[ เจได ]
ตอนเห็นครั้งแรก เราว่าเขาค่อนข้างน่ากลัว
ตัวใหญ่เป็นหมี ไว้เครา หน้าดุอย่างกับยักษ์ ถ้ามีเขี้ยวสักนิดคงชวนคิดถึงละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่เคยตื่นมาดูตอนอนุบาล
“ป๊า”
แล้วเขาก็มีเขี้ยวจริงๆ เขี้ยวสองข้างที่ปรากฏพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ทำให้ใบหน้าถมึงทึงหมดสิ้นความน่ากลัว ดวงตาคมปิดหยีจนไม่เห็นลูกตา หมีตัวโตกลายร่างเป็นลูกหมาทันทีที่ใครบางคนเดินเข้ามาหลังเวที
ป๊า? นั่นชื่อหรืออะไร
“ไอ้พิชญ์” หันมองตามสายตาคู่นั้นมองคนมาใหม่ แล้วก็ชะงักให้กับรังสีแปลกประหลาดที่แผ่กระจายออกมา
ก่อนรู้ว่าไม่ใช่แค่ตัวเองที่ถูกดึงดูดให้หยุดสายตา คล้ายเวลาหยุดหมุนชั่วขณะประวิงรอให้เรียวขายาวก้าวผ่านอย่างช้าๆ
สวย... ไม่สิ หล่อ ก็ไม่ใช่อีก... ต้องบอกว่ามีเสน่ห์มาก
เรือนร่างสูงยาวแบบผู้ชาย แต่กลับดูบอบบางน่าหลงใหล เรือนผมสีดำสนิทต้องลมยามเคลื่อนผ่านยิ่งขับให้องค์ประกอบของร่างนั้นดูงดงามพลิ้วไหวราวผีเสื้อที่กำลังกระพือปีกสยาย ขยับเพียงนิดดอกไม้น้อยใหญ่รอยกายก็แทบจะเบือนหน้าเสนอตัวให้เชยชิมน้ำหวานจากกลุ่มเกสรของตัวเอง
อิจฉา... และอิจฉายิ่งกว่าเมื่อเห็นสายตาของใครคนนั้นที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงกับช่วงเวลาก่อนหน้า
ดีใจอะไรขนาดนั้น ทั้งที่เอาแต่นั่งน่ากลัวมาตั้งนาน
“ตื่นเต้นสัดๆ” เผลอขมวดคิ้วตอนที่คนตัวโตกว่าคว้าร่างสูงบางเข้ามากอด ยกจนตัวลอยแล้วเขย่าจนหัวคลอน ส่วนอีกคนก็หัวเราะ ไม่สะทกสะท้านกับสายตามากมายที่จับจ้องการกระทำ
“ตื่นเต้นทำไม ยังไงก็ไม่ชนะ” ใบหน้ารั้นที่เอ่ยประชดประชันด้วยน้ำเสียงขบขันกลับไม่ทำให้โกรธเคือง กลับกัน มันทำให้เจ้าหมียักษ์ตัวนั้นหัวเราะออกมาอย่างสบายใจ
มีเสน่ห์เกินไป ดูรั้นร้ายเอาแต่ใจ แต่กลับชวนให้อยากทะนุถนอมอย่างยากจะอธิบาย
อยู่ๆ ก็รู้สึกแพ้... แพ้ทั้งที่ไม่รู้ว่าแข่งอะไร
ไม่น่าจะชนะจริงๆ อ่ะ
เสียงดนตรีกระท่อนกระแทนจากเครื่องดนตรีสามชิ้นที่ฟังยังไงก็ไม่เข้ากัน กลองไปทาง เบสไปทาง คงมีแต่กีตาร์กับเสียงร้องเท่านั้นที่เข้ากันเพราะมาจากคนเดียวกัน
เสียงทุ้มต่ำในคีย์ที่หาได้ยากกับเสียงกีตาร์กรีดลึกราวร่ำร้องจากห้วงลึกของจักรวาลชวนให้เหลียวหลังทันทีที่ได้ยิน
แต่นอกนั้นไม่มีอะไรเข้ากัน เหมือนมาลงประกวดไปงั้นๆ มันเลยชวนหงุดหงิดมากกว่าน่าฟัง
“เป็นไง”
“โคตรห่วย”
อืม ห่วยมาก
นึกประหลาดใจที่คนถูกสบประมาทกลับหัวเราะลั่น หยอกล้อเล่นหัวอย่างไม่คิดเคือง
“นี่แหละ น้องกู”
น้อง น้องแบบไหน หน้าตาไม่เห็นจะคล้ายกัน
“เดินงานเป็นเพื่อนกูหน่อย”
กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองทำตัวเสียมารยาทก็ตอนที่เผลอมองตามแผ่นหลังของสองร่างที่เดินหยอกล้อกันออกจากหลังเวทีไปจนลับสายตา
หึง...หึงล่ะ
ไอ้อาการไม่หงุดหงิดจนพานหน้ามุ่ยจนเพื่อนไม่กล้าพูดด้วย สายตาเอาแต่จับจ้องสองคนตรงหน้าที่หัวเราะคิกคักพลางซื้อของกินตามร้านที่ขายไปตลอดทางอย่างไม่ค่อยชอบใจแบบนี้คงคล้ายๆ อะไรแบบนั้น
แต่จะหึงได้ยังไงกัน เพิ่งเจอไม่ถึงวันด้วยซ้ำ
ไม่ได้รู้สึกว่าชอบสักนิด แค่เห็นครั้งแรกแล้วสงสัย คิดฆ่าเวลาระหว่างขึ้นเวทีว่าเป็นคนยังไง จนรู้ว่าที่คิดน่ะไม่ใช่ ไม่ได้เป็นคนน่ากลัว กลับใจดีเกินคาด แถมยัง... น่ารัก
น่ารัก น่ารักมาก
ตอนที่ร้องเพลง หลุดหัวเราะกับเสียงเบสเพี้ยนๆ ของเพื่อนร่วมวง เล่นมุกงงๆ บนเวที เวลาลูบเครากลบอาการขัดเขินที่ตรงข้ามกับหน้าตายิ่งชวนให้หลุดยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว
หมียักษ์... หมียักษ์ชื่ออะไรนะ...
ทำไมไม่ฟังตอนเขาแนะนำตัวล่ะ!
“มึงเป็นเหี้ยอะไรเจ ทำหน้าตาน่ากลัวมาก” ถูกเพื่อนที่เดินมาด้วยกันถองศอกใส่ ถึงได้รู้ตัวว่าเผลอขมวดคิ้วแน่นแค่ไหน หันกลับไป อ้าปากทำท่าจะระบายความอึดอัดใจ แต่แล้วก็ปิดปากฉับ เก็บความลับไว้ในใจเอ่ยเฉไฉ
“อยากกลับ” ช่างเถอะ รู้ไปก็เท่านั้น คงไม่ได้เจอกันอยู่ดี อีกอย่าง เห็นแค่นี้ก็ชัดเจนว่าแพ้ราบคาบ ก็คนในสายตาเขาอยู่สูงขนาดนั้น... เรามันสูงไม่ถึงไหล่เขาด้วยซ้ำ
“มึงไม่รอประกาศผลเหรอ” ลืมไป...
ถ้าไม่ติดว่าถูกสปอยล์มาว่ามีสิทธิ์หนึ่งในสามคงไม่รอจนจบงาน ร้อนมาก คนก็เยอะมาก รู้สึกเหมือนถูกแย่งอากาศหายใจ
“งั้นกลับเวทีเหอะ” อย่างน้อยตรงนั้นก็มีพัดลมตัวใหญ่ๆ บริการไว้สำหรับคนที่ขึ้นแสดง
แต่ขณะที่กำลังจะแหวกฝูงชนออกไปเรากลับได้ยินเสียงคุ้นหูตะโกนเรียกใครสักคน
“นาย... นาย”
อืม เสียงเพราะจริงๆ คงจะดีกว่าถ้าอยู่ในวงที่เล่นเข้าขากันมากกว่านี้
“เดี๋ยวดิ นาย”
เห็นว่าเรียนสถาปัตย์นี่นา คงไม่ค่อยมีเวลาซ้อมล่ะมั้ง เราเองก็เรียนเภสัช เรื่องเรียนหนักน่ะ เข้าใจเลย
“เจได”
“หือ?” เงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วมองคนข้างตัวที่ขัดจังหวะความคิด แต่กลับได้รับคำตอบเป็นการส่ายหัวพร้อมสีหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่ใช่กูก็เลยประหลาดใจ
ทบทวนอีกทีก็เอะใจว่าเสียงที่ได้ยินไม่ได้มาจากข้างตัว...
หมุนตัวกลับไปก็เห็นเจ้าหมีตัวใหญ่ยืนทำหน้าตกใจพอกัน
“ชื่อเจไดจริงด้วยว่ะ” พำพึมกับตัวเองพลางยิ้มขำ รอยยิ้มที่เราคิดว่าเขามีให้แค่คนนั้น
ใช่ เราเอง เราเจได
“ครับ?” ว่าแต่ เขามีอะไร
คนตัวโตเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าดุๆ ที่เคยกลัวดูผ่อนคลายกว่าตอนอยู่หลังเวที หรือนี่คือหน้าปกติ?
“ที่เล่นบนเวทีเมื่อกี้ โคตรดี”
“...” เป็นคำชมที่... ดูไม่น่าไว้ใจ
ไม่ใช่ไม่เคยถูกชม แต่เพราะเห็นชัดๆ ว่าคนตรงหน้ามีจุดประสงค์อะไรสักอย่างถึงได้โน้มหน้าเข้ามาซะใกล้ ยิ้มกว้างเกินไป สายตาแพรวพราว แถมยังยกมือลูบเคราตัวเองตอนที่เรานิ่ง เหมือนถูกจับได้
“ต้องการอะไร” พอเห็นความกระอักกระอ่วนจึงถาม ก่อนรู้ว่าคำพูดคำจามันห้วนเกิน เผลอถลึงตาใส่ด้วย ไม่แปลกที่คนตัวโตหน้าเจื่อนไป
แต่ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ทักษะการเข้าสังคมติดลบจนหาเพื่อนแทบไม่ได้
คนตัวโตกลับไปยืนเต็มความสูงขมวดคิ้วคล้ายลำบากที่จะพูด แต่พอถูกจ้องรอฟัง สุดท้ายเขาก็ถอนใจ
“เอาตรงๆ ป่ะ”
“...”
“กูชื่อเจดนะ”
“...”
“ชอบเจว่ะ อยากได้”
...ไม่ไหวอ่ะ หัวใจ...
--------------------------------------------------
แอบเอาโมเม้นต์เล็กๆ ของคู่เจดเจมาฝากค่ะ เป็นครั้งแรกที่เจอกัน ป๊ารุกหนักมาก 55555
แต่จากเรื่องหลักก็คงรู้ว่าจีบไปทำอะไร (แป่ว)
คิดว่าจะใส่คู่นี้ลงไปในเล่มด้วย เลยเอามาอัพให้อ่านเป็นตัวอย่างก่อนค่ะ ให้รู้ว่าฟีลมันตัดกับคู่หลักมากๆ จะได้ไม่ตกใจ เพราะความใสมีอยู่จริง 5555
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะได้เจอกันประมาณเดินพฤษภานะคะ เก็บไตไว้รอน้องพิชญ์กับพี่เตด้วยน้า
ฝาก #เกมท้ารัก ด้วยนะคะ
ป๊าน่ารักมาก 5555555555555