ตอนที่ 2 : BABY ❤ {01} เห็นหมี. (100%)
“ไอ้แค!” ฉันสะดุ้งเฮือกทันทีที่ได้ยินเสียงของ ‘ปูน’ เพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังชะโงกหน้าออกมาเรียกฉันจากกระจกรถฝั่งคนขับ “เป็นไรวะ?”
“อะ อ๋อ เปล่า”
“งั้นก็มาขึ้นรถก่อนที่ณิชามันจะไปกินหัวกิ๊กไอ้ตังค์”ฉันพยักหน้าหงึกๆก่อนจะส่ายหัวไล่ภาพเด็กประหลาดที่เห็นเมื่อกี้ออกไป
ตาฝาด
เมื่อกี้ฉันตาฝาดแน่ๆ
ปูนเยียบคันเร่งจนมิดเพราะกำลังหัวร้อนแทนเพื่อน เป็นผลให้รถพุ่งมาถึงคณะวิศวะในมหา’ลัยจีเนียสที่ฉันเรียนอยู่ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที
Genius University 08.11 น.
และทันทีที่มาถึงไอ้ปูนก็กระโดดลงรถอย่างไว พอๆกับณิชาที่พอเห็นรถของปูนจอดปุ๊บก็กระโจนออกจากพุ่มไม้แล้ววิ่งเข้ามาหาพวกฉันปั๊บ
“พวกมึง TT”ณิชาวิ่งเข้ามาเกาะแขนฉันพลางเขย่าไปมาพร้อมเบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จนไอ้ปูนต้องทำหน้าตึงขึ้นมาอีกรอบ
“มึงใจเย็นๆณิชา”
“ไม่เย็น เย็นไม่ไหวแล้วแค ปูน”
“ไหน ตังค์ตังค์กับผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน?” ณิชาชี้นิ้วไปทางม้านั่งหน้าตึกคณะที่มีน้องตังค์ตังค์แฟนไอ้ณิชานั่งคุยอยู่กับผู้หญิงอีกคนบนโต๊ะ ฉันเลยจูงมือเพื่อนซี้เพื่อจะพาเดินไปเคลียร์กับแฟนมันให้รู้เรื่อง แต่เหมือนช้าไป
เพราะรู้ตัวอีกที ไอ้ปูนก็เข้าถึงตัวสองคนนั้นไปแล้ว มิหนำซ้ำยังผลักน้องตังค์ตังค์จนอีกฝ่ายแทบเซ เห็นแบบนั้นพวกฉันเลยรีบวิ่งเข้าไปห้ามไอ้ปูนไว้
“มึงใจเย็นดิวะไอ้ปูน”
“ยังต้องเย็นอะไรอีกวะ มึงไม่เห็นที่มันทำกับเพื่อนเราหรอแค? ไม่รู้ล่ะ ถ้าวันนี้กูไม่ได้ตั๊นหน้ามัน อย่ามาเรียกกูว่าไอ้ปูน”
“นี่มันอะไรกันอ่ะพี่ณิชา”ตังค์ทำหน้างงก่อนจะหันไปขอคำตอบจากแฟนตัวเอง ณิชามองคนถามสลับกับน้องผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ที่ยิ่งมองใกล้ๆยิ่งสวย ตัวเล็กๆขาวๆ แต่แปลกหน่อยก็ตรงที่ตัดผมสั้นจนเหมือนผู้ชาย
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?” ณิชาชี้หน้าน้องคนที่ว่าแล้วถามแฟนตัวเองเสียงแข็ง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาดันเป็นหน้างงๆของอีกฝ่ายแทน
“ผู้หญิง?” ตังค์ทวนคำถามซ้ำอีกครั้งเหมือนยังไม่เชื่อหูตัวเอง “พี่หมายถึงอันดาหรอ?”
“อ๋อ มันชื่ออันดาใช่มั้ย” ณิชาเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปที่น้องผู้หญิงคนนั้นแทน “หน้าตาก็ดี หาแฟนเองไม่เป็นหรอคะน้อง?”
“เข้าใจผิดไปใหญ่แล้วพี่ณิชา”ตังค์ตังค์พยายามจะเข้ามาห้ามแต่ดันทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
“นี่ตังค์ปกป้องมันหรอ?”
“พี่ณิชา!” ความอดทนของไอ้ปูนหมดลงทันทีที่ตังค์ตังค์ขึ้นเสียงใส่ณิชา แถมยังทำเหมือนจะปกป้องเด็กนั่นอีก หมัดหลุนๆของเพื่อนฉันเลยพุ่งเข้าปะทะหน้าตังค์ตังค์ทันที
แต่ติดที่น้องอันดาอะไรนั่นดันเข้ามาห้ามซะก่อน
เลยโดนลูกหลงซะเอง...
ปั้ก!
“โอ้ย!”
เสียง? เสียงของอันดา
ทำไมเสียงของอันดาถึง...
“อันดา!” ตังค์รีบเข้าไปช่วยพยุงอันดาทันทีแต่ก็ดูเหมือนว่าร่างเล็กยังคงมึนๆอยู่เพราะหมัดไอ้ปูนมันโคตรหนักเลยยังลุกขึ้นไม่ไหว
“ตังค์!” เลยเป็นผลให้ณิชายิ่งไม่สบอารมณ์หนักกว่าเดิม ไม่เหมือนไอ้ปูนที่ตอนนี้มันยังเอาแต่ยืนอึ้งเพราะตัวเองเพิ่งทำร้ายร่างกายผู้หญิงไป
“พอเถอะพี่ มันไม่ใช่แบบนั้น!” เสียงทุ้มต่ำตะโกนขัดขึ้นทำให้พวกฉันสามคนถึงกับตกใจจนตาเหลือกตามๆกัน
เพราะเสียงของอันดามันเป็นเสียงของ...
“ผมเป็นผู้ชายพี่!”
เสียงของผู้ชาย!
พอทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ฉันเลยบังคับให้ไอ้ปูนพาน้องไปทำแผลที่ห้องพยาบาล ส่วนสองคนนั้นก็ให้แยกไปคุยกันให้รู้เรื่อง แต่บอกได้คำเดียวเลยว่างานช้าง เพราะดูจากหน้าน้องตังค์แล้ว คงจะโกรธไอ้ณิชามันมากอยู่ ก็เล่นไม่เชื่อใจ ไปโวยวายไม่ฟังมันอธิบาย แถมเพื่อนตัวเองยังไปต่อยเพื่อนน้องอีก
ไม่โกรธก็ให้มันรู้ไปสิ
ฉันกับปูนพาอันดามาส่งที่ห้องพยาบาล ทำแผลเสร็จน้องถึงได้เล่าให้ฟังว่า น้องเป็นผู้ชายแท้ๆ แมนร้อยเปอร์เซ็นต์ แค่หน้าตาดันสวยจนเหมือนผู้หญิง และที่สำคัญอันดาเป็นเพื่อนสนิทกับตังค์ตังค์ ไม่ได้มีอะไรกว่านั้นแน่นอน
ฝ่ายปูนเองก็เอาแต่ยืนทำหน้าเครียด คงเพราะรู้สึกผิดที่เข้าใจผิดแล้วต่อยน้องจนเลือดกลบปาก ไอ้ปูนมันก็เป็นซะแบบนี้ เป็นประเภทที่หัวร้อนแล้วลุยเลยโดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้นมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ต่างกับณิชา รายนั้นก็ขี้วีน อารมณ์ขึ้นๆลงๆจนเหมือนมนุษย์ป้าเข้าไปทุกทีแล้วเหมือนกัน ฉันเองก็อารมณ์ร้อนพอๆกัน แต่แค่ไม่โวยวาย ไม่หุนหันพลันแล่นเท่าสองคนนั้นก็เท่านั้น
แต่จะโทษไอ้ปูนคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะต่อให้ใครมาเห็นภาพนั้น เป็นใครก็ต้องคิดว่าตังค์กับอันดาเป็นแฟนกันอยู่แล้ว ก็ดูน้องอันดาอะไรนี่สิ เล่นสวยอย่างกับผู้หญิง ยิ้มทีนี่ผู้ชายหน้าไหนมาเห็นก็ต้องละลายเถอะ แถมชื่อก็ยังเหมือนผู้หญิงอีก ไม่เข้าใจผิดก็บ้าแล้ว
“เป็นไงล่ะ หน้าแหกเลยมั้ยล่ะมึง” ฉันหันไปถามเพื่อนรักที่ตอนนี้กำลังยืนทำหน้าเจื่อนมองพี่พยาบาลทำแผลให้น้องอันดาอยู่
“ก็ใครจะไปรู้วะ ก็หน้าแม่งหวานขนาดนั้น”
พลั่ก!
“อันดา!” จู่ๆผู้ชายร่างสูงโปร่งที่ใส่เสื้อช็อปสีเดียวกันกับอันดาและตังค์ตังค์ก็ผลักประตูกระจกของห้องพยาบาลเข้ามาอย่างถือวิสาสะจนทุกคนในห้องต้องหันไปมองเป็นตาเดียว
“เกิดอะไรขึ้น?” ขายาวๆของเขาวิ่งผ่านฉันกับไอ้ปูนไปหยุดอยู่ข้างเตียงที่อันดานั่งอยู่ ดวงตาเรียวเล็กมองสำรวจแผลที่มุมปากของคนบนเตียงด้วยความเป็นห่วงจนคิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันแน่น ส่งผลให้ไอ้ปูนยืนเสียวสันหลังวาบๆเพราะกลัวไอ้ตี๋นี่จะมาเอาคืนแทนเพื่อน
ก๊อกๆ
ฉันหันขวับไปมองต้นเสียงเพราะนึกว่าณิชามันมาเคาะประตู แต่เปล่าเลย เพราะทันทีที่ฉันหันไป ก็เจอไอ้เด็กผีเมื่อเช้ายืนเกาะหนึบเป็นจิ้งจกอยู่ที่ประตูกระจก
“เป็นไรวะ?” ฉันเผลอสูดหายใจเฮือกใหญ่จนไอ้ปูนได้ยินแล้วหันมาทำหน้างงใส่ฉัน “มึงกลัวไอ้ตี๋นั่นเหมือนกูใช่ป่ะ?”
“ปูน” ฉันเรียกชื่อมันเสียงสั่นจนคนถูกเรียกยิ่งทำหน้างงเข้าไปใหญ่ “มึงเห็นอะไรที่ประตูมั้ยวะ?”
“อะไรอ่ะ” ปูนมองตามฉันแต่ก็ไม่พบอะไร “ไม่นะ ทำไมวะ?”
“มึงดูดีๆก่อนปูน”
“ก็บอกว่าไม่มีไง อะไรของมึงเนี่ย”
“เดี๋ยวกูมา”
“เฮ้ย เดี๋ยวดิไอ้แค!” ฉันเดินลุยออกมานอกห้องพยาบาลคนเดียวเพราะรำคาญใจเต็มทนที่ไอ้เด็กบ้านี่มันตามราวีฉันไม่เลิก
เอาวะ
ผีก็ผีเถอะ!
“ป้า” ประโยคแรกที่เด็กนั่นเอ่ยทักทายฉันยังคงน่าตบเหมือนเดิม
“แกเป็นใคร ตามฉันมาทำไม?” เด็กนั่นอ้าปากหวอแต่ก็หาสนใจฉันไม่ นิ้วมือป้อมๆนั่นจิ้มลงบนประตูกระจกราวกับจะชี้ไปที่คนในห้องนั่น
“หมีหนู”
“หะ?” ฉันมองตามนิ้วโปร่งแสงนั่นไปจนเห็นว่ามีตุ๊กตาหมีอยู่จริงๆ เป็นตุ๊กตาหมีสีขาวล้วนตัวขนาดประมาณฝ่ามือถูกทำเป็นพวงกุญแจห้อยลงมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์สีเข้มของไอ้ตี๋คนที่มาใหม่เมื่อกี้
“หนูเห็นหมีหนู ป้าเห็นหมีมั้ย?”
“นี่! ฉันไม่ตลกนะ!” ฉันใช้แขนตัวเองดึงต้นแขนทั้งสองข้างของเด็กนั่นเพื่อให้มันหันหน้ามาคุยกันดีๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าฉันโดนตัวมันได้ยังไงเหมือนกัน และเหมือนฉันจะเผลอดึงแรงไปเพราะพอเด็กนั่นหันมาก็แหกปากร้องไห้ดังลั่นแถมยังกรี๊ดแว้ดๆใส่จนหูฉันแทบแตก
“แง้งงงงงงง ป้าใจร้าย ป้าเป็นนางยักษ์ นังผีเสื้อสมุทร แงงงงงง”
“อ่ะ อีนี่!” ฉันเผลอลืมตัวง้างมือขึ้นเพื่อเตรียมจะตบ แต่มานึกได้ก่อนว่านี่มันเด็กเลยรีบหดมือลงอย่างไวแล้วเอาไปอุดหูแทน
“แงงงงงง”
“โอเคๆ หยุดร้องก่อน”
“แงงงงงง”
“นี่!!” พอฉันขึ้นเสียง เด็กบ้านั่นก็ถึงกับสะอึกแล้วหยุดร้องเพราะตกใจเสียงฉันทันที นี่ดีนะที่แถวนี้ไม่ค่อยมีคน ไม่งั้นคงมีคนหาว่าฉันเป็นบ้าแน่ๆ ก็เล่นมายืนคุยกับประตูห้องพยาบาลอยู่ได้อ่ะ
“ฮึก”
“ถ้าได้ตุ๊กตาตัวนั้นแล้วจะเลิกตามฉันมั้ย?” เด็กนั่นไม่ตอบอะไร ทำเพียงสูดน้ำมูกดังฟืดแล้วพยักหน้าหงึกๆ ฉันเลยต้องจำใจเดินหน้าด้านเข้าไปขอตุ๊กตาให้ไอ้เด็กประหลาดนี่เพื่อที่มันจะได้เลิกวุ่นวายกับฉันสักที “งั้นรอตรงนี้ เดี๋ยวฉันไปขอมาให้”
“งับ ;-; ”
ฉันสูดหายใจเข้าเต็มปอด เข้ามายืนตั้งหลักข้างๆไอ้ปูน ก่อนจะสลัดยางอายที่ไม่ค่อยจะมีทิ้งเพื่อจะเข้าไปขอตุ๊กตาจากคนที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ
“มึง หรือไอ้ตี๋นี่จะเป็นแฟนน้องเขาวะ?” ไอ้ปูนทำหน้าเจื่อน
“บ้า เขาผู้ชายทั้งคู่”
“ผู้ชายก็เป็นแฟนกันได้”
“นี่มึงกลัวหรอ?”
“เออดิ นี่ถ้ามันเป็นแฟนกัน มันจะไม่มาต่อยกูหรอวะ เล่นไปทำแฟนเขาเลือดกลบปากขนาดนั้น”
“หมดกัน เสียชื่อพี่ปูนนักเลงมือหนึ่งของคณะวิศวะหมด”
“มึงแหกตาเบิ่ง กูตัวเล็กกว่ามัน จะสู้ไงไหววะ?”
“เออเดี๋ยวลองคุยกันก่อน มันอาจจะไม่ใช่แบบที่มึงคิดก็ได้”
“พี่ใช่ป่ะที่ต่อยเพื่อนผม?” แต่รู้ตัวอีกที ไอ้เด็กหน้าตี๋นั่นก็มาอยู่ตรงหน้าฉันตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ คิ้วเขายังคงผูกกันเป็นปม ดวงตาตี่ๆชั้นเดียวยังคงมองหน้าฉันอย่างไม่สบอารมณ์
โกรธขนาดนี้...ฉันก็เริ่มคิดเหมือนไอ้ปูนแล้วนะ
ว่าไอ้น้องหน้าตี๋คนนี้เป็นแฟนน้องอันดาหรือเปล่าวะ?
“มัน” และตามสัญชาติญาณในการเอาตัวรอด ฉันเลยยกมือขึ้นชี้ไปที่ไอ้ปูนทันที
“ไอ้แค!” มันเลยหันมามองแรงใส่ ฉันเลยทำได้เพียงส่งยิ้มแหยๆกลับไป
เพื่อนปูน เพื่อนแคซอรี่มากๆนะ TT
“ช่างมันเถอะแอล แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยอ่ะ” พอทำแผลเสร็จ น้องอันดาก็ลงมาจากเตียงแล้วหยุดยืนทำหน้าตาน่ากลัวใส่ไอ้ปูนอีกคน “อย่าไปสนใจคนแบบนี้เลย ดีแต่ใช้กำลัง แถมขอโทษสักคำยังไม่มี”
เป็นไง จุกมั้ยล่ะมึง -_-
“อืม” ไอ้ตี๋แอลนั่นเลยตอบรับไปนิ่งๆ
“ขะ ขอโทษ” พอไอ้ปูนพูดจบ สองคนนั้นก็เดินสวนพวกฉันออกไป
“เป็นไงมั่งวะปูน” ไอ้ปูนนิ่งจนตัวแข็งทื่อ นี่ไม่ใช่ว่ากลัวจนช็อคตายไปแล้วนะ ฉันยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคนเลือดร้อนอย่างไอ้ปูนไม่ตอกกลับตอนน้องอันดาว่ามัน แล้วไหนจะไอ้บทยอมขอโทษง่ายๆนั่นอีก เพราะปกติคนฟอร์มจัดอย่างไอ้ปูนมันยอมขอโทษใครง่ายๆที่ไหน
“มึง กูว่าน้องเขาไม่ใช่ผู้ชาย”
“เอ้า อะไรของมึงอีก”
“ก็เมื่อกี้ตอนอันดามาใกล้ๆกู หน้าน้องสวยมากเลยนะมึง แล้วผู้ชายบ้าอะไรจะสวยขนาดนั้น”
“มึงนี่อาการหนักแล้วนะไอ้ปูน เสียงน้องเขาแมนขนาดนั้นจะเป็นผู้หญิงได้ไง?”
ก๊อกๆ
ฉันหันไปมองตามเสียงจนทำให้นึกออกว่าฉันลืมขอตุ๊กตาให้ไอ้เด็กนั่นไปซะสนิท ว่าแล้วก็เลยรีบเหาะตามสองคนนั้นไปอย่างไว
“เดี๋ยวกูมานะไอ้ปูน!”
“อะ อ้าว ไปไหนอ่ะ”
“นี่นาย” แอลกับอันดาหยุดกึกทั้งคู่ก่อนจะหันกลับมามองหน้าฉันงงๆ
“ว่าไงครับ?”
“คือ..ตุ๊กตา”
“หืม?” เพราะโดนไอ้ตี๋นี่จ้องไม่วางตาเลยเป็นผลให้ฉันเกร็งจนพูดผิดๆถูกๆ
“ตะ ตุ๊กตาตัวนั้นน่ะ ฉันขอได้มั้ย?”
“หะ? พี่จำได้แล้วหรอพี่แค?” แอลทำหน้าตกใจจนตาตี่ๆนั่นโตเท่าไข่ห่านแต่ก็เปลี่ยนเป็นโหมดปกติภายในเวลาไม่กี่วินาที
“เดี๋ยวๆ จำได้อะไร? แล้วรู้จักชื่อฉันด้วยหรอ?”
“อ๋อเปล่าครับ อยากได้ตุ๊กตาตัวนี้ใช่มั้ย?” ฉันพยักหน้าหงึกๆเพราะไม่รู้ว่าเขาจะหาว่าฉันบ้าหรือเปล่าที่จู่ๆก็มาขอของชาวบ้านเขาแบบนี้ “อ่ะ เอาไปดิ”
“หะ? ให้จริงอ่อ?”
“อือ” ว่าจบเด็กนั่นก็ดึงตุ๊กตานั่นออกจากพวงกุญแจรถก่อนจะยัดมันใส่มือฉัน และวินาทีที่มือเรียวสวยของเขาสัมผัสโดนมือฉัน ความรู้สึกแปลกๆก็แล่นเข้ามาทันที บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไร แต่ดันรู้สึกคุ้นๆแปลกๆ
“…”
“ผมไปนะ ...พี่แครอท”แอลยิ้มให้ฉันเบาๆจนเห็นลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้างก่อนที่เขาจะยกแขนไปคล้องคออันดาแล้วพากันเดินสวนฉันไป
“ป้า”
นี่ใช่มั้ยที่เขาเรียก...ความวัวยังไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก
และนี่คือความควายที่ฉันพูดถึง
ไอ้เด็กผียืนมองหน้าฉันตาแป๋วพลางกระตุกกระโปรงนักศึกษาฉันเบาๆก่อนจะแบมือให้พอเห็นว่าตุ๊กตาที่ว่านั่นมันอยู่ในมือฉันแล้ว
ฉันเลยส่งตุ๊กตาที่ว่านั่นไปให้ เพื่อให้เรื่องบ้าๆนี่มันจบลงสักที
“ทีนี้ก็เลิกตามฉันได้แล้ว เข้าใจมั้ยเด็กบ้า?” แต่ทันทีที่ตุ๊กตาหมีไปอยู่ในมือเด็กนั่น ร่างเล็กก็กระตุกแรงจนพาลให้ฉันตกใจไปด้วยก่อนที่ตุ๊กตานั่นจะหล่นลงพื้นแล้วกลิ้งหลุนๆมาหยุดที่เท้าฉันเหมือนเดิม
ก็แหงล่ะ~ เป็นผีจะมาเล่นตุ๊กตาได้ไง
“ป้า” เด็กนั่นหันขวับไปทางที่แอลกับอันดาเดินจากไป และทันทีที่เห็นหน้าแอลจากด้านข้าง ไอ้เด็กนี่ก็ทำหน้าเหวอเหมือนกับเพิ่งนึกอะไรออก
“คนนี้หน้าเหมือนพ่อหนูเลย”
#แครอท : แบบนี้ก็ได้หรอวะ?
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.มันเจะน่ารักกกก ><