ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) BTS | KookV Yoonmin | Another World : Bleeding Heart #ฟิคต่างภพกุกวี

    ลำดับตอนที่ #15 : Another World : Bleeding Heart | Chapter 15 [100%] ♫

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.27K
      54
      15 ธ.ค. 61




    Another World : Bleeding Heart
    - Chapter 15 -


    หลังจากจบเหตุการณ์ที่วินเซนต์ปลิดชีวิตผู้อาวุโสไปเรียบร้อยแล้ว บรรยากาศทั้งหมดก็กลับมาอึมครึมเหมือนท้องฟ้าที่ฝนใกล้จะตก ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าผู้อาวุโสนั้นหลอกพวกเขา แถมยังเรียกสงครามระหว่างแวมไพร์และไลแคนท์มาให้จัดการอีก



    ภาระอันหนักอึ้งของวินเซนต์ที่แบกชีวิตเผ่าพันธุ์ของแวมไพร์



    ทั้งร้อยกว่าชีวิตฝากเอาไว้บนไหล่บางๆทั้งสอง



    "แล้วทีนี้พวกเราจะทำเช่นไรต่อไปดีล่ะ?" แวมไพร์หญิงตนหนึ่งเริ่มบทสนทนา "อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหลายนั้นก็มีไม่เพียงพอต่อพวกเรา แถมตอนนี้พวกไลแคนท์ก็น่าจะโจมตีพวกเราแล้ว พวกเราเองก็ไม่รู้จะหนีไปที่ไหนแล้ว ก็เพราะคฤหาสน์แห่งนี้พวกเราอาศัยอยู่มากว่าร้อยปีแล้ว จะให้จับมือแล้วหนีไปด้วยกันอย่างนั้นเหรอ?"


    "ที่ผ่านมา ผู้อาวุโสส่งข่าวและเรื่องราวทั้งหมดของแวมไพร์นั้นไปให้ลูกชายของเขา ก่อนที่เขาจะส่งต่อไปให้หัวหน้าไลแคนท์อีก" วินเซนต์พูดไปเดินไป "ทำให้ไลแคนท์รู้เรื่องราวทั้งหมดของแวมไพร์ แต่ตอนนี้ทั้งผู้อาวุโสและลูกชายของเขานั้นได้สิ้นชีพแล้ว ข้อมูลครั้งสุดท้ายนั้นอาจจะถูกส่งไปหาไลแคนท์แล้ว"


    "อาวุธของพวกเรานั้นก็มีไม่เพียงพอต่อจำนวนแวมไพร์ แถมยังมีเด็กและผู้หญิงอีก พวกเราต้องเลี่ยงการปะทะกับไลแคนท์ซึ่งๆหน้า" แวมไพร์ที่ดูแลคลังอาวุธนั้นยกมือพูด "แต่มันก็เป็นไปได้ยาก"


    "งั้นพวกเราไปเจรจาสงบศึกกับไลแคนท์ดีไหม?" แวมไพร์ตนหนึ่งออกความคิดเห็น "ข้าคิดว่าพวกนั้นน่าจะฟังพวกเราอยู่นะ บอกไปว่าแวมไพร์ขอประกาศยอมแพ้อย่างเป็นทางการ"


    "แต่ข้าไม่เห็นด้วย" แวมไพร์อีกตนพูดขึ้นมา "นั่นเท่ากับว่าพวกเรายอมทิ้งศักดิ์ศรีให้กับพวกไลแคนท์ได้เหยียบย่ำกันเล่นๆเลยนะ แวมไพร์ชนะไลแคนท์มากเกือบร้อยปีแล้ว หากพวกเราเจรจาสงบศึกกันก็ช่วยรักษาหน้าของท่านวินเซนต์ที่เสียสละตัวเองในการเข้าไปเจรจาและถูกลูกหลงด้วยเถอะ"


    "เรื่องนี้เราต้องรอความเห็นจากท่านวินเซนต์" แวมไพร์หญิงตนหนึ่งพูด และผายมือไปที่วินเซนต์ที่ยืนมองการเจรจาและหากลยุทธวิธีของแวมไพร์ทุกตนในเหตุการณ์ต่อไปที่จะถึง "ท่านมีความคิดเห็นเช่นไรบ้าง?"


    วินเซนต์หลับตาแล้วพูดขึ้นมาหลังจากแวมไพร์ตนเมื่อกี้พูดจบแล้ว ในตอนนี้เขารู้สึกว่ามีอะไรหนักๆมาวางบนศีรษะของเขาจนเกือบจะล้มลงไปนอนกับพื้น แต่ก็พยายามใช้จิตวิทยาในการพูดเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันในหมู่แวมไพร์


    "ข้ายอมรับความคิดเห็นของทุกๆท่านเสมอ" ร่างบางพูด "แต่การเจรจานั้นอาจเป็นไปได้ยาก เพราะว่าผู้นำของไลแคนท์หรือปู่ของเจเดนเองก็ต้องการล้างบางเพื่อเผ่าพันธุ์ตนเองเช่นกัน หากเข้าไปเจรจาก็เหมือนคุยกับหุ่นฟาง และของที่ได้รับกลับมานั้นอาจถึงแก่ชีวิต ซึ่งข้าเองก็ไม่ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้นเลย


    ดังนั้นข้าคิดแล้วว่าการเจรจานั้นต้องไม่ได้ผลแน่นอน สิ่งที่ดีที่สุดในการจบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ยืดเยื้อมาตั้งร้อยปีนี้ก็คือ สังหารผู้นำของไลแคนท์เสีย"


    ความเงียบกริบปกคลุมไปทั่วบริเวณ คนตัวเล็กรู้สึกว่าอกของตนเองนั้นหนักขึ้นมาอย่างดื้อๆ เมื่อเห็นสีหน้าของแวมไพร์ทุกตนที่จ้องมาที่เขาเป็นลูกเดียว สายตาเหล่านั้นมันทำให้ความอึดอัดที่อยู่ในใจของวินเซนต์นั้นตีรวนไปหมด ทำอะไรไม่ถูกเลยแม้แต่นิดเดียว


    เจเรมี่ที่ตั้งสติได้ก็รีบคว้าไหล่ของวินเซนต์มาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพูดเสียงดังใส่ แต่คนที่ถูกคว้าไหล่นั้นมีสีหน้าเหม่อลอย ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาทั้งสิ้น


    "เจ้าเป็นบ้าอะไรของเจ้า!" ร่างเล็กพูด "ให้ฆ่าปู่ของเจเดนเนี่ยนะ?"


    "วินเซนต์ เจ้าฟังข้าให้ดีๆนะ" แจ็กสันเข้ามาประกบ "ปู่ของเจเดนน่ะเป็นสุดยอดนักรบไลแคนท์เช่นเดียวกับเจ้า ถึงเขาจะดูชราภาพ แต่ที่จริงแล้วเขามีพลังมหาศาลเป็นอย่างมาก เพราะพวกไลแคนท์ค้นหายาอะไรบางอย่างมาต่อกรกับพวกเราแล้ว! การที่จะสังหารเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ


    อีกอย่าง ตอนนี้เจ้าไม่ใช่วินเซนต์ที่เย็นชาและเป็นเครื่องจักรสังหารอีกต่อไปแล้ว เจ้าจะทำเช่นไร?"


    "ท่านลองมาเป็นข้าดูสิ" วินเซนต์ตอกกลับ "ท่านไม่รู้หรอกว่าการที่ข้าตกอยู่บนห้วงเส้นด้ายความเป็นความตายของแวมไพร์ร้อยๆกว่าชีวิตที่ฝากความหวังเอาไว้ที่ไหล่ของข้า เจรจาเองก็ไม่เป็นผลแน่นอนเพราะปู่ของเจเดนนั้นต้องล้างบางพวกเรา เหมือนกับสิ่งที่พวกเราเคยทำกับพวกเขาเอาไว้เมื่อร้อยปีที่แล้ว


    วิธีที่ดีที่สุดที่จะตอกตะปูปิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้อย่างถาวรก็คือสังหารผู้นำของไลแคนท์ หรือปู่ของเจเดนเท่านั้น หากพวกนั้นขาดผู้นำไปก็จะไม่มีเสถียรภาพในการทำอะไรแน่นอน แล้วสองเผ่าพันธุ์ของพวกเรานั้นก็กลับมาสงบสุขเช่นเดิม แบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ?"


    "เจ้าไม่เข้าใจข้า วินเซนต์" แจ็กสันพูด "ข้าไม่ต้องการให้มือของเจ้าต้องเปื้อนเลือดอีกแล้ว เหมือนกับที่เจเดน คนรักของเจ้า แล้วก็พ่อแม่ของเจ้าเองก็เช่นกันที่ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น"


    "แต่เรื่องนี้คือเผ่าพันธุ์ของพวกเรา นี่คือพี่น้องของพวกเรา จะให้ข้าทรยศเผ่าพันธุ์ตนเองแล้วหนีไปกับเจเดนท่ามกลางการนองเลือดของสองเผ่าพันธุ์นี้หรือ แล้วท่านพ่อท่านแม่ของข้าและเจเรมี่ล่ะ พวกเขาจะเสียใจไหมหากข้าไม่สามารถปกครองเผ่าพันธุ์แวมไพร์ได้แล้วปล่อยให้ทุกคนต้องตายแบบนี้...?"


    ร่างบางพูดทั้งน้ำตาคลอเบ้า น้ำเสียงก็เริ่มสั่นเครือและมือทั้งสองนั้นก็กำแน่น แวมไพร์ทุกตนที่อยู่ตรงนี้รู้สึกหนักใจและสงสารวินเซนต์มาก พวกเขาเข้าใจแล้วว่าการที่วินเซนต์กำลังยืนอยู่ในตอนนี้มันรู้สึกกดดันมากแค่ไหน การที่ต้องแบกชีวิตของแวมไพร์ทุกตนอยู่บนเส้นด้ายระหว่างความเป็นความตายแบบนี้


    "ท่านวินเซนต์" แวมไพร์ตนหนึ่งเรียก "ในห้องครัวนั้นยังมีพวกเบียร์และเหล้าอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเราสามารถทำเป็นระเบิดได้และน่าจะพอใช้สำหรับศึกครั้งสุดท้ายนี้ ถึงมันจะไม่พอหรือใช้ได้ไม่มาก พวกเราก็จะขอสู้เพื่อเผ่าพันธุ์ตนเองให้ดำรงสืบไป"


    "..." วินเซนต์เงียบไป


    "พวกเราต้องการผู้นำ เช่นท่าน" แวมไพร์อีกตนพูดเสริม "ท่านเป็นผู้นำที่อ่อนโยน เห็นอกเห็นใจผู้อื่นและเป็นห่วงชีวิตของพวกเราด้วยใจจริง หากพวกเราต้องตาย พวกเราก็จะไม่เสียดายชีวิตเลย"


    "..."


    "ระยะเวลาความขัดแย้งของแวมไพร์และไลแคนท์นั้นมันดำเนินการมามากพอแล้ว ท่านจงอย่ากลัวไปเลย พวกเราจะขอร่วมสู้กับท่านจนเลือดหยดสุดท้าย! เพื่อท่านพ่อท่านแม่ เพื่อพี่น้อง เพื่อทุกคน และเพื่อเผ่าพันธุ์แวมไพร์!"


    แวมไพร์ทุกตนยกเทียนสีขาวที่อยู่ในมือเหนือศีรษะ และพูดเสียงดังเพื่อเรียกกำลังใจให้กับเผ่าพันธุ์ของตนเองในการปิดความขัดแย้งนี้ให้มันจบๆไป วินเซนต์มองไปรอบๆแล้วพบว่าสายตาของแวมไพร์ทุกตนนั้นมั่นใจ และมีความแข็งกร้าวในการที่จะทำศึกครั้งนี้


    "เพื่อแวมไพร์!!"


    "เพื่อเผ่าพันธุ์แวมไพร์!!" เสียงตะโกนดังลั่นไปทั่ว ทำให้หัวใจของวินเซนต์เต้นรัวด้วยความดีใจ อย่างน้อยทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็ยังไม่หมดศรัทธาในการที่จะจบความขัดแย้งทั้งหมด


    ร่างบางกำมือแน่น ก่อนจะยกขึ้นมาเหนือศีรษะของตนเองพร้อมกับเสียงเฮลั่นของเหล่าแวมไพร์


    "เฮๆๆ!!"


    "สู้เพื่อเผ่าพันธุ์แวมไพร์!!"



    หลังจากนั้นแวมไพร์ทุกตนก็ขยันขันแข็งในการทำระเบิดจากขวดเบียร์และเหล้าที่ยังเหลืออยู่ ก่อนที่จะบรรจุลงในลังไม้และใส่เกวียนเพื่อที่จะไปยังสนามกว้างนอกเมือง ซึ่งเป็นสมรภูมิที่แวมไพร์และไลแคนท์เปิดศึกไฟชี้ชะตาว่าเผ่าพันธุ์ใดเป็นผู้ชนะในศึกครั้งสุดท้าย และสามารถจบความขัดแย้งได้หรือไม่


    ไฟแห่งความฮึกเหิมนั้นลุกโชนไปทั่ว แวมไพร์ทุกตนก็ทำงานอย่างขยันขันแข็ง โดยในวินาทีนั้นห้ามหยุดแม้แต่นิดเดียว


    วินเซนต์เดินตรวจตราเอ่ยปากออกคำสั่งว่าให้แวมไพร์ตนไหนไปประจำอยู่พลปืน ระเบิด หรือว่าการต่อสู้ระยะประชิด แวมไพร์ทุกตนให้ความร่วมมือและไม่ต่อต้านคำสั่งแม้แต่น้อย


    "แวมไพร์หญิงและเด็กให้หลบซ่อนอยู่ในโบสถ์ที่อยู่ใกล้ๆ! และให้แวมไพร์เฝ้าประมาณสิบคนพอ! เตรียมอาวุธและโหลดกระสุนให้พร้อม!"


    "รับทราบขอรับ!"


    ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายกับการเตรีบมอาวุธ วินเซนต์มองออกไปด้านนอกของประตูคฤหาสน์ด้วยความหวาดหวั่นใจในเหตุการณ์ที่กำลังจะถึงในอนาคตข้างหน้า ภาวนาในใจว่าขอให้ทุกๆอย่างนั้นจบลงด้วยดี และขอให้ศึกครั้งสุดท้ายนี้เป็นตัวตัดสินเพื่อจบความขัดแย้งทุกอย่างเอาไว้







    ++







    ทางด้านเจเดน


    "ท่านปู่" เจเดนเรียกปู่ของตนเองเมื่อตนเองเข้ามาในห้องทำงานแล้ว "ข้ามีเรื่องอยากจะพูดกับท่าน"


    หลังจากที่ส่งวินเซนต์ เจเรมี่และจัสตินที่คฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เร่งฝีเท้ากลับมาที่แอนติเจนเพื่อเจรจากับท่านปู่ของเจเดน ซึ่งเป็นหัวหน้าไลแคนท์และบังคับบัญชาการควบคุมต่างๆในแอนติเจนด้วย คนที่นั่งบนเก้าอี้นั้นละสายตาจากหน้าต่าง ก่อนจะหมุนตัวหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงของหลานชายตนเอง


    "มีอะไรหรือ?" เขาถาม


    "ท่านรู้ไหมว่าผู้อาวโสของเหล่าแวมไพร์ถูกวินเซนต์สังหารไปแล้ว"


    "หากเป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว" ปู่ของเจเดนตอบ "วินเซนต์สามารถกำจัดผู้ที่ทำให้พ่อและแม่ของเขาต้องตายได้แล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าเด็กนั่นจะต้องเติบโตเป็นผู้นำที่ดีของแวมไพร์ได้แน่นอน"


    "เอ๋? ทำไมท่านถึงพูดเช่นนี้ออกมาเล่า ไหนท่านบอกว่าท่านเกลียดแวมไพร์ แต่ทำไมท่านถึงพูดเหมือนเอ็นดูวินเซนต์เช่นนั้นล่ะ?"


    เจเดนรู้สึกว่าปู่ของตนเองดูแปลกไปเป็นอย่างมาก โดยปกติแล้วจะพูดว่าเกลียดแวมไพร์นักหนา อยากจะให้ไลแคนท์นั้นได้รับชัยชนะและมีอไนาจเหนือกว่าแวมไพร์ แต่พอเขาพูดถึงวินเซนต์ก็มีน้ำเสียงและการพูดเปลี่ยนไปเช่นนี้กันล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น


    "เจเดน" ชายชราเรียก "ปู่ขอบคุณที่หลานพูดชื่อของวินเซนต์ให้ปู่ได้ยินนะ"


    คนตัวสูงเงียบไป สังเกตเห็นว่าปู่ของตนเองนั้นมีท่าทีเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ทั้งสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเองและเรียกเขาอีกด้วย เจเดนรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นมันซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่าที่คิด ปมของเรื่องที่วินเซนต์หลัยไปร้อยปีก็ได้คลี่คลายลงแล้ว แต่นี่กลับเป็นปมของปู่ของเขาอีก ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นมันช่างซับซ้อนเหลือเกิน


    "ปากพร่ำบอกว่าเกลียดแวมไพร์นักหนา แต่ปู่กลับไม่รู้สึกเกลียดวินเซนต์เลย เพราะดวงตาของเจ้าเด็กนั่นเหมือนแม่ของเขาเป็นอย่างมาก ปู่จำได้เลยว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นเซลีนนั้นเป็นตอนที่ผู้อาวุโสแห่งแวมไพร์ลงมือฆ่านาง"



    ชื่อแม่ของวินเซนต์คือ เซลีน เอนเดอร์



    "สาเหตุที่ความทรงจำของวินเซนต์บางส่วนยังคงอยู่นั้น เป็นเพราะแม่ของเขานั้นได้เสกมนตร์เพื่อคุ้มครองเขาไม่ให้ความทรงจำบางส่วนหายไป โดยส่วนมากที่ไม่หายไปนั้นความทรงจำที่สำคัญสำหรับตัววินเซนต์เอง เช่นคำสัญญา และเหตุการณ์บางอย่าง


    ปู่เองก็ได้เสกคุ้มครองวินเซนต์เพื่อที่จะไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายเขา เพราะปู่เองก็ไม่อยากจะให้คนที่หลานรักต้องลืมหลานไปชั่วชีวิต ยิ่งนั่นเป็นการกระทำอันดิบเถื่อนของผู้อาวุโสสารเลวนั้นที่ทำให้เซลีนต้องตายด้วยฝีมือของมัน


    ด้วยความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูก มนตร์นั้นยังคงติดตัวอยู่กับวินเซนต์ตลอดเวลาแม้ว่านางจะตายไปแล้ว และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เจ้าผู้อาวุโสแห่งแวมไพร์ทำอะไรวินเซนต์ไม่ได้เลย มนตร์นั้นจะติดตัวอยู่กับวินเซนต์ตลอดไปจนกว่าเขาจะตาย"


    "อย่างไรเสีย วินเซนต์เองก็จะต้องตายเพราะว่าท่านและผู้อาวุโสแห่งแวมไพร์นั้นได้ชักจูงให้เขาเข้าร่วมศึกครั้งสุดท้ายระหว่างแวมไพร์และไลแคนท์ แม้แต่ตัวท่านปู่เองก็ต้องการเอาชนะแวมไพร์มิใช่หรือ?" เจเดนลองใจปู่ของตนเองว่าจะพูดออกมาด้วยประโยคใด ในตอนแรกคิดว่าจะยืนยันว่าจะฆ่าแวมไพร์ให้ได้ แต่กลับไม่ใช่เช่นนั้น


    "นั่นก็เป็นความจริง" ปู่ของเจเดนตอบ "แต่ถ้าปู่รู้ว่าทั้งอดีตและเรื่องราวแสนอาภัพที่เกิดขึ้นของเด็กคนนั้น ปู่ก็คงไม่ทำหรอก


    อีกอย่าง ที่ปู่ยอมถูกใส่สายจูงลากเป็นสุนัขไปมานั้นก็เพื่อที่จะติดตามข่าวของวินเซนต์ผ่านผู้อาวุโสแห่งแวมไพร์ที่คิดคดต่อเผ่าพันธุ์ตนเอง ปู่ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายวินเซนต์เสียด้วยซ้ำ เพราะปู่รู้ดีว่าวินเซนต์นั้นเป็นคนรักของหลาน หากหลานต้องเสียคนที่หลานรักไป ก็เท่ากับว่าปู่นั้นได้ลงมือทำร้ายหลานเต็มๆ


    ที่สำคัญ เด็กคนนั้นเป็นเด็กจิตใจดี เป็นคนดีมากๆ แล้วเขาเองก็ไม่ควรที่จะมาเจอเรื่องแบบนี้สักนิด ปู่รู้สึกสงสารเด็กคนนั้นก็ต้องมีชีวิตแสนอาภัพเช่นนี้ เสียทั้งพ่อและแม่ แถมความทรงจำบางส่วนได้หายไปอีก แต่แล้วปู่เองก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่วินเซนต์สามารถฆ่าผู้อาวุโสแห่งแวมไพร์และได้เป็นผู้นำแวมไพร์สำเร็จ ตอนนี้ปู่อยากจะให้วินเซนต์สังหารปู่เสียด้วยซ้ำ เพื่อแลกกับการที่เซลีนต้องตาย โดยที่ปู่นั้นทำอะไรไม่ได้เลย"


    เจเดนถามเสียงเบา "ทำไมปู่ถึงทำเช่นนั้นเล่า? อย่าบอกนะว่าท่านเป็นห่วงวินเซนต์ขึ้นมา"


    ชายชราเงียบกริบและมีสีหน้าที่หนักใจเป็นอย่างมาก คนตัวสูงคิดว่ามันอาจเป็นสิ่งที่ปู่ของตนเองไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอกก็ได้ อาจมีความในใจหรือเรื่องราวบางอย่างที่เจเดนคาดไม่ถึง แต่ก่อนที่เขาจะบอกกับปู่ว่าไม่ต้องตอบคำถามที่ไม่เข้าเรื่องของเขาก็ได้ ชายชราก็คว้าขวดบางอย่างออกมาจากลิ้นชักโต๊ะ เปิดจุดก๊อกออกก่อนจะเทผงบางอย่างลงบนมืออันแห้งเหี่ยวของตนเองก่อนจะสาดไปทั่ว


    "จงปรากฏออกมา"


    ผงที่ปู่ของเจเดนสาดออกไปนั้นมันเป็นสีฟ้า มันก่อตัวเป็นกลุ่มควันสักพักก่อนจะกลายเป็นกระต่ายตัวเล็กๆตัวหนึ่งวิ่งรอบๆพวกเขาสามรอบ แล้วก็วิ่งไปที่หน้าต่างและหายไป แตกเป็นกลุ่มควันอ่อนๆสีฟ้าจนกระทั่งเลือนหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    "มนตร์แห่งความคุ้มครองที่แม่ของวินเซนต์เสกคุ้มครองเอาไว้ คราใดที่นึกถึงคนๆนั้นหรือคนที่รักสุดหัวใจและสาดผงมนตร์ออกไป มนตร์ที่คนๆนั้นเสกก็จะออกมาปรากฏให้เห็น" ร่างสูงพูดเบาๆ ก่อนจะย้อนถามปู่ของตนเองที่มีสีหน้าเรียบๆ "ท่านเซลีน...อย่าบอกนะว่าท่านปู่ยังรักนางอยู่หรือ?"


    "ตลอดไป" เขาตอบ







    ++








    ย้อนกลับไปเมื่อร้อยปีที่แล้ว ก่อนเหตุการณ์ที่วินเซนต์กับเจเรมี่จะหลับใหลไปร้อยปี เรื่องราวทั้งหมดที่ทั้งสองนั้นไม่อาจได้รับรู้และได้เห็นผ่านมุมมองของปู่ของเจเดน หรือเอียน วอคเกอร์ เมื่อเขานั้นตัดสินใจว่าจะแวะมาเยี่ยมเยียนเซลีน แม่ของวินเซนต์เสียหน่อยพร้อมกับของขวัญเล็กๆน้อยๆ


    แต่เมื่อมาถึงด้านหน้าของคฤหาสน์นั้น เขาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่หน้าประตูใหญ่


    "ไม่เอา! ปล่อยข้านะ! อย่าทำข้า!!"


    "ใครสั่งใครสอนให้ไปคลุกคลีกับพวกไลแคนท์!! มันผิดกฎของพวกเราอย่างใหญ่หลวง!! แล้วพวกเจ้าทั้งสองก็จะต้องถูกลงโทษ!"


    เสียงร้องห้ามของเด็กหนุ่มแวมไพร์ทั้งสองที่ดิ้นพล่านเพื่อหนีจากการจับกุมของแวมไพร์ทั้งสองที่ล็อกแขนเอาไว้ เอียนรีบย่อตัวลงเพื่อแอบดูและประเมินสถานการณ์ในตอนนี้ว่าควรทำเช่นไรต่อไปดี หากบุ่มบ่ามเข้าไปช่วยแบบนี้คงมีแต่เสียกับเสียอย่างแน่นอน


    ทันใดนั้นเองก็มีกลุ่มแวมไพร์อีกสี่คนเข้ามาห้ามการกระทำของผู้อาวุโสแวมไพร์ เอียนหรี่ตาแล้วมองเห็นว่ากลุ่มแวมไพร์ทั้งสี่คนนั่นคือพ่อและแม่ของเด็กหนุ่มแวมไพร์ทั้งสองนั่นเอง แถมเขาก็รู้จักดีด้วยว่าเป็นใคร


    "ท่านผู้อาวุโส! มีอะไรก็พูดจาดีๆก็ได้! อย่าทำอะไรพวกเขาเลย!"


    "เจ้าเด็กพวกนี้ผิดกฎของแวมไพร์! พวกเราต้องลงโทษเขา!" ชายชราตอบ "พาพวกเขาไปที่ห้องรับรองเดี๋ยวนี้!! เตรียมเตียงให้พร้อม!"


    "ปล่อยข้านะ! ไม่เอา! ไม่!"


    เด็กหนุ่มทั้งสองถูกพาเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับความชุลมุนวุ่นวายเมื่อกี้ เอียนทิ้งของทุกอย่างเอาไว้ที่หน้ารั้วก่อนจะกระโดดข้ามไปอย่างรวดเร็ว เพื่อตามไปช่วยแวมไพร์ทั้งสองที่ถูกพาตัวเข้าไปข้างในของคฤหาสน์


    เขากวาดสายตามองไปทั่วโถงทางเดินของคฤหาสน์ พบว่ามีประตูห้องหลายห้องจนเขาเองก็ไม่รู้ว่าบานไหนที่เป็นห้องรับรองที่ผู้อาวุโสแวมไพร์เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่แล้วความโชคดีก็มาเยือน เพราะเขาเห็นกลุ่มความชุลมุนวุ่นวายนั้นหายเข้าไปในห้องที่อยู่ท้ายๆของโถงทางเดิน เอียนรีบใส่ฝีเท้าและพุ่งเข้าไปยังห้องที่อยู่ท้ายๆของโถงทางเดินทันที


    ด้วยความหละหลวมของแวมไพร์ที่พาเด็กหนุ่มทั้งสองเข้าไปในนั้น ทำให้ประตูของห้องรับรองเปิดออกและไม่ทันได้สังเกตเห็น เอียนจึงแอบมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่นอกประตูและไม่สามารถเข้าไปช่วยอะไรได้เลย


    "จับมัดกับเตียงเดี๋ยวนี้!!"


    ผู้อาวุโสสั่ง แวมไพร์ทั้งสองที่ล็อกแขนของเด็กหนุ่มแวมไพร์ทั้งสองนั้นจับพวกเขามัดตรึงเตียงหิน จับมือทั้งสองเอาไว้เหนือศีรษะพร้อมทั้งใช้เชือกสีแดงมัดแน่น ซึ่งในตอนนี้เด็กหนุ่มทั้งสองนั้นถูกมัดทั้งมือและเท้าจนพวกเขาทั้งสองนั้นไม่สามารถขยับร่างไปไหนได้เลย


    "ข้าได้ยินมาว่าลูกของพวกเจ้านั้นคบหากับพวกไลแคนท์! เพราะฉะนั้นนี่คือการลงโทษ!" ผู้อาวุโสประกาศกร้าว "แจ็กสัน! ลงมือฉีดยาเลย!"


    "ไม่นะ!! ไม่เอา! ได้โปรดอย่าทำเช่นนี้!!" เด็กหนุ่มแวมไพร์ทั้งสองนั้นร้องขอเสียงดังลั่น ร่างกายก็ดิ้นพล่านไปมาเหมือนปลาขาดน้ำ แวมไพร์ที่ชื่อแจ็กสันนั้นทั้งรู้สึกผิดและลำบากใจเป็นอย่างมากที่จะต้องทำเช่นนี้


    เมื่อผู้อาวุโสแห่งแวมไพร์นั้นเห็นว่าแจ็กสันยังไม่ลงมือฉีดยาเสียที เขาจึงกระชากคอเสื้อของแวมไพร์ที่มีอายุน้อยกว่าอย่างรวดเร็วทันที


    "จะฉีดหรือว่าไม่ฉีด!!"


    ไม่ทันที่แจ็กสันจะพูดอะไรออกมา หญิงสาวแวมไพร์ที่เป็นมารดาของวินเซนต์นั้นปัดเข็มฉีดยาตกไปที่มุมห้องเสียก่อน และนางก็เป็นหญิงสาวแวมไพร์ที่เอียนหลงรักนั่นเอง


    "เซลีน..." เอียนพูดออกมาเบาๆ


    "อย่าทำลูกชายของข้า!" นางตะโกน "หากท่านจะทำ ข้ามศพพวกเราไปก่อน!"


    "ฉีดให้เดี๋ยวนี้!" ผู้อาวุโสสั่งแวมไพร์ทั้งสองที่มัดแขนขาเด็กหนุ่มแวมไพร์ทั้งสองได้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาเดินไปที่มุมห้องและหยิบเข็มฉีดยาสามเข็มที่เซลีนปัดและปลิวไปตกอยู่ตรงนั้นขึ้นมา ก่อนจะเดินมายังข้างเตียงหินของเด็กหนุ่มแวมไพร์ทั้งสองและเตรียมตัวที่จะฉีดให้


    "ไม่เอา! ไม่! ข้ากล้วแล้ว!! อย่าทำแบบนี้! ฮือๆๆๆ!! เจเดน! เจเดน!! ช่วยข้าด้วย!!"


    วินเซนต์ตะโกนเรียกชื่อของเจเดนทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสอง แต่เขาเองก็รู้ว่าเสียงร้องขอความช่วยเหลือเพียงแค่นี้ก็ไม่ได้ทำให้เจเดนได้ยินหรอกแล้วเข้ามาช่วยหรอก นี่เป็นความหวังลมๆแล้งๆสิ้นดี


    "วินเซนต์ลูกพ่อ!! อย่าทำเขานะ!"



    พลั่ก!!



    "เจ้ากล้าทำร้ายข้าหรือเจมส์!" ผู้อาวุโสกุมแก้มข้างซ้ายของตนเองหลังจากที่รู้ตัวว่าถูกทำร้ายเข้าเสียแล้ว "สามหาวยิ่งนัก!! ลงมือฉีดได้!!"


    แวมไพร์ชายหญิงทั้งสี่นั้นร้องดังลั่น เมื่อจู่ๆก็มีกำแพงล่องหนบางอย่างเกิดขึ้นไม่ให้พวกเขาเข้าไปหาลูกชายทั้งสองได้ แวมไพร์หญิงที่ชื่อเซลีนนั้นทั้งทุบ ทั้งชกเข้าที่กำแพงล่องหนจนเลือดซิบออกมาจากผิวหนังที่มือของนาง สายน้ำไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองไม่รู้จบ ปากก็ร้องจนจะขาดใจตายเมื่อเห็นลูกชายของตนเองกำลังจะถูกทำร้ายเช่นนี้


    "วินเซนต์ลูกแม่!! ได้โปรด! อย่าทำกับลูกของข้าแบบนี้เลย!"


    "เจเรมี่ลูกพ่อ!! ไอ้สารเลว! อย่าแตะลูกข้านะ!!"


    "ท่านพ่อ! ท่านแม่! ช่วยลูกด้วย!" วินเซนต์ร้องทั้งน้ำตา "ฮือๆๆๆ ไม่เอา! ไม่!! อย่าทำแบบนี้! ฮือๆๆๆ!! ข้ายังไม่อยากหลับไปร้อยปี! ไม่เอา!! ไม่!!"


    "ฮือๆๆๆ!! ใครก็ได้ช่วยข้าที!" เจเรมี่ร้อง "ท่านพ่อ!! ท่านแม่!! ท่านแจ็กสัน!! ใครก็ได้!! ฮือๆๆๆ! ท่านออกัสตัส!! มาช่วยข้าที! ใครก็ได้! ได้โปรด!!"


    ปลายเข็มแหลมๆสะท้อนแสงนั้นปรากฏแก่สายตาของทุกๆคน เห็นได้ชัดว่ามันแหลมมากเพียงใด และอีกไม่กี่วินาทีมันก็จะฝังลึกลงในผิวหนังของแวมไพร์ทั้งสอง ยาที่อยู่ในเข็มนั้นก็จะแผ่ซ่านไปทุกอนูขุมขน ก่อนที่มันจะออกฤทธิ์ที่ทำให้หลับไปร้อยปีหลังจากนี้


    "อย่า!! ไม่!! ไม่เอา!! ข้ากลัวแล้ว! อย่าทำแบบนี้! ท่านพ่อ! ท่านแม่! เจเดน!! อ๊าาาาา!!"


    ทั้งวินเซนต์และเจเรมี่ต่างก็ร้องลั่น เมื่อปลายเข็มแหลมๆนั้นจิ้มทะลุผิวหนังจนความเจ็บปวดนั้นแล่นเข้าไปยังสมอง ก่อนจะรู้สึกว่ามีของเหลวจากปลายเข็มนั้นพุ่งฉีดเข้ามาในผิวหนัง ยาเริ่มออกฤทธิ์และทำให้ทั้งสองนั้นตกอยู่ในสภาพความความง่วงงุน ก่อนจะไม่ได้สติอะไรอีกเลย


    "วินเซนต์!! เจเรมี่!! ไม่!!"


    "เจเรมี่! อย่าเพิ่งหลับนะลูก!!"


    "ไม่!! ไม่!!" เสียงกรีดร้องลั่นของแวมไพร์ชายหญิงทั้งสี่นั้นดังไปทั่ว หัวใจเหมือนจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆเมื่อเห็นว่าลูกชายทั้งสองของพวกนั้นได้หลับใหลไปเสียแล้ว พร้อมกับกำแพงล่องหนที่เข้ามากั้นเอาไว้นั้นได้เลือนหายไปพร้อมกับน้ำอุ่นๆที่ไหลอาบแก้มทั้งสองของพวกเขา


    ไม่ทันที่จะตั้งตัวได้ลงมือทำอะไร ผู้อาวุโสแห่งแวมไพร์ก็ได้กระหน่ำลั่นไกปืนใส่พวกเขาจนเลือดสีแดงสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น คนที่เห็นเหตุการณ์อย่างเอียนนั้นรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก


    ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าใครจะเห็นหรือว่าไม่อะไรอย่างไรแล้ว แต่ก็ถูกแจ็กสันที่วิ่งหลบกระสุนนั้นออกมาจากห้องแล้วเห็นพอดีคว้าตัวไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ตัวเขานั้นต้องรับอันตรายจากลูกกระสุนจากกระบอกปืนของผู้อาวุโสแห่งแวมไพร์ และแล้วแวมไพร์ทั้งสองที่จับวินเซนต์และเจเรมี่ตรึงบนเตียงหินนั้นก็ถูกฆ่าตายตามเพราะถูกลูกหลงจากกระสุนปืนของผู้อาวุโสแวมไพร์


    แจ็กสันรีบยกมือมาปิดปากของเอียนอย่างรวดเร็ว ทั้งดึงร่างเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังของตู้ไม้เพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสแห่งแวมไพร์ต้องมาเห็นเข้า ไม่กี่วินาทีต่อมาผู้อาวุโสแวมไพร์ก็เดินออกมาจากห้องรับรอง ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    เมื่อผู้อาวุโสแวมไพร์นั้นได้ขึ้นบันไดหายไปแล้ว เอียนก็รีบออกมาจากที่หลบซ่อนทันที ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องรับรองและพุ่งเข้าไปหาเซลีน แวมไพร์ที่เขาแอบรัก ช้อนร่างของนางออกมากอดแน่นพร้อมกับปล่อยน้ำตาแห่งความเศร้าโศกออกมาทันที


    "เซลีน..." เขาเรียกนาง "ฮือๆๆๆๆ ไม่...อย่าจากข้าไปแบบนี้..."


    "ข้าขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้..." แจ็กสันบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "วินเซนต์กับเจเรมี่ต้องหลับไปร้อยปีเพราะข้า ข้าไม่น่าทำตามคำสั่งของผู้อาวุโสเลย"


    "ไม่ใช่ความผิดเจ้าเลยแม้แต่น้อย แจ็กสัน" เอียนบอก "คนที่ต้องชดใช้ทั้งหมดนั้นต้องเป็นผู้อาวุโสแวมไพร์ ตัวข้าเองก็น่าจะเข้าไปช่วยเซลีนให้รอด แต่กลับไม่ทันเสียแล้ว ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีการลงไม้ลงมือกันแบบนี้"


    ทันใดนั้นเองก็มีกระต่ายตัวเล็กๆวิ่งวนร่างของวินเซนต์และเจเรมี่ที่หลับใหลไปแล้วสามรอบ ก่อนจะวิ่งไปที่หน้าต่างและเลือนหายไปกลายเป็นกลุ่มควันสีฟ้าแทน


    "มนตร์แห่งความคุ้มครอง" เอียนพูดเบาๆ "เซลีนร่ายมนตร์คุ้มครองวินเซนต์ก่อนตาย มนตร์นี้จะคงอยู่กับเด็กคนนั้นตลอดไป หากผู้ใดคนถึงคนที่รักให้ร่ายมนตร์นี้ แล้วมนตร์ก็จะออกมา นางคิดถึงช่วงเวลาดีๆที่มีต่อลูก กระต่ายตัวเล็กๆตัวนี้ก็เลยกลายเป็นมนตร์ของนาง"


    แจ็กสันมองเห็นสีหน้าของเอียนนั้นยากที่อธิบายเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าตัวของไลแคนท์อายุมากกว่าเขาผู้นี้อาจหลงรักเซลีน แม่ของวินเซนต์ก็เป็นได้ หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วทำไมเขาถึงเข้ามากอดร่างไร้วิญญาณของนางอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดได้เล่า


    "หลังจากนี้ ข้าเองก็จะขอร่ายมนตร์ปกป้องเด็กคนนี้ไม่ให้ได้รับอันตรายด้วยเช่นกัน"


    เอียนพูดก่อนจะวางร่างไร้วิญญาณของเซลีนลงบนพื้นอย่างเบามือ ราวกับว่าเขากลัวว่าร่างของนางที่เบาหวิวเหมือนขนนกไร้น้ำหนักนั้นจะชอกช้ำไป เขายืดตัวขึ้นก่อนจะคว้าเอาขวดเล็กๆที่บรรจุไปด้วยผงสีฟ้า เปิดจุกไม้ก๊อกออกและเทใส่มือบางส่วน


    "เจตนารมณ์ที่นางจะปกป้องเด็กคนนี้จะคงอยู่ตลอดไป" เขาพูด "ที่เหลือหลังจากนี้ข้าไม่อาจดูแลเด็กคนนี้ได้ตลอดเวลา ข้าอยากรบกวนเจ้าช่วยดูแลเขาด้วย ดวงตาของเขานั้นเหมือนเซลีน แม่ของเขาเป็นอย่างมาก ข้าไม่อยากทำร้ายเขา และข้าเองก็ไม่อยากทำให้เจตนารมณ์ของนางต้องล่มสลายด้วยมือของข้า"


    "ข้าให้คำมั่น" แจ็กสันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะเอ่ยปากถามและลองใจเขากลายๆ "แต่นางแต่งงานแล้วมิใช่หรือ? ทำไมท่านถึงยังคงรักนางทั้งๆที่ท่านก็รู้ว่ามันเจ็บปวด"


    "ข้ารู้ดี และข้าไม่สนใจว่ามันจะเป็นเช่นไร หากในอนาคตข้างหน้าข้านั้นต้องตายด้วยน้ำมือลูกชายของนาง ข้าก็ยอม เพื่อแลกกับการที่ข้าช่วยอะไรนางไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งช่วยวินเซนต์ให้พ้นจากการหลับใหลไปร้อยปีไม่ได้เช่นกัน ข้ายอมตายเพื่อชดใช้ความผิดพลาดที่ข้านั้นขี้ขลาด ไม่กล้าเข้าไปช้วยคนที่ข้ารักสุดหัวใจให้พ้นจากความตายได้เลย"


    "ท่านเอียน" แจ็กสันเรียกเสียงเบา "ท่านรักท่านเซลีนขนาดนั้นเลยหรือ? 


    "ตลอดไป" เขาตอบ




    내 생에 마지막 사랑아

    แน แซงเง มาจีมัก ซารางงา

    รักครั้งสุดท้ายของฉัน


    두 눈을 멀게한 내 사람아

    ทู นูนึล มอลเกฮัน แน ซารามา

    ดวงตาทั้งสองของฉันนั้นกลับมืดบอดไปเสียแล้ว


    그리워 이 가슴에 눈물 담으니

    คือรีวอ อี คาซือเม นุนมุล ทามือนี

    อกของฉันนั้นมีแต่คราบน้ำตาอีกครา


    아린 가슴 적셔 주소서

    อาริน กาซึม จอกชยอ จูโซซอ

    มันเปียกชื้นไปหมดแล้ว



    세월이 흐른뒤에 다시 만나지련지

    แซวอรี ฮือรึนดวีเอ ทาชี มันนาจีรยอนจี

    กล่าวพบกันใหม่ในอีกหลายปีข้างหน้าหลังจากนี้


    아픔이 아믄뒤에는 웃음이 지려나...

    อาพือมี อามึนดวีเอนึน อูซือมี จีรยอนา...

    ทิ้งบาดแผลไว้ข้างหลัง ฝืนยิ้มออกมาอีกครา...*
















    วินเซนต์ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆเจเดนถึงเรียกเขามาที่น้ำตกแห่งนี้


    เมื่อสามสิบนาทีที่แล้ว คนตัวสูงได้ส่งข้อความหาเขาผ่านแจ็กสัน ว่าให้มาที่น้ำตกหลังเขาแห่งนี้เพราะต้องการพูดคุยถึงเรื่องบางสิ่งที่สำคัญเอามากๆ แล้วเขาเองก็ต้องบอกคนอื่นๆว่ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องจัดการ โชคดีที่ทุกคนนั้นเข้าใจว่าตัวร่างบางเองนั้นต้องรับภาระแบบนี้ ก็ต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องจัดการอย่างแน่นอน


    กว่าจะเดินทางมาถึงนั้นต้องให้แจ็กสันนั้นเรียกรถที่ลืมจอดเอาไว้อีก ซึ่งเขาเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเป็นที่ไหนที่ตนเองลืมรถเอาไว้ และแน่นอนว่าคนตัวเล็กนั้นก็ต้องถูกบ่นอีกแน่นอน แล้วก็จบด้วยการยอมเรียกรถด้วยโปรแกรมอัตโนมัติมาให้เขา ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากเสียเวลาเกือบๆห้านาทีเข้าให้แล้ว ป่านนี้เจเดนคงรอจนรากงอกแล้วล่ะ


    วินเซนต์จอดรถเอาไว้ขอบๆถนน ก่อนจะลงจากรถและเดินเข้าไปในป่า ตรงไปยังน้ำตกหลังเขาที่เขากับเจเดนนั้นเคยมาเมื่อนานมาแล้ว เขาจำไม่ได้เลยว่าก่อนหน้านั้นที่จะหลับไปร้อยปีว่าน้ำตกนั้นมีลักษณะเป็นเช่นไร แต่พอมาถึงนั้นรู้สึกส่าทุกอย่างนั้นเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย


    "เจเดน..." ร่างบางเรียกคนรักที่ยืนรออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล คนที่ถูกเรียกนั้นก็รีบหันกลับมามองและส่งยิ้มบางให้ คนตัวเล็กรีบก้าวขายาวๆเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกดีใจที่ได้พบหน้ากันอีกครั้ง


    "เรียกข้ามามีเรื่องอะไรหรือ?" คนตัวเล็กถาม


    "เจ้าสังหารผู้อาวุโสแล้วใช่ไหม?"


    "ใช่" ร่างบางพยักหน้า "มีอะไรหรือเปล่า?"


    "ก็ดีแล้วล่ะ"


    "แล้วปู่ของเจ้าล่ะ?" ร่างบางถาม ก่อนจะเผลอพูดอะไรบางอย่างออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ "คือว่าข้าน่ะเป็นกังวลว่า ถ้าหากข้านั้นต้องสังหารปู่ของเจ้าเพื่อเผ่าพันธุ์แวมไพร์ เจ้าจะโกรธแค้นข้าไหม?"


    คนที่ได้ยินคำถามนั้นมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงสีหน้าว่าตกใจหรือว่าขมวดคิ้วกับคำถามแปลกๆของร่างบาง คนที่ถามนั้นก็เงียบกริบ คิดว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกไม่พอใจอย่างแน่นอนที่จู่ๆก็ถามแบบนี้ แต่ก่อนที่วินเซนต์จะรู้ตัวว่าคำถามนี้ไม่สมควรที่จะถามและตอบกลับว่าอย่าสนใจคำถามแบบนี้ของเขาเลย เจเดนก็พูดขึ้นมาเสียก่อน


    "เรื่องนี้พูดยากนะ" ร่างสูงตอบ "ข้าเองก็ไม่รู้จะตอบเช่นไรเพื่อไม่ให้กระทบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ปู่ของข้าเองก็มีความทะเยอทะยานที่จะทำให้แวมไพร์สยบแทบเท้าแน่นอน แต่ข้าไม่"


    วินเซนต์เม้มปากแน่น "คำถามนี้มันยากและสร้างความร้าวฉานให้กับทั้งสองฝ่าย ข้ารู้ว่ามันยากที่จะตอบ แล้วข้าเองก็ไม่สมควรที่จะถามคำถามแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ถ้าอย่างนั้น...ข้าจะไม่รบเร้าจนกว่าจะได้คำตอบจากเจ้าแล้ว"


    "แต่ข้าคิดว่าปู่ของข้าคงไม่ฆ่าเจ้าหรอก"


    เจเดนตอบ


    วินเซนต์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย "ทำไมหรือ? ไหนเจ้าบอกว่าเขาอยากจะทำให้แวมไพร์สยบแทบเท้าเขา และย่อมต้องมีการเข่นฆ่ากันอย่างแน่นอน แต่ทำไมเขาถึงไม่อยากจะฆ่าข้าเล่า"


    คนที่ถูกถามนั้นมีสีหน้าหนักใจ ไม่รู้ว่าจะต้องตอบคนที่ยืนรออยู่ตรงหน้าอย่างไร คำถามมากมายที่วินเซนต์บอกเขาว่าไม่ต้องตอบก็ได้นั้นใช่ไม่ได้เสมอไป เพราะคำตอบจากที่เขาพูดออกไปให้ร่างบางฟังนั้นมันสำคัญมากๆ ในตอนแรกก็บอกว่าต้องการให้แวมไพร์นั้นยอมสยบแทบเท้า แต่ไปๆมาๆเมื่อพูดถึงคนตัวเล็กกลับบอกว่าไม่ฆ่าแน่นอน มันมีที่มาที่ไปอย่างไรนะ


    "เขาน่ะอยากฆ่าแวมไพร์ให้หมดแล้วยกเว้นเจ้ากับเพื่อนๆของเจ้าเท่านั้น แต่ถ้าหากถามถึงเหตุผลแล้วตัวข้าเองอยากตอบนะ แต่มันลำบากใจเหลือเกิน"


    วินเซนต์ไม่ตอบ พลางกลอกตามองไปทางอื่น แต่ก็ต้องกลับมามองหน้าของเจเดนอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายที่ดังออกมาหลังจากที่เงียบไปนาน


    "วินเซนต์" เจเดนเรียก "ก่อนที่เจ้ากับเจเรมี่จะหลับไปร้อยปี พ่อและแม่ของเจ้าและเจเรมี่ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของผู้อาวุโส เจ้ารู้เรื่องนี้ไหม?"


    "แน่นอน เพราะท่านแจ็กสันเป็นคนพูด แล้วข้าเองก็ฆ่าผู้อาวุโสด้วยมือของข้าหลังจากที่ได้ยินสิ่งนั้นทันที"


    "แล้วแจ็กสันได้เล่าเรื่องนี้อีกไหม ว่าหลังจากนั้นปู่ของข้ากอดร่างแม่ของเจ้าแน่น"


    ร่างบางส่ายหน้า "ท่านแจ็กสันไม่ได้พูดเรื่องนี้เลย สงสัยคงลืม"


    คนตัวสูงขมวดคิ้วเป็นปมแน่น "ปู่ของข้าเอ็นดูเจ้าเป็นอย่างมาก วินเซนต์หากเขานั้นต้องตายด้วยน้ำมือของเจ้า เขานั้นเต็มใจและยอม เพื่อแลกกับการที่เขาช่วยแม่ของเจ้าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งช่วยเจ้าให้พ้นจากการหลับใหลไปร้อยปีไม่ได้เช่นกัน เขายอมตายเพื่อชดใช้ความผิดพลาด


    ก่อนที่แม่เจ้าจะตาย นางได้ร่ายมนตร์คุ้มครองให้กับเจ้า หากคราใดที่นึกถึงคนๆนั้นหรือคนที่รักสุดหัวใจและสาดผงมนตร์ออกไป มนตร์ที่คนๆนั้นเสกก็จะออกมาปรากฏให้เห็น ผู้ที่คุ้มครองเจ้าก็คือกระต่าย แล้วปู่ของข้าเสกออกมานั้นก็เป็นกระต่ายเช่นเดียวกับแม่ของเจ้า"


    วินเซนต์อึ้ง "อย่าบอกนะว่า ปู่ของเจ้า..."



    หลังจากนั้นทั้งเจเดนกับวินเซนต์นั้นก็ไม่พูดอะไรอีก ปล่อยให้ความจริงที่เกิดขึ้นนั้นไหลผ่านไปเหมือนสายน้ำที่ไหลลงมาจากน้ำตก



    อีกด้านหนึ่ง


    "อ๊ากก!! ออกไปจากหัวของข้า!" เสียงคำรามของชายชราคนหนึ่งดังลั่นไปทั่ว ข้าวของที่อยู่ในห้องนั้นถูกพังทลายจนย่อยยับไปหมด เขาดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดจากศีรษะที่กำลังจะระเบิดออกมาเป็นชิ้นๆ "ออไปเดี๋ยวนี้! เจ้าตายด้วยน้ำมือของวินเซนต์ไปแล้ว!"


    "อย่างนั้นหรือ?" เสียงนั้นดังออกมา "ใครกันนะที่หลงรักเซลีน เอนเดอร์ แล้วก็ไม่ยอมไปช่วยนาง ปล่อยให้นางนอนจมกองเลือด และไม่สามารถช่วยลูกชายของนางเอาไว้ได้ ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือ? เอียน วอคเกอร์?"


    "อย่ายุ่งกับพวกเขา! เจ้าเองก็ตายไปแล้ว!!"


    เอียนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก พยายามดิ้นไปมาเพื่อให้ความเจ็บปวดนั้นหายไป แต่นั่นทำให้เขาทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสติสัมปชัญญะของเขานั้นหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ราวกับว่าวิญญาณของเขานั้นกำลังถูกกลืนกิน


    "อ๊ากกกก" เขาคำราม "วินเซนต์! วินเซนต์จะเป็นผู้ที่จบเรื่องนี้ทั้งหมด! เขาจะฆ่าเจ้าอีกครั้ง! เจ้าสารเลว! เจ้าจะไม่ตายดีแน่!! เจ้าทรยศทุกอย่างแม้กระทั่งเผ่าพันธุ์ของตนเอง!!"


    "ความรักนี่ยิ่งใหญ่เสียจริงเลยนะ" เสียงนั้นพูด "อยากรู้จังว่าเจ้าจะรักนางไปได้สักกี่น้ำ หากข้ายืมร่างของเจ้าไปใช้ในครั้งนี้"


    เสียงคำรามนั้นก็ดังออกมาอีกครั้ง ก่อนจะแผ่วเบาลงและกลายเป็นน้ำเสียงโหดเหี้ยมออกมาจากปากของเอียน สีหน้าบูดเบี้ยวด้วยความแค้น ราวกับว่านั่นไม่ใช่เขาเลยแม้แต่น้อย



    "ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!!"







    #ฟิคต่างภพกุกวี







    _________________________

    *Jea - Sorrow (OST. The King and I / บันทึกรักคิมชูซอน สุภาพบุรุษมหาขันที)



    TBC. [15:12:2018]


    นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องเพิ่มเติมค่ะ

    เนื่องด้วยตอนนี้เราต้องการให้เห็นพื้นหลังปู่ของวินเซนต์ว่าเป็นคนยังไง และตอนนี้มีต้นแบบก็คือศาสตราจารย์เซอเวอร์รัส สเนปค่ะ จะมีเนื้อเรื่องบอกเอาไว้ว่าสเนปนั้นรักแม่ของแฮร์รี่มากๆ มีตอนหนึ่งที่ดัมเบิลดอร์ถามสเนปว่าเป็นห่วงความรู้สึกของแฮร์รี่เหรอ

    แล้วสเนปก็เสกมนตร์ผู้พิทักษ์ที่ลิลี่ (แม่ของแฮร์รี่) เสกคุ้มครองลูกตัวเองเอาไว้ก่อนตาย แต่มีข้อแม้ว่าผู้ที่ร่ายมนตร์นี้ต้องคิดถึงสิ่งดีๆแล้วร่ายออกมา เมื่อมนตร์ที่สเนปเสกออกมาแล้วเป็นกวางตัวเมียก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของสเนปก็คือลิลี่ แม่ของแฮร์รี่นั่นเองค่ะ

    จะว่าไปตอนนี้เราเองก็รู้สึกนับถือทั้งความรักแท้ของปู่เจเดนจริงๆค่ะ รักแม่ของวินเซนต์มากๆ ถึงแม้ว่าเขาจะแต่งงาน มีลูกแล้วก็ตายไปแล้ว ก็ยังคงรักเขาแม้ว่าตายแล้วและเป็นร่างไร้วิญญาณก็ตาม ยอมปกป้องวินเซนต์ทุกครั้ง

    แต่สิ่งที่เรานับถือหัวใจของเขาก็คือยอมให้วินเซนต์ฆ่าเพื่อแลกกับการที่ช่วยแม่ของวินเซนต์ไม่ได้เลย ทั้งปู่ทั้งหลานก็มีอุปนิสัยที่ซื่อสัตย์กับความรักเสียจริงๆค่ะ จะหาใครจากที่ไหนได้อีกกกก ;-;

    ตายแล้วววว วิญญาณของผู้อาวุโสนั้นได้เข้าสิงร่างปู่ของเจเดนและเตรียมพร้อมที่จะสู้กับแวมไพร์แล้ว!! ทั้งเจเดนและวินเซนต์นั้นจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะคะ


    อีกไม่กี่ตอนก็จะใกล้ถึงบทสรุปของสองเผ่าพันธุ์แล้วค่ะว่าจะลงเอยอย่างไร แล้วเรื่องราวของเจเดนกับวินเซนต์ ออกัสตัสกับเจเรมี่นั้นจะจบด้วยแบบไหน อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนนะคะ อยู่ด้วยกันจนถึงบทสรุปของทุกอย่างก่อนนะคะ

    อย่าลืมเฟบ โหวต แชร์ กดให้กำลังใจ สกรีมฟิคในทวิตเตอร์หรือว่าคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยนะคะ ถ้าฟีดแบคดีเท่ากับไรเตอร์ได้กำลังใจและอัพตอนต่อๆไปค่า


    ปล. ฟิคเรื่องอื่นๆนั้นเราขอสต็อปไว้ก่อนนะคะ เราจะต่อเรื่องนี้ให้จบก่อนแล้วจะมาอัพเรื่องอื่นๆให้ค่า

    ปล2. ข้อมูลที่เรายกมาให้ทุกคนได้รู้นั้น เราไม่แน่ใจว่าถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ เราเขียนจากความทรงจำของเราเอง หากใครทราบหรือพอจะจำได้ก็สามารถแย้งเราได้นะคะ เราจะรีบแก้ข้อมูลให้ทันทีเลยค่า


    T
    B
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×