ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) BTS | KookV Yoonmin | Another World : Bleeding Heart #ฟิคต่างภพกุกวี

    ลำดับตอนที่ #11 : Another World : Bleeding Heart | Chapter 11 [100%] ♫

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.16K
      99
      9 ธ.ค. 61




    Another World : Bleeding Heart
    - Chapter 11 -


    เจเดนเหยียบคันเร่งเต็มที่ ล้อรถนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนที่อยู่ตามถนนหนทางที่เป็นดิน ตอนนี้ฝนก็ได้ตกลงมาแล้วและทำให้ทุกๆอย่างนั้นเปียกชื้นไปหมด เขาพยายามเร่งความเร็วให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะพาวินเซนต์ไปพักผ่อน


    "แฮกๆๆ...แฮก...แฮก..."


    "วินเซนต์ หายใจเข้าลึกๆนะ อย่างนั้นแหละๆ" เจเรมี่เอามือมาแตะไหล่ขวาเบาๆ พลางปลอบประโลมเพื่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนโดยการให้หายใจเข้าลึกๆ วินเซนต์ทำตามอย่างว่าง่ายจึงหายใจเข้าลึกๆก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ


    เหงื่อกาฬไหลออกมาจากกรอบใบหน้าของคนตัวเล็กจนชุ่มไปหมด แต่ไม่ใช่เพียงแค่ใบหน้าเท่านั้นที่เหงื่อโชก ทั้งฝ่ามือ ซอกคอและหลังใบหูทั้งสองนั้นก็เต็มไปด้วยเหงื่อเต็มไปหมด ราวกับว่าคนตัวเล็กนั้นตกน้ำมาแล้วก็มานั่งในรถยนต์แบบนี้


    ดวงตากลมปิดแน่น ปากก็อ้าออกและหอบหายใจอย่างยากลำบาก ใบหน้าก็ซีดขาวราวกับคนขาดเลือด มือทั้งสองก็กำแน่นจนเหงื่อซึมออกมา นี่เป็นลักษณะที่เจเรมี่ไม่เคยพบเจอเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวินเซนต์ แต่ที่แน่ๆก็คือ มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน


    รถแล่นฉวัดเฉวียนไปมาอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็มาถึงท่อระบายน้ำนอกตัวเมืองได้ เจเดนเลี้ยวรถเข้าไปจอดยังที่จอดรถรกร้างเล็กๆ ตรงนี้เคยเป็นร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กมาก่อน แต่เนื่องด้วยไม่ได้รับการดูแลจึงได้ปล่อยให้รกร้างไปอย่างน่าเสียดาย


    "จอดตรงนี้จะดีหรือ?" เจเรมี่รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างดื้อๆ บรรยากาศรอบๆนั้นก็ชวนขนหัวลุกได้ทุกเวลาเสียจริงๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก อีกทั้งด้านนอกตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย


    "ข้าก็เอารถมาจอดตรงนี้บ่อยๆ มันก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นนะ"


    "เอ่อ...ข้าคงคิดมากไปเองล่ะมั้ง?"


    เจเรมี่ยักไหล่ราวกับจะบอกอ้อมๆว่าอย่าสนใจในสิ่งที่เขาพูดเลย เจเดนดับเครื่องยนต์ก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากรถพร้อมกับจัสตินและเจเรมี่ เขาเดินไปยังประตูรถข้างคนขับ ใช้มือเปิดประตูให้อ้าออกและช้อนร่างของวินเซนต์ขึ้นมาอุ้ม


    "ฝากปิดประตูให้ข้าด้วย"


    "อ่า....ดะ ได้สิ" เจเรมี่กล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกักก่อนจะเดินไปปิดประตูรถให้ ส่วนจัสตินเองก็เดินไปเปิดประตูให้เขาและอีกสองคนเดินเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อ หลังจากที่เดินเข้าไปแล้ว บรรยากาศด้านในนั้นกลับไม่เหมือนด้านนอกเอาซะเลย เพราะเนื่องจากมีไลแคนท์จำนวนมากกำลังนั่งดื่มกันอยู่


    แสงสีเสียงที่ดังออกมาพร้อมกับจังหวะเพลงอันสนุกสนานและเร้าใจ เจเรมี่รู้สึกกลัวจนเดินแทบไม่ได้ เพราะตอนนี้ตนเองกำลังเข้าถ้ำเสือเข้าให้แล้ว


    "ตอนนี้บรรยากาศค่อนข้างมืด พวกเรารีบๆเดินไปที่ประตูตรงมุมห้องนั้นดีกว่า ไม่อย่างนั้นพวกไลแคนท์จะเห็นพวกเจ้า"


    ทั้งจัสตินและเจเรมี่นั้นก็กลั้นหายใจและเดินตามเจเดนที่อุ้มร่างของวินเซนต์ไปยังประตูตรงมุมห้องที่อยู่ไม่ใกล้และไม่ไกลจากตรงนั้น เสียงเพลงนั้นดังกระหึ่มและพวกไลแคนท์ก็ออกไปเต้นรำกันกลางฟลอร์ โยกย้ายส่ายสะโพกไปมาอย่างสนุกสนาน


    ในที่สุด ทั้งสามก็เดินเข้ามาในประตูตรงมุมห้องได้สำเร็จโดยทีไม่ให้พวกไลแคนท์ตัวอื่นๆสังเกตเห็น ก่อนจะเดินลงบันไดหินลงไปยังชั้นล่าง หยดน้ำที่หยดลงมาจากเพดานนั้นร่วงลงมากระทบลงบนพื้นเป็นจังหวะ เสียงเท้ากระทบลงบนพื้นลงไปยังชั้นล่างเรื่อยๆ โชคดีที่มีไฟติดอยู่บนผนังอยู่บ้าง ทำให้ไม่เกิดการก้าวพลาดขั้นบันไดและตกลงไปจนก้นกระแทกพื้น


    "อ้าว! มากันแล้วเหรอ! รอซะนานเลยนะ!" ไฮลาเรียสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้และกำลังดื่มไวน์ในมือนั้นก็เอ่ยทักทายผู้มาใหม่ที่สี่ที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง เจเรมี่ยิ้มและก้มตัวลงน้อยๆเพื่อทักทายไฮลาเรียส


    "เป็นยังไงบ้าง?" นาธานถามแล้วมองไปที่วินเซนต์กำลังหอบหายใจอยู่ในอ้อมแขนของเจเดน "ดูท่าทางแล้วคงจะไม่ไหวนะเนี่ย รีบๆพาวินเซนต์ไปนอนบนโซฟาเลย หรืออะไรก็ได้ที่มันนุ่มๆอะ"


    "แต่ตรงนี้ข้าจองนะ" ออกัสตัสพูด "ใช้ในห้องของเจเดนแทนได้ไหมล่ะ มันนุ่มกว่าตรงนี้อีกนะ"


    "เอาที่สบายใจเลยท่านพี่" เจเดนจี้ปากและพูดออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ คนบ้าอะไรจะหวงข้าวของของตนเองแบบนี้ ราวกับว่าในตอนนี้ร่างสูงเหมือนเห็นสุนัขกำลังกอดก้างปลาเอาไว้แน่น ก่อนที่จะสะบัดความคิดบ้าๆออกไปและก้าวฉับๆเดินเข้าไปในห้องของตนเองอย่างรวดเร็ว


    คนตัวสูงค่อยๆวางร่างบางนอนลงบนโซฟาอย่างช้าๆ โชคดีที่คราบเลือดของไลแคนท์ที่เลอะเสื้อนั้นได้ถูกสายฝนชำระล้างไปหมดแล้ว แต่ก็เหลืออยู่บ้างเล็กน้อย มือบางที่กอดคอของเขาเอาไว้นั้นไม่ยอมปล่อย ใบหน้าเองก็ซุกอยู่ที่แผ่นอกแกร่งของเขา ราวกับว่าร่างบางนั้นไม่ยอมปล่อยมือไปเพราะกลัวว่าเขานั้นจะหายไป



    แต่เจเดนเองไม่อยากจะทิ้งแมวน้อยของเขาเอาไว้ตรงนี้เพียงลำพังหรอก



    วินเซนต์ยังคงร้องไห้จนสายน้ำตานั้นหยดลงบนเสื้อของเจเดน มือทั้งสองที่กอดคออีกฝ่ายก็ส่งแรงกอดมากขึ้นไปอีก คนตัวสูงและคนอื่นๆต่างก็พยายามปลอบประโลมให้วินเซนต์ใจเย็นลงตั้งนาน จนกระทั่งร่างบางเชื่อใจและยอมปล่อยมือออก


    เจเดนบอกว่าเขาจะกลับมาอีกภายในไม่ช้าแล้วจะเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ด้วย ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับไฮลาเรียสและออกัสตัส วินเซนต์มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายจนกระทั่งหายไป แล้วนอนนิ่งๆอยู่บนเตียงตรงนั้น


    "สงสัยคงจะกลัวมากๆเลยนะ" จัสตินพูด "หรือว่าความทรงจำกลับมาแล้ว?"


    "เขาไม่ได้กลัวหรอก เขาช็อคน่ะ" นาธานบอก "ไม่ได้เกี่ยวกับความทรงจำกลับมาอะไรทั้งนั้นหรอก ขาดอากาศนานเกินไปหรือไม่ก็สูดดมแก๊สพิษมากเกินไป"


    "จริงหรือ?" เจเรมี่เลิกคิ้วถาม "แล้วทำไมท่าทางของเขาถึงเปลี่ยนไปล่ะ หมายถึง ข้าจำได้ว่าเขาฆ่าพวกไลแคนท์เป็นร้อยๆศพและไม่ได้รู้สึกอะไรเลยหลังจากฆ่า แต่ว่าทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกผิดและกล่าวหาตนเองว่าเป็นฆาตกรเช่นนี้เล่า?"


    นาธานกัดฟันแน่นอย่างใช้ความคิด "ข้าเองก็ไม่รู้ เพราะมันแปลกมาก ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย" เขาเว้นคำพูดสักพัก "ให้เขาพักก่อนเถอะ ไว้รอให้ได้สติเจ้าก็ลองถามเขาดูว่าเกิดอะไรขึ้น"


    หลังจากนั้นเจเดนก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเสื้อตัวใหม่ คนอื่นๆที่อยู่ในห้องนี้รู้ว่าทั้งสองนั้นต้องการเวลาส่วนตัวจึงเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแค่ร่างสูงและร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงตรงนั้น


    "พวกเขาไปไหนกันเหรอ?" วินเซนต์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ เพลียๆ


    "ไปดูทีวีล่ะมั้ง" เจเดนยักไหล่สองข้างไปมา "มาเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เนื้อตัวเจ้ามีแต่เลือดของไลแคนท์ตัวนั้นเต็มไปหมดเลย"


    พูดจบก็เดินลากเท้าไปนั่งอยู่ข้างเตียงและบรรจงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับร่างบาง คนที่อยู่บนเตียงนั้นก็ยันร่างขึ้นมานั่งบนเตียงและยอมเปลี่ยนแต่โดยดี อีกทั้งยังไม่บ่นออกมาสักคำ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเนื้อตัวของตนเองนั้นมีแต่เลือดแล้วมันก็ได้กลิ่นคาวไปหมด


    กว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างเนื้อล้างตัวเสร็จก็ผ่านไปพักใหญ่ วินเซนต์คิดว่าสภาพของตนเองทั้งก่อนหน้านั้นและตอนนี้ไม่น่าดูเอาเสียเลย พูดก็พูดอะไรไม่ออก ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างมาอุดที่ลำคอไม่ให้พูดออกมา ทำได้เพียงส่ายหน้าและพยักหน้าเมื่อมีใครมาถามคำถามเท่านั้น


    ร่างบางย้ายตนเองมานั่งบนโซฟานุ่มๆแทนการนอน เพราะเขารู้สึกไม่อยากจะนอนสักเท่าไหร่ มันมีความรู้สึกหลายอย่างถาโถมใส่จนอยู่สภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ ข้างๆตัวเขานั้นก็มีเจเดนนั่งอยู่และกำลังเอามือมาแตะที่ไหล่บาง


    "เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?"


    เจเดนถาม


    วินเซนต์ส่ายหน้าไปมา


    "อยากกินอะไรไหม?"


    ร่างบางก็ยังคงส่ายหน้าไปมาอีกครา ใบหน้าก้มลงมองบนพื้นและไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย ไรผมที่ยังคงเปียกชื้นนั้นก็หยดลงมากระทบบนต้นขาทีละหยดๆตามจังหวะของมัน ตอนนี้เขาอยู่ในชุดตัวใหม่ที่คนตัวสูงเปลี่ยนให้คือ เสื้อสีดำและกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม แล้วในใจของเขานั้นก็ชอบเสียด้วย


    หลังจากเกิดเดดแอร์เกือบสองสามนาที วินเซนต์ก็เลยเอ่ยปากถามเจเดนในที่สุด


    "ก่อนหน้านั้น..." ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงดูเหนื่อยๆ และอ่อนล้า "เจ้าเห็นสภาพข้าเป็นอย่างไรบ้าง? ขอตรงๆนะ"


    "ทั้งเนื้อทั้งตัวเจ้ามีแต่เลือด" เจเดนตอบ "ตอนนี้เจ้าสะอาดแล้วล่ะ ไม่ต้องกังวลแล้วนะ"


    คนตัวเล็กพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ "ไลแคนท์สี่ตัวที่ข้าฆ่าไปนั้นพูดกับข้ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ในพวกแวมไพร์ มันผู้นั้นคือใครหรือ?"


    ร่างสูงขมวดคิ้วเป็นปม พยายามหาคำตอบว่าสิ่งที่แวมไพร์ที่อยู่ตรงหน้าถามนั้นมันคือผู้ใดที่เป็นหนอนบ่อนไส้อยู่ในเหล่าแวมไพร์ แต่ก็ไม่สามารถตอบได้เพราะเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าคือใครกันแน่ เพราะเขาไม่ได้สนใจเรื่องของปู่และพวกทดลองอะไรเหล่านั้นอยู่แล้ว


    เจเดนส่ายหน้าเป็นคำตอบ


    วินเซนต์พยักหน้าเบาๆ พลางกัดฟันแน่น


    "ข้าไม่เข้าใจ" ร่างบางพูด "ทำไมข้าถึงอยู่ในสภาพนี้ไปได้? หลายๆครั้งที่ข้าฆ่าไลแคนท์ข้าก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ราวกับว่าหัวใจและความคิดของข้านั้นถูกแช่แข็งไปแล้ว แต่ทำไมครั้งนี้หลังจากที่ข้าฆ่าไปแล้ว ข้าถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?"


    "ข้ากำลังหาคำตอบอยู่" คนตัวสูงตอบ "แล้วเจ้าจำได้ไหมเจ้าทำอะไรบ้าง หมายถึง ฆ่าพวกนั้นน่ะ"


    "ข้ายิงท่อและเผลอสูดดมแก๊สนั้นเข้าไป แล้วก็เปิดพัดลมดูดไลแคนท์ตัวนั้น มันปั่นร่างจนเลือดกระเซ็นมาเลอะตัวข้า" วินเซนต์ขมวดคิ้ว พลางยกมือทั้งสองขึ้นมานวดขมับของตนเอง "ประมาณนั้นแหละ"


    "สงสัยคงเกิดจากแก๊สนั่นที่เจ้าสูดดมเข้าไป" เจเดนพูดเบาๆ แล้วถามวินเซนต์ต่อ "เจ้าจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นได้หมดหรือยัง?"


    ร่างบางเงียบไปและไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย มือทั้งสองก็กำแน่นจนสั่น ไม่รู้ว่าควรตอบไปอย่างไรเพื่อที่จะไม่ให้คนตัวสูงนั้นต้องตกใจ หลังจากที่เกิดเดดแอร์มานานเกือบๆห้านาที สุดท้ายก็เลยกลั้นหายใจและยอมบอกความจริงไป


    "ยัง"


    วินเซนต์ส่ายหน้า


    เจเดนถอนหายใจเฮือกใหญ่


    "เอาเถอะ ข้าเข้าใจว่ามันต้องใช้เวลา แต่ตอนนี้เจ้าอย่าคิดมากเลยนะ" เขาบอกและยื่นมือไปลูบผมของคนตัวเล็กอย่างช้าๆเพื่อเป็นการบอกว่าไม่ต้องคิดมากกับสิ่งที่เขาถาม คนตัวเล็กนั้นนั่งนิ่งๆให้อีกฝ่ายลูบผมได้ง่าย โดยที่ไม่ได้ปัดมือออกแต่อย่างใด "ไปเดินเล่นกันไหม?"


    ร่างบางเงยหน้าขึ้นมา "อะไรนะ?"


    "เดินเล่น" คนตัวสูงบอก "จะไปไหม?"


    วินเซนต์ชั่งน้ำหนักในใจอย่างเงียบๆ คิดว่าเขาควรออกไปหรือว่าอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแห่งนี้ หากเขาอยู่แต่ในนี้ก็ค่อนข้างน่าเบื่อเพราะว่าไม่มีอะไรทำแน่นอน ยิ่งเป็นห้องของเจเดนนั้นก็มีแต่เอกสารและข้าวของมากมายกองไปรอบๆห้อง ถ้าเขาออกไปเดินเล่นบ้างก็คงจะดี เพราะว่าจะได้ปลดปล่อยความเครียดของวันนี้ออกไปด้วย


    คนตัวสูงที่นั่งมองคนตัวเล็กเงียบไปนั้นก็รู้สึกไม่ค่อยดี เพราะหลังจากที่เขาพาหยีออกมาได้นั้นก็ลำบากแล้วก็เงียบมากกว่าปกติอีกด้วย ถามคำตอบคำ อีกทั้งเงียบบ่อยจนน่าใจหายอีกด้วย แต่เขาเองก็เข้าใจว่าคนตัวเล็กนั้นต้องช็อกมากแค่ไหนที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้


    ร่างบางพยักหน้า "ไปสิ"






    ++





    ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว แสงจันทร์ส่งประกายลงมากระทบพื้นจนมองเห็นบรรยากาศรอบๆไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นที่ว่ามืดจนมองไม่เห็น เสียงจิ้งหรีดและนกฮูกดังขึ้นมาตามต้นไม้ บวกกับความชื้นของพื้นดินนั้นทำให้วินเซนต์รู้สึกหนาวและเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก



    แต่มันก็เย็นสบายดีนะ



    ทั้งสองเดินออกมาจากท่อระบายน้ำแทนที่จะเดินกลับขึ้นไปข้างบน เนื่องจากว่าไลแคนท์ที่อยู่ด้านบนนั้นจะเห็นวินเซนต์เข้า แถมตอนนี้ก็ยังไม่หยุดดื่มอีกด้วย การที่จะเดินกลับไปยังทางเดินนั้นก็เสี่ยงมากๆ จึงยอมเดินผ่านท่อระบายน้ำยาวๆที่มีแต่หนูเต็มไปหมดจะดีกว่า


    วินเซนต์ปัดฝุ่นที่อยู่ตามเสื้อของตนเองออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินตามเจเดนไปอย่างเงียบๆ แต่แล้วเขาเองก็รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเขากับร่างสูงนั้นมีมากเหลือเกิน อีกทั้งบรรยากาศในตอนนี้ก็ค่อนข้างอึดอัดอีกด้วย จึงยอมเดินเร็วไปอยู่ข้างๆเจเดนและยื่นมือไปจับมือของอีกฝ่ายทันที และนั่นทำให้ร่างสูงค่อนข้างตกใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมาย


    "เจเดน"


    วินเซนต์เรียก


    ร่างสูงส่งเสียงในลำคอ


    "เราจะไปที่ไหนกันเหรอ?" ร่างบางเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ใบหน้าก็มองไปรอบๆตัวของตนเอง แต่ก็ไม่มีที่ตรงไหนที่เหมาะแก่การเดินเที่ยวเลยสักนิด เพราะมันทั้งชื้นและเปียกไปหมด "ถ้าให้ข้าเดานะ คงจะเป็นที่ที่เป็นความลับมากๆเลยใช่ไหม?


    "ก็มีส่วนใช่" คนตัวสูงตอบ "ก่อนอื่นเลย เจ้ามาขี่หลังข้าสิ"


    "ไม่ล่ะ ข้ายังไม่เมื่อยเลย"


    "เจ้าอยากเห็นสถานที่ที่เป็นความลับไหมล่ะ?"


    จบประโยคนี้วินเซนต์ขมวดคิ้วเป็นปมและชั่งน้ำหนักอีกครั้ง เอาตามตรงเลยเขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันคือที่ไหนกัน จึงยอมพยักหน้าเป็นคำตอบว่าจะยอมขี่หลังคนตัวสูงแน่นอน


    เจเดนเกร็งทั้งแขนและขา ก่อนจะมีขนสีเงินและเทาพุ่งออกมาตามร่างกาย เห็นได้ชัดเลยว่าคนตัวสูงนั้นต้องกลายร่างเป็นไลแคนท์อีกแน่นอน อีกทั้งตัวก็ใหญ่กว่าร่างบางเสียอีก


    คนตัวเล็กเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่มีดวงตาสีฟ้าสวยจนน่าหลงใหล ราวกับว่าตอนนี้เขากำลังหลงเสน่ห์นี้เสียแล้วล่ะ ร่างบางเองก็พูดไม่ถูกด้วยสายตาของเจเดนในตอนนี้มันเป็นแบบไหน เพราะในตอนนี้สายตาของเจเดนนั้นมันทั้งแข็งกร้าวเมื่อแปลงร่างเสร็จและอ่อนโยนยามที่มองมาที่เขาด้วย 



    สายตาแบบนี้มีเพียงแค่เขาเท่านั้นใช่ไหมที่ได้เห็นมัน?



    วินเซนต์กระโดดขึ้นขี่หลังของเจเดน ก่อนที่เท้าหลังของคนตัวสูงนั้นจะดีดไปข้างหน้าและออกตัววิ่งอย่างรวดเร็ว ลมเย็นๆเข้ามาปะทะทั้งใบหน้า เสื้อผ้า กางเกงและทรงผมของร่างบาง อีกทั้งยังทำให้ขนสีเทาและเงินของคนตัวสูงนั้นลู่ลมไปด้วย


    ความหนาวเย็นพัดผ่านร่างกายของคนตัวเล็กจนรู้สึกหนาวไปหมด แต่ถึงกระนั้นตอนกลางคืนนั้นเป็นสิ่งที่เขาชอบมากๆ เพราะได้สัมผัสลมเย็นๆอันสดชื่น บวกกับความสวยงามของแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องลงมายังพื้นโลก บางครั้งมันทำให้หัวใจของคนตัวเล็กนั้นรู้สึกหดหู่ แต่บางครั้งก็รู้สึกดีไปกับมันอีกด้วย


    ร่างบางย่นจมูกลงเล็กน้อยเพราะรู้สึกคันๆตรงปลายจมูก ก่อนที่จะจามออกไปสี่ครั้งติดต่อกัน เสียงจามที่ติดต่อกันนั้นทำให้คนตัวสูงแอบยิ้มเล็กน้อย รู้เลยว่าไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้คนตัวเล็กนั้นต้องเป็นหวัดแน่นอน


    มือบางกำขนสีเงินและเทาแน่นเพราะยึดไว้ไม่ให้ตกลงไป ลมเย็นๆที่กระทบเข้ามี่ใบหน้านั้นทำให้วินเซนต์รู้สึกง่วงขึ้นมาทันที ในตอนแรกคนตัวเล็กคิดเอาไว้ว่าจะลมวิวทิวทัศน์ตอนที่ขี่หลังเจเดนเสียหน่อย แต่ถ้าหากมันเป็นแบบนี้แล้วก็ขอนอนก่อนจะดีกว่า


    วินเซนต์ฟุบใบหน้าเข้าที่แผ่นหลังแกร่งอันอบอุ่นของเจเดน สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆด้วยความโหยหาและคิดถึง ก่อนจะเผลอหลับไปในที่สุด


    คนตัวสูงส่ายหน้าไปมา พลางคิดในใจโดยที่ยังวิ่งไปข้างหน้า "ขี้เซาจังเลย"



    เวลาผ่านไปเกือบๆห้านาที วินเซนต์ก็สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตนเองมาอยู่ที่หน้าผาของเขาสูงลูกหนึ่ง ด้านหน้าของตนเองนั้นเป็นตึกรามบ้านช่องของกรุงลอนดอนที่มีแสงสีเสียงครบถ้วน ดูแล้วสวยงามมากๆ ดวงตาทั้งสองของร่างบางนั้นเปล่งประกาย ไม่เคยมาเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง


    แล้วดูเหมือนที่ที่เขากับเจเดนยืนอยู่นั้นคงอยู่ด้านนอกของลอนดอนเสียด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีทางมาเห็นภาพสวยๆที่อยู่ตรงหน้าของตนเองแน่นอน


    คนตัวเล็กก้าวขาลงจากหลังของร่างสูงอย่างช้าๆ ดวงตาทั้งสองก็ยังคงจ้องไปยังด้านหน้าโดยที่ไม่ละสายตาเลย เจเดนแอบมองร่างบางพลางอมยิ้มกับท่าทางและสายตาอันเปล่งประกายของแวมไพร์ตนนี้


    "สวยจัง" ร่างบางพูด "ข้าไม่เคยอะไรแบบนี้มาก่อนเลย"


    "กรร.."


    เจเดนคำรามในลำคอ


    วินเซนต์ตกใจ


    "ตกใจหมดเลย บอกกันหน่อยสิว่าจะคำราม" คนตัวเล็กบ่นกระปอดกระแปด มือทั้งสองก็ยกขึ้นมากุมหัวใจของตนเองเนื่องจากเมื่อกี้ตกใจจนแทบไม่ทันได้ตั้งตัว


    "กรร.." คนตัวสูงคำรามในลำคออีกครั้งก่อนจะหันไปมองด้านหน้าของตนเองพร้อมกับร่างบาง ลมอ่อนๆพัดโชยมาจนขนสีเงินและเทาของเจเดน ทรงผม เสื้อและกางเกงของวินเซนต์ปลิวลู่ลมเช่นเดียวกับตอนที่เดินทางมายังที่นี่


    บรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้างเงียบพอสมควร เนื่องจากวินเซนต์เองก็ไม่กล้าเริ่มต้นบทสนทนากับเจเดนในร่างไลแคนท์ เพราะอีกฝ่ายนั้นเอาแต่คำรามในลำคอ แล้วไม่รู้ด้วยว่าคำๆนั้นที่คนตัวสูงกำลังคำรามนั้นหมายถึงอะไร


    "กรร.." เจเดนคำรามในลำคออีกครั้ง


    "กลับร่างมาเป็นมนุษย์จะดีกว่าไหม?" วินเซนต์บอก และยกมือทั้งสองขึ้นมากอดอกของตนเองแน่น "ข้าเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่เจ้าคำรามนั้นมันคืออะไร? แล้วมีความหมายว่าอะไร?"


    คนตัวสูงคำรามในลำคอเพื่อแกล้งคนตัวเล็ก


    แต่ว่าคนตัวเล็กนั้นกลับไม่สนใจ


    "เฮอะ! แค่คำราม เจ้าทำให้ข้ากลัวไม่ได้หรอก" ร่างบางแค่นเสียงหัวเราะโดยที่สายตาของตนเองนั้นยังคงมองไปยังด้านหน้า และไม่หันกลับมามองไลแคนท์ที่อยู่ข้างๆของตนเองสักนิด


    เจเดนนึกสนุกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะจับร่างของวินเซนต์นั้นดิ่งพสุธาลงไปกับเหว มือหนาทั้งสองคว้ามือบางทั้งสองของคนตัวเล็กแน่น จนในตอนนี้ทั้งสองอยู่ในสภาพที่ขาและแขนนั้นอยู่ในแนวราบ


    "ว้ากกกก!"


    คนตัวเล็กร้องลั่นด้วยความกลัว ใบหน้าก็เผลอมองไปยังด้านล่างแล้วพบว่ามีต้นไม้มากมายอยู่ก้นเหว หากตกลงไปแล้วกระทบนั้นคงเจ็บน่าดู ไม่ทันที่จะมองไปรอบๆ ก็มีแสงสีขาวส่องลงมาจนคนตัวเล็กต้องหยีตาจากด้านหน้าของตนเอง เรียกความสนใจของคนตัวเล็กที่กำลังมองไปยังด้านล่างของตนเองได้เป็นอย่างดี เมื่อหันกลับมามองตรงหน้าตนเองแล้วพบว่า



    เจเดนที่เป็นร่างมนุษย์นั้นกำลังยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน



    "ไม่ต้องกลัวแล้วนะ" เขาบอก "เมื่อเจ้าอยู่กับข้า เจ้าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น"


    หน้าผากของทั้งสองชนกัน วินเซนต์เผยรอยยิ้มออกมาด้วยความดีใจและรู้สึกดีที่ได้มาอยู่ร่วมกับเจเดน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆแต่ก็มีความสุขที่สุดในชีวิตนี้


    ทั้งความรู้สึกและปลอดภัยนั้นได้กลั่นออกมาเป็นน้ำใสๆ มันเอ่อล้นออกมาจากดวงตาทั้งสองของวินเซนต์ รอยยิ้มนั้นยังคงเผยออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น มือทั้งสองที่ประสานกันแน่นนั้นได้เป็นสัญญาณที่บอกว่าตัวร่างบางในตอนนี้รู้สึกดีมากแค่ไหน รอยยิ้มกว้างนั้นได้เชื้อเชิญให้ริมฝีปากหนาของคนตัวสูงนั้นเข้าไปประกบปากของคนตัวเล็กทันที



    นี่คือน้ำตาแห่งความสุข ไม่ใช่จากความเศร้า



    ความหอมหวานหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว มันเค้นให้ลืมทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบตัวและสถานที่เป็นไปไม่ได้จนหมด คิดว่า ณ ที่ตรงนี้มีเพียงทั้งสองนั้นอยู่ด้วยกันเท่านั้น



    ความรักของทั้งสองนั้นมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ในสายตาของผู้อื่น



    แต่ตอนนี้ มันเป็นไปได้ในความสัมพันธ์ของทั้งสองแล้ว



    หลังจากนั้น เสียงเพลงที่วินเซนต์เคยได้ยินนั้นลอยเข้ามาในความคิดอีกครั้ง



    未来の前にすくむ心が

    มิราอิ โนะ มาเอนิ ซุคุมุ โคะโคโระ กะ

    หัวใจที่หวาดหวั่นต่ออนาคตข้างหน้านี้


    いつか 名前を思い出す

    อิซุกะ นามาเอะ โวะ โอโมอิดาสุ

    จะจดจำชื่อนี้ได้ภายในสักวันหนึ่ง


    叫びたいほど愛しいのは 

    ซาเคบิ ทาอิ โฮโตะ อิโตโอะชิอิ โนะ วะ

    มันเป็นสิ่งที่มีค่าจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา


    一つの命

    ฮิโตะชุ โนะ ฮิโนะชิ

    ชั่วชีวิตหนึ่งเดียวนี้


    帰りつく場所

    คาเอริ ซุคุ บาโชว

    จะกลับไปในที่ของมัน


    私の 指に 消えない 夏の日

    วาตาชิ โนะ ยูบินิ คิเระนาอิ นัตซุโนะ ฮิ

    บนปลายนิ้วของฉัน ฤดูร้อนในวันนั้นจะไม่มีทางจางหายไป



    อีกด้านหนึ่ง


    "ตามแผนใช่ไหม?" ชายคนหนึ่งที่ยืนกอดอกและยืนมองออกไปนอกหน้าต่างนั้นได้พูดขึ้นมาอย่างเยือกเย็น เขาสวมทักซิโดสีดำและผูกเนคไทสีแดง ในปากของเขานั้นมีซิการ์ที่จุดแล้ว มือขวายกขึ้นมาคีบก่อนที่จะพ่นควันสีขาวออกมาจากปาก


    กลิ่นซิการ์คละคลุ้งไปทั่วห้อง ทำให้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังชายที่สวมชุดทักซิโดนั้นต้องย่นจมูกลงเนื่องจากเขาเกลียดกลิ่นจำพวกยาสูบหรือไม่ก็บุหรี่ที่สุด


    เขาตอบด้วยความมั่นใจหลังจากที่ยกมือขึ้นมาปัดๆควันออกอย่างเงียบๆ "ครับ ตอนนี้เป็นไปตามแผนเลยครับ วินเซนต์ถึงกับอกสั่นขวัญแขวนกลับไปเลย"


    ชายที่สูบซิการ์ยิ้ม ก่อนจะหันหลังกลับมาที่โต๊ะและบี้ซิการ์ในมือลงบนที่เขี่ยบุหรี่จนมันเละเทะไปไหมด ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้สีดำและจ้องมาที่ลูกน้องของตนเอง


    "เยี่ยมมาก เป็นไปตามแผนจริงๆด้วย" เขาพูด "ทีนี้พวกแวมไพร์ก็ขาดตัวหมากสำคัญไปแล้ว เนื่องจากกลัวการเข่นฆ่าไลแคนท์ แก๊สที่อยู่ในท่อนั้นมันช่วยได้มากๆเลย ต้องขอบคุณทีมของคุณจริงๆที่ค้นหามันมา"


    "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ" ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้านั้นเกาหลังหูแกรกๆหลังจากที่ถูกชม


    "แล้วเรื่องนั้นล่ะ?"


    "กำลังดำเนินการครับ มันอาจมีหลายขั้นตอนและเงื่อนไขหน่อย แต่ผมรับรองว่ามันต้องได้ผลครับ"


    ชายที่นั่งบนเก้าอี้นั้นเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยความพอใจ


    "แล้วเจเดนล่ะ?" เขาถาม "ยังมีปณิธาณที่ในเรื่องนี้อยู่ไหม?"


    "เรื่องนั้นผมไม่ทราบจริงๆครับ เขาไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิด แถมช่วงนี้เขาทำตัวแปลกๆอีกด้วยครับ ไม่มาที่แอนติเจนเลยสักครั้งและหมกตัวอยู่แต่ในท่อระบายน้ำนั่นกับพี่ๆของเขา ท่านว่าแปลกไหมครับ?"


    ชายที่นั่งเก้าอี้เงียบไป นิ้วชี้ข้างซ้ายเคาะลงบนพื้นโต๊ะเป็นจังหวะอย่างใช้ความคิด ก่อนจะออกคำสั่งออกมาหลังจากที่เงียบไปค่อนข้างนาน


    "ไปตามสืบมา" เขาบอก "ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่ท่อระบายน้ำแห่งนั้น แล้วก็ต่อสายให้ผมด้วย"






    #ฟิคต่างภพกุกวี







    TBC. [03:11:2018]


    หวัดดีค่าทุกคนนน เราหายไปนานมากจริงๆ 5555

    ขอเกริ่นนำก่อนเลยนะคะ พอดีว่าช่วงนี้งานยุ่งมากค่ะ ไหนจะงานกลุ่ม การบ้านและงานโรงเรียนที่เข้ามา อีกทั้งช่วงนี้ก็จะเข้าช่วงกีฬาสีด้วย พอกลับถึงบ้านและเอาหัวลงหมอนนั้นก็ไม่อยากจะทำอะไรแล้ว เราทั้งเหนื่อยทั้งล้ามากๆในแต่ละวัน ก็เลยทำให้เราไม่มีเวลามานั่งแต่งเลยค่ะ โชคดีที่วันนี้เรามีเวลามากค่ะ ก็เลยแต่งและอัพให้เลย

    อยากจะบอกว่าพอแต่งตอนนี้แล้วรู้สึกใจบางต่อการกระทำของเจเดนมากเลยค่ะ หล่อไปไหนเนี่ยพ่อคู้นนน ดูแลและประคบประหงมวินเซนต์จนแทบจะเป็นไข่ในหินแล้ว เย็นชากับทุกคนยกเว้นนายเอกของเราจริงๆ 5555555 เค้าก็แข็งแรงดีนะเจเด๊นนน ทั้งกระทืบและอัดจนนายอ่วมก็เคยมาแล้ว 5555 (ขอโทษๆ ;/|\;) ดูแลซะน้องวินเซนต์เหมือนแมวเลย แต่น้องเองก็ยอมด้วย 5555

    สองคนนั้นที่คุยกันตอนท้ายเรื่องเป็นใครกันนะ ลองเดาดูนะคะว่าคือใคร :) (ไม่ต้องสนใจไอ้ยิ้มนี่หรอกค่ะ ใส่เข้ามาให้มันลุ้นเฉยๆ 5555)


    มาลุ้นกันต่อในตอนหน้านะคะว่าจะเกิดเรื่องราวอะไรบ้าง อย่าลืมเฟบ โหวต แชร์ กดให้กำลังใจ สกรีมฟิคในทวิตเตอร์หรือว่าคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยนะคะ ถ้าฟีดแบคดีเท่ากับไรเตอร์ได้กำลังใจและอัพตอนต่อๆไปนะคะ


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×