ตอนที่ 28 : Special I : Moon’s Tear
Truth or Dare
(Special : I)
Moon’s Tear
อีกครั้งที่เห็นพี่เตร้องไห้ เราสองคนอยู่ที่บ้านใหญ่
เป็นวันเรียบเรื่อยอากาศแจ่มใส คุณพ่อพาผมเดินดูสวนอวดต้นไม้ที่พ่อผมบ่นว่าอยากได้
ระหว่างคุยเรื่อยเปื่อยผมรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองลงมาจากชั้นสอง
พี่เตยืนอยู่ตรงนั้น ริมระเบียงห้องนอนของเขา จ้องผมนิ่ง ก่อนยิ้มบาง
เขากำลังเรียกผม...
ผมยิ้มตอบ ไม่รีรอเมื่อคุณพ่อมองเราแตะไหล่อนุญาตให้ผมขึ้นไปหา
ผมดีใจที่ระยะหลังพี่เตยิ้มมากขึ้น หัวเราะมากขึ้น ยอมให้ตัวเองมีความสุขอย่างไร้ข้อกังขา
แต่ผมกลับดีใจกว่าเมื่อเห็นน้ำตาของเขา
น้ำตาของพระจันทร์ที่ยังคงงดงาม แม้หม่นแสงเหลือเพียงเสี้ยว
เป็นสัญญาณที่ดีว่าความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ในใจถูกระบายออกมาบ้าง เป็นสัญญาณว่าเขายอมให้ตัวเองอ่อนแอ เปิดใจยอมรับการปลอบประโลมจากคนรอบข้าง
“สวัสดีครับ” ผมสวนทางกับคุณอาหมอที่ยิ้มทักทาย มองผมกับประตูห้องที่ปิดอยู่ก่อนเอื้อมมือมาตบไหล่ผมเบาๆ
“พยายามได้ดีมาก ทั้งสองคน”
เพราะรู้ดีว่ากว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้เราต่างสาหัส เพราะจมกับมันมานาน ความรู้สึกผิดคล้ายเพื่อนสนิทลึกซึ้งที่ยังหลอกหลอน ฉายซ้ำ
คุณอาหมอบอกว่าใต้ธารน้ำแข็งที่พี่เตอยู่นั้นหนาวเหน็บ และอ้างว้างเกินกว่าที่คนข้างบนจะเข้าใจ
สิ่งสำคัญคือการยอมรับ เคียงข้าง
ในที่สุดเราฉุดเขาขึ้นสู่ผิวน้ำ ให้หายใจได้อีกครั้ง
“ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณตัวเองเถอะ ถ้าไม่มีพิชญ์ช่วยทำให้เจ้าเตเปิดใจ อาคงช่วยอะไรไม่ได้”
ผมยิ้ม ยกมือไหว้ลา คุณอาหมอขอตัวลงไปหาคุณพ่อที่เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน
ผมเปิดประตูห้องนอนเข้ามาพบว่าเขานั่งอยู่ปลายเตียง เหม่อนิ่งไปยังที่ที่ไกลแสนไกล ดวงตาคู่สวยเคลือบอาบหยาดน้ำใสที่ยังไม่แห้งเหือดดี
ถือวิสาสะเดินเข้าไปนั่งคร่อมตักเขาไม่ทันให้รู้ตัว พี่เตตื่นจากภวังค์ มองหน้าผมแล้วยิ้มจางๆ อีกครั้ง
ยกมือประคองสองแก้มบรรจงเกลี่ยคราบน้ำตาให้แผ่วเบา จดจำร่องรอยจางที่ไม่มีโอกาสได้เห็นมานาน
“ผมดีใจที่พี่ร้องไห้”
โดนดุอย่างไม่ต้องสงสัย...
ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าน้ำตาของผมกำลังไหลเช่นกัน
"พี่ร้องไห้กับผมได้ รู้ใช่ไหม" ผมกระซิบบอกพลางกอดเขา กระชับแน่น อุ่นไอจากร่างกายแผ่ซ่าน หัวใจเต้นประสาน
...เราจูบกัน
ยิ้มให้กัน หัวเราะและปาดน้ำตาให้กันอย่างคนโง่เง่าอยู่อย่างนั้น ซ้ำไปซ้ำมา
พายุผ่านพ้นแต่ยังมีเมฆฝนคั่งค้าง
พี่เตบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยผ่านได้ ถ้าไม่สะสางคงไม่มีทางเดินไปข้างหน้าอย่างสบายใจ
เขาจึงตัดสินใจสารภาพกับครอบครัวผมว่าเคยทำร้าย เปิดรอยแผล เปลือยอดีตแสนเจ็บปวดที่เกือบก่อโศกนาฏกรรม
เราเคยเลือกที่จะปิดเป็นความลับเพราะมันเป็นเรื่องยากจะเข้าใจ ลำพังคนในวัยเดียวกันเผชิญโลกที่โหดร้ายใบเดียวกันยังยากจะจินตนาการถึงความทุกข์ที่สาหัสกว่าความตาย
นับประสาอะไรกับผู้ใหญ่ที่กรำแดดกรำฝนคนละแบบ เผชิญโลกที่แตกต่างกัน
ผมกลัวผลลัพธ์แต่เขาบอกว่าเราไม่อาจปิดมันไว้ตลอดกาล
อีกอย่างเขารู้ว่าพ่อกับคุณแม่ของผมเป็นคนหัวโบราณแต่ไม่ได้ใจแคบปิดรับความคิดที่ผิดแผกจากที่เคยเข้าใจ
"ขอโทษครับ" สิ้นคำบอกเล่า พี่เตนั่งคุกเข่าจำนนต่อความผิดที่เคยก่อไว้
พ่อผมไม่พูดอะไร แต่ผมมองออกว่าท่านเข้าใจ... ไม่ใช่พี่เตคนเดียวที่ทำผิดพลาด ก่อนหน้านี้พ่อเพิ่งเปิดใจขอโทษผมเรื่องวิธีที่เข้มงวดเกินไปจนบางครั้งกลายเป็นบ่วงรัดคอ ทำร้าย
เราต่างผิดพลาด
สิ่งที่ต้องทำคือยอมรับและแก้ไข
ส่วนคุณแม่
“แม่ไม่ได้ถนอมน้องพิชญ์มาเพื่อให้เธอทำร้าย” น้ำเสียงตำหนิ แววตารวดร้าวขึ้งขวางมองคนรักของผมอย่างตรงไปตรงมา
ผมไม่เคยเห็นคุณแม่โกรธขนาดนี้เลยสักครั้ง ด้วยเป็นห่วง ด้วยรัก แต่ถึงอย่างนั้นท่านยังมีเหตุผลมากพอที่จะทำความเข้าใจ
เมตตาพอที่จะให้อภัย
“แต่เตรู้แล้วใช่ไหมว่ามันไม่ใช่ทางออก” เรามีบ้านที่ใหญ่มากพอจะต้อนรับสมาชิกใหม่ โอบรับทั้งตัวตนและบาดแผลของเขาเอาไว้
“รู้แล้วใช่ไหมลูกว่าชีวิตตัวเองมีค่า ทั้งน้องพิชญ์ ทั้งพ่อกับแม่ ทุกคนอยู่ข้างเตนะ” มีอ้อมกอดที่อุ่นพอจะให้เขาซุกตัวลงมาได้
เป็นอีกครั้งที่ผมเห็นน้ำตาของดวงจันทร์
เป็นอีกครั้งที่เขาปลดเปลื้องความอดกลั้น ยอมให้ตัวเองอ่อนแอและร้องไห้
ไม่จำเป็นต้องละอาย
ไม่จำเป็นต้องหลั่งน้ำตาอย่างโดดเดี่ยว เงียบงัน
ไม่จำเป็นต้องซุกซ่อนร่องริ้วขรุขระไว้ใต้แสงนวลสว่างเช่นที่ผ่านมา
#เกมท้ารัก
-Martian-
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มันจะดีขึ้นน
รักน้าาาาา~~~ ^Δ<