ตอนที่ 13 : ตอน ผู้ชายคนนั้นกับพลาสเตอร์ 100%
ห้องดนตรี D-12
นัยน์ตาคู่โตเบิกกว้างเมื่อเห็นตัวอักษรด้านหน้าของห้องเรียนภายในอาคาร อักษร D นำหน้าเป็นตัวย่อของการฝึกซ้อมทางดนตรีชนิดหนึ่งในตึกแห่งเสียงเพลง Dancing? นี้มันห้องซ้อมเต้นรำนี่หว่า!! ว่าแล้วริมฝีปากบางได้รูปยังไม่ทันได้ทักท้วงร่างสูงที่กึ่งลากกึ่งจูงก็ทอดกายเข้ามายังตัวด้านใน พร้อมกับปล่อยแขนที่เหนี่ยวรั้งมาตั้งนานเนิ่น แรงมหาศาลที่เหวี่ยงมือทำเอาคนตัวที่เล็กกว่าเซเล็กน้อยพร้อมกับจับข้อมือองตนเองที่เห่อแดงขึ้นเนื่องจากแรงพยศก่อนหน้านี้ ร่าแกร่งล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเรียกหาเพื่อนชายเพื่อเอาของสำคัญบางอย่างมาให้
“ ฮโหล....อ่อ อยู่ห้อง D-12 เอาแฟลชไดท์มาให้หน่อย ......” เสียงทุ้มต่ำที่กำลังจดจ้องอยู่กับคู่สนทนาทางปลายสาย ทำให้นัยน์ตาคู่โตเบิกกว้าง...ระยะห่างแค่ออกแรงวิ่งไม่กี่ก้าวก็พ้นประตู ถ้าใช้จังหวะนี้หนีลัดเลาะกับเข้าไปยังหอได้ล่ะก็ ว่าแล้วปลายเท้าก็ค่อยๆขยับไปหาเป้าทีละนิดในขณะที่ดวงตายังคงชำเลืองอีกฝ่ายที่กำลังหันหลังให้ ฝีเท้าเตรียมจิกปลายรองเท้าเพื่ออกแรงวิ่งพร้อมกับกั้นเสียงเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายได้รู้ตัว
“ อ่าหะ โอเค….เอาเครื่องเล่นมาด้วย ใช่ๆ ” ขณะที่คนตรงหน้าเหมือนจะเผลอเปิดช่องโหว่ไม่ทันได้ระวัง แรงคืบคลานทีละนิดก็ค่อยๆเข้าใกล้อิสรภาพไปเต็มประดาแล้ว
ตอนนี้แหละ.......!!!! ร่างอรชรตัดสินใจหันหลังให้อีกฝ่ายอย่าเต็มรูปแบบ เพียงแค่เอื้อมมือไปคว้าบานประตูได้อิสระตรงหน้าก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น!!! ลาขาดล่ะนายP4หน้าโง่เอ๊ยยยย!!!!
ตึก ตึก ตึก ตึก
หืม....เสียงเดิน? ร่างสูงชะงักเมื่อรับรู้ถึงแรงสะเทือนเล็กน้อยที่กระทบบนพื้นไม้เรียบเคลือบเงาแว็กซ์อย่างดีทำให้คนประสาทสัมผัสไวไหวตัวทัน หันมาเห็นร่างบางกำลังวิ่งลุดๆไปยังประตูบานใหญ่เพื่อหลีกหนี โว่...เผลอละสายตาไปแปปเดียวก็พร้อมจะหนีอีกแล้ว ให้ตายซิใครเขาจะปล่อยให้ไปง่ายๆกันเหล่า ด้วยสรีระที่แตกต่างทำให้ร่างสูงก้าวเพียงสามฉับก็คว้าเอวบางของสาวแว่นจอมพยศได้เท่าทัน ก่อนจะใช้วงแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อโอบรัดหญิงสาวให้อยู่ในวงแขนได้อย่างง่ายดาย ทั้งแรงดิ้นพล่านที่ขัดขืนเต็มที่ ไหนจะแรงที่กำลังกระหน่ำตี
หมับบบบบบ!!?
“ ปล่อยยยยยยยยย!!!!! ”
‘ นายน้อย...มีอะไรรึเปล่าครับ?’ เสียงโหวกเหวกที่เล็ดลอดผ่านมายังโทรศัพท์ทำให้ชาลที่สนทนาอยู่ปลายสายพลันชะงัก
“ ไม่ปล่อยใช่มั้ย........งับ!!!!!” ความหงุดหงิดผสมความโมโหทำให้สาวเจ้าชักจะไม่ทน จรดไรฟันขบกัดไปยังท่อนแขนได้รูปที่เอาแต่รัดร่างอย่างเต็มแรง!!!
“ อั่กซ์........” คาร์ดอสเหยเกเล็กน้อยด้วยความคาดไม่ถึงว่าพี่สาวจะมีแรงพยศได้มากขนาดนี้ ริมฝีปากหนาขบเม้มเมื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวดทีได้รับ แต่ทว่าก็ไม่ยอมคลายอ้อมแขนแต่อย่างใด...และแล้วรอยกัดจากฟันคู่สวยก็ทำให้ท่อนแขนแกร่งมีเลือดไหลซิก ของเหลวสีแดงเถือกพร้อมกับรอยถลอกบนวงแขนกว้างก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างเอ่อล้น แรงกัดค่อยๆผ่อนลงตามลำดับพร้อมกับผละออกเผยให้เห็นรอยฟันได้รูปที่ประทับ
“ชาล รีบมาหน่อยก็ดีเหมือนกัน....” ทว่าสีหน้าของคนถูกทำร้ายกับคลี่ยิ้มอ่อนไม่สะทกสะท้านพร้อมหันมาฉีกยิ้ม คาร์ดอสยอมปล่อยร่างอรชรได้รูปออกจากอ้อมแขนก่อนจะยืนกังขาเฝ้าอยู่ด้านหน้าของประตูเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเล่นตุกติกอีก
“ อย่างลืมสิว่า เข็มรุ่นของพี่ อยู่ที่ผม...” สิ้นเสียงสาวเจ้าถึงตาใส่ก่อนจะส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความขัดใจ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แสยะออกอย่างผู้ชนะก่อนที่ดวงตาคู่สวยทอดมองคนหน้าคม ไม่นานประตูบานหนาก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นชายรูปร่างสันทัดคนใหม่พร้อมกับเพื่อนสาวที่กำลังก้าวเข้ามาพร้อมกับลำโพงบลูทูธ
“ นาเดีย...นาเดีย!!!” ร่างบางรีบโผเข้าหาเพื่อนสาวคนสนิทด้วยความดีใจ สาวสวยได้รูปจับมือเพื่อนสาวจอมแก่นด้วยความปลอบประโลมก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ชายหนุ่มทั้งสอง แม้ร่างแกร่งเรือนผมบลอนต์จะยังงุนงงกับการมาของสาวเจ้าแต่ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยอะไรทักท้วง
“ นาเดียฉันอยากกลับหอ....!” เสียงเร้าของเพื่อนทำให้สาวลูกครึ่งรู้สึกหนักอก แต่ทว่าพอเจ้าตัวหันไปเห็นรอยซิกบนท่อนแขนของชายผู้เป็น P4ก็ยิ่งคิ้วขมวด การทำร้ายร่างกายคนมีฐานะทางสังคมแถมยังมีอิทธิพลในโณงเรียนยิ่งทำให้พื้นที่ของเพื่อนเหลือน้อยเต็มทน ร่างน้อยจึงตวาดดุเพื่อนคนสนิทด้วยความหวังดีโดยที่ไม่รู้ตัว
“ ฮันน่า...ทำไมถึงไปทำร้าย P4 อีกแล้ว! ” คนที่กิริยาเรียบร้อยมาโดยตลอดถึงกับออกปากทำให้สาวเจ้าพลันชะงัก
“ ก็เจ้านั้นทำยุ่มย่ามก่อนทำไมล่ะ....สมน้ำหน้า ” นัยน์ตาคู่สวยทอดมองผลงานของตนเองก็นิ่งเงียบไม่คิดจะเอ่ยคำขอโทษใดๆถ้าเจ้าหมอนี้จะเอาข้อนี้ไปฟ้องห้องฝ่ายปกครองก็ตามสบาย!! ดูจากแววตาแข็งกร้าวและดื้อรั้นของเพื่อนสนิท...และแล้วคนที่ต้องลอบถอนหายใจก็ดูเหมือนจะกลายเป็นสาวลูกครึ่งที่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด เมมเบอร์หนุ่มที่ขันอาสาไปลากเธอมาจากห้องแล็บต์พร้อมกับอธิบายทำให้เธอเข้าใจเหตุผลทั้งหมดที่นายคาร์ดอส เทอร์เนอร์ตามราวีเพื่อนเธอไม่รู้จักหยุดหย่อน
2. เขาจับได้ว่าเป็นฮันน่า เพราะทำเข็มรุ่นตกไว้ในที่เกิดเหตุชุลมุนทั้งหมด
3. เงื่อนไขที่จะไม่เอาเรื่องโดยการเป็นคู่เต้นรำในวันงานกีฬาสี
4. เขาจับได้อีกว่าฮันน่าลักลอบเลี้ยงแมวภายในหอ ซึ่งข้อนี้ทำให้นาเดียประหลาดใจที่สุด
และ 5. ทำร้ายร่างกาย P4 โทษลงทัณฑ์บนด้วยการลงประวัติของตัวเองในใบจบการศึกษาได้อีกต่างหาก แค่สี่ข้อนี้ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกพอตัวแถมยังสามารถหลุดจากการเป็นนักเรียนทุนได้ง่ายๆอยู่แล้ว เจ้าตัวยังจะสร้างเงื่อนไขข้อที่ 5 ขึ้นมาสดๆร้อนๆอีกต่างหาก
“ ต้องขอโทษแทนฮันน่าด้วยนะคะ ปกติเธอเป็นคนหัวดีและเข้าใจอะไรง่าย...แต่ด้วยทิฐิจึงทำอะไรไปโดยไม่คิด อย่าเอาเรื่องนี้ไปฟ้องกับอาจารย์ฝ่ายปกครองเลยนะคะ ” คำพูดที่อ่อนนุ่มของสาวลูกครึ่งทำให้คาร์ดอสตะลึงงัน ก่อนจะหันไปมองคนสนิทของตนเองที่เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าชาลไปลากมา พอชาลก้มหน้าไม่ตอบแต่ลอบยิ้มเจ้าตัวก็ถึงกับเข้าใจความคิดความอ่านทันที ถึงจะพอปะติดปะต่อได้ว่าชาลทำอะไรไปและเพื่ออะไร รอยยิ้มที่มุมปากก็ยิ่งยิ้มยกหน่อยๆก่อนจะตัดสินใจขานตอบ
“ เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน ” เป็นไปตามคาดปฎิกิริยาชะงักของสาวลูกครึ่งนั้นตอบรับได้เป็นอย่างดีก่อนจะจับพี่สาวไปคุยด้วยสีหน้าจริงจัง
หึๆ....ชาลนี้ช่างรอบคอบ นอกจากจะให้เธอคนนี้มาช่วยกล่อมพี่สาวยังไม่พอ การมีคนอื่นมาอยู่ตลอดที่เราซ้อมกันจะยิ่งช่วยลบคำลือที่จะแพร่ออกไปได้โดยง่ายอีกด้วย....เป็นคนสนิทที่ใช้ได้จริงๆ และนั้นก็ได้ผลรุ่นพี่เกรดสิบสองเพื่อนสนิทชื่อนาเดียอะไรนั้นกล่อมจนเจ้าตัวยอมอ่อนข้อจนได้
“ ก็ได้ๆๆ เสร็จงานนี้แล้วเลิกแล้วต่อกัน โอเค!! ” เสียงรับปากแบบส่งๆดังขึ้นอย่างคนถูกขัดใจ แถมยังชักสีหน้าไม่สบอารมณ์อีกต่างหาก
“ งั้นซ้อมเสร็จเรียกด้วยนะ...”
ปัง.....
เสียงประตูถูกปิดผนึกลงเมื่อ พวกเขาทั้งคู่อาสาจะรออยู่ด้านนอกเพื่อให้ผมและพี่สาวได้ซ้อมกันตามลำพัง ฝ่ามือหนาเปิดลำโพงบลูทูธก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้จนคนเรือนเล็กจำต้องขยับออกห่างอย่างระแวงระวัง เสียงดนตรีแปลกหูดังขึ้นคลอรับบรรยากาศที่เริ่มพลบค่ำเต็มที เจ้าตัวเบะปากไม่รับรู้พลางมองตาขวางทันทีที่เห็นผมสาวเท้าเข้าไปใกล้อีกครั้ง
เสียงเปียโนเปล่าขับกล่อมตามท่วงทำนองเป็นท่อนเปิด....เสียงเปียโนเร้าเบาๆเป็นจังหวะที่อ่อนโยนทำให้ผมจำต้องค่อยๆปรับอารมณ์ให้พร้อมพลางพร่ำปากสอนบทเรียนขั้นพ้นฐานให้สาวตรงหน้าที่ดูเหมือนจะเก่งแต่ตำราด้วยความใจเย็น
“ ขั้นแรกทำความเคารพคู่เต้นรำ ผู้ชายค้อมตัว ผู้หญิงให้ถอนสายบัวช้าๆ....” ผมค้อมตัวช้าๆเพื่อเป็นการสาธิตการให้เกียรติคู่เต้น แต่สิ่งที่ได้คือพี่แกกลับทำสีหน้างงๆก่อนที่สาวเท้าหนีไปเฉยเลย
แล้วพี่สาวเขาจะถอยหนีผมไปทำไมต้องไกลล่ะนั้น...ให้ถอนสายบัว ไม่ได้ให้ถอยหนีสักหน่อย
“ ขั้นที่สอนตั้งท่าเตรียมให้อ่อนช้อยและดูสง่า...อย่ารน! ดูผมดีๆ ผู้หญิงวางมือแบบนี้...ไม่ๆแบบนี้ ” ผมจึงจำต้องสาวเท้ายาวๆเข้าไปหาก่อนจะถือวิสาสะคว้าแขนข้างหนึ่งของพี่เขาขึ้นมาอยู่ในท่าเตรียม
“ นี้!!! มันจะมากไปแล้วนะ!!! ” ร่างเล็กสะดุ้งเอกเมื่อสัมผัสได้ว่าฝ่ามือผมอีกข้างกำลังโอบอยู่แถวๆช่วงเอวจรดไปจนถึงแผ่นหลังเล็กน้อย
“ มันจะง่ายขึ้นถ้าพี่เลิกดื้อดึงแล้วทำตามที่ผมบอก....!!” ผมจำต้องกำชับฝ่ามือที่สัมผัสอยู่ในเกร็งเพื่อไม่ให้หญิงตรงหน้าถอยหนีออกไปอีก นี้ก็ปาไปเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว...ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอยู่กับพี่เขานะ แต่ถ้าวันนี้ยังสอนไม่คืบคลานพี่เขาจะต้องกลับหอมืดไปน่ะสิ ...นี้แหละที่เป็นห่วง
กรอดดดดด....
สาวตรงหน้าทำอะไรไม่ได้ แต่ใจนั้นอยากให้จบการซ้อมงี่เง่าเร็วๆก็เลยจำต้องเป็นจำเลยชั่วคราวเพื่อจะจบเรื่องแล้วได้อิสรภาพคืนสักที!
ผมแอบอมยิ้มอยู่คนเดียวก่อนจะขยับเท้าเข้าไปหา ฝ่ามือหนารวบคนมือเล็กขึ้นมายังท่าเริ่มต้นอีกครั้ง คนตัวเล็กเงยหน้ามอง ผมคลี่ยิ้มอ่อนก่อนจะสอดมือดันแผ่นหลังของพี่เขาให้เข้ามาใกล้ตัว และแล้วผลตอบรับที่ได้คือพี่เขาเบิกตาโตพร้อมกับสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ!
“ นี้นาย...!! ” เสียงหวานกลายเป็นเสียงแข็งกร้าว พร้อมกับจิกสายตามองมาที่ผมอย่างโมโห พี่เขาไม่ตวาดเปล่ากลับดิ้นไปมาราวกับกำลังบอกให้ผมปล่อยเธอออกไป แหมก็ดูสภาพเราสองคนในตอนนี้สิ ผมจับมือพี่เขาข้างหนึ่งตั้งท่าเต้นรำ ส่วนมืออีกข้างสัมผัสที่แผ่นหลังไม่ให้พี่เขาก้าวถอยหนี เหมือนกับว่าพี่เขากำลังถูกผมสวมกอดจากด้านหน้าเลยว่าไหมละ
“ ชู่วววว์.... ” ทันทีที่เสียงเปียโนเปล่าบรรเลงจบ เสียงแซกโซโฟนนุ่มๆก็บรรเลงสวนขึ้นมาเป็นทำนองนุ่มสบาย อ่อนโยน แถมยังไพเราะจับใจเสียจนคนที่ไม่เคยฟังดนตรีทางนี้ถึงกับชะงัก ร่างสูงเห็นดังนั้นจึงค่อยๆสาวเท้าขยับตามจังหวะที่นุ่มนวล
“ ทีนี้....ขยับตามผมนะ ก้าวเท้าขวา ครับใช่.... ต่อไปขยับไปทางซ้าย...ไม่ๆ เท้าซ้าย ใช่ถูกครับ ” ท่ามกลางเสียงดนตรีที่ขับกล่อมอยู่ ดูเหมือนเสียงดนตรีที่กำลังบรรเลงกำลังทำให้คนดื้อด้านผ่อนอารมณ์ตาม....แล้วค่อยๆเข้าสู่ห้วงทำนองต้องมนต์อย่างช้าๆ เสียงเปียโนบรรเลงสลับเคล้าโดยให้เสียงแซกโซโฟนที่กำลังบรรเลงอยู่เด่นขึ้นเป็นทวีคูณ ใบหน้าบึ้งตรึงของคนตรงหน้ามลายหายไปพร้อมกับตั้งใจขยับกายตามคำสอนของอีกคนมากขึ้น
“ ค่อยๆหมุนครับ....ไม่ๆ หมุนออกครับ....นั้นแหละ ช้าๆ ช้าๆ!! นั้นแหละ...ตามเสียงเพลงครับ....ที่นี้ค่อยๆม้วนตัวกลับ ”
หญิงสาวที่ค่อยๆสงบลงกลับรู้สึกกำลังมีความสุขกับสิ่งที่ทำอย่างน่าประหลาด....เสียงดนตรีมันกำลังชักนำให้เธอผ่อนคลายแล้วล่องลอย โดยมีเสียงทุ้มต่ำของคนตรงหน้าคอยเอ่ยอย่างนุ่มนวลชวนฟังชอบกล....ถ้อยคำอ่อนโยนคล้ายเสียงแซกโซโฟนที่กำลังบรรเลงอยู่กลับทำให้เธอฟังอย่างว่าง่าย เสียงดนตรีที่ประสานคนสองขั้วให้ค่อยๆเข้าหากันอย่างช้าๆโดยที่ไม่มีใครได้รู้ตัว....ร่างอรชรที่คอยขยับเท้าผิดจังหวะจนต้องเริ่มใหม่บ้าง เหยียบเท้าบ้าง ก้าวผิดจังหวะบ้างนั้นเกิดขึ้นไม่รู้กี่ครั้ง แต่กลับมีแต่เสียงหัวเราะอย่างเป็นสุขของคนทั้งคู่
เสียงแซกโซโฟนที่บรรเลงช่างเพราะจนคิ้วได้รูปเลิกขึ้นพลางหลับตาพริ้มรับรู้ถึงความอ่อนโยนของคนเป่า โดยที่สายตาคมยังจับจ้องคนเรือนหน้าได้รูปอยู่อย่างหลงใหล แม้นจะมีสิว กระ ฝ้า ค่อยลดความลงตัวของพี่สาวลง...แม้จะยังไม่เคยมีชายใดพิชิตใจได้ แต่ทว่าทีท่าธรรมชาติ ไม่มีจริตมารยา กลับทำให้เขาหยุดไม่ให้มองไม่ได้จริงๆ กลิ่นแชมพูอ่อนๆจากโคนผมที่โชยมาตามสายลม ไอร้อนๆจากลมหายใจรดอยู่ตรงแผงอก ทำให้ผม...รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาสะเฉยๆ//// ทันทีที่ท้วงทำนองบรรเลงมาจนถึงตอนจบคนเรือนเล็กขยับตัวออกพร้อมกับเว้นระยะห่าง
“ โทษที.... ” พี่เขาพูดพร้อมกับก้มใบหน้าไปที่พื้นเมื่อรู้ว่าบทเพลงเพิ่งบรรเลงจนถึงท่อนสุดท้าย ผมแอบอมยิ้มอยู่คนเดียวก่อนจะคลายมือทั้งหมดออกพร้อมผละถอย แม้จะรู้สึกเสียดาย แต่ทว่าการซ้อมเต้นรำในวันแรกก็คงต้องจบลงเท่านี้
“ เท่านี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้วครับ สำหรับคนที่เพิ่งเคยเต้นรำสากล.... ” เราซ้อมได้แค่ท่อนแรกของเพลงเท่านั้น ยังเหลืออีกสามในสี่ที่ยังต้องเอาไว้ว่ากันใหม่ในภายหลัง การที่ต้องปูพื้นฐานใหม่และคอยกับจังหวะก้าวให้กับคนที่มีพื้นไม่ค่อยดีนั้นยากอยู่พอสมควร ฉะนั้นแล้ววันนี้คงต้องจบแค่นี้สินะ...ผมเดินไปเก็บลำโพงบลูทูธขึ้นมาพร้อมกับเตรียมจะไปด้านนอก และแล้วจู่ๆชายเสื้อก็ถูกกระตุกจากด้านหลัง
“ เอาไปซิ.....ปากกับแขนเป็นแผลไม่ใช่? ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับฝ่ามือเล็กๆหยิบยื่นบางอย่างให้สองชิ้นก่อนที่เจ้าตัวจะรีบสาวเท้าออกไปหาเพื่อนสาวคนสนิทโดยทิ้งผมที่ยังยืนอึ้งตะลึงงันไว้ด้านหลัง ผมเหม่อมองก่อนจะรับมาด้วยความงงงวยเล็กน้อย พอหยิบขึ้นมามองใกล้ๆก็พบว่าซองนั้นคือพลาสเตอร์แปะแผลสองชิ้นลวดลายเป็นสัตว์โลกผู้น่ารักสีสันพาสเทล
ไม่คิดว่าจะได้ของชิ้นแรกจากพี่เขาเลยนะนั้น....บ้าเอ๊ย /////
ชาลเรียกผมให้รีบตามมาเพื่อจะได้ไปส่งหญิงสาวสองคนให้ถึงหอพักของตนอย่างปลอดภัย ฝ่ามือจึงจำต้องเก็บงำของสำคัญลงไปในกระเป๋ากางเกงพร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาอย่างฉุดไม่อยู่
ไม่อยากใช้ อยากเก็บเอาไว้ เพราะถ้าใช้มันก็ต้องทิ้ง....ฉะนั้นผมจะเก็บเอาไว้ไม่ยอมใช้เด็ดขาด นัยน์ตาทอแสงอ่อนอย่างอ่อนโยน ดวงใจที่เต้นตึกตักอยู่ตอนนี้ได้ทะลุออกจากอกไปเรียบร้อยแล้ว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
