ตอนที่ 9 : ตอน ผู้ชายคนนั้นชิดใกล้ 100%
ตุบบบบบ
หื้ม? ผมดึงเฮดโฟนออกจากหูข้างหนึ่งหลังจากได้ยินเสียงของหนักบางอย่างวางไว้บนโต๊ะ พบว่ามันคือเอกสารขนาดเอสี่หนาตั้งเป็นกองขนาดย่อม ชายรูปร่างคุ้นตาที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบเซน เส้นผมสีดำเข้มเป็นเอกลักษณ์ นัยน์ตาสีดำคมมองมาทางผมพร้อมกับถอดถอนลมหายใจ
“ โถ่เอ๊ยนึกว่าใครสะอีก....นี้อะไร ” ผมพูดพลางเอนกายลงพิงม้านั่งมุมหนึ่งของศาลากลางแถบหอแบล็ควูฟ ชาลหงายฝ่ามือจับหัวไหล่แล้วหมุนเล็กน้อยเพื่อคลายความเมื่อยล้า สายตาสีดำขลับเบนให้ผมทอดมองเอกสารปึกดังกล่าวพร้อมกับเอ่ย
“ ปึกบนคือรายชื่อนักกีฬาหอเราที่จะส่งลงแข่ง.....”
หมับ!
ผมเอี้ยวตัวดึงเอกสารสำคัญที่ต้องส่งตามกำหนดของโรงเรียนขึ้นมาอ่านแบบผ่านๆ
อื้อ....ตั้งแต่โคลด์ วอกเกอร์ขึ้นเป็น P4 เหมือนจะมีปัญหาภายในหลายๆอย่างแหะ นักกีฬาฝีมือดีที่อยู่เกรดสิบถึงเกรดสิบสองส่วนใหญ่จะถูกย้าย ไม่ก็ได้รับบาดเจ็บจนต้องถอนตัวจากหอไปเยอะเหมือนกัน หอเรดฟอกซ์กับกรีนเสน็คอาจจะไม่ได้เด่นเรื่องกีฬามากนัก แต่ที่เอาเรื่องด้านกีฬาก็มีเช่นกันนี้สิปัญหา
“ ปีนี้เหลือนักกีฬาที่ฝีมือเข้าตา....แค่นี้เองหรือเนี้ย? ” ผมวางเอกสารลงพร้อมกับมองชาล เจ้านั่นพยักหน้ารับก่อนจะยื่นรายชื่อของเด็กหอบลูอีเกลให้ผมลองเช็คความเรียบร้อยดู
“ ปีนี้นำร่องเรื่องเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างหอ เรื่องกีฬาประเภทแข่งเดี่ยวทางเราไม่มีปัญหาครับนายน้อย แต่ติดตรงที่.....” เสียงเจ้าชาลกำลังวรรคไปราวกับลำบากใจที่จะพูดออกมา ผมถอนหายใจก่อนจะพลิกรายชื่อพร้อมกับดูรูปถ่ายของเด็กหอที่เจ้าอีริกแนบมาในใบเอกสารสำหรับลงสมัคร
“ อ่า....ติดตรงประเภทที่ใช้แข่งเป็นคู่กับแข่งเป็นทีมนี้น่ะสิ งานช้างของเราเลยล่ะ” ผมพยักหน้าเชิงใช้ความคิด ถ้าดูจากรายละเอียดและรูปถ่ายล่ะก็ คงคัดและจับยัดลงแข่งได้แค่จากข้อมูลพื้นฐาน
“ จะให้เรียกตัวเด็กบลูอีเกลมาร่วมซ้อมเลยรึเปล่าครับ ” ชาลถามพร้อมกับรวบเอกสารทั้งหมดลงเป็นปึกให้เรียบร้อยอีกครั้ง
“ นั้นน่ะซิ เอาไงดี.... ” ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี จู่ๆก็มีเสียงตะโกนเรียกดังมาจากอีกฟากของสนามหญ้าที่อยู่ใกล้ๆ
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึ่ก
“ เฮ้!!!! คาร์ดอส!!!” เสียงเรียกจากเมมเบอร์หนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนดังขึ้น ทำให้เจ้าของชื่ออย่างผมเหลียวหลังหันไปมอง ราฟาเอลวิ่งกระหืดกระหอบพร้อบกับเกาะม้านั่งตรงศาลาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
“ มีอะไร....” ผมถาม
“ เด็กหอเราอยากรู้ว่ามึงจะลง...เห้ออออ.....แข่งอะไร เขาจะได้....จะได้ ” ท่าทางที่พูดติดๆขัดๆพร้อมกับหายใจเฮือกใหญ่ด้วยใบหน้าแดงกร่ำทำให้ผมชักจะปวดใจ
“ ทีหลังก็โทรศัพท์มาบอกก็ได้มั้งไอ้ราฟ มันจำเป็นต้องวิ่งลัดสนามมาให้เหนื่อยทำไม๊ ” ผมแซวพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ราฟเป็นผู้ชายหน่วยก้านดีอีกคน ติดตรงมันหล่อแบบแขกหน่อยๆ ผิวสีเข้มตัดกับผมสีน้ำตาลอ่อนของแม่งทำให้มันหล่อดิบชิบหาย
“ โอ๊ยเหนื่อย.....เออน่า!!! มึงตอบมาเหอะ...เห้ออออ....เขาจะได้เริ่มตั้งทีมฝึกและแบ่งโซนซ้อมของใครของมันกันสักที” เจ้าราฟ หรือ ราฟาเอลพูดพลางเท้าเอวมองด้วยนิ่งๆปนหอบเล็กน้อย ดูท่าทางแล้วคงต้องการคำตอบแบบ ณ บัดนาวสินะ นั้นสิ รีบๆตัดสินใจดีกว่า จวนจะถึงวันกีฬาสีแล้วด้วยจะได้มีเวลาทำอะไรอีกหลายๆอย่าง
“ กูลงแข่งดาบสากล ส่วนบาสเก็ตบอลจะมีมึง กู ไอ้กรีเซล และชาล....นาย-ต้อง-ลง-ด้วย ” ผมหันไปบอกด้วยประโยคคำสั่ง แหงล่ะ บาสเล่นเป็นทีม ฉะนั้นต้องยึดพวกตัวสูงๆกับฝีมือที่เข้าขากันง่ายไว้ก่อน
“ ได้ครับ....ไม่มีปัญหาอะไร” ไอ้ชาลมันสุภาพแบบนี้แค่กับผมคนเดียวเสมอ ทำเอาทุกคนไม่ค่อยกล้าขึ้น ขึ้นกูใส่มันสักเท่าไหร่ นึกว่ามันเป็นพวกหมาป่าที่แสนสุภาพชนในแบล็ควูฟ
“ แล้วบาสฯฝั่งพันธมิตรล่ะต้องผสมโรงลงสนามด้วยนี้....จะเอาใคร?” เออนั้นสิ เด็กบลูอีเกลมีใครแววสูงยาวเข่าดีมั้งนะ? ขณะที่ผมกำลังคิดจู่ๆหน้าของประธานหอบลูอีเกล เจ้าอีริกผมน้ำตาลเข้มสวมแว่นขี้เก๊กนั้นก็ลอยเข้าหัวมาสะได้!!
“ สูงยาวเข่าดีหอนั้นก็มีแต่ รุ่นพี่อีริก นะกูว่า” ผมหันไปมองไอ้ราฟตาขวางก่อนจะส่ายหัวโบกมือปฏิเสธ
“ โน โน โน แล้วก็ โน โว๊ย เรื่องนั้นมึงไปหาแววเด็กที่เข้าท่ามาให้ได้ก่อนเหอะค่อยมากัน...!” ใช่ๆ เรื่องที่ต้องส่งเด็กหอพันธมิตรลงกึ่งหรือครึ่งหนึ่งของสนามค่อยไว้ว่ากันทีหลัง ผมนึก
“ ได้ๆ! OK จะได้ไปบอกคนอื่นๆ กูไปล่ะ ” ผมมองไอ้ราฟที่ค่อยๆกึ่งวิ่งจ๊อกกิ้งจากไป ในขณะที่ไอ้ชาลที่รู้จักนิสัยผมดีที่สุดจะเอ่ยอะไรบางอย่างที่ไม่เข้าหูออกมา
“ นายกลัวเสียฟอร์มเท่ ๆในสนามเพราะต้องเล่นคู่กับศัตรูที่อาจจะเป็นมารหัวใจ หรือกลัวเสียใจที่ต้องเห็นพี่ฮันน่าเขายืนเชียร์รุ่นพี่อีริกล่ะครับ? ”
“ พูดมากไปแหละ...หุบปากไปเลย ” ผมหันไปตวาดก่อนจะกอดอกอย่างหัวเสีย แม่งพูดจี้ใจดำชิบหาย! โว๊ยจะอะไรยังไงก็ช่าง แต่ที่ไอ้ชาลพูดน่ะมันก็น่าคิด....พี่สาวคงจะถือป้ายไฟมาเชียร์ผมที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นานอยู่หรอก! โอ๊ยยยย ยังไงก็ไม่เอาโว๊ย ผมจะต้องโชว์ออฟในสนามให้หล่อบาดกระชากใจจนพี่แกจนต้องหวีดร้องออกมาให้ได้เลย!!! คอยดู๊!!!
คาบคณิต
ผมอ้าปากกว้างสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่พร้อมกับใช้มือข้างถนัดเท้าคางที่โต๊ะ อาการงัวเงียเริ่มกำเริบเนื่องจากต้องเรียนรายวิชานรกนี้เกือบทุกวัน โอ๊ยน่าเบื่อชะมัด ผมปรายตามองอย่างเหม่อลอยไปยังหน้าปัดนาฬิกาตัวใหญ่ที่ติดผนังอยู่บนกระดานไวท์บอร์ดของห้องสี่เหลี่ยมสุดกว้างขวาง อาจารย์ประจำวิชายังคงโหดเหี้ยมแต่งตัวเนี๊ยบเหมือนเคยๆ จะฟุบลงไปนอนให้มันรู้แล้วรู้รอด ก็คงไม่วายได้โดนเทศน์หลังเลิกคลาสอีกแน่ๆ สายตาผมที่กำลังซุกซนมองนู้นนี้โน่นก็พลันหันไปเห็นชายอีกคนที่จดตามอย่างเงียบๆ ไอ้ชาล ที่นั่งข้างๆดูตั้งใจเรียนกว่าผมจมเลยแหะ
“ นั่งดีๆครับ - นายน้อย ”มันหันส่งซิกให้ผมโดยที่ไม่ได้พูดออกเสียงออกมา ผมเลยพ่นลมหายใจออกจมูกอย่างเซ็งๆ เมื่อไหร่จะหมดคาบสักที เบื่อจะตายห่าอยู่แล้วไม่รู้ว่าจะมีใครเป็นแบบนี้เหมือนผมบ้างไหมเวลาเจอรายวิชาที่มีอะไรก็ไม่รู้ เอาว่ะ ฟังผ่านๆส่วนเรื่องนี้ค่อยให้ไอ้ชาลไปสอนนอกรอบ
ออดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ การบ้านส่งพรุ่งนี้นะ....เลิกคลาสได้” และแล้วรายวิชาสุดท้ายของวันก็จบลงสักที ผมลุกพรวดจากเก้าอี้ทันทีที่อาจารย์สั่งเลิกคลาสพร้อมกับการบ้าน หมดไปอีกวิชา...สงสัยเย็นวันนี้ก็ต้องไปวอร์มร่างกายให้พร้อมสำหรับงานกีฬาที่กำลังคืบคลานเข้ามาทุกทีสะแล้ว
“ เห้ย คาร์อย่าลืมประชุมภายใน วันนี้นะเว้ย!! ” เสียงของไอ้กรีเซลดังไล่หลังมา
“ เออ ” ผมตอบแบบลวกๆก่อนจะคว้าเป้ของตัวเอง พลางเอียงคอส่งซิกให้ชาลเดินตามหลังมาพร้อมกับบิดตัวไปซ้ายและขวาเพื่อยืดเส้นยืดสาย ผมล้วงหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาพร้อมกับเสียงเฮดโฟนเพื่อฟังเพลงของศิลปินคนโปรดอย่าง Charlie Puth
มีสาวๆที่เดินออกมาตามระเบียงทางเดินแหวกทางให้ บ้างก็ส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บ้างก็โบกไม้โบกมือ ผมปรายตามองอย่างผ่านเลย ไม่มีผู้หญิงคนไหนทำให้ผมสนใจได้สักคน พวกเธอได้แต่มองผมตาละห้อยที่การอ่อยในครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลอีกครา
ร่างโปร่งอีกคนที่เดินตามหลังมาพลันหันไปเห็นแผ่นหลังเล็กคุ้นตาของใครบางคน ทำให้เขายิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะตะโกนเรียกชายตรงหน้าที่เดินลิ่วไม่สนสิ่งรอบข้างให้หยุดฝีเท้าลง
“ นายน้อย....9 นาฬิกาครับ!!! 9 นาฬิกา ” เสียงทุ้มกึ่งตะโกนที่ดังลอดผ่านเฮดโฟนยี่ห้อดังเข้ามา ทำให้ผมหยุดฝีเท้าก่อนจะดึงสายออกจากหูข้างหนึ่ง คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงไล่สายตาไปตามทิศที่คนสนิทเอ่ย
“อะไรวะ....อ๊ะ!?”
ทันใดนั้นสายตาผมเบิกกว้างคล้ายกับใจถูกกระตุกไปที่เท้า เมื่อพบว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ที่ปลายทางเชื่อมระหว่างอาคารนั้นคือใคร!? เส้นผมสีดำสนิทที่ยาวไปถึงกลางหลังกำลังรวบตำราเข้าหาอกพร้อมกับเดินออกมาจากห้องเรียนชีวะ ทันใดนั้นสมองส่วนความจำของผมก็ลิสต์ลงไปบนรอยหยัก เมมเอาไว้เป็นไฟล์ใหญ่ๆเลยว่าเทอมนี้ทุกวันพฤ.หลังจากเรียนคณิตสุดโหด พี่สาวจะเรียนวิชาชีวะอยู่อีกฟากของตึก!!
เชี้ยยยยยยย ต่อไปนี้กูจะเดินมาทางนี้เพื่อเจอพี่สาวเขาทุกวันเล๊ย!!!
ผมหันไปตบบ่าไอ้ชาลที่ทำหน้าที่ของตนเองได้เป็นอย่างดีเยี่ยมพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาอย่างเก็บเอาไว้ไม่อยู่ เอาล่ะเว้ยยยยยย ตามสิครับรออะไร ไม่รงไม่รอพรหมอินทร์หน้าไหนให้มาสร้างด้ายแดงแห่งรัก หรือก่อบุพเพสันนิวาสเพื่อจะได้จ๊ะเอ๋แสนบังเอิ๊ญบังเอิญแบบในละครหลังข่าวเสียก่อนจะได้เข้าไปทักทายทำความสนิทชิดเชื้อทั้งนั้น ผมจะลิขิตชะตานี้ด้วยตัวผมเอง คุณน่าจะเคยได้ยินสำนวนที่ว่า ถ้าไม่ทักแล้วรักจะเกิดได้ไง และนั้นแหละคือสิ่งที่ผมยึดมั่นถือมั่นมาโดยตลอด
“ เดี๋ยว!! พี่สาว!!! ” ไม่เป็นผล เหมือนเธอจะไม่รู้ว่าผมตะโกนปาวๆนั้นหมายถึงเจ้าหล่อน ผู้คนที่เดินตามทางระเบียงของตึกวิทย์ต่างไล่สายตามองมาทางผมเป็นตาเดียวกัน!
“ รุ่นพี่!! พี่ฮันน่า!!!! ”ผมจ้ำอ้าวเดินตามลิ่วๆ บ้าเอ๊ย พี่เขาเดินกดลิฟต์ลงไปด้านล่างสะแล้ว
ชิบ!! ผมรัวปุ่มหวังให้มันขึ้นมารับเร็วๆ แต่แม่งไม่ทันใจเอาสะเลย ผมสบถเสียงในลำคออย่างหงุดหงิด! ก่อนจะวิ่งลงบันไดไล่ตามพี่สาวไปหมายจะไปให้ทันลิตฟ์ตัวใหญ่
ตึก ตึก ตึก ตึก!!!
เสียงรัวฝีเท้าที่ลดหลั่นลงไปตามขั้นบันไดเหมือนจะดังก้องค่อยๆห่างไกลตามความชันของชั้นอาคารเรียน เสียงกระหืดกระหอบของชายที่ไล่หลังมาติดๆดังขึ้นเมื่อเห็นนายน้อยวิ่งติดสปีดลงไปโดยไม่บอกกล่าว จะชะโงกหัวเรียกให้คอยกันบ้างก็ดูท่าจะไม่ทันสะแล้ว
“ โถ่เอ๊ย นายน้อย.....” ร่างสูงที่บ่นพรึมพรำอยู่ตรงขั้นบันไดกล่าวก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ ชายคนสนิทรู้เท่าทันความคิดของชายที่ตนเคารพเป็นอย่างดี คนที่เพิ่งจะมีรักแรกกำลังเบิ่งบานมักวิ่งเข้าใส่เป้าหมายท่าเดียวแบบนั้น นั้นเดาได้ไม่ยากว่าคิดจะทำการณ์ใดต่อเพื่อพิชิตใจสาวเจ้า แต่แล้วเสียงทุ้มแข็งกร้าวก็ดังขึ้นจากมาจากด้านข้าง
“ เฮ้ย ชาลจะไปพักเรอะ.....แล้วประธานไปไหน? ” เสียงเรียกถามอย่างสงสัยดังมาจากกลุ่มชายที่สวมชุดคาราเต้สีขาวผ้าคาดเอวสีดำทมิฬพร้อมกับสภาพที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยเหงื่อ ทำให้ชาลมีไอเดียที่สุดแสนบรรเจิด
“ รุ่นพี่มากับผมหน่อยได้ไหมครับ : ) ”
“ ??? ”
[ กลับมาที่ชั้นล่างสุดของตึกวิทย์ ]
โหย....เหนื่อยบรม ผมสบถในใจ
ถึงไม่เหนื่อยขนาดอ่อนเปี้ยเสียขา แต่ทว่าวิ่งจากชั้น 7 ลงมาชั้น 1นี้ก็เหนื่อยใช่ย่อยอยู่หรอกนะ แลซ้ายแลขวาก็เห็นแต่ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัยในช่วงพักเที่ยงของวัน อยู่ไหนนะ เดินไปไหนแล้วไวชะมัด ขณะนั้นเองผมก็เห็นแผ่นหลังไวๆของสาวเจ้าที่ตามหากำลังเดินเลียบอาคารหลบแสงแดดจ้าที่สาดส่องลงมา เพื่อมุ่งหน้าไปที่โรงอาหารส่วนกลางของโรงเรียน เอ๊ะ โน๊ตกับของที่แอบไปไว้ในล็อคเกอร์ ป่านนี้พี่แกจะเห็นรึยังวะ นี้ก็ผ่านมาหลายต่อหลายวันทำไมดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน? ไปเสวนาให้รู้เรื่องรู้ราวเลยดีกว่า เอาล่ะเว้ยตามครับตาม!! วันนี้ต้องเข้าไปมีส่วนในชีวิตพี่เขาให้ได้สักสองสามประโยคก็ยังดี!
ท่ามกลางเสียงที่เงียบสงบเพราะเป็นช่วงที่นักเรียนมอปลายเริ่มได้เวลาพักเที่ยง บรรยากาศจึงไม่โหวกเหวกเอะอะเหมือนกับเด็กมอต้น สาวเรือนเล็กก็เบนแว่นหนามองหาเพื่อสาวทั้งสองที่นัดแนะเอาไว้ แต่แล้วสายตาเจ้ากรรมก็หันไปเห็นสาวสองที่กำลังโบกมือด้วยทีท่าจริตจะก้านอยู่กลายๆพอดิบพอดี คนตัวเล็กเดินไปหาพลางวางตาในมือลงบนโต๊ะกว้างก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง
“ โหย แกจะหอบอะไรมาเยอะแยะวะถามจริงนังบ้า เอ้านี้บัตรแกเร็วๆยะ...หิวจะตายชัก” เสียงโอเว่นเหน็บก่อนจะยื่นบัตรอิเล็คทรอนิกส์ที่ใช้แทนเงินสดภายในโรงอาหารมาให้เพื่อนสาว
“ ขี้บ่นจริง...เอ้าเอาไป ” ฮันน่ากรอกตาก่อนจะหยิบตังค์ในกระเป๋าขึ้นมาแล้ววางให้โอเว่นเป็นการแลกเปลี่ยน
“ ป่ะฮันน่า….” เสียงนาเดียเอ่ยอย่างอ่อนหวาน ว่าแล้วเธอก็ควงแขนนาเดียเพื่อนสนิทหน้าหวานไปสั่งอาหารตามภาษา ก่อนจะตามคนตามวกกลับมานั่งประจำโต๊ะที่ได้จับจองพื้นที่เอาไว้ตั้งแต่ต้น
เมื่อกลับมานั่งประจำที่โต๊ะทั้งสามก็แลกเปลี่ยนหัวข้อประจำวันกันไปมาในวงสนทนา มีเสียงหัวเราะคิกคักไม่ดังจนน่าเกลียดเมื่อโอเว่นเอ่ยเล่าเรื่องตลกขบขันขึ้นมากลางวง เสียงหัวเราะรวนดังขึ้นเป็นระรอกสร้างความประทับใจให้กับคนตัวสูงที่ยืนมองอยู่ห่างๆ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอยิ้มที่มุมปากขึ้นมาพร้อมกับนัยน์ตาที่อ่อนโยนแค่ไหน รู้เพียงว่ารอยยิ้มของเด็กเนิร์ดตรงหน้าที่เอาแต่ปั้นหน้านิ่งเมื่อเจอเขานั้นยิ้มกว้างได้บาดจิตเพียงไร ก้อนเนื้อข้างซ้ายที่เต้นตึกตั่กอยู่ในนี้กำลังรัวราวกับกลองชุด แต่แล้วโลกแห่งวิมานก็พลันหุบม่านลงเมื่อพบว่าเสียงไอกระแฮ่มในลำคอที่ดังอยู่ด้านหลังราวกลับกำลังหยอกล้อใครบางคนอยู่
“ โอ้โหหหหหหหหห / วะวิอิอิ๊ววววววววววววววว / มดจะขึ้นตาแล้วครับท่านประธานนนนนนน ” เสียงโห่ร้องอยากชอบอกชอบใจที่ได้เห็นของดีตามที่ชายที่ร้องขอให้ตามมานั้นแสนคุ้มค่า ใครจะรู้ว่าประธานสุดสมาร์ท ดีกรีเป็นถึงลูกชายคนเดียวทายาทเจ้าของธุรกิจโรงแรมระดับสามดาวถึงห้าดาวกว่ายี่สิบสาขาทั่วโลกจะตกหลุมพรางลูกเป็ดน้ำหัวกะทิของบลูอีเกล ถ้าไม่เห็นกับตาก็คงไม่มีใครเชื่อ
“ ไอ้เชี้ย.....” แม่งเอ๊ย พวกรุ่นพี่แม่งมาตอนไหนวะ พอหันไปเห็นไอ้ชาลที่ยืนอยู่ด้านหลังของวงล้อมก็ถึงกับบางอ้อ
เสียงอุทานราวกลับกำลังสบถอย่างแก้ต่าง แต่เสียงกระเซ้าเย้าแหย่ของคนวงในทำให้ชายหนุ่มแค่นหัวเราะมองคนสนิทด้วยสายตาค้อนขวางอย่างคาดโทษ อยากจะปั้นหน้านิ่งแต่เสียงโห่แซวพร้อมกับกระแทกไหล่ไปมาราวกับคนรู้ทันของพวกรุ่นพี่ชมรมคาราเต้ก็ทำให้เขาหน้าขึ้นสี ใบหูเห่อแดงด้วยความเก้อเขิน
“ จะรอช้าอยู่ใยละขอรับท่านจ่าฝูงเข้าเลยสิขอรับบบบบบบ / วิ้วๆๆๆๆๆ ;p ” ผู้คนเริ่มหันเหมามองราวกับกำลังสงสัยว่าเหล่าแบล็ควูฟกำลังกระเซ้าเย้าแหย่อะไรเขาที่ดำรงตำแหน่ง P4 รุ่นพี่เกรดสิบสองเอ่ยแซวก่อนจะมีลูกคู่รับอยู่ข้างหลัง รุ่นพี่ดันให้ผมเข้าไปพร้อมกับขยิบตาเจ้าเล่ห์ เชี้ยเอ๊ย เขินก็เขินอายก็อาย ทำไมจะต้องมาความแตกให้คนในหอแม่งรู้ความในใจด้วยวะ แม่งเอ๊ยยยยย////
ผมสูดลมหายใจทำเป็นไอกระแอมให้พวกเขาเงียบเสียง เอาว่ะรู้ก็รู้ไปใครสน ผมคิดในใจก่อนจะปราดสายตานิ่งราวกับฝากไว้ก่อน สิบปีล้างหนี้แค้นก็ยังไม่สายโว๊ย พวกคุณคงไม่เข้าใจหรอกครับคุณผู้หญิงทั้งหลายว่าพวกผู้ชายอย่างเราไม่ค่อยอยากให้คนสนิทรู้หรอกว่าเราชอบใคร เพราะถ้ารู้มันจะเข้าอีหรอบนี้มันเอาความลับมางัดโจมตีเราได้ทุกเมื่อ ผมตัดสินใจเดินนิ่วไปยังโต๊ะของเป้าหมายท่ามกลางสายตานับสิบที่มองมาในโรงอาหาร เท้ามือลงบนโต๊ะกว้างก่อนจะฉีกยิ้มบาดใจไปให้สาวแว่นตรงหน้าที่หุบรอยยิ้มกว้างลงทันทีที่เห็นว่าผมมาเยือน
“ ขอโทษนะครับ ขอยืมตัวพี่ฮันน่า เกรย์ สักครู่นะ : ) ” ผมพูดพลางส่งสายตาไปทางเพื่อนสาวของพี่เขาอีกสองคน ที่ดูเหมือนจะมีสาวในร่างชายดูจะตกตะลึงจนเอามือปิดริมฝีปากราวกับพี่ปอมแป๋มเทยเที่ยวไทยเวลาเจอผู้ชายหล่อๆ
“ หะ...เห้!!! ” เสียงหวานร้องจนเสียงหลง ผมไม่พูดเปล่าคว้าข้อมือเล็กให้ออกมาจากโต๊ะโดยไม่สนคำอนุญาตของเจ้าตัว แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนสาวคนสนิทอีกคนของพี่เขา เอ่อ....ชื่ออะไรนะ อ่อนาเดียจะลุกพรวดพราดขึ้นมาด้วยทีท่าที่ไม่ยอม แต่ว่า....อย่าลืมสิว่าผมพ่วงใครมาด้วย
พรึ่บ พรั่บ!
“ …….!!!” นาเดียเบรกตัวเองแทบไม่ทันเมื่อพบว่าชายหน้าเหี้ยมในชุดคาราเต้เข้ามาขวางพร้อมกางแขนไม่ให้ไปด้วยสีหน้าเรียบตึง ชาลเข้ามาพร้อมกับแจงคำอธิบายพลางหันมาคลี่ยิ้มอ่อน
“ กฎโรงเรียน ข้อ 45 P4 มีอำนาจในการควบคุม ตัดสิน สั่งการสูงสุดในหมู่นักเรียน…. ”
“……..”
“ ประธานเราบอกแล้วว่าครู่เดียว แบล็ควูฟน่ะ.....เราอยู่กันเป็นหมู่คณะ ”
“……….”
“ ใครคิดจะมีปัญหากับประธาน....ก็เท่ากับมีปัญหากับคนทั้งหอ”
“……..!?”
“ : ) ฉะนั้นอย่ามีปัญหากับประธานของเราเลยดีกว่านะครับ ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

20 ความคิดเห็น
-
#15 Looknam7104 (จากตอนที่ 9)วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2561 / 17:19สู้นะค่าาาจะรออยู่^^#150