ตอนที่ 4 : ตอน ผู้ชายคนนั้นกัดไม่ปล่อย 100%
“ โถ่เว้ย...” ผมโยนแบบฟอร์มลงโต๊ะรับรองก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟากว้างด้วยสายตาที่ขุ่นหมอง
บ้าชะมัด ทุกอย่างกำลังจะลงล็อคยิ่งกว่าไขคดีปริศนา แต่ทว่าทุกอย่างพลิกตระละปัดเพราะฝ่ายทะเบียนไม่อนุมัติเรื่องขอข้อมูลส่วนบุคคลเสียนี้!! หงุดหงิดโว๊ยยยยย
ตอนนี้รู้แค่ชื่อ หอพัก ชั้นปี แล้วก็รายละเอียดแสนยิบย่อยของพี่สาวเท่านั้น แต่ใบหน้าคล้าตาเป็นยังไงผมกลับเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เนี่ยนะ!!? เฮอะ คิดแล้วมันอารมณ์มันก็ปะทุ
“ นายน้อยใจเย็นก่อนครับ ” ชาลเก็บแบบฟอร์มคำร้องที่หล่นกระจัดกระจายขึ้นมาพลางจัดให้มันเป็นระเบียงแล้ววางลงบนโต๊ะ
“ แกไม่เข้าใจฉันหรอกชาล ” ผมบอกปัดก่อนจะก่ายมือลงบนหน้าผากแล้วขบคิด บ้าชะมัดเลย ไม่ว่าหน้าไหนๆก็ให้คำอธิบายหน้าตาพี่สาวคนนั้นไม่เป็นรูปเป็นร่างสักคน ทั้งเหล่าเกรดสิบสองที่รู้จักพี่เขาแค่เพียงเป็นเด็กทุนที่น้อยนักของโรงเรียนจะมีโผล่มาสักคน พอถามซักไซ้เรื่องหน้าตาหรือนิสัยใจคอก็ได้คำตอบที่ว่า ก็ดีนะ ก็ไม่แย่ อือเรียบร้อยมั้ง แล้วนั้นมันช่วยไขข้อข้องใจของผมตรงไหน คำตอบแสนสะเปะสะปะมั่วซั้วกันไปหมดจนจับจดไม่ได้
“ ผมรู้ครับว่านายน้อยรอที่จะเจอผู้หญิงคนนั้นมาเป็นแรมปี แต่ความใจร้อนลนลานจนมากไปจะทำให้เสียการใหญ่เอานะครับ ” คำพูดที่ดูมีเหตุผลของชาลทำให้ผมเด้งขึ้นมาจากโซฟาตัวใหญ่ทันที
“ มีไอเดียอะไรดีๆงั้นเหรอ ”
“ ถ้าแหล่งข่าวของผมไม่ผิดพลาด ดูเหมือนว่าเธอคนนั้นจะเป็นเลขาฯคนล่าสุดที่อีริก อลาโน่ตามตื้อให้มาร่วมงานกับเขาในเทอมนี้ครับ ” คิ้วของผมกระตุกทันทีที่ได้ยินคำว่า
ตาม-ตื้อ เจ้าP4ฉายาสมองกลนั่นตื้อพี่สาวอยู่งั้นเรอะ?!
“ หมายความว่ายังไง....ตื้อที่ว่านี้ตื้อแบบไหน ตื้อให้มาทำงาน รึตื้อจีบว่ะ ไอ้หมอนั้นตามจีบพี่เขางั้นหรอห๊ะ!!?” คำพูดที่รัวถามมาเป็นชุดใหญ่พร้อมกับสีหน้าที่จริงจังพร้อมกับน้ำเสียงที่กึ่งโมโห ทำให้ชาลอยากจะขบขันแต่ก็ทำได้แค่ตั้งการ์ดแล้วให้นายน้อยใจเย็นๆ
“ โว่ๆ ตอนนี้ข้อมูลมีแค่นี้ครับนายน้อย ” ไอ้ข้อมูลที่ชาลว่านั้นยิ่งทำให้ผมร้อนรนเข้าไปใหญ่!! บ้าชะมัด ต้องรีบหาทางทำอะไรสักอย่าง เจ้าอีริกนั้นหน้าตาก็หล่อเหลือร้าย มันสมองก็ยังเฉียบแหลม แถมเกิดตระกูลผู้ดีเก่า มิหนำซ้ำยังอยู่ชั้นปีและหอพักเดียวกับพี่สาวของเขาอีกต่างหาก!! กากบาทไว้ที่หน้าได้เลยว่าไอ้หมอนี่คู่แข่งหมายเลขหนึ่งของผมชัดๆ!!
“ นายน้อยเกรงคู่แข่งคนนี้รึครับ ” ชาลถามพร้อมเสียงกลั๊วหัวเราะเล็กน้อย แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมสงบใจที่ร้อนลุ่มลงแล้วหยุดเดินวนไปมาเพื่อใช้หัวคิด
“ เออสิว่ะ ” ชาลแสยะยิ้มหวังไว้ว่าลึกๆแล้วพอนายน้อยคงไม่ได้รักใครแค่ที่เปลือกนอกแน่ๆ เขาจึงตัดสินใจจะดันความหวังของนายตนเองให้ไกลจนถึงฝั่งฝัน
“ในเมื่อโชคกำลังเปลี่ยนทิศ ทำไมไม่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสสะล่ะครับ ” ชาลว่าพร้อมกับโยนเอกสารที่เลขาของผมลิสต์ด้วยปากกาเรืองแสงเอาไว้ให้ มามีการประชุมใหญ่ของเหล่าP4และเมมเบอร์ทุกคนที่ต้องเข้าร่วม จู่ๆเสียงวิ้งในหัวของผมก็ฉายความคิดบรรเจิด อ่า...แบบนี้นี่เอง ผมหยิบหยิบเข็มกลัดรุ่นเบาะแสเพียงอันเดียวที่จะพลิกสถานการณ์ทำให้เจอพี่เขาได้อีกครั้งขึ้นมา นั้นสิ....เรื่องหน้าตา ฐานะ ตำแหน่งในตอนนี้ผมก็พอๆเจ้านั้นนี่หน่า ต่างกันแค่เสน่ห์และความเก่งกาจกันคนละด้านเท่านั้น แต่ไม่ว่าใครจะสนใจที่จะจีบเขาเหมือนผมจะมีเยอะแค่ไหนก็ช่างมัน ถ้าไม่ชิงลงมือก่อนก็คงเสียเปล่าแย่ ครั้งแรกผมเจอตอนฝนตก ครั้งที่สองผมก็เจอจนตัวเปียกปอนอีก แต่น่าแปลกที่ทั้งสองครั้งพี่เขาจะต้องหนีหายไปจากผมเสียดื้อๆ งั้นคราวนี้ผมจะทำให้พี่เขาจำผมจนขึ้นใจบ้างจะเป็นไรไหมน๊า
สายตาคมกวาดมองไปยังเข็มกลัดรุ่นที่สลักอักษรย่อพลางยิ้มกระลิ้มกระเลี่ย ก่อนจะผละไปทำธรุส่วนตัวด้วยอารมณ์ที่ดีจนปลิดทิ้ง
“ อยากเจอตัวเร็วๆแล้วสิ.....”
พรวดดด
ฝีเท้าของชายร่างแกร่งหยุดชะงักลง เมื่อพบว่าร่างที่จู่ๆก็พุ่งพรวดออกมาจากกลุ่มคนคือเด็กผู้หญิงรายหนึ่ง
“ เอ่อ...คือ ” เสียงของหญิงสาวที่กำลังปริปากพูดเอ่ยอย่างกระตุกกระตัก
“ ช่วยรับความรู้สึกของฉันด้วยนะค่ะ/// ” สายตาคมเหลือบมองกล่องของขวัญขนาดกลางที่ห่อด้วยริบบิ้นสีทองอร่ามด้วยสายตาว่างเปล่า
“ ไม่ล่ะ….” เสียงทุ้มปฏิเสธอย่างชัดเจน สร้างความฮือฮาให้เหล่าบรรดาสาวๆที่มาออดูอยู่ไม่ไกลเป็นอย่างมาก คำพูดที่แสนธรรมดาแต่กลับเย็นชาจนเสียวสันหลัง ผนวกกับคำเยาะเย้ยสมน้ำหน้าของบรรดาผู้หญิงด้วยกันเอง จนสาวเจ้าวิ่งฝ่าออกไปทั้งน้ำตา
ณ ห้องประชุม
ฝ่ามือหนาดันประตูกระจกบานใหญ่สีทึบออกทันทีที่เขาเดินทางมาถึง มีโต๊ะทอดยาวเป็นรูปตัวยูขนาดใหญ่พร้อมเก้าอี้ทรงสูงและไมค์โครโฟนประดับด้านหน้า ป้ายชื่อตั้งสง่าของบุคคลที่ต้องเข้าร่วมประชุมครั้งนี้อย่างชัดเจน ชายผมสีดำที่เพิ่งได้ฉะคารมณ์เมื่อคราวก่อนเหมือนจะมาเป็นรายแรก เขาและเหล่าเมมเบอร์ที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มในสังกัดยังง่วนอยู่กับเอกสารและวาระที่จะหารือกันในวันนี้โดยไม่ได้ให้ความสนใจกับแขกรายใหม่ที่เข้ามา เหล่าบรรดาเมมเบอร์ของเขาจึงหยุดยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยท่าทีเรียบเฉย เมื่อเห็นสถานการณ์ที่แลดูตรึงเครียดของทั้งสองฝ่าย เลขาสาวจึงทลายกำแพงหนาที่เกิดจากทิฐิชายหนุ่มทั้งคู่เสียเอง
“ สวัสดีค่ะ แหม มาเป็นหอแรกเหมือนเคยเลยนะ ประธานอลาโน่ ” เสียงหวานจากคนชั้นปีเดียวกันทำให้ชายเจ้าของชื่อผละมือจากเอกสารตรงหน้าก่อนจะหันมาคลี่ยิ้มอ่อน
“ โอ้ว สวัสดีครับ พอดีว่าผมชินน่ะนะ...” พอละจากบทสนทนาสายตาของชายทั้งสองก็ต้องกันอย่างเชือดเฉือน
“ อรุณสวัสดิ์...คุณอลาโน่ ”แต่แล้วร่างสูงก็เป็นฝ่ายเอ่ยทักทายตามมารยาทจนหญิงสาวที่ลุ้นจนตัวเกร็งถึงกับลอบถอนหายใจ
“ อรุณสวัสดิ์ นายเทอร์เนอร์” พอสิ้นเสียงขานรับของอีกฝ่าย ร่างสูงก็ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตนเองทันที นัยน์ตาคมเหลือบหาป้ายชื่อของของหญิงสาวที่เขาหมายมอง เมื่อคืนนอนไม่หลับเพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้เห็นพี่สาวคนนั้นตัวเป็นๆยิ่งกว่าโรงหนัง4Dก็วันนี้ เนื่องจากฝ่ายทะเบียนไม่อนุมัติเรื่องขอทราบข้อมูลส่วนตัว ผมจึงไม่รู้ว่าสาวที่ตามหานั้นจะรูปร่างหน้าตาสละสวยสมกับชื่อแค่ไหน ป้ายชื่อของสาวเจ้าที่เขียนว่าฮันน่า เกรย์นั่งเยื้องกับเขา ณ ฝั่งตรงกันข้าม แต่ไม่ว่าจะแอบมองจากมุมไหน ก็ไม่เห็นแม้เพียงเงาเหลือเพียงเก้าอี้และป้ายชื่อที่ตั้งโด่โง่ๆเท่านั้น ตอนนี้หอทั้งสี่มาพร้อมกันในที่ประชุมจนครบแล้ว และท่านผู้อำนวยการใหญ่ก็กำลังจะเปิดประเด็นสำคัญในการประชุมครั้งนี้อยู่แล้ว
บ้าเอ๊ย กว่าจะรวบรวมข้อมูลจนรู้ว่าพี่เขาชื่อแส้อะไรเลือดตาแทบจะเด็น
แล้วพี่สาวคนนั้น...หายหัวไปไหนวะ!!?
เสียงนิ้วที่กระทบกับโต๊ะซ้ำไปซ้ำมา แม้จะไม่ดังถึงขนาดรบกวนคนรอบข้าง แต่ทีท่าของนายน้อยที่ดูอยู่ไม่สุข นัยน์ตาที่ส่อประกายความคุกรุ่น พร้อมเสียงพ่นลมหายใจที่พ่นออกมาอย่างฮึดฮัด ก็ทำให้ชาลเบนสายตาไปตามนัยน์ตาคมที่แอบชำเลืองมอง ชื่อนั่น….รึว่าจะเป็นสาวที่นายน้อยตามหา
ไม่นานนักหอกรีนเสน็คและเรดฟอกซ์ก็เข้ามาพร้อมกัน เหล่าประธานทั้งสองคนก็ปี่เข้ามาทำความรู้จักเด็กเกรดสิบที่เป็นที่เขาลือกันให้หนาหูด้วยท่าทีเป็นมิตร
“นายคงเป็นประธานของหอแบล็ควูฟสินะ...ฉันวิลเลียม ดัชเชรด ประธานหอเรดฟอกซ์ :) ” ชายผมสีน้ำตาล หน้าตาหล่อใช้ได้ สูงกว่า180เอ่ยพร้อมกับยื่นไว้แนบอกตนเองอย่างคนเจ้าสำอางค์ ถึงแม้ยังไม่รู้จักนามสกุลผมก็รู้ได้ทันทีว่าไอ้หมอนี้นะคาบช้อนทองออกมาจากท้องแม่ชัดๆ
“ ส่วนฉันกิบส์ ควอตัน ประธานหอกรีนเสน็ค ” ชายอีกคนย้อมผมสีเทาจนเด่นและปล่อยให้มันออกแนวเซ่อๆก็จริง แต่นั้นกลับเพิ่มออร่าดูดีจนผมยังยอมรับ เขาเอ่ยแนะนำตัวพลางยื่นมือมาเช็คแฮนด์ตามมารยาท
“ คาร์ดอส เทอร์เนอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก... ”
“เห้ ไม่เบานี้หว่าาา ฮะฮ่ะฮ่าาาา” ชายผมเทาที่ชื่อกิบส์เอ่ยพลางกลั้วหัวเราะอย่างแบดบอย อะไรคือไม่เบาวะ หมายถึงอะไรกันเจ้าหมอนี้
“แต่ก็…..คูลกว่าที่ฉันคิดไว้สะอีกนะเนี้ยยย นึกว่าจะหน้าตาเหี้ยมๆไว้หนวดไว้เคราอะไรเทือกนี้สะอีก ”ในขณะที่ชายอีกคนหัวเราะรวนในลำคอแล้วแสยะยิ้ม ไอ้ที่พูดนั้นมันนักเรียนหรือว่าแก็งค์มาเฟียล่ะเนี้ย -_-)
แปะ แปะ แปะ แปะ
“เอ้าๆ ไปนั่งที่ได้แล้ว….” เสียงปรบมือสองสามทีที่ดังขึ้นทำให้ผมละสายตาไปมอง อ่อ...ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทสุดสมาร์ทคนนี้คือผู้อำนวยการโรงเรียนเอกซ์เซียสนั่นเอง เหล่าประธานและเมมเบอร์ทั้งหลายกลับไปประจำตำแหน่ง ณ ป้ายชื่อของตัวเอง สายตาผมชำเหลืองมองป้ายชื่อคนพี่สาวคนนั้น ให้ตายซิ...เขาจะเริ่มประชุมกันแล้วนะ หายไปไหนของเขากัน ผมเท้าคางอย่างเซ็งสุดขีด โดยที่ตอนนี้ไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งที่ท่านผู้อำนวยการกำลังพร่ำเลยสักนิด โถ่เอ้ยยยย ไม่ได้มาประชุมเพื่อฟังปราศรัยยาวเหยียดนี้สักหน่อย หงุดหงิดชะมัด! จนกระทั่งจู่ๆคำพูดทิ้งท้ายของผู้อำนวยการก็ดึงความสนใจของผมเข้าจนได้
“ รายละเอียดก็อยู่ในเอกสารน่ะนะ...โอ้ รบกวนแจกให้ทุกคนด้วยนะคุณเกรย์ ” สายตาคมของผมก็หันไปมองเจ้าของนามสกุลนั้นทันที!! เกรย์งั้นเหรอ นามสกุลนั่น!!! ขณะนี้ไม่มีอะไรสะกดสายตาของผมได้นอกจากแผ่นหลังและช่วงบ่าเล็กๆภายใต้เสื้อฮูทตัวหนาของผู้หญิงที่กำลงหันหลังแจกเอกสารในการเข้าร่วมประชุมอยู่ตอนนี้!! ใจผมมันเต้นรัวจนแทบจะทะลักออกมาจากอกสะให้ได้!! ผมลุ้นจนตัวเกร็ง...เหงื่อเหง่อไหลซึมจนชุ่มทั่วฝ่ามือที่กำลังกำเข้าหากันแน่น!!
พี่สาวครับ….พี่ครับ….
ในที่สุด...ผมก็หาพี่เจอ…
และจะได้เห็นฮูทของพี่สักที
อ่า...เขินว่ะ///
ผ่างงงงง~!!!
เดี๋ยวนะ...ฮูทงั้นเรอะ?!!!!!!! ผู้หญิงนั้นก้มหน้าก้มตาแจกเอกสารจนครบแถมยังจงใจวางเอกสารให้ผมแบบลวกๆและร้อนรนพลางกำชับฮูทแล้วถอยล่นกลับไปนั่งที่ตนเองอีกด้วย ในห้องประชุมและจะหารือทั้งๆแบบนี้เนี่ยนะ!!! เห้ยยยยย อุตส่าห์หามาตั้งนานนมคิดจะหลบหน้าผมเพราะความผิดที่ตนเองทำทั้งๆยังงี้รึไง!!! หงุดหงิดโว้ยยยย ไม่สบอารมณ์เลยสักนิด!!!!
“ เอ่อ...คาร์ดอส คาร์ดอส ” ไดน่าผู้เป็น เมมเบอร์ของหอเอ่ยกระซิบ
“ อะไร ” ในขณะที่ร่างสูงหันมาทั้งๆที่ยังทำหน้ายังกับจะฆ่าคนใส่เธออีกคนโดยไม่รู้ตัวพร้อมถามย้อนด้วยน้ำเสียงที่ห้วนอีกต่างหาก
“ ผอ.ถามน่ะว่านายมีความเห็นว่าไง ” คำพูดของเมมเบอร์สาวที่นั่งข้างๆเอ่ยทวนคำถามให้ผมได้สติ บ้าเอ้ย เมื่อกี้เขาคุยอะไรกันวะ ชิบหายละ มัวแต่จ้องพี่เขาจนไม่ได้ฟังวาระเลยซวยชะมัด!!! สายตาที่มองมาที่ผมเพื่อรับฟังคำตอบเป็นตาเดียวทำให้ผมตัดสินใจตอบส่งๆเพื่อเอาตัวรอด
“ เอ่อ….ครับ ผมยังไงก็ได้ ” คำพูดนั่นทำให้หออื่นต่างร้องเสียงหลง บ้างก็พรึมพร่ำอย่างประหลาดใจกับคำตอบของผม ในขณะที่เหล่าเมมเบอร์หอผมเอาแต่ครวญครางอย่างประท้วงกับคำตอบนั้นกันทั้งทีม เวร...นี้ผมพลาดช็อตเด็ดอะไรไปวะเนี้ย?!
“ งั้นก็เป็นอันมติว่ากีฬาสีภายในของปีนี้ จะให้แข่งแบบจับคู่กันตลอดทั้งการแข่งขันเพื่อเป็นปีนำร่องและเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างหอพักละกันนะ ” ห้ะ ทำไมต้องเป็นการจับคู่แข่งด้วยวะ ?! บ้าชะมัดผมไม่ได้ฟังข้อมติตั้งแต่แรกเลยสักนิด ผมจึงกรีดนิ้วอ่านรายละเอียดต่างๆที่ได้รับอย่างลวกๆทันที!
“ผู้ชนะจะได้ถ้วยรางวัลร่วมกันและยื่นโครงการใหญ่ฯหอละหนึ่งอย่าง รวมทั้งได้รับเซอร์วิสสุดพิเศษช่วงซัมเมอร์เป็นของแถมนะ...ขอให้โชคดี” ผู้อำนวยการเอ่ยพร้อมหยิบโถใบใหญ่ที่มีม้วนกระดาษจับฉลากสี่ใบลงไปในนั้นแล้วเหล่าP4ก็ลุกขึ้นเพื่อเป็นตัวแทน ผมก็ลุกตามหลังเป็นคนสุดท้าย
“ ประธานนนน เอาหอไหนก็ได้ที่ไม่ใช่หออีแร้งนั้นเด็ดขาด!!!! ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา!!!” พี่เกรลเอ่ยพลางกำชับหนักแน่น
“ ใช่ๆๆ เพื่อเซอร์วิสสุดล้ำค่าและก็ชื่อเสียงแชมปืกีฬาสีที่หอเราได้ทุกปี ห้ามจับได้ชื่อหอบลูฯนะประธานนนน!!!” เห่ยๆ แหกปากโดยไม่เกรงใจแบบนั้นมันจะดีเหร๊อ ถึงผมจะรู้ดีก็เหอะ ว่าแบล็ควูฟมักกวาดถ้วยและเป็นแชมป์มารุ่นต่อรุ่นมายาวนานจนถูกขนานามว่าหอพักที่แกร่งที่สุดนานขนาดไหน
หมับ หมับ หมับ หมับ
P4ทั้งสี่คนที่เป็นตัวแทนล้วงมือลงไปจับสลากแล้วเปิดกระดาษดังกล่าวขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน…สักพักห้องประชุมใหญ่ก็เต็มไปด้วนเสียงกรัดร้องจนดังลั่น!!!
“ วู้ววววววว สุดยอดดดดดกรีนเสน๊คคคคค”
“ ยะฮู้วววววว ฝากตัวด้วยนะเรดฟอกซ์” ท่ามกลางสีหน้าที่ยิ้มแย้มจนปากแทบฉีกของประธานหอกรีนเสน๊คกับเรดฟอกซ์ที่หันมาเช็คแฮนด์ให้กัน…..สีหน้าของชายมาดขรึมที่สวมแว่นอย่างอีริกก็ขยำกระดาษยัดลงกระเป๋ากางเกง แม้เมมเบอร์ของบลูอีเกลจะโห่ร้องอย่างดีใจเพราะพวกเขาไม่ค่อยถนัดด้านกีฬาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ตาม แต่การที่ผู้อำนวยการเอามาล่อบวกกับได้แท็กทีมกับหอพักที่ขึ้นชื่อด้านนี้ก็ทำให้พวกเขาใจชื้นขึ้นมาจนพากันไฮไฟว์
ขณะที่เมมเบอร์หอผมได้แต่ทำสีหน้าราวกับโลกทั้งใบจะแหลกลาน มิหนำซ้ำยังโอเว่อร์แอคติ้งกับผลที่จับสลากได้อีกต่างหาก น่าแปลกแหะ ผมดีใจที่ได้คู่กับบลูอีเกลนะ เพราะนั้นหมายความว่าผมจะได้ใกล้พี่เขาไปอีกก้าว และแน่นอนผมเองก็ไม่อยากเป็นปีที่เป็นP4แล้วพลาดแชมป์ถ้วยนี้ที้หอผมได้มันมาทุกรุ่นสะด้วยสิ
“ ช่วยอย่าเป็นตัวถ่วงจนผมพลาดแชมป์กีฬาสีปีนี้ก็พอ...ประธานอีริก”
“ยังไม่สนิทกันพอที่จะเรียกชื่อหรอกนะ ประธานเทอร์เนอร์ เห็นทีฝั่งนายคงจะต้องทำงานหนักหน่อยนะ เพราะฉันก็อยากเป็นผู้ชนะเหมือนกัน”
“ โอ้วววว จะเทรนให้แบบฟูออฟชั่นเลยละ ไม่ต้องห่วง” สายตาที่ทิ่มแทงกันไปมา แหมผมจะไม่ค่อยชอบผู้ชายตรงหน้าเท่าไหร่ และการกัดกับแบบคันๆนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกอยากจะเริ่มงานนี้เร็วๆสะแล้วสิ
“ งั้นเสาร์นี้...นัดประชุมแผนหน่อยเป็นไง” ร่างสูงผมดำดันแว่นเข้าหาใบหน้าตนเองพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม หึ ไอ้หมอนี้...มีมุมเจ้าเล่ห์ด้วยงั้นเรอะ ผมคิดในใจก่อนจะเอ่ยเสนอเวลาและสถานที่ออกไป
“ งั้นเจอกัน10โมงเช้าที่ ศาลาพักหน้าตึก11แล้วกัน ”
“ ได้ ตามนั้น….แล้วเจอกัน”
ร่างสูงผมดำขลับพยักหน้ารับหันไปหาเลขาของตนที่กำลังจดบันทึกวันนัดหมายดังกล่าวพลางเอาแต่ก้มหน้าก้มตาและยืนอยู่อย่าวทิ้งระยะอีกต่างหาก (-_-)++ หน็อยยยย ให้ตายสิพี่สาว...ทำตัวน่าเตะชะมัด
“ เดี๋ยวววว…!!!”
หมับบบบบบ!!!
ขณะที่สมาชิกทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุมกำลังทะยอยออกไป ผมก็รีบจ้ำอ้าวไปให้ถึงตัวผู้หญิงเจ้าปัญหาที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจมาตั้งแต่เริ่มวาระฯ ฝ่ามือคว้าฮูทที่คลุมหัวของอีกฝ่ายได้พลางจับมันไว้แน่นจนทำให้คนผู้เป็นเจ้าของที่กำลังย่างก้าวเซถลาถอยหลังตามแรงดึงที่ไม่ได้ออกแรงกระชากมากนัก
“ อ๊ะ…?!!!” เสียงอุทานอย่างตกใจดังขึ้น คนร่างเล็กก็ถลาจนแผ่นหลังเธอชนเข้ากับแผงอกของอีกฝ่ายในทันที ท่อนแขนกำยำของคนตัวสูงกว่าปล่อยมือออกจากฮูทเจ้าปัญหาพลางล็อคคนตัวบางให้อยู่ในวงแขนแกมยังคับ!!
“.......!!!! / .…..!!? ” การกระทำนั้นทำให้ร่างแกร่งและคนตัวบางตกเป็นเป้าสายตา เหล่าเมมเบอร์และP4ทั้งหลายหันกลับมามองกันเป็นตาเดียว
ขณะที่ผมเหยียดยิ้มเมื่อคว้าพี่สาวในดวงใจเข้ามาในอ้อมแขนได้สักที หึ จะมีสักกี่คนที่ทักทายผู้หญิวด้วนการดึงเธอเข้ามาแล้วเนียนกอดจากด้านหลังแบบนี้มั่ง =..= ฟุดฟิดๆ ผมพี่เขาหอมจังงง แถมตัวสูงเเค่อกผมเท่านั้น โอ๊ยยย สรีระผอมบางตามสเปค ใจผมเต้นจนแทบจะเก็บอาการทางสีหน้าไม่อยู่อยู่แล้วนะ แต่ไม่ได้ๆ..! ผมต้องมาดเท่ ดูสมาร์ทและแฮนซั่มเซ่~~
“ หึ...เจอตัวได้สักทีนะ...รุ่นพี่...?!”
“ นี้….ฮะ...ฮันน่า เกรย ์….เหรอ?”
อ่ะ อะไร...ยัยสี่ตา หัวฟูเป็นกระบุง หน้ามีแต่กระ แถมยังมีสิวเม็ดเท่าฝาบ้านขึ้นจนเขรอะแบบนี้….นี้พี่สาวที่ผมตามหามาตลอดงั้นเร๊อะะะะ!!? และแล้วคำตอบจากอีริก อลาโน่ก็ดังขึ้นราวกับสายฟ้าฟาดลงมายังกลางใจของผมอย่างจัง !!
“ ใช่ นั้นแหละฮันน่า เกรย์ เลขาหอบลูอีเกล เกรดสิบสอง เลขาฯหอฉันเอง”
ฮันน่า แปลว่า งดงาม ไม่ใช่รึไง แล้วไหงพี่สาวที่ผมเฝ้าเพ้อหาและปฏิเสธผู้หญิงมากมายด้วยคำตอบที่ว่า รักแรกของผมเธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและใจดีคนนั้น ผมชอบเธอมากขนาดไหน แล้วจะบอกว่า สี่ปีที่รอคอยมาตลอดของผม ผู้หญิงที่เป็นรักแรกคนนั้น คือ ยัยเนิร์ดหน้าตาอย่างกับคนจิตป่วย คนนี้เนี้ยนะ…?!!!!!! ว๊ากกกกกกกก นี้มันหมายความว่ายังไงกันนนนนนนน!!!!!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

20 ความคิดเห็น
-
#11 bhuii2505 (จากตอนที่ 4)วันที่ 6 สิงหาคม 2560 / 12:43แปรงโฉมซะ#110
-
#9 moon_lovers (จากตอนที่ 4)วันที่ 14 กรกฎาคม 2560 / 13:44โอ๊ยยยยย ดิ้นๆๆๆๆ แล้วคาร์จะทำยังไงต่อ มาต่อไวๆเลยค่ะไรต์#90
-
#5 fvwcrp (จากตอนที่ 4)วันที่ 13 กรกฎาคม 2560 / 23:49มาต่อนะคนดี เค้าอยากอ่านมาก#50