ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอเพียงใจรักมั่น真诚的爱[จบ]

    ลำดับตอนที่ #15 : ความลับแตก(รู้กันเฉพาะสองเรา)1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.17K
      321
      25 มี.ค. 61

    เวลาของการฝึกฝนผ่านไปในอีกหนึ่งวัน

    ชีวิตในค่ายทหารอันหนักหน่วงของหลิวหลีก็ผ่านไปอีกหนึ่งวันเช่นกัน  

    เมื่อเวลาพลบค่ำมาเยือนเหล่าบุรุษมักจะใช้เวลารวมตัวกันอย่างเป็นมิตรแม้ว่าเมื่อยามกลางวันจะต่อสู้กันอย่างบ้าระห่ำดุเดือดภายในวงล้อมที่ใช้เป็นเวทีประลองฝีมือก็ตามที  มิตรภาพระหว่างพวกพ้องที่เพิ่งจะฝากรอยแผลลากยาวให้แก่กันช่างเป็นภาพที่หลิวหลีประทับใจยิ่งนัก 

    แต่...หวังว่ารอยแผลเหล่านั้นจะไม่เกิดกับนางเชียว 

    โชคดีที่วันนี้ทั้งวันนางถูกจูหยวนจางเรียกให้ไปรับโทษทัณฑ์อยู่นอกเวทีการประลองนั่น มิเช่นนั้นป่านนี้ไม่รู้ว่านางจะมีสภาพเป็นอย่างไร  

    จะต้องเอาผ้ามาพันแผลรอบศีรษะเอาไว้เหมือนเช่นพี่ชายท่านนั้นหรือไม่ 

    หรือว่าต้องมีผ้าพันไว้ที่รอบเอว  รอบอกแบบพี่ชายอีกคน 

    ถ้าเป็นเช่นนั้นความลับที่นางปลอมตัวเป็นบุรุษเข้ามาต้องแตกอย่างแน่นอน

    หลิวหลีคิดในใจขณะนั่งเมียงมองบรรดาเหล่าทหารที่นั่งล้อมวงสนทนาพาทีกันอย่างออกรสออกชาติ โดยมีหลิวหลีในสภาพของอาหลิ่วนั่งร่วมวงอยู่ด้วย

    ทันใดนั้นหลิวหลีรู้สึกได้ถึงร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของนาง ความรู้สึกเสียวสันหลังวูบหนึ่งพลันปรากฏ

    หญิงสาวเพียงใช้หางตาเอียงมองอย่างระแวง แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวคนผู้นั้นก็หย่อนกายลงมานั่งอยู่ข้างๆหลิวหลีเสียแล้ว

    จูหยวนจาง!

    หลิวหลีได้เห็นอย่างถนัดถนี่ทันทีที่ร่างสูงใหญ่นั่งจนเกือบจะชิดกันกับร่างของนาง  ความรู้สึกซาบซ่านพลันปรากฏ

    ตั้งแต่เข้ามายังค่ายทหารแห่งนี้  มีแค่ครั้งแรกที่แนะนำตัวกันเท่านั้นที่ได้ใกล้ชิด หลังจากนั้น นางมักจะทำได้เพียงแอบมองเขาอยู่ไกลๆ ซึ่งนั่นมันก็มากเกินพอแล้ว

    เขาอยู่เหนือหัวของกลุ่มทหารทั้งหมด ส่วนนางก็อยู่ท้ายสุดของกลุ่มทหารทั้งหมด 

    แต่ยามนี้...

    ไหล่จะชนกันอยู่แล้วนะนั่น!

     

    หลิวหลีคิดในใจขณะทำตัวเองให้เล็กลีบแบนที่สุดเท่าที่จะทำได้เมื่อรู้สึกได้ถึงเจ้าของไหล่ที่อยู่ห่างกันเพียงคืบกำลังแผ่กลิ่นอายที่คุ้นชิน ความอบอุ่นที่เคยสัมผัส ความร้อนวูบวาบที่กำลังแผ่ซ่าน

    อา...

    นางอยากเอียงกายไปซบไหล่ของเขาเหลือเกิน  แต่ยามนี้จะทำได้อย่างไร

     

    จูหยวนจางที่ใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะเดินตามหากลุ่มที่มีคนตัวเล็กผู้นี้แอบแฝงนั่งปะปนอยู่กับกลุ่มทหารทั้งหลายอย่างกลมกลืน  เมื่อเจอแล้วว่านางแอบนั่งอยู่ที่นี่ เขายังต้องใช้สายตาดุดันส่งให้ทหารที่นั่งอยู่ใกล้กันกับนางอีกพักใหญ่ เป็นนานกว่าทหารคนนั้นจะเข้าใจว่าเขาต้องการจะนั่งตรงนี้ และยอมขยับออก เพื่อให้เขาได้นั่งตรงตำแหน่งนี้ได้ 

    แต่...ดูนางทำ

    นั่งตัวงอห่อไหล่  ก้มหน้างุดๆ อย่างนั้น จะมุดดินหนีเขาหรืออย่างไร

    ทีเมื่อคืนวานยังจับเขากดอยู่เลย

    จูหยวนจางใช้หางตาหรี่มองภรรยาปลอมตัวของเขาอย่างขุ่นเคืองภายใต้สีหน้าเรียบนิ่งเย็นชาท่วงท่าเคร่งขรึมหาได้มีใครสังเกตออกไม่

    “ท่านรองแม่ทัพ มามา พวกเรากำลังโต้เถียงกันอยู่ถึงกระบวนท่าต่อสู้ในวันนี้” เสียงทหารนายหนึ่งเอ่ยขึ้นกับจูหยวนจางเมื่อเห็นว่าเขานั่งลงเรียบร้อยดีแล้ว  “ท่านช่วยชี้แนะได้หรือไม่”

    “ย่อมได้” จูหยวนจางรับคำนิ่งๆด้วยเส้นเสียงทุ้มต่ำเรียบเรื่อยสีหน้าเรียบเฉย “ดื่มไปเสวนากันไปดีหรือไม่”เขากล่าวพร้อมยกเหล้าที่เตรียมมาวางเอาไว้กลางวง

    “อ่า...ดียิ่ง ดียิ่ง” เหล่าทหารรับคำอย่างพร้อมเพรียงกันถ้วนหน้าคล้ายกับว่าเป้าหมายมิใช่การชี้แนะถึงหัวข้อที่กล่าวไปเมื่อครู่อีกต่อไป เพราะแต่ละคนยกมือของตนขึ้นล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของตัวเองก่อนจะดึงเอาจอกเหล้าที่มักจะชอบพกพาติดตัวออกมาอย่างสามัคคี

    แทนที่จะพกพาอาวุธกลับพกพาจอกเหล้าเนี่ยนะ หลิวหลีลอบมองแต่ละคนอย่างระแวงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกับจูหยวนจาง

     

    เมื่อคืนนางถูกพวกสหายทั้งหลายชักชวนให้ดื่มเหล้าจนเมามายไม่รู้เรื่องรู้ราวจนถือวิสาสะแอบเข้าไปนอนยังที่พักของจูหยวนจาง จนถูกเขาสั่งทำโทษนางทั้งวี่ทั้งวัน ถ้าขืนนางยังจะดื่มมันเข้าไปอีก มิรู้ได้ว่าคืนนี้จะเผลอทำผิดอันใดลงไป

    หลิวหลีเอียงหน้ามองไปทางจูหยวนจางอย่างระแวดระวัง เกรงว่าเขาจะจับสังเกตอะไรนางได้  นางจึงแอบขยับตัวออกห่างเขาอีกนิด  

    แต่เมื่อขยับห่างออกมาได้ระยะหนึ่งยิ่งเพิ่มระดับความคมชัดทางสายตาเพราะด้วยว่ามุมที่ห่างออกมาเล็กน้อยนี้ทำให้นางสามารถมองเขาได้อย่างเต็มตามากยิ่งขึ้น 

    นางเห็นเขานั่งคุยกับเหล่าทหารด้วยมาดของผู้นำอย่างเป็นกันเองแฝงความน่ายำเกรงอย่างเป็นธรรมชาติ

    ความดูดีมีเสน่ห์อย่างนี้ล่ะที่นางมักจะคอยแอบมองเขาอยู่ไกลๆเมื่อครั้งที่เขาเข้าร่วมงานเลี้ยงหรืองานประจำปีต่างๆของเมืองหลวง  ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มองเขาได้ใกล้ถึงเพียงนี้

    ดูนั่น

    เขายิ้ม

    รอยยิ้มนั่น

    รอยยิ้มนี้ล่ะที่นางเคยแอบเห็นเขายิ้มขณะเสวนากับเหล่าสหายทหารของเขา

    หลิวหลีนั่งเหม่อมองรอยยิ้มของจูหยวนจางขณะที่เขากำลังคุยอยู่กับเหล่าทหารอย่างออกรส

    เขายิ้มให้ทหารคนนั้น

    คนนั้นด้วย

    เขาหันไปยิ้มทางนั้น

    ทางนี้ด้วย

    หืม!

    ทางนี้

    เขาหันมายิ้มทางนี้

    ทาง...

    “เจ้า...” จูหยวนจางเอ่ยขึ้นกับหลิวหลีในคราบอาหลิ่วที่นั่งตัวลีบทำหน้าโง่งมอยู่ไม่ห่างจากตัวของเขา “ดื่ม...” เขากล่าวพลางยกจอกเหล้าเข้าใกล้ริมฝีปากของหลิวหลี

    “....”

    “....”

    เงียบ

    สิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือสีหน้าโง่งม  แก้มป่องพองออก  ดวงตากระพริบขึ้นลงสองสามที

     

    “ดื่มสิอาหลิ่ว” อาต้วนที่นั่งอยู่ในกลุ่มด้วยกันเอ่ยขึ้นเพื่อเรียกสติของอาหลิ่วสหายสนิทของเขา เพราะดูๆแล้วอาหลิ่วคงกำลังคิดถึงบ้านจนสมองมีปัญหาการตอบสนองเชื่องช้าจนน่าเป็นห่วง  “ท่านรองแม่ทัพอุตส่าห์รินเหล้าให้ ดื่มเร็ว”

    หลิวหลีพลันได้สติก่อนจะรีบส่ายหน้าปฏิเสธรัวเร็ว ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันแน่น

    ไม่เอา  นางไม่ดื่ม 

    นางไม่ดื่มเด็ดขาด

    จูหยวนจางเห็นหลิวหลีส่ายหน้าปฏิเสธพัลวันจึงเอ่ย “ทำไม” เขาขมวดคิ้วคมเข้มขึ้นเล็กน้อยก่อนส่งเสียงต่ำ “รังเกียจกันรึ”

    หลิวหลีส่ายหน้ารัวเร็วยิ่งกว่าเดิมก่อนจะขยับถอยหลังออกห่าง แต่จอกเหล้าก็ยังคงติดตามริมฝีปากของนางมา ตามด้วยจูหยวนจางเอี้ยวตัวมาหา ครานี้หลิวหลีถึงกับทำตาโตแต่ยังคงเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นเพราะจอกเหล้าตามมาติดๆ

    จูหยวนจางยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้วยสายตาคมเข้มจ้องมองจับนิ่งอย่างต้องการให้ดื่มอย่างจริงจัง

    จับกรอกปากดีหรือไม่! จูหยวนจางคิด

     

    หลิวหลีเห็นสีหน้าและแววตาของเขาแล้วยิ่งเพิ่มความระแวดระวัง  ถ้าใกล้กันไปมากกว่านี้ นางกลัวว่าเขาจะจำนางได้ นางจึงเอื้อมมือของตนขึ้นจับมือของเขาที่กำลังส่งจอกเหล้ามาให้เพื่อหยุดเขา ไม่ให้เขาได้เข้าใกล้นางมากไปกว่านี้

    แต่เมื่อมือของนางสัมผัสกับมือของเขา พลันเกิดกระแสบางอย่าง

    “....”

    “....”

    หลิวหลีถึงกับชะงักงันดวงตากลมโตเบิกกว้าง รับรู้ได้ว่ามันมีความรู้สึกร้อนวูบวาบเกิดขึ้นที่ฝ่ามือ ใบหน้าของนางพลันเห่อแดงภายใต้หนวดเคราที่แต่งแต้มเอาไว้

    จูหยวนจางหรี่ตามองกิริยาของหลิวหลีอยู่นิ่งๆ  เขานึกขันเสียจริง แต่ต้องสะกดกลั้นมันเอาไว้

    เหล่าสหายทหารถึงกับลุ้นกันตัวโก่ง เกรงว่าอาหลิ่วจะทำอันใดให้ท่านรองแม่ทัพจูไม่พอใจ

    “อ่ะ  อ้าว  อาหลิ่ว  เจ้าจะไปไหน” เสียงโวยวายของอาต้วนและทหารอีกหลายคนเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงเมื่ออาหลิ่วของพวกเขากระโดดจนตัวลอยวิ่งออกไปจากวงเสียอย่างนั้น

    “อา...ท่านรองแม่ทัพ เดี๋ยวข้าขอดื่มแทนเจ้านั่นได้หรือไม่ ท่านอย่าได้เคือง” อาต้วนกล่าวอย่างขอลุแก่โทษแทนสหายอย่างจริงใจไปทางรองแม่ทัพจูที่นั่งนิ่งงันแข็งค้างอยู่

    จูหยวนจางเพียงปรับอารมณ์ไม่ให้แสดงอาการขบขันออกมา จึงทำเป็นปรายสายตาคมดุมองกลับมายังเหล่าทหารพลางเอ่ยเสียงเรียบ

    “พวกเจ้าดื่มกันไปก่อน ข้าจะขอไปตรวจตราความเรียบร้อยสักประเดี๋ยว” กล่าวเสร็จเขาจึงทำทีลุกขึ้นไป ทิ้งเอาไว้เพียงสายตากลัวเกรงว่าอาหลิ่วผู้น่าสงสารจะได้รับโทษทัณฑ์อันใดอีกในวันต่อไป

               

                เวลาผ่านไปเพียงอึดใจ

    จูหยวนจางเดินตามหลิวหลีออกมาทันเห็นหลังของนางวิ่งหนีออกไปทางด้านหลังของกระโจมหลังหนึ่งถัดจากเรือนพักของเขาไม่ไกล ท่าทางของนางยิ่งมองยิ่งนึกขัน เขาคงจะต้องทรมานกับการกลั้นหัวเราะอย่างนี้ไปในทุกๆวัน  ภรรยาของเขาไม่ธรรมดาเลยจริงๆ นางทำให้ชีวิตที่แสนจะสงบสุขเรียบเรื่อยของเขาเปลี่ยนไป

                หลิวหลีวิ่งออกมาอย่างไม่รู้ตัวเพียงเพราะรู้สึกวาบหวามไปกับฝ่ามือของเขาที่นางเผลอเอื้อมมือไปจับกุม ความร้อนยังติดอยู่ที่ฝ่ามือเรียวเล็กของนางอยู่เลย

    หญิงสาวนั่งหลบอยู่ข้างกระโจมหลังหนึ่งพลางจับกุมมือของตนเองเอาไว้เมื่อนึกถึงรสสัมผัสจากฝ่ามือหนาของจูหยวนจาง

    ฝ่ามือนั้นของเขาที่เคยลูบไล้ผิวนวลเนียนของนางจนทั่วเรือนกาย  ความร้อนจากฝ่ามือนั้นยังคงติดตรึงอยู่ไม่รู้จาง ภาพการร่วมรักกันระหว่างนางกับเขาพลันโหมกระหน่ำเข้ามายังโสตประสาทคล้ายกับว่ากิจกรรมอย่างนั้นระหว่างนางกับเขาเกิดขึ้นแค่เพียงไม่นาน

    หลิวหลีรู้สึกร้อนรุ่ม เหงื่อเริ่มไหลซึม

    ทั้งๆที่อากาศโดยรอบหนาวเย็นออกปานนี้

    นางกำลังนั่งนึกถึงภาพวาบหวิวของค่ำคืนอันแสนรัญจวนที่เคยกระทำกับจูหยวนจาง 

    ยิ่งคิดยิ่งนึกละอายแก่ใจ นางเป็นสตรีมีปัญหาแน่ๆ ช่างโง่งมเสียจริง ยิ่งเมื่อครู่นั้นจูหยวนจางมานั่งอยู่ใกล้ๆกัน ไหล่ห่างกันเพียงนิด ความอบอุ่นแผ่ซ่านไหลผ่านวาบเข้ามาอย่างกับน้ำป่าไหลหลาก ไม่ใช่น้ำธรรมดาด้วย เป็นน้ำพุร้อนเลยเชียว

    หลิวหลีนั่งหลับตาข่มอารมณ์ข่มจิตใจไม่ให้ฟุ้งซ่านจนตัวเกร็งอยู่อย่างนั้น พลันได้ยินเสียงเรียกสดใสของใครคนหนึ่งดังขึ้นมา “ท่านรองแม่ทัพจู...”

    เสียงเรียกนั้นทำหลิวหลีหลุดออกจากภวังค์ในทันที

    “ท่านรองแม่ทัพจู ท่านอยู่ที่นี่นั่นเอง อวี้เจินตามหาตั้งนาน”

    ประโยคถัดมานั้นทำหลิวหลีถึงกับตัวแข็ง 

    สตรีนางนี้อีกแล้ว ใยถึงชอบมายุ่งกับจูหยวนจางนัก

    หลิวหลีนึกเข่นเขี้ยวเสียจริงกับสตรีจอมฉอเลาะนางนี้ หญิงสาวเมียงมองตามทิศทางของเสียงจึงสังเกตเห็นว่าจูหยวนจางยืนอยู่ไม่ไกลจากที่นางนั่งหลบซ่อนตัวอยู่ ตามด้วยสตรีนามว่าอวี้เจินที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาจนถึงตัวของจูหยวนจาง  สตรีนางนั้นทำท่าทางเอียงอายเมื่อมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของจูหยวนจาง 

    นางช่างกล้า  หลิวหลีค่อนขอดอยู่ในใจ

    เห็นได้ชัดว่าเสแสร้งแกล้งทำเป็นเอียงอาย  มารยาของนางช่างน่าชัง วิ่งมาหาเขาอย่างนั้นยังกล้าทำท่าทางเหนียมอาย

    ได้อย่างไร!?

     

    จูหยวนจางสังเกตได้จากหางตาของตนว่ามีสตรีนางหนึ่งแอบส่งสายตาแวววาวมาทางเขาในขณะที่สตรีนามว่าอวี้เจินส่งเสียงทักทายพร้อมทั้งวิ่งเข้ามาหาเขา

    ชายหนุ่มถึงกับหลุดยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นน้ำส้มเปรี้ยวของภรรยาปลอมตัวของเขาลอยออกมาจากหลังกระโจมนั่น

    และนั่น

    รอยยิ้มนั้น

    ทำให้สตรีสองนางถึงกับเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันทันที

    อวี้เจินนั้นเมื่อได้เห็นรอยยิ้มมุมปากอย่างนั้นของจูหยวนจาง นางจึงคิดเข้าข้างตัวเองเป็นการใหญ่  จูหยวนจางคงหลงเสน่ห์ของนางเข้าแล้ว ตำแหน่งฮูหยินรองแห่งจวนรองแม่ทัพจูคงอยู่ไม่ไกล  เช่นนั้นแล้ว...คืนนี้ นางต้องเผด็จศึกเขาให้จงได้ 

    อวี้เจินคิดในใจอย่างหมายมาด

    หลิวหลีนั้นเมื่อได้เห็นรอยยิ้มตรงมุมปากอย่างนั้นของจูหยวนจาง นางจึงเข้าใจได้ไม่แตกต่างจากอวี้เจิน

    เขา...เขา...ตกหลุมพรางของสตรีอย่างนั้นได้อย่างไร? แค่นางทำเสียงใสไร้เดียงสา  แค่นางแต่งกายด้วยชุดน่าเอ็นดู   แค่นางยิ้มแย้มประจบเพียงนิด   แค่นางทำมารยาเพียงแค่นั้น  

    ทำไม...  ทำไม... 

    หลิวหลีขมวดคิ้วเข้าหากันมุ่นเมื่อคิดได้อย่างนั้น

    พลันน้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมา  ก่อนจะสลัดศีรษะไล่ความเสียใจให้ออกไป

    ก็ดี...

    ได้เห็นกับตาอย่างนี้ก็ดี...

    ถือเสียว่าการปลอมตัวมาในครั้งนี้ไม่เสียเที่ยว

    อย่างน้อย

    นางจะได้กลับไปเตรียมหนังสือหย่าได้อย่างไม่ต้องลังเล

    หลิวหลีเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นอย่างเก็บข่มอารมณ์พลุ่งพล่านเมื่อคิดได้อย่างนั้นในใจ  ก่อนจะลุกเดินออกไปจากหลังกระโจม เพื่อไปให้พ้นๆภาพบาดตาบาดใจระหว่างจูหยวนจางกับสตรีนามว่าอวี้เจิน

     

    หญิงสาวเดินโซซัดโซเซกลับเข้ามายังกลุ่มสหายของเพื่อนๆทหารก่อนจะมานั่งลงอย่างหมดสภาพภายในกลุ่มของพวกพ้อง

    “สภาพอย่างนี้จะรอดไหมนี่” เสียงทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาทางอาหลิ่วของพวกเขา

    “อดทนไว้ อาหลิ่ว อยู่ๆไปเดี๋ยวก็ชิน พวกเราก็คิดถึงบ้านไม่ต่างกันกับเจ้า” เสียงทหารอีกคนหนึ่งเอ่ยปลอบขวัญอย่างเข้าอกเข้าใจอารมณ์บุรุษยามต้องทิ้งบ้านเข้ามาอยู่ในค่ายทหารอย่างนี้

    อึดใจต่อมาอาต้วนก็เอื้อมมือมาตบไหล่อาหลิ่วอย่างเข้าใจไปเอง “เจ้าทำท่าทางคล้ายกับว่าเมียแอบไปคบชู้สู่ชายซะอย่างนั้น อย่าคิดมากเลย ข้าเคยผ่านมันมาแล้ว ยามนี้ข้ามีเมียใหม่แล้วสองคนเลยเชียว” ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจพาให้เหล่าสหายสรวลเสเฮฮาไปด้วย

    เสียงหัวเราะครึกครื้นของเหล่าบรรดาสหายที่คล้ายกับว่าช่วยกันปลอบใจอาหลิ่วยิ่งเพิ่มระดับความเสียใจให้อาหลิ่วเสียอย่างนั้น

    “อ่ะ! อ้าว! ใจเย็น  อาหลิ่ว” อาต้วนเอ่ยขึ้นทันควันเมื่อเห็นอาหลิ่วยกเหล้าขึ้นกระดกลงคอทั้งไห

    แค่ก  แค่ก 

    หลิวหลีหยุดพักเมื่อสำลักเหล้า ก่อนจะยกขึ้นกระดกเข้าปากต่อโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะชอบใจของเหล่าทหารที่เข้าใจไปว่าอาต้วนพูดถูกต้อง

    เมียของอาหลิ่วมีชู้แน่ๆ

     

    ทุกคนพากันยกเหล้าในส่วนของตนเองส่งให้ทางอาหลิ่วกันเป็นการใหญ่  เพื่อหมายจะช่วยกันปลอบประโลมให้กำลังใจอย่างมิตรสหายที่มีหัวอกเดียวกันอยู่หลายส่วน

    มาอยู่ค่ายทหารอย่างนี้ ปัญหาหลักเลยคือคิดถึงบ้าน ส่วนปัญหาหลักยิ่งกว่าคือสิ่งที่อาต้วนพูดออกมานั่นเอง

     

    ตรงทางเดินระหว่างกระโจมที่จูหยวนจางยังคงยืนอยู่นิ่งๆไม่ไหวติงใดๆ

    “ข้าชอบท่าน...” อวี้เจินตัดสินใจเอ่ยออกไปในที่สุดเมื่อได้เห็นจูหยวนจางยกยิ้มมุมปากจนใบหน้าที่มักจะนิ่งขรึมอยู่ตลอดเวลานั้นพลันน่ามองขึ้นมาอยู่หลายส่วน นางจึงมั่นใจในเสน่ห์ของตนเองเต็มที่จึงกล่าวออกไปอย่างไม่มีปิดบัง 

    “ข้าไม่สนใจว่าท่านจะมีเมียอยู่แล้ว ข้าชอบท่านจริงๆ ข้าขอเป็นอนุภรรยาของท่าน  ได้หรือไม่” กล่าวเสร็จก็ยกยิ้มอย่างมีจริตมารยาใส่หน้าของจูหยวนจาง

    ชายหนุ่มเพียงมองสตรีตรงหน้านิ่งๆไม่ได้กล่าวคำใดๆ

    หลังจากที่เขาเพียงหรี่ตามองตามภรรยาพระราชทานของเขาเดินออกไปจากหลังกระโจมจนเห็นนางเดินกลับเข้าไปในกลุ่มพร้อมทั้งยกเหล้าดื่มทั้งไหอย่างนั้น เขาจึงยกยิ้มที่มุมปากขึ้นอีกคราก่อนจะหุบยิ้มลงแล้วเริ่มสนใจสตรีตรงหน้าว่านางจะหยุดพูดไร้สาระเมื่อไหร่

    “นะเจ้าคะ นะ” อวี้เจินส่งเสียงออดอ้อนเต็มที่อยู่ตรงหน้าของจูหยวนจาง คืนนี้นางจะอยู่กับเขาทั้งคืนโดยไม่สนใจใคร แล้วลำดับต่อไปนางก็จะแต่งเข้าบ้านของเขาในฐานะอนุภรรยา และต่อไปนางจะทำทุกวิถีทางเพื่อเขี่ยภรรยาเอกของเขาออกไป หญิงสาวคิดในใจอย่างไม่นึกละอายแก่ใจแต่อย่างใด

    “เจ้าพูดจบแล้วใช่หรือไม่” จูหยวนจางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำใบหน้าเฉยชาดวงตาดุดัน เขาอยากจะรีบเดินเข้าไปหาภรรยาของเขาก่อนที่นางจะเมาไปมากกว่านี้

    “....”

    อวี้เจินถึงกับชะงักกึกกับคำถามนั้น

    อะไรกัน เมื่อครู่เขายังยิ้มให้นางอยู่เลย

    “แต่ว่า...เอ่อ...” อวี้เจินกำลังจะทักท้วงถามออกไปอย่างไม่ยอมจำนน แต่ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด จูหยวนจางก็พาร่างสูงใหญ่เดินจากไปหน้าตาเฉย ทิ้งหญิงสาวเอาไว้กับความงุนงงโดยไม่ใส่ใจแต่อย่างใด 

    อวี้เจินทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังของจูหยวนจางที่กำลังเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับบรรดาเหล่าทหาร นางยังคงมองตามแผ่นหลังของเขาอย่างไม่เข้าใจในชีวิต 

    หรือว่านางยังยั่วยวนไม่พอกัน

    ไม่เป็นไร!

    คืนพรุ่งนี้ก่อนเถอะ  นางจะใส่ชุดที่ดูร้อนแรงกว่านี้ ยั่วยวนมากกว่านี้ ชุดนี้มันออกจะหวานเลี่ยนจนเกินไป หึ!

    หญิงสาวคิดหมายมาดอยู่ในใจอย่างมุ่งมั่นไม่มีที่สิ้นสุด

     

    ตรงกลุ่มคนพลทหารที่กำลังสรวลเสเฮฮากับอาการจิตตกของอาหลิ่วอยู่นั้น พลันมีใครบางคนมายืนสูงใหญ่ทมึงทึงอยู่ตรงนั้น

    “อาหลิ่ว...” ประโยคเนิบนาบเส้นเสียงทุ้มต่ำดังอยู่เหนือศีรษะของหลิวหลีที่อยู่ในคราบของอาหลิ่ว ทำพวกพ้องพี่น้องเหล่าทหารในวงเหล้าพากันเมียงมองตามเสียงเรียกนั้นกันอย่างพร้อมเพรียงพลางคิดในใจพร้อมกัน  เอาอีกแล้วอาหลิ่วเอ๋ย...

    จูหยวนจางที่เดินมาจนถึงเบื้องหลังของหลิวหลีเพียงยืนเอามือไขว้หลังด้วยท่วงท่าวางอำนาจพร้อมส่งมอบบทลงโทษให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างน่ากลัว เขาเอ่ยเรียกชื่อนั้นซ้ำอีกครั้ง

    “อาหลิ่ว...”   

    เสียงเรียกครั้งที่สองนี้ทำหลิวหลีจำใจต้องหันหลังกลับไปแล้วเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะลุกขึ้นยืนจ้องหน้าของจูหยวนจางอย่างเอาเรื่อง

    “ใจเย็นอาหลิ่ว  เมาแล้วเพี้ยน” อาต้วนกระซิบกระซาบพลางยกมือของตนขึ้นกระตุกขากางเกงของสหาย  “นั่งลง นั่งลง”

    หลิวหลีไม่สนใจ นางเพียงกระตุกขาออกห่างจากฝ่ามือของอาต้วนก่อนจะเอื้อมมือของตนขึ้นแล้วจับกระชากแขนของจูหยวนจางให้เดินออกมาจากกลุ่ม โดยไม่สนใจสายตาตกอกตกใจของเหล่าบรรดาทหาร

    เมื่อพวกพ้องกำลังลุกฮือขึ้นเพื่อห้ามปรามอาหลิ่วมิให้กระทำการล่วงเกินท่านรองแม่ทัพกลับได้รับเพียงสายตาดุดันของจูหยวนจางตอบกลับมา  ทำเอาทั้งหมดถึงกับเข้าใจความหมายทางสายตานั้นทันที

    พรุ่งนี้รอเก็บศพเจ้านั่นได้เลย นั่นคือความคิดของบรรดาเหล่าทหารในยามนี้

    โชคดีอาหลิ่ว....

     

    ตามทางเดินระหว่างกระโจมกับที่พักมากมายของค่ายทหาร

    หลิวหลีดึงแขนของจูหยวนจางให้เดินตามมาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี นางเดินโซเซเล็กน้อยขณะใช้กำลังอันน้อยนิดฉุดดึงจูหยวนจางให้เดินตามมาอย่างทุลักทุเล

    ชายหนุ่มเพียงเดินตามมาด้วยท่วงท่าสบายๆมิได้ขัดขืนให้นางต้องเหน็ดเหนื่อยมากไปกว่าที่เป็นอยู่แต่อย่างใด เพราะเท่าที่เห็น นางใช้เรี่ยวแรงในการเดินให้ตรงทางก็ยากพอตัวอยู่แล้ว

    เมื่อหลิวหลีพามาถึงที่หมาย จูหยวนจางจึงรีบหันหลังไปปิดประตูห้องพักในทันที 

    นางช่างรู้ใจ ฉุดดึงเขาให้เข้ามายังห้องพักของเขา 

    จูหยวนจางคิดในใจอย่างกรุ้มกริ่มภายใต้สีหน้าเรียบเฉยแนบเนียน

    “ข้าจะหย่าให้ท่าน...” หลิวหลีพูดออกมาทันทีที่ได้อยู่ภายในห้องพักกับจูหยวนจางเพียงสองต่อสอง

    “....”

    จูหยวนจางถึงกับชะงักงัน ก่อนหันหน้าเข้าหาหลิวหลีเมื่อปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย

    “ข้าจะกลับบ้าน...แล้วเขียนหนังสือหย่า....ให้ท่าน...ทันที” หญิงสาวเอ่ยออกมาขณะกำลังพยายามทรงตัวเองให้ยืนอย่างมั่นคง

    ชายหนุ่มยังคงยืนจ้องหน้าภรรยาของเขานิ่งงัน

    เมื่อครู่ นาง...

    ว่าอะไรนะ!?

    จูหยวนจางกำลังตะลึงงันด้วยเพราะคาดไม่ถึงว่าหลิวหลีจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา

    นางจะหย่า!

    เรื่องอันใด?

    ทำไมถึงคิดจะหย่า!?

    “เจ้า...”  จูหยวนจางเอ่ยออกมาแค่นั้น

    เขาไม่แน่ใจว่าควรจะเอ่ยสิ่งใด

    เขากำลังสับสนงุนงงว่าทำไมจู่ๆภรรยาของเขาถึงพูดจาอะไรออกมา

    ช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย

    เมื่อวานนางบอกรักเขา

    แล้ววันนี้มาบอกหย่าเขา

    อะไรกัน!

    หลิวหลีค่อยๆเดินเอียงซ้ายเอียงขวาเข้าหาจูหยวนจางอย่างทุลักทุเล ก่อนจะโผเข้าหาแผงอกของเขาพลางเอื้อมมือเอื้อมวงแขนขึ้นโอบรอบเอวของเขาแล้วซบหน้าลงตรงกลางอกของเขาเสียอย่างนั้น

    กิริยาอย่างนั้นของหลิวหลียิ่งสร้างความสับสนงุนงงให้จูหยวนจางเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ

    ในขณะที่จูหยวนจางกำลังยืนตัวเกร็งแข็งทื่ออย่างโง่งม หลิวหลีก็ยิ่งเพิ่มแรงกอดกระชับเพิ่มมากขึ้น

    นางยังคงกระชับวงแขนน้อยๆของนางกอดรัดเรือนร่างสูงใหญ่ของเขาอยู่อย่างนั้น

    อา...

    ภรรยาของเขาคนนี้...

    ให้ตายเถอะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×