! วิ่งรอบสนาม"
เอาอีกแล้วอาหลิ่ว...
*************************
ฉบับ e-book ทั้ง Android และ Apple คลิก>>>www.mebmarket.com
วิธีการสั่งซื้อ คลิกตรงนี้ค่ะ วิธีการสั่งซื้อ e-book
|
ใน e-book มีตอนพิเศษ ก่อนแต่งงานของเฮียจูกับหลิวหลีแล้วก็บทส่งท้ายตอนมีลูกจ้า...
ความคิดเห็น