ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    <ลานเรื่องสั้น, 3> - เปลือยสวาททาสพรหมจรรย์

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่๑๒ ไม่เคยมีลูก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 78
      2
      28 มี.ค. 62

    เช้าวันต่อมา

    เป้ยรู้สึกได้ว่าตัวเองพูดจาแรงเกินไป

    เธอเป็นคนทำให้ลูกเกิดมาและก็เป็นคนเลี้ยงเพราะเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถเลี้ยงได้ดีกว่าสามี ก็ไม่อยากดูถูกหรอก แต่ดูผิดที่ไหน ตั้งแต่เลิกกัน เธอเลื่อนเงินเดือนตั้งมาก ต๊อดยังขายอุปกรณ์กีฬาเงินเดือนชนเดือน ฐานะแบบนั้นอย่าว่าแต่เลี้ยงครอบครัว เลี้ยงตัวเองยังใช่ว่าจะรอด

    แม้ปากจะบอกว่าเลิกกันดีตรงที่ต่างฝ่ายจะได้มีคนรักของตัวเองได้ แต่จนวันนี้ก็ยังไม่มีใคร เพราะผู้ชายรู้ว่าเธอมีลูกแล้วก็ถอยหมด บางคนไม่ถอยแต่ก็ชัดเจนว่าไม่ได้เป็นคนดี การหาสามีใหม่เข้ามารังแกลูกตัวเองเป็นเรื่องโง่เขลา อาจไม่ต้องรักเสมอลูกตัว แต่ก็ควรมีจิตใจเมตตาอยู่บ้าง

    นึกถึงหยดน้ำตาก็อดสงสารไม่ได้ เธอลุกขึ้นเข้าครัว ตั้งใจว่าจะทำอาหารให้ลูกกิน ข้าวผัดไส้กรอกฝีมือแม่ กับไข่ดาวสักฟอง เทน้ำส้มคั้นให้ ขนมหลายชิ้น พูดจาดีกับลูกหน่อยที่ทะเลาะกันไปก็น่าจะคลายลง พอทำกับข้าวเสร็จก็ไปวางบนโต๊ะอาหาร เคาะประตูห้องเรียกอยู่หลายคำ

    “ข้าวปั้น มากินเข้ากัน”

    ไม่มีเสียงตอบรับ

    เธอเริ่มใจคอไม่ดี พักหลังมีข่าวเด็กฆ่าตัวตายบ่อย บางคนมีปัญหากับครอบครัวหรือเพื่อนที่โรงเรียน หญิงสาวไม่เข้าใจว่าในวัยเด็กแบบนั้นมีอะไรให้เครียดมากมาย เงินทองก็ไม่ต้องหา แค่ไปเรียนหนังสือจะยากอะไร เพื่อนแกล้งกันบ้างเดี๋ยวก็ผ่านไป คงไม่เกลียดชังแบบคนโต

    แต่ความห่วงมีมากกว่า เป้ยรีบเปิดประตูเข้าไป

    สิ่งที่เธอเห็นคือความว่างเปล่า

    “ข้าวปั้น”

    ห้องของข้าวปั้นเป็นห้องไม่ใหญ่นัก มีเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ กับของเล่นนิดหน่อย ในเมื่อเด็กชายไม่อยู่บนเตียง ก็ต้องอยู่ในตู้เสื้อผ้า แต่เปิดตู้ก็ไม่เจอใคร ไม่เจอกระทั่งเสื้อผ้าของลูก เป้ยหันไปมองพื้นที่เคยมีของเล่นเกะกะน่ารำคาญ ก็ไม่มีของเล่นอีกสักชิ้นเช่นกัน

    เกิดอะไรขึ้น?

    โจร? ลักพาตัว? ฆ่าตัวตาย? หนีออกจากบ้าน?

    “แม่! เห็นลูกหนูไหม?”

    หญิงสาวแทบสติแตก เด็กตัวแค่นั้นจะแบกข้าวของหนีออกเองได้หรือ อย่างมากก็คงหยิบไปได้แค่กระเป๋าสะพายสักใบ ไม่ใช่เสื้อผ้าทุกชุดหรือของเล่นทุกชิ้น แต่ก็ไม่มีร่องรอยก็บุกรุก หญิงสาววิ่งไปทั้งบ้าน แต่ในห้องน้ำห้องนั่งเล่นก็ไม่มีแม้แต่เงาของข้าวปั้น เธอกำลังจะออกนอกบ้านก็เจอแม่สวนเข้ามา

    “เป็นอะไรเป้ย?”

    “ข้าวปั้นหาย”

    “ลูกซื้อซูชิมาเหรอ?”

    “ไม่ใช่ ข้าวปั้นที่เป็นลูกหนูไงแม่”

    “เป้ยละเมอเหรอ? เป้ยไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไร?” หญิงชราหัวเราะในลำคอกับท่าทีร้อนใจของเป้ย ไม่มีความกังวลกับการที่หลานตัวเองหายไปแต่อย่างใด เป้ยแทบจะกรีดร้องใส่ เพราะการหายตัวไปของลูกทั้งคนไม่ใช่เรื่องตลก การที่อีกฝ่ายขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจคำว่าข้าวปั้นก็ชวนหงุดหงิด

    “หนูไม่ตลกนะ”

    “นี่ฝันไปหรือเปล่า? หรือไม่สบาย?”

    “แม่! ลูกหนูชื่อข้าวปั้นหาย!

    “คุยอะไรกันเนี่ย?” ชายชราผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาบ้าง ไม่มีใครแสดงความรู้สึกอะไรทั้งที่คนที่หายไปเป็นหลานในไส้ ตรงข้ามยังยิ้มกันได้เหมือนเป็นเรื่องตลก ปกติทั้งคู่ก็เป็นตายายที่รักหลาน ไม่น่าจะแสดงท่าทางไร้ความรู้สึกแบบที่เป็น เป้ยกำหมัดแน่น ไม่เข้าใจว่าพ่อแม่เล่นอะไรอยู่

    “ก็เป้ยนะสิคะ บอกว่าลูกหาย เราไปมีหลานกันตั้งแต่เมื่อไร?”

    “ฝันล่ะมั้ง”

    “หนูไม่ได้ฝัน พ่อกับแม่เป็นอะไรกัน? จำหลานไม่ได้เหรอ?”

    “ก็พ่อกับแม่ไม่เคยมีหลาน”

    “มันจะเป็นไปได้ยังไง? ในเมื่อ...”

    หันไปมองรอบข้าง ก็ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของข้าวปั้นอยู่แม้แต่ชิ้นเดียว ที่ทำให้เธอแทบเป็นลมคือรูปครอบครัวที่แขวนอยู่ กลับมี เธอ แม่ของเธอ พ่อของเธอ ตำแหน่งที่เคยเป็นลูกชายกลายเป็นความว่างเปล่า ไม่มีอะไรที่แสดงว่ามีลูกเธออยู่ ไม่ใช่แค่รูปเดียว แต่ทุกรูป ลูกก็หายไปหมด

    ลูกเธอหายจากโลกนี้จริงหรือ?

    “ไม่จริง...”

    หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทุกอย่างก็คงอยู่ ยกเว้นอะไรที่เกี่ยวกับลูก กระทั่งรูปที่เธอถ่ายตัวเองและติดหุ่นยนต์ ก็ยังไม่มีหุ่นยนต์ เธอเริ่มสับสน กดหาเพื่อนทีละคนถามเกี่ยวกับลูกก็ปรากฏว่าไม่มีใครรู้จักเด็กชายที่ชื่อข้าวปั้น แม้จะเป็นเพื่อนสนิทที่เคยไปกินข้าวด้วยกัน ก็ไม่มีใครรู้จัก

    “โอ๊ย อีเป้ย นี่แกไปโดนตัวไหน?”

    บางคนหัวเราะกลับมา เป็นเชิงว่าเธอบ้า

    “สวัสดีค่ะ คุณครูห้องประถมสามทับห้าหรือเปล่าคะ?”

    “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่า...”

    “ข้าวปั้นหายตัวไปค่ะ”

    “ข้าวปั้น? นักเรียนห้องนี้ไม่มีใครชื่อข้าวปั้นนะคะ!” ครูประจำชั้นยืนยันเสียงหนักแน่น ครั้นเธอพยายามเซ้าซี้ก็มีไปถามครูคนอื่นบ้างว่ารู้จักข้าวปั้นหรือไม่ แน่นอนว่าทั้งโรงเรียนก็ไม่มีใครรู้จัก เพื่อนสนิทที่โรงเรียนของข้าวปั้นก็ยืนยันว่าไม่เคยมีเพื่อนชื่อนี้มาก่อน เซ้าซี้มากก็โดนตัดสายทิ้ง

    บ้าไปแล้ว ลูกเธอจะหายได้อย่างไร

    เด็กหายธรรมดาน่ากลัวแล้ว แต่ก็ยังอยู่บนความเป็นไปได้ของโลก ทว่าการหายไปของลูกเธอ คือหายไปเหมือนไม่เคยมีเขาเกิดมา เพราะตรวจสอบไปทางโรงพยาบาลที่ทำคลอด หมอก็บอกเป็นเสียงเดียวว่าไม่เคยมีประวัติการคลอดหรือการรักษาอะไรของข้าวปั้นแม้แต่ครั้งเดียว

    ถ้าจะโดนแกล้ง แค่พ่อแม่เพื่อนสนิทยังพอว่า

    แต่ทุกคน เป็นไปได้เหรอ?

    ......................................................................................................................................................

    อย่างน้อยพ่อของลูกก็น่าจะจำได้

    “สวัสดีครับ ว่าไงข้าวปั้น?”

    “ต๊อด...”

    “เอ้า เป้ยเหรอ?” เสียงของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าคนที่โทรศัพท์มาไม่ใช่ลูกชายของเขา แต่เป็นภรรยาเก่าที่ปกติแทบจะไม่คุยกัน เจอหน้าถ้าไม่เชิดก็ต้องเหน็บอะไรเกี่ยวกับความไม่เอาไหน ซึ่งเขาก็ไม่ชอบให้เธอตำหนิแต่ก็พยายามทำหูทวนลมจะได้ไม่รำคาญมาก “มีอะไรหรือเปล่า?”

    “ข้าวปั้นหาย”

    “ห้ะ?”

    “ทำไงดี?”

    “แน่ใจนะ หายที่ไหน? เมื่อไร? คุณแจ้งตำรวจหรือยัง?” ต๊อดตั้งสติแม้จะอึ้งไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นคนไร้สาระหรือไม่ค่อยได้เรื่องอย่างไร แต่เขาก็รักเลือดเนื้อเชื้อไขตามธรรมชาติของเขา แน่นอนว่ามันคือธรรมชาติของคนขี้เกียจ ไม่มีความกระตือรือร้น หรือเป้าหมายในชีวิตให้ปวดหัว

    “แจ้งไม่ได้”

    “ทำไม?”

    “ตอนนี้ไม่มีใครรู้จักข้าวปั้น”

    ในความทุกข์ เป้ยยังมีความหวัง พ่อของลูกยังจำได้ เธอไม่ได้บ้าหรือคิดไปเองว่าเคยมี

    “ผมไม่เข้าใจ คุณพูดอะไรของคุณเนี่ย?”

    “ฟังนะ ข้าวปั้นหายไปเมื่อเช้า หายไปทั้งตัว ทั้งเสื้อผ้า ของเล่น รูปถ่ายที่เคยถ่ายด้วยกัน ตำแหน่งที่เคยมีเด็กชายก็ไม่มี กลายเป็นความว่างเปล่า ฉันถามพ่อแม่ คนข้างบ้าน ครูที่โรงเรียน เพื่อนในห้อง หมอที่ทำคลอด ก็ไม่มีใครรู้จักข้าวปั้น ฉันจะหาหลักฐานยืนยันตัวก็ไม่มี เหมือนกับว่า...”

    “โลกนี้ไม่เคยมีข้าวปั้นมาก่อน”

    “คุณรู้แล้วเหรอ?”

    “คุณเข้าไปเปิดรูปโปรไฟล์ผมสิ”

    แม้แต่รูปที่ลงในโลกอินเทอร์เน็ต เดิมเป็นรูปต๊อดนอนคู่กับลูก โดยเด็กชายหยิบขนมเข้าปาก กินกันเละเทะไปหมด กลายเป็นรูปที่ต๊อดนอนอยู่คนเดียว แต่มีขนมอยู่ในปาก ถ้าเป็นฝีมือการแต่งภาพ ก็คงต้องฝีมือเยี่ยมมาก เพราะแสงเงาถูกลบหายไปหมด เป็นเหมือนกันทุกรูป

    “มันเกิดอะไรขึ้น? คุณไม่ได้แกล้งผมนะ?”

    “ฉันไม่ได้แกล้ง”

    “ไม่มีใครแกล้งเรานะ?”

    “ไม่มี ใครมันจะมีปัญญาไล่ลบทุกรูปที่เคยถ่ายด้วยกัน ย้ายของออกจากบ้านทุกชิ้น ลบความทรงจำทุกคนที่เกี่ยวข้องยกเว้นเรา ลบยันทะเบียนบ้าน ฉันไปเปิดมาเมื่อกี้ก็ไม่มีชื่อลูกด้วย มันจะมีปัญญาปลอมรูปยันปลอมเอกสารราชการเหรอ? มันปลอมตัวเป็นญาติพี่น้องเราด้วยเหรอ?”

    “เดี๋ยวก่อนนะ”

    ชายหนุ่มมองไปที่กล่องของเล่น ทุกอย่างก็หายไปไม่เว้นแต่ถุงขนมมันฝรั่ง

    “นี่เราเป็นบ้าหรือมันเกิดอะไรขึ้น? เราบ้ากันสองคนว่าเคยมีลูกด้วยกันเหรอ? เรายังมีชีวิตอยู่ไหม? อยู่บนโลกใบเดิมไหม? หรือเราย้อนอดีต? อยู่บนโลกคู่ขนาน? เราต้องทำยังไง? ข้าวปั้นไปอยู่ไหน? เราต้องทำยังไงที่จะพาเขากลับมา? หรือจะให้ไปอยู่กับข้าวปั้นที่ไหนก็ได้ฉันยอม!”

    พูดเท่านั้นก็ปล่อยโฮดังลั่น 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×