ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) BTS | KookV Yoonmin | Another World : Bleeding Heart #ฟิคต่างภพกุกวี

    ลำดับตอนที่ #8 : Another World : Bleeding Heart | Chapter 8 [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.6K
      116
      9 ธ.ค. 61




    Another World : Bleeding Heart
    - Chapter 8 -


    "อะไรนะ?" เจเรมี่ถามเสียงสูง "เป็นไปไม่ได้หรอก มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน? ถ้าจะเกิดก็เกิดขึ้นได้ยากมากเลยนะ"


    มันก็จริงอย่างที่เจเรมี่เอ่ยปากถาม เหตุการณ์ที่ว่าความทรงจำสลับกันมันเกิดขึ้นได้ยากมาก การที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นนั้นมันมีเพียงหนึ่งในไม่กี่ล้าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงเกิดขึ้นได้


    "สิ่งที่เป็นไปได้ ย่อมเป็นไปได้เสมอ" นาธานพูด "มันได้เกิดขึ้นแล้ว ทั้งเจ้าแล้วก็วินเซนต์"


    "หากเป็นเช่นนั้นจริง แล้วทำไมข้ากับวินเซนต์ถึงจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้" เจเรมี่ถามด้วยความคาใจ แต่เป็นคำถามที่ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด "ข้ากับวินเซนต์จำแทบไม่ได้เลย หากจำได้ก็ไม่มาก อะไรเนี่ย ข้างงไปหมดแล้ว"


    "ไม่ใช่เจ้าคนเดียว พวกเราก็งง" ออกัสตัสพูด "ข้าว่าข้าขอเรียบเรียงเหตุการณ์สักครู่นะ"


    "เจ้ากับวินเซนต์หลับไปร้อยปี" เจเดนเริ่มพึมพำกับตนเองอีกครั้ง "จำเรื่องราวก่อนที่จะหลับไปไม่ได้เลย แต่ก็จำเรื่องราวบางเรื่องได้ไม่มาก บางเรื่องก็สลับกัน นั่นแปลกมาก"


    "ข้านี่สิแทบจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยขอบอก" ไฮลาเรียสพูดพลางนวดขมับของตนเองไปมา "ข้าว่าถ้าถามคำถามว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนนั้นง่ายกว่าเสียอีก นี้แหกโค้งเล่นมาเป็นความทรงจำเลย"


    "ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน" ออกัสตัสพูด


    "ข้าว่าหาความทรงจำให้สหายรักอย่างวินเซนต์และเจเรมี่นั้นง่ายกว่าอีก"


    ไฮลาเรียสยกมือขึ้นมาทั้งสองข้าง รู้อยู่แล้วว่าออกัสตัสต้องมาเล่นมุขย้อนถามแบบนี้ ถึงเขาจะถูกประชดประชันแบบนี้บ่อย ก็ยังรู้สึกเดือดดาลที่ถูกขัดโดยออกัสตัสอยู่เป็นประจำ


    ไฮลาเรียสกัดฟันแน่นจนขมับปูดบวมขึ้นมาเพื่อระงับคำพูดอันหยาบคายใส่ออกัสตัส เจเรมี่แอบชำเลืองดูคนที่ถูกขัดคอเล็กน้อย พลางแอบยิ้มเล็กน้อยกับความตลกขบขันของคู่หูคู่กัดคู่นี้



    แต่หารู้ไม่ว่า ออกัสตัสแอบยิ้มกับความน่ารักของร่างเล็กเช่นกัน



    "แต่จะเป็นยังไงก็ตามเถอะ" เจเดนพูดขึ้นมาและเดินมาหาเจเรมี่ ทำให้ร่างเล็กที่กำลังชำเลืองมองดูไฮลาเรียสที่กำลังกัดฟันแน่นจนขมับปูดบวมนั้นต้องละสายตาและหันมามองเจเดนทันที "พวกเราต้องหาตัวการเรื่องนี้"


    "หา? อะไรนะ?" ร่างเล็กทวนคำพูด "หาตัวการเรื่องนี้?"


    เจเดนพยักหน้า


    "แล้วจะหาได้อย่างไรเล่า เรื่องราวก็เกิดขึ้นไปตั้งร้อยปีแล้ว จะหาตัวการก็ยากมากๆเลยนะ ไม่ใช่ว่าจะย้อนเวลากลับไปเมื่อร้อยปีที่แล้ว แล้วก็ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับข้าและวินเซนต์นะ"


    เจเรมี่เอ่ยอย่างเศร้าๆ แต่คนที่ฟังอย่างเจเดนนั้นก็พุ่งเข้าหาเจเรมี่แล้วก็จับไหล่เล็กแน่น มือก็เผลอบีบอย่างแรงจนคนที่ถูกบีบนั้นรู้สึกเจ็บมาก ใบหน้าก็บิดเบี้ยวจนทุกคนเห็นได้ชัด


    "เจเรมี่ ฟังข้านะ" เจเดนพูดแล้วก็ก้มหน้า ทำให้ร่างเล็กนั้นมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัด แต่สัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายนั้นสั่นเป็นอย่างมาก "ข้าทนเห็นวินเซนต์จำเรื่องราวระหว่างข้ากับเขาไม่ได้ หัวใจของข้านั้นเจ็บปวดเหลือเกินที่เห็นคนที่ข้ารักนั้นลืมความทรงจำไปเกือบหมด"


    "ทะ...ท่านเจเดน"


    "ข้าต้องขอร้องเจ้าแล้วเจเรมี่ ได้โปรดช่วยดูแลวินเซนต์แทนข้าที เจ้าก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของไลแคนท์และแวมไพร์นั้นมันแย่มากในตอนนี้ ข้าเองก็ไม่มีเวลาที่จะอยู่ใกล้ๆเขาเลย"


    "น้ำเน่าซะไม่มี..." ไฮลาเรียสเอี้ยวตัวกระซิบบอกนาธาน แต่คนที่ถูกกระซิบบอกนั้นเอาศอกกระทุ้งท้องแรงๆ จนไฮลาเรียสนั้นรู้สึกจุก "อะไร! แค่พูดเล่นเฉยๆ"


    "เจ้าช่วยดูแลวินเซนต์แทนข้าได้ไหม?" เจเดนพูด "ข้าขอร้อง"


    เจเรมี่รู้สึกว่าตอนนี้เหมือนมีหินก้อนใหญ่มาวางบนตาชั่งใจของเขา หินก้อนนั้นคือคำขอร้องของเจเดน ส่วนอีกข้างหนึ่งนั้นเป็นทิฐิของแวมไพร์ที่มีต่อไลแคนท์ ว่าไลแคนท์นั้นเป็นศัตรูของแวมไพร์ มันทั้งหนักและรู้สึกแย่ไปในเวลาเดียวกัน จะรับปากก็กลัวว่าเหล่าแวมไพร์ที่เหลือนั้นจะล่วงรู้ว่าเขานั้นแอบสมคบคิดกับไลแคนท์


    แต่อีกใจหนึ่งก็ขัดแย้งแล้วก็บอกว่า ความแตกแยกของแวมไพร์และไลแคนท์นั้นมันดำเนินมาเกือบร้อยๆปีแล้ว และแน่นอนว่ามันต้องดำเนินมายาวนานมาก เขาอยากจบเรื่องนี้ เพื่อที่ทั้งสองฝ่ายนั้นจะได้กลับมาปรองดองอีกครั้ง อีกอย่าง แค่เพียงทำตัวปกติเหมือนกับทุกๆวันต่อวินเซนต์นั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไรมากมายนัก



    แล้วเจเดนนั้นเป็นไลแคนท์ที่มีความรักต่อสหายรักของเขา



    จะปฏิเสธนั่นก็ถือว่าใจร้ายใจดำเป็นอย่างมาก



    "ข้ารับปากท่าน" เจเรมี่ตอบ ในที่สุดคำขอร้องของเจเดนนั้นก็มีน้ำหนักมากกว่าที่เขาชั่งใจเอาไว้ คนที่ขอร้องเงยหน้าขึ้นมา สายตามองด้วยความขอบคุณที่เปี่ยมล้น "แต่อย่างไรเสีย ข้ากับวินเซนต์นั้นก็เป็นสหายรักกัน อีกทั้งยังอยู่คฤหาสน์ด้วยกัน คงไม่มีปัญหาอะไรมากมาย ท่านจงไว้วางใจเถอะ"


    "ขอบคุณเจ้ามาก" ร่างสูงตอบ "ข้าเองก็ไว้วางใจที่เจ้าจะช่วยดูแลเขา"


    "ท่านจงอย่าห่วงไปเลย อีกอย่างในเวลานี้เหล่าแวมไพร์พวกนั้นคงตามหาข้ากันใหญ่แล้ว ข้ารู้สึกซึ้งใจพวกท่านยิ่งนักที่ไม่ทำร้ายข้า ข้าขอตัวก่อน" ร่างเล็กกล่าวพร้อมกับหมุนตัวและเตรียมตัวที่จะเดินออกไป แต่ก็มีใครสักคนพูดขึ้นมาชะงักเขาไม่ให้ไปไหนเอาไว้เสียก่อน


    "ข้าจะไปส่งเอง"


    "ว้าว! ท่านพี่ออกัสตัส! ท่านก็ใจกว้างมากๆเลยนะเนี่ย!" ไฮลาเรียสแซวออกัสตัสที่ลุกออกมาจากโซฟาตัวโปรด "ร้อยวันพันปีก็เพิ่งจะเห็นท่านลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายโดยกานอาสาไปส่งเจเรมี่กลับคฤหาสน์ ถือว่านี่เป็นโอกาสใหญ่ที่จะปิดซอยฉลองกันนะ!"


    ออกัสตัสพุ่งเข้าหาไฮลาเรียส พลางดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายและเขย่งตัวขึ้นด้วยปลายเท้าเพราะเนื่องจากว่าเขาตัวเล็กกว่าไฮลาเรียส ส่วนคนที่ถูกกระชากคอเสื้อนั้นยิ้มแหยๆออกมา เนื่องจากออกัสตัสนั้นตีสีหน้าเคร่งขรึมและกัดฟันแน่นจนขมับเป็นสันนูนขึ้นมา


    "หากเจ้าไม่ขัดข้าสักวัน มันไม่ได้ทำให้อุกกาบาตต้องมาชนโลกจนระเบิดหรอกนะ"


    "ทีท่านล่ะ! ท่านพูดขัดข้า หรือแซวข้าในทุกครั้งและทุกประโยค ข้าไม่เห็นจะว่าท่านหรือจะทำแบบนี้เลยสักครั้ง! พอข้าทำบ้างล่ะ แสดงออกชัดเจนมาก!"


    "ข้าทำได้ แต่เจ้าทำไม่ได้" ออกัสตัสพูด "เข้าใจ๊?"


    หลังจากนั้น ออกัสตัสก็ผละออกจากไฮลาเรียสอย่างรวดเร็ว เดินมาคว้าข้อมือของเจเรมี่และพาออกไปจากห้องทันที คนที่ถูกดึงของเสื้อนั้นมองไปที่นาธาน


    "อะไรของเขาน่ะ? ทีข้าแหย่เล่นบ้างก็โมโห"


    "ช่างเขาเถอะ" นาธานพูดเพื่อให้อารมณ์ของไฮลาเรียสสงบลง "เขาอายุเยอะที่สุด อย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับเขามากเลย เดี๋ยวเจ้าก็จะโดนแบล็กคิกหรอก"


    ทุกๆครั้งที่ทั้งสองทะเลาะกันเสร็จก็จะจบลงด้วยอารมณ์เสียแบบนี้อยู่เสมอ คนที่ตั้งตนเป็นกลางอย่างนาธานนั้นก็ต้องมาเกลี้ยกล่อยให้ใจเย็น ส่วนเจเดนน่ะหรือ อย่าไปหวังถึงเข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อมเลย เพราะในทุกๆวันนั้นเขาก็เก็บตัวอยู่ในห้องแล้ว


    ในบางครั้งนาธานก็สงสัยว่าทำไมเจเดนถึงเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยออกมาเจอ ออกมาทักทายกับไลแคนท์ตนอื่นๆบ้าง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามเจเดนอะไร เพราะว่านั่นเป็นเวลาส่วนตัวของเขาด้วย


    ไฮลาเรียสเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มของตนเองพร้อมกับพยักหน้าไปมาบอกว่าเขาเข้าใจแล้ว ก่อนจะเดินเกาศีรษะตนเองออกไปจากห้องด้วยความเซ็งจิต



    ทางด้านออกัสตัส


    "เจ้าเดินมาไกลมากแล้วนะ" เขาพูดโดยที่เอามือทั้งสองของตนเองนั้นใส่กระเป๋าเสื้อคลุมเอาไว้ คนที่ฟังนั้นก็ส่ายหน้าไปมาแล้วก็เดินต่อไปโดยไม่สนใจว่าจะขอความช่วยเหลือหรือว่าบ่นออกมาเลย


    รอบด้านนั้นมีแต่ต้นไม้ใบหญ้าและมีมอสที่ขึ้นตามซอกหิน เนื่องจากว่าช่วงนี้เป็นฤดูฝน ทำให้มีแต่มอสหรือพืชประเภทที่ขยายพันธุ์ด้วยสปอร์ขึ้นเหมือนดอกเห็ด


    และนั่นมันก็ทำให้ร่างเล็กนั้นต้องลื่นหรือไม่ก็สะดุดอยู่บ่อยๆ อีกประการหนึ่งก็ทำให้เจ้าตัวเองก็หัวเสียเป็นอย่างมากที่สะดุดลื่นอยู่แบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา


    "ทำใจหน่อยก็แล้วกัน" ออกัสตัสพูด "ช่วงนี้เป็นหน้าฝน"


    เจเรมี่ที่ล้มไปกับพื้นดินนั้นพยุงร่างของตนเองขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ตอนนี้เขาล้มไม่ต่ำกว่าห้าครั้งแล้วล่ะ


    "ข้าเกลียดหน้าฝนที่สุด" เจเรมี่สบถ "มันทำให้เนื้อตัวของข้าเหียวเหนอะหนะไปหมด"


    "เจ้าเปลี่ยนแปลงธรรมชาติไม่ได้หรอก"


    "เรื่องนั้นข้ารู้น่า" เจเรมี่ตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเซ็งๆ พลางกลอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่ายอีกด้วย เห็นออกัสตัสครั้งแรกก็รู้เลยว่าหมอนี่เป็นไลแคนท์ที่ค่อนข้างเย็นชาและมีหลักการชัดเจนเป็นอย่างมาก


    "เดินไปแบบนี้มันต้องทำให้เจ้าสะดุดล้มอีกแน่นอน" ออกัสตัสพูดพลางกลอกตามองเจเรมี่ที่ล้มลงไปอีกครั้ง ทันใดนั้นเองหูของเขาก็ได้ยินอะไรบางอย่างที่กำลังมาทางนี้


    ไม่ทันที่เจเรมี่กำลังปัดโคลนออกจากเสื้อคลุมสีดำของตนเอง เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างโฉบร่างของเขาลอยขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว พอมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าออกัสตัสนั้นได้กลายร่างเป็นไลแคนท์แล้วกำลังโอบร่างของเขาเอาไว้



    แล้วตอนนี้พวกเขาทั้งคู่อยู่บนกิ่งไม้ด้วย



    เจเรมี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจที่จู่ๆออกัสตัสก็กลายร่างเป็นไลแคนท์ แล้วตอนนี้ก็กำลังโอบร่างของเขาเอาไว้อีกด้วย ไม่ทันที่จะเอ่ยปากถามอะไรก็ถูกปิดปากไปเสียก่อน


    "เฮ้อ...ข้าล่ะเกลียดจริงๆที่ต้องมาหาแร่อะไรพวกนี้"


    "จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็พวกเราต้องหาแร่มาทำกระสุนเพื่อใช้ยิงเจ้าพวกแวมไพร์นี่"


    "ป่านนี่พวกแวมไพร์กลัวหดตดหายกันแล้วล่ะมั้ง ได้ยินว่าขาดตัวหมากสำคัญไปแล้วนี่นา ขาดไปตั้งสองตัวเลย แถมยังอยู่ในกำมือพวกเราแล้วด้วย"


    "แบบนี้ถึงตาของไลแคนท์บ้างล่ะ พวกแวมไพร์จะได้รับรู้ถึงความพ่ายแพ้ที่เราเคยรับรสกลิ่นอายแบบนั้นมาเกือบร้อยปีด้วย"


    "ถ้าอย่างนั้นก็ดี รีบๆกลับฐานของพวกเราเถอะ จะว่าไปเดินไปเดินมาแบบนี้ข้าล่ะเกลียดกลิ่นไอดินชะมัด มันทำให้เนื้อตัวของข้าเหนียวเหนอะหนะไปหมด"


    และแล้วไลแคนท์ทั้งห้าตนเองที่เดินแบกกระบุงอยู่ด้านหลังและสนทนาถึงเรื่องเมื่อกี้ก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันได้สังเกตว่าทั้งออกัสตัสและเจเรมี่นั้นอยู่บนกิ่งไม้ แถมยังได้ยินทุกประโยคที่พูดคุยกันอีกด้วย


    เจเรมี่เงียบไปหลังจากที่ได้ยินบทสนทนาของเหล่าไลแคนท์ทั้งห้าที่เดินผ่านไปเมื่อกี้ นี่เกมอาจพลิกแล้วอาจเป็นโชคของพวกไลแคนท์ก็เป็นได้ ที่พวกนั้นได้ค้นหากระสุนผสมเงินและทองคำบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แวมไพร์นั้นต้องนอนอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกนั้นด้วย



    และนั่นก็เป็นกระสุนที่วินเซนต์เจอตอนที่สู้กันในสถานีรถไฟอีกด้วย



    ไม่ทันที่เจเรมี่กำลังจะคิดอะไรต่อไป ออกัสตัสก็กระโดดลงจากกิ่งไม้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลมตีใบหน้าของร่างเล็กจนลูกตาแทบกระเด็นออกจากเบ้าตา แถมยังรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่เท้าของร่างหนานั้นกระทบลงบนพื้นด้วย ราวกับว่าเครื่องในของเขานั้นแทบจะไปกองรวมกับสมองเลยล่ะ


    ปลายเท้าแตะลงบนพื้นดินอย่างช้าๆ ก่อนจะมองร่างของออกัสตัสที่กลายเป็นร่างไลแคนท์ด้วยสายตาเหม่อลอย ความรู้สึกแปลกๆนั้นเกิดขึ้นกับร่างเล็กอย่างผิดปกติ ไม่เคยรู้สึกถึงอะไรแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง



    เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน



    เหมือนเคยรักกันมาก่อน



    เหมือนเคย...



    รู้สึกถึงความสัมพันธ์ที่เป็นคนรักมาก่อน



    "เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?" ออกัสตัสเรียกถามเจเรมี่ที่สติหลุดมองไปที่ไหนก็ไม่รู้ให้กลับมา ร่างเล็กชะงักรู้สึกตัวขึ้นมาก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้ตาของตนเองซ้ำๆ พบว่าตอนนี้อีกฝ่ายได้กลับมาเป็นมนุษย์แล้ว


    เจเรมี่พ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะถามออกมาตรงๆ


    "ท่านออกัสตัส" ร่างเล็กเรียก "ข้ากับท่านเคยเป็นอะไรกันมาก่อนหรือ?"


    คนที่ถูกถามไม่ตอบ พลางรีบหันกลับไปทางอื่นและคว้าข้อมือของร่างเล็กเพื่อที่จะพาไปส่งที่คฤหาสน์ของเหล่าแวมไพร์ แต่ก็ถูกดึงเอาไว้


    "ได้โปรด บอกข้าที ข้าเคยเป็นอะไรกับท่าน"


    "แล้วเจ้าจะรับได้ไหมล่ะ?" ร่างหนาย้อนถาม


    "ข้ารับได้หมด โปรดบอกข้ามาด้วยว่าข้าเคยเป็นอะไรกับท่าน"


    "คู่รัก" ออกัสตัสตอบอย่างไม่คิดว่าจะเกิดอะไรต่อไป "เจ้ากับข้าเคยเป็นคู่รักกันมาก่อน เหมือนกับสหายรักของเจ้า วินเซนต์"


    เจเรมี่ก้มลงมองพื้นดินอย่างครุ่นคิด ส่วนออกัสตัสนั้นก็เอามือทั้งสองเท้าเอวแล้วก็เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มของตนเอง รอว่าร่างเล็กนั้นจะถามคำถามอะไรออกมาอีก แต่ทว่ากลับไม่เป็นอย่างที่เขาได้คิดเอาไว้


    "ข้าฝันว่าวันหนึ่งข้าจะได้เคียงคู่กับคนที่ข้ารัก" ร่างเล็กเริ่มพูด "ฝันว่าจะอยู่ด้วยกัน ไร้พรมแดนว่าเราทั้งสองนั้นเป็นแวมไพร์และไลแคนท์ แต่มันกลับไม่ไปเป็นอย่างที่ข้าคิดเอาไว้ ข้ากลับหลับไปร้อยปี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่เกิดก่อนหน้านั้นมันมีอะไรบ้าง แล้วทำไมความทรงจำของวินเซนต์ต้องมาอยู่ในหัวของข้าด้วย


    แต่ทำไมเมื่อข้าได้รับรู้ถึงอ้อมกอดของท่านแล้วข้ารู้สึกอุ่นใจยิ่งนัก ราวกับว่าท่านเคยโอบกอดข้าเช่นนี้มาก่อน ข้าจำได้ว่าครั้งแรกที่ข้าตื่นขึ้นมาแล้วอยู่ที่น้ำตกแห่งนั้น คือท่านที่พาข้ามาที่แห่งนั้น ไม่ใช่ท่านนาธาน ที่ข้ารู้ว่าคือท่านนั้นก็คืออ้อมกอดของท่านนั่นเอง"


    "เจ้ารู้ด้วยว่าคือข้า" ออกัสตัสพูด "ข้ากับเขาอุตส่าห์วางแผนที่จะพาเจ้ามา มันอาจจะรุนแรงไปหน่อย แต่ในที่สุดแล้วข้าก็ได้พบกับเจ้า ข้าคิดถึงเจ้านะเจเรมี่ ร้อยปีแล้วที่เราทั้งสองไม่ได้เจอกัน"


    "ข้ารู้ว่ามันนาน แต่วันนี้เราทั้งสองก็ได้พบกันแล้ว"


    "ขี่หลังข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปดูอะไรบางอย่าง" ออกัสตัสพูดแล้วก็ก้มลงกับพื้น ขนสีเงินและเทาก็ขึ้นมาตามร่างกายของเขา ร่างกายก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งกลายเป็นไลแคนท์เต็มตัว


    เจเรมี่ขึ้นขี่หลังของออกัสตัส ก่อนที่เขาจะรับรู้ได้ว่ามีลมแรงพัดกระแทกเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง ร่างเล็กรู้สึกแสบตาขึ้นมาก่อนจะหลับตาลงแล้วซบใบหน้าลงบนแผ่นหลังของอีกฝ่าย พอมารู้ตัวอีกทีก็พบว่าออกัสตัสนั้นหยุดลงบนที่ไหนสักที่หนึ่งในลอนดอน


    "เอาละ! ลืมตาได้"


    ร่างเล็กลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ แสงอาทิตย์กระทบใบหน้าจนต้องหรี่ตาเพื่อปรับสภาพสายตาก่อน สายตาของเขานั้นเริ่มมองเห็นชัดขึ้นทีละนิดๆ พบว่าตอนนี้ตนเองอยู่บนตึกสูง แต่ก็ไม่น่าใช่ตึกเสียเท่าไหร่ เพราะว่าพื้นที่เขากำลังเหยียบนั้นมันเบี่ยงแปลกๆ พอมองดีๆก็พบว่าตนเองอยู่ที่...



    ด้านบนของหอนาฬิกาบิกเบน



    เจเรมี่รู้สึกว่าตอนนี้ขาของเขาเริ่มทรงตัวไม่อยู่แล้ว ขาซ้ายของเขาถอยหลังและเหยียบลงบนพื้นผิดจังหวะจนทำให้เขาสะดุดเล็กน้อย แสงอาทิตย์นั้นกระทบเข้าที่ดวงตาของเจเรมี่อีกครั้งจนต้องยกมือขึ้นมาบังหน้า



    แต่ที่แปลกก็คือ ทำไมร่างกายของเขาไม่รู้สึกร้อนเมื่อถูกแสงอาทิตย์เลยล่ะ



    "โชคดีนะที่เจ้าไม่ได้ดื่มเลือดมนุษย์ ไม่งั้นเจ้าได้ไหม้เกรียมเป็นบาร์บิคิวแน่ๆ" ออกัสตัสพูดจากด้านหลังของเจเรมี่จนคนตัวเล็กหันหลังกลับมามอง พบว่าคนที่พาเขามาที่นี่นั้นได้กลับมาเป็นร่างมนุษย์แล้ว "ข้าว่าที่นี่สวยดีนะ ข้าชอบมาที่นี่ทุกครั้งที่ข้ารู้สึกเหงาหรือว่าว้าเหว่"


    คนตัวสูงนั้นพูดพลางเดินเข้ามาหาร่างเล็กที่ยืนอยู่บนพื้นที่เบี่ยงและเสี่ยงที่จะตกได้ทุกเมื่อ เมื่อคนที่ตัวเล็กกว่าเห็นดังนั้นก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะตกลงไปด้านล่าง จึงรีบคว้ามือเอาไว้อย่างรวดเร็ว


    "ระวัง!"



    ฟึ่บ!



    "เจ้าต่างหากที่ต้องระวัง ข้าชินเสียแล้วกับการที่มาที่นี่" ออกัสตัสดึงร่างของเจเรมี่เข้ามาหาตนเอง เพราะว่าเขาเห็นว่าเท้าของคนที่ตัวเล็กกว่านั้นเหยียบพลาดอีกแล้ว เกรงว่าจะตกลงไปก็เลยรีบดึงร่างเล็กเข้ามาอย่างรวดเร็ว



    แต่หารู้ไม่ว่า ตอนนี้ใบหน้าของเจเรมี่นั้นซบเข้าที่อกของออกัสตัสพอดี



    ร่างเล็กชะงัก ก่อนที่จะผละออกจากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วเนื่องจากตกใจ พร้อมกับกล่าวขอโทษอย่างจริงใจกับการที่ทำให้ร่างสูงนั้นต้องตกใจและทำตัวไม่ถูกแบบนี้


    "ขะ ข้า...ข้าต้องขอโทษด้วย" เจเรมี่กล่าว "ข้าว่าต้องกลับแล้ว"


    แต่ช้าไป คนตัวสูงได้คว้าแขนของร่างเล็กไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะประทับจูบลงไปอย่างรวดเร็ว สายลมอ่อนๆพัดมาอย่างช้าๆซึ่งนั่นทำให้ผมของทั้งสองนั้นปลิวไสวไปมาราวกับใบไม้ยามต้องลมพัด


    เปลือกตาทั้งสองปิดลงอย่างช้าๆ ดื่มดำรสจูบแห่งความโหยหาคราที่มิได้พานพบหน้ากันตั้งหนึ่งร้อยปี ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วอนูขุมขนของทั้งสอง ทั้งความสุข ทั้งความรัก ทุกอย่างมันหลอมรวมและกลั่นเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้ม



    ท่ามกลางความขัดแย้ง



    ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่เป็นไปไม่ได้ ระหว่างแวมไพร์และไลแคนท์



    หากว่าพวกเขาขอให้เพียงแต่ต้องการให้เวลาหยุดลงเพียงเท่านี้ หรือไปทั้งชั่วชีวิต พวกเขาก็ยอม



    แต่มันเป็นไปได้ด้วยหรือ เพราะอย่างไรก็ตาม บทสุดท้ายก็ต้องจับอาวุธมาฆ่ากันอยู่ดี





    #ฟิคต่างภพกุกวี






    TBC. [11:10:2018]


    หวัดดีค่าทุกคน~ มาต่อแล้ว รอโมเมนต์ของคู่ยุนมินนานไหมคะ 555555

    เอาจริงๆแล้วเนี่ย ตอนนี้เป็นตอนที่เราแต่งได้กระเตื้องช้าที่สุดแล้วค่ะ เพราะเนื่องจากช่วงนี้มีเรื่องเงินๆทองๆที่เราต้องสะสาง แล้วก็มีเรื่องแปลกๆ หรือไม่ก็เรื่องไม่ดีๆเกิดขึ้นอีกด้วยค่ะ พอหัวล้มถึงหมอนก็ไม่อยากจะทำอะไรแล้ว


    มาเอาใจช่วยความรักข้ามสายพันธุ์ระหว่างแวมไพร์และไลแคนท์กันต่อในตอนหน้านะคะ ว่าจะเกิดเรื่องราวที่ทดสอบความรักของทั้งสองนั้นอย่างไรบ้าง แล้วสุดท้ายเรื่องราวนั้นจะลงเอยอย่างไร อย่าลืมเฟบ โหวต แชร์ กดให้กำลังใจ สกรีมฟิคในทวิตเตอร์หรือว่าคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยนะคะ ถ้าฟีดแบคดีเท่ากับไรเตอร์ได้กำลังใจและอัพตอนต่อๆไปนะคะ :)


    ปล. หากวันใดวันหนึ่งเราหายไป จงจำไว้อีกประการหนึ่งว่าเราเมากับดิสแร็ปของ Diamond อยู่ค่ะ...

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×