NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HONGZAN "หงส์ซาน" (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #9 : หงส์ซาน #7 ดูแล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 21.3K
      307
      2 ก.ย. 60


    Hongzan หงส์ซาน ตอนที่ 7 ดูแล 


    ...


    ...


    ...

    มันหยิบกาขึ้น รินสมุนไพรใส่ถ้วยชาใบเล็ก ควันขาวจางๆ ลอยคลุ้งขึ้นมา มันยกมาให้ตรงหน้า


    “อะ ดื่ม ดีกว่ายาฝรั่ง”


    “ไม่กิน” 

    ผมดื้อแพ่ง มันขมวดคิ้ว


    “กิน จะได้หายเร็วๆ”


    “แล้วใครทำให้อั๊วเป็นแบบนี้” 

    ผมว่ากลับตาขวาง


    “เฮียขอโทษ” 

    ผมไม่สนใจคำมัน เมินอ่านการ์ตูนเสีย มันดึงเอาการ์ตูนออก ยื่นถ้วยยาให้


    “กินก่อน”


    “ไม่กิน”


    “อย่าให้เฮียต้องป้อนด้วยตัวเอง”


    ผมเบ้ปากใส่ ขยับจะทิ้งตัวลงนอน แต่มันดึงไว้


    “อยากให้เฮียป้อนจริงๆ ใช่ไหม”


    “ไม่กิน ไม่ต้องป้อนด้วย ไม่ใช่เด็ก”


    มันยกยิ้ม จับคางผมบีบแน่น ผมตาโต นึกภาพมันจับยากรอกปากออกเลย ผมดิ้นขลุกขลัก


    โอ๊ย กูเจ็บอยู่นะโว้ย ให้ดิ้นมากๆ เป็นการทำร้ายคนทางอ้อมไม่รู้รึไง!


    มันยกถ้วยยาขึ้น ผมตาโตยิ่งกว่าเดิม พยายามจับมือมันออก


    แต่มันไม่ได้กรอกปากผมอย่างที่กลัวครับ มันจับปากผมก็จริง แต่ยกถ้วยยาใส่ปากตัวเอง ผมมองงงๆ มันยกยิ้มนิดหนึ่งทั้งที่ยังอมยา จับผมประกบปากทันที


    มะ มึง มึง มึงมันไอ้ตัวกินไก่!!


    ผมจำต้องกลืนสิ่งที่มันส่งมาลงคอ มันขยับปากรุก ผมหายใจแทบไม่ออก กำอกเสื้อมันแน่น มันถอนปากออก เทยาอีกถ้วย ยกกรอกปากตัวเอง แล้วนำมาป้อนผมแบบเสิร์ฟถึงปาก แต่ละถ้วยมีเล็มเล็กเล็มน้อย ยาถ้วยที่สาม เป็นถ้วยที่ผมพ่ายแพ้ราบคาบ มันบริการเลียเช็ดน้ำที่หยดไหลตามมุมปาก ลากลงไปถึงคอ


    ผมเดาเอาว่ายาน่าจะเลอะไปถึงซอกคอด้วย มันถึงได้ตามไปเช็ด ตามไปเลียทำความสะอาดให้แบบนั้น ผมขยุ้มจับหัวมันไว้ ครางในลำคอ


    “อะแฮ่ม ซันไรส์ เราควรจะออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้ผัวเมียเขาได้สวีทหวานแหววกัน หรือว่าจะอยู่ต่อเพื่อห้ามปราม เพราะน้องหงส์ยังระบมอยู่”


    เท่านั้นแหละ ไอ้ซังกะบ๊วยก็หยุดปากลงกึกให้ผมได้หายใจหายคอ มือผมลดต่ำลงไปขยุ้มเสื้อด้านหลังมันไว้แทน ภาพตรงหน้าพร่าเลือนนิดๆ


    “ไม่แปลกใจว่าทำไมแกหลงน้องเขานักหนา น้องเขายั่วเก่งจริงๆ นั่นแหละ”


    ยะ ยั่วตรงไหน!!


    ผมไม่ได้หันไปสนใจคนพูด มองคนตรงหน้าปรามด้วยสายตาให้มันหยุด มันพ่นลมหายใจออกแรง ลูบหัวผมเบาๆ ประคองให้นอนลง


    “นอนซะ ตื่นแล้วเฮียจะพาไปนั่งเล่นในสวน”


    ถึงจะโมโหที่มันบังอาจมาลวนลามผมเมื่อกี้ แต่ผมก็เลือกจะนอนนิ่งๆ มากกว่า กลัวโดนมันรุกเอาอีก


    เหลือบมองไปทางพี่หมอ


    เอ่อผมว่าพี่จะเนียนไปไหมครับ เพราะตอนนี้พี่หมอเอนตัวพิงต้นแขนซันไรส์ ซึ่งรายนั้นก็ไม่ว่าอะไร ไม่ห้ามไม่ปราม นั่งนิ่งให้พี่หมอใช้เป็นพนักเฉย ซันไรส์ไม่ได้สนใจผม ในขณะที่พี่หมอ มองผมตาแป๋ว


    ผมหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง มันเกลี่ยเส้นผมแถวหน้าผากผมเบาๆ ก้มลงจุมพิต ลุกขึ้นยืน  


    “ออกไปกันเถอะ ปล่อยให้หงส์ได้พักผ่อน”


    สองคนนั้นลุกพรึบพร้อมกัน


    ตื่นแล้วเจอกันครับน้องหงส์” 

    พี่หมอหันมาลา ทำเสมือนว่าผมจะหลับเป็นตายไปเป็นสิบปี เดินไปกอดคอเพื่อนก้าวนำไปก่อน ตามติดด้วยซันไรส์ที่ก้าวตามไปเงียบๆ


    ซันไรส์เป็นคนปิดประตูให้ผมอย่างเบากริบ แล้วความเงียบก็กลับคืนมาอีกครั้ง ผมเลื่อนมือใต้ผ้าห่มขึ้นมากุมหน้าอกตัวเองเบาๆ ตรงตำแหน่งหัวใจ อีกมือจับหน้าผากตัวเองตรงตำแหน่งที่ถูกฝังจูบเมื่อกี้


    บ้าเอ๊ย ทำไมต้องใจเต้นด้วย


    ผมดึงมือกลับมาวางไว้ตำแหน่งเดิม ปิดเปลือกตาลง


    พักผ่อนๆ จะได้หายเร็วๆ

     




    ผมตื่นอีกทีเกือบเที่ยงแน่ะ อาหารเลิศรสถูกนำมาเสิร์ฟถึงเตียง ม๊ามันเดินเข้ามาหา ถอนหายใจแรงเมื่อเห็นสภาพผม


    “ลื้อน่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิงนะหงส์ซาน อั๊วจะได้มีหลานไว้อุ้มอีกคน”


    ไม่เป็นน่ะดีแล้ว ห่วงผูกคอเปล่าๆ ท้องมาก็เลิกกับมันไม่ได้กันพอดี


    แล้วบรรดาพี่สาวพี่ชายมันก็แวะเวียนมาเยี่ยม


    กูอายครับ ไม่ต้องพากันมาเยี่ยมก็ได้


    ผมสังเกตว่าอาหารผมดูจะเยอะกว่าปกติ กินคนเดียว แต่มีข้าวเปล่าตั้งสองถ้วยแน่ะ


    “กินแค่คนเดียว ทำไมเตรียมอาหารมาตั้งเยอะตั้งแยะ” 

    ผมหันไปถามสาวใช้ที่ยกอาหารมาให้


    “คุณไป่หลงจะมาทานด้วยค่ะ ตอนนี้ท่านติดสายอยู่”


    ผมเบ้หน้า พอสาวใช้เดินออกไป บ๊วยมันก็เปิดประตูเดินเข้ามา ผมไม่สนใจ ขยับนั่งหย่อนขาข้างเตียง


    ปวดฉิบ


    มันลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้ามผม


    “มากินด้วยทำไม ได้กินข้าวกับเฮีย รสชาติอาหารกร่อยลงไปถนัดตา”


    มันมองหน้าผม ไม่พูดอะไร ยกถ้วยข้าว หยิบตะเกียบ คีบกินตุ้ยๆ


    มันใช้ตะเกียบหยิบเห็ดทอดสมุนไพรขึ้น ยื่นมาจ่อไว้ใกล้ปากผม ผมมองงงๆ


    “อะไร”


    “เฮียป้อน”


    “กินเองได้”


    “ผู้ใหญ่ให้ของ เป็นเด็กก็รับไว้สิ”


    “พอดีถูกสอนมาว่าไม่ให้รับของจากคนหน้าแปลก”


    มันยกยิ้มมุมปาก


    “คำนี้เฮียจะป้อนด้วยตะเกียบ ถ้าไม่กิน คำต่อไปเฮียจะป้อนด้วยปาก”


    ผมหน้าร้อนผ่าว มองกลับอย่างเขวี้ยง ไม่รับเข้าปากตรงๆ หรอก แต่ใช้ตะเกียบตัวเองคีบเอามาคลุกๆ ในข้าวแล้วกิน


    มันคีบอีกชิ้น มาจ่อไว้ใกล้ปากผมตามเดิม


    “จะกินเอง”


    มันไม่พูดอะไร มองมานิ่งๆ ผมจิ๊ปาก จะใช้ตะเกียบคีบเหมือนเดิม แต่มันเบี่ยงหลบ เอามาจ่อใกล้ปากอีก


    “มันต้องกินกับข้าวถึงจะอร่อย”


    “ตักข้าวตามไปทีหลัง”


    “จะกินเอง”


    “หงส์ซาน”


    ผมเม้มปากแน่น จำใจต้องอ้าปากรับ ผมแกล้งมันด้วยการดึงตะเกียบไว้ งับแรงแล้วทิ้งลงพื้น ยักคิ้ว ยกยิ้มมุมปาก


    เป็นไงมึง ไม่มีตะเกียบจะกินข้าวล่ะสิ


    มันก้มมองตะเกียบตัวเอง ผมยกยิ้มใส่อีกรอบ มันไม่ก้มหยิบ ไม่ออกไปเอาอันใหม่ ไม่โทรบอกใครให้หยิบมาให้ด้วย นั่งนิ่งๆ วางข้อศอกราบท้องแขนกับโต๊ะ มองตรงแล้วอ้าปาก


    มาอ้าปากอะไรตรงนี้


    ผมมองงงๆ


    “ไม่อยากให้เฮียกินเองไม่ใช่เหรอ ป้อนมาสิ”


    ผมอ้าปากค้าง ความดันเลือดอยู่ๆ ก็พุ่งสูงอย่างไม่ทราบสาเหตุ


    “เรื่อง! เอาอันใหม่มากินเองดิ” 

    ผมไม่สนใจ คีบอาหาร กำลังจะเอาเข้าปาก แต่มันคว้าจับข้อมือผมไว้ บังคับให้นิ่ง แล้วมันก็แย่งอาหารผมกินต่อหน้าต่อตา


    “อร่อย”


    ผมควันออกหู


    “จะเอาตะเกียบอันใหม่ให้” 

    ผมรีบหยิบมือถือ แต่มันแย่งคืน วางไว้ห่างๆ


    “ป้อนจนกว่าเฮียจะอิ่ม ทำโทษที่ทิ้งตะเกียบเฮีย”


    “ไม่ป้อน!!


    “หรือจะให้เฮียเป็นฝ่ายป้อน แต่กว่าจะอิ่มนี่ปากเราคงบวมน่าดู”


    ผมรู้ว่ามันจะป้อนแบบไหน


    “เอ้า เอาไป ไม่กินแล้ว” 

    ผมยื่นตะเกียบของตัวเองให้ มันส่ายหน้า


    “ป้อนเฮียมา อาหงส์”


    ผมเม้มปากแน่น มองมันตาขวาง คีบเห็ดทอดสมุนไพรใส่ปาก ตามด้วยข้าว


    “กินเองบ้างสิ ป้อนแต่เฮีย เดี๋ยวก็ไม่หายหรอก”


    “อิ่มแล้ว”


    อิ่มได้ไง กินยังไม่ถึงครึ่งถ้วย กิน!!” 

    อยากเถียงว่าไม่ แต่ดูจากแววตาดุๆ นั้นแล้วถ้าผมไม่ทำคงมีการบังคับกันแบบถึงเนื้อถึงตัวแน่ๆ ผมจำต้องคีบอาหารเข้าปากตัวเองบ้างสลับกับป้อนคนตรงหน้า


    มันกินไปมองหน้าผมไปให้รู้สึกแปลกๆ กับสายตานั้น ผมเมินหลบเสีย พยายามสนใจเฉพาะอาหารตรงหน้า กระทั่งข้าวในถ้วยผมหมด มันขยับเลื่อนข้าวของตัวเองมาให้ผมป้อนต่อ


    อาหารเปื้อนปาก มันหยิบทิชชู่มาเช็ดให้เบามือ


    “ลื้อโตแล้วนะอาหงส์” 

    มันว่าเสียงนุ่ม


    ผมเมินหลบเสีย มันบีบจมูกผมเบาๆ


    “ทั้งดื้อทั้งรั้น ถ้าไม่ติดว่าก้นเจ็บอยู่ จะตีให้ก้นลาย”


    “ลองตีสิ จะต่อยปากแตก”


    มันหัวเราะหึๆ


    “มีแรงต่อยก็ลองทำดูสิ”


    เจ็บใจครับ ตอนนี้มีปัญญาทำได้แค่ฆ่ามันทางสายตาเท่านั้น


    พุทราเชื่อมเจ้านี้อร่อย เฮียให้คนไปซื้อมาให้หงส์โดยเฉพาะเลย” มันหยิบพุทราเชื่อมด้วยมือ ยื่นมาใกล้ปาก 


    ผมเบี่ยงหน้าหนี


    “อย่าให้เฮียต้องป้อนด้วยปากอาหงส์”

    ผมเม้มปาก ก่อนอ้าปากรับ มันหวานกลมกล่อม อร่อยกำลังดีจริงๆ นั่นแหละ มันหยิบอีกชิ้น เอาเข้าปาก แต่ตามองผม ผมเมินหลบเสีย ผิวแก้มร้อนผ่าวแบบไม่ทราบสาเหตุ


    สงสัยอากาศจะร้อน




    (ต่อ 40%) 


    “เดินไหวไหม หรือจะให้เฮียอุ้มออกไป” มันถามหลังกินอิ่ม


    “เดิน” 

    ผมตอบกลับทันที


    “ไหวรึไง”


    ไหวไม่ไหวก็จะไม่ยอมให้มันอุ้มเด็ดขาด ผมขยับลุกจากเตียง เบ้หน้า


    “เฮียว่าเฮียพาไปดีกว่า”


    “ไม่ต้อง!!” 

    คิดว่ามันจะฟังผมหรือเปล่า


    ไม่เลย


    ผมรีบตวัดวงแขนรอบลำคอแกร่ง มันก้มมอง แก้มผมร้อนวูบวาบ 


    สงสัยจะเป็นไข้


    “ปล่อย” 

    ผมขู่ฟ่อ มันยกยิ้มนิดหนึ่ง ก้มหอมหน้าผากผมแผ่วเบา


    “ปลาคาร์ปรอหงส์ไปให้อาหารอยู่นะ” 

    มันเอาปลามาล่อครับ ซึ่งก็ได้ผล เพราะผมอยากให้อาหารปลาจริงๆ ผมยอมให้มันอุ้มเดินตรงไปตามทาง ไม่รู้ว่าผมตัวเบา หรือมันแข็งแรงเกินมนุษย์กันแน่ เดินเหมือนตัวผมเบาเป็นนุ่น


    “ไม่หนักรึไง”

    ไม่ได้เป็นห่วง แค่อยากรู้


    “เบาอย่างกับลูกหมา”

    ผมแยกเขี้ยวใส่ทันที จิกหลังคอมันแรงแก้แค้นที่โดนด่า มันหยุดเท้าลงกึก


    “ถ้าไม่อยากปากบวมก็เลิกทำร้ายร่างกายเฮียได้แล้ว”


    ผมเม้มปากแน่น มันก้มหน้าลงมาทำท่าจะทำผมปากบวมจริงๆ ผมรีบคลายแรงจิกลง มันยกยิ้ม พาผมเดินตรงไปยังบ่อปลาคาร์ป ปลาหลากหลายสีสันแหวกว่ายไปมาล้อแสงแดดที่กำลังสาดส่อง บนนั้นมีผ้าปูรองไว้รอแล้ว ซันไรส์คอยอยู่ ไร้ร่างของพี่หมอกันต์


    “พี่หมอล่ะ” ผมถามซันไรส์


    “พี่หมออยู่นี่ครับ” พี่หมอเดินร่าเริงเข้ามาหา “น้องหงส์คิดถึงพี่หมอเหรอ” ผมว่าบางทีพี่หมอก็ร่าเริงไปนะ “พี่หมอไปเข้าห้องน้ำมา” ไม่ต้องบอกก็ได้ครับพี่


    ไอ้ซังกะบ๊วยวางผมลงบนผ้าเบามือ ผมหน้าเบี้ยว แต่ก็พยายามอดทน มันยื่นกล่องอาหารปลาคาร์ปให้ ผมห้อยขาข้างบ่อ เปิดฝากล่อง หยิบด้วยมือ โปรยลงไป ความสุขมันอยู่ตรงเราค่อยๆ โปรยอาหารเม็ดเล็กๆ ลงไปทีละนิด ปล่อยให้พวกมันว่ายมากิน


    ผมเคยไปเที่ยวตามเขตวัดแล้วเขามีการให้อาหารปลา มันไม่เหมือนปลาในบ่อที่ได้กินอิ่มแทบจะตลอดเวลา ผมว่าปลาในวัดจำนวนมันเยอะ โอกาสได้กินอาหารก็น้อย เวลาให้ที ถึงได้อ้าปากงับอย่างตะกละตระกรามขนาดนั้น


    แต่ผมก็ชอบดูนะ


    “อยากไปให้อาหารปลา”


    “ก็ให้อยู่นี่ไง” 

    บ๊วยมันว่า ผมหันไปมอง


    “หมายถึงปลาตามวัดหรือท่าเรือ ที่เยอะๆ ตัวใหญ่ๆ เวลากิน เหมือนได้ดูหนังสงคราม”


    “มีด้วยเหรอ” 

    ไอ้นี่ สงสัยจะไม่เคยเข้าวัดเข้าวา


    “มีสิ”


    มันพยักหน้า


    “ไว้หายดีแล้วจะพาไป”


    “ชิ ไม่ใช่ว่าดีขึ้นหน่อยก็ซ้ำให้นอนซมหรอกนะ” 

    ผมบ่นหงุมหงิม


    “เมื่อกี้ว่าอะไร”


    “เปล๊า สัญญาแล้วนะ”


    มันพยักหน้า ผมเลิกสนใจมันหันมาโปรยอาหารปลาต่อ


    “สนุกตรงไหน ให้ทีละหยิบมือแบบนี้ สาดลงไปทั้งกล่องให้มันอิ่มไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ”


    ผมเงยหน้ามองพี่หมอคนถาม 


    มันเป็นศิลปะและความบันเทิงอย่างหนึ่งครับพี่หมอ เวลาที่เราค่อยๆ โปรยอาหารเม็ดลงบนผิวน้ำดูดีออก เวลาปลามันว่ายขึ้นมางับกินก็เพลินดี


    “พี่ไม่ถนัดเลี้ยงปลา เลี้ยงแต่หมา”


    ผมตาวาว


    “พี่เลี้ยงหมาด้วยเหรอ”


    “อือ พี่ชอบเลี้ยงหมาพันธุ์น่ารักๆ นิสัยเชื่องๆ ร่าเริงๆ”


    “อะไร” 

    ต้องเป็นพวกชิสุ พุดเดิ้ล หรือไม่ก็โกลเด้นท์รีทรีฟเวอร์แน่ๆ


    พี่หมอฉีกยิ้มกว้าง


    “โดเบอร์แมน พิทบลู ร็อตไวเลอร์ เยอรมันเชฟเฟิร์ด แต่ละตัวน่ารักๆ ทั้งน้าน”


    ผมอ้าปากค้าง พยายามนึกภาพหาความน่ารักในร็อตไวเลอร์หรือพิทบูล


    “พวกมันน่ารักตรงไหน” ผมขมวดคิ้วถาม “ผมว่าอย่างพี่หมอน่าจะเหมาะกับพวกโกลเด้นท์รีทรีฟเวอร์มากกว่า ไซบีเรียนก็ได้ หล่อดี”


    “พี่ว่าพวกนั้นปัญญาอ่อน ที่บ้านพี่มีสี่ตัว น่ารักทั้งนั้นเลย นี่ไง” 

    แล้วพี่แกก็รีบเปิดมือถือ เลื่อนสไลด์หาภาพ แล้วยื่นให้ผมดู


    อื้อหือ แต่ละตัวพาเอาผมกลืนน้ำลายลงคอดังอึกเลย





    “อะเอ่อ ชื่ออะไรกันบ้างครับ” 

    ไม่ได้อยากรู้ แต่รู้สึกเกรงใจ


    “ตัวนี้ชื่อไวเลอร์ ย่อมาจากร็อตไวเลอร์ แต่บางทีพี่ก็เรียกมันว่าไวไว” 

    พี่แกชี้ไปที่เจ้าร็อตไวเลอร์


    ตัวนี้ชื่อเชฟเฟิร์ด ย่อมาจากเยอรมันเชฟเฟิร์ด แต่พี่ชอบเรียกมันว่าพี่เชฟ เพราะดูสุขุมสุด” พี่แกชี้ต่อไปที่เยอรมันเชฟเฟิร์ด


    ตัวนี้ชื่อบลู ย่อมาจากพิทบลู เป็นตัวแรกที่ได้มา ส่วนนี่แมน หลายคนเข้าใจว่าย่อมาจากโดเบอร์แมน แต่จริงๆ แล้วหน้าแมนเหมือนแบทแมน พี่เลยเรียกแมน

    อ่า ตั้งชื่อสมกับเป็นพี่หมอดี 

     

    “ทำไมชอบแต่หมาดุๆ”


    “น่ารักดี”


    “น่ารักตรงไหน เป็นหมาที่ขึ้นทำเนียบหมาดุทั้งนั้น”


    “เหรอ พอดีพี่ไม่เคยศึกษาเรื่องสายพันธุ์ก่อนซื้อ เห็นตอนเด็กๆ พวกมันน่ารักดี ยิ่งโตยิ่งน่ารัก”


    ตรงไหนวะ


    ผมทำหน้าแหยงใส่


    “เดาได้เลยว่าบ้านพี่หมอต้องไม่มีโจรขึ้นแน่ๆ”


    “มีสิ ทำไมจะไม่มี”


    ผมตาโต


    “แล้วหมาพี่ไม่ทำอะไรเลยเหรอ เลี้ยงไว้ทำไมให้เปลืองอาหาร”


    พี่หมอหัวเราะร่วน 


    พี่หมอรีบกลับบ้านเพราะสัญญาณเตือนภัยว่ามีคนบุกรุกเข้าบ้าน ไม่ได้ห่วงข้าวของหรอก เป็นห่วงเด็กๆ น่ะ แต่พอไปถึง พวกเด็กๆ ไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย เห็นนอนกันยิ้มแฉ่ง”  


    “พวกมันไม่ทำอะไรโจรเลยเหรอ”


    ฮ่าๆ ไม่รู้ทำอะไร แต่บนสนามหญ้าใกล้กำแพง มีร่างของชายไม่ทราบอายุมานอนหมดสภาพ เนื้อตัวรุ่งริ่ง ลมหายใจแผ่วๆ เลือดสาดกระจายเต็มพื้น ดีที่ไม่ตาย แค่อาการสาหัส



    ผมอ้าปากค้าง


    เอ่อ พี่พูดได้หน้าตาเฉยเลยเหรอ สีหน้าพี่หมอดูยิ้มแย้ม ปลื้มอกปลื้มใจในความโหดของหมาตัวเอง


    “ไม่กลัวเหรอพี่ เกิดมันบ้าขึ้นมา ข่าวก็มีออกบ่อย”


    พี่หมอส่ายหัว ผมทำหน้าแหยง ผมชอบปลามากกว่าหมาแมว เพราะพวกมันไม่ได้มายุ่งวุ่นวายเลียหน้าเลียตา เห่าหอนหรืออ้อนให้รำคาญ


    ถึงเวลาให้อาหาร มันก็ว่ายมากิน อิ่มก็ไป แค่นั้นพอ


    “กินหน่อยไหมพี่หมอ” 

    ผมแกล้งยื่นอาหารปลาให้พี่หมอ รายนั้นหัวเราะร่วนพาเอาผมหัวเราะตามไปด้วย เหลือบมองใครบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ห่างมอง มองเฉยๆ ไม่ได้ร่วมวงสนทนาอะไรด้วย  


    “มองไรนักหนา หาเรื่องเหรอ” 

    ผมถามฉุนๆ เพราะมันชักจะมองมากไปละ มันเลิกคิ้วสูง แต่ไม่ตอบ


    พี่หมอหัวเราะหึๆ ได้ยินเสียงเปรยเบาๆ

    งี้แหละน้าคนเรา กำลังรักกำลังหลง แค่มองเขายิ้มเขาหัวเราะก็มีความสุขแล้ว


    “มองหน้าหาเรื่อง” 

    ผมนี่แหละที่จะหาเรื่องมัน


    มันไม่ตอบ กระดิกเท้าที่ไขว่ห้างไปมา สักพักวิกเซอร์ก็เดินเข้ามาพร้อมยื่นมือถือให้ ผมหูผึ่ง มันคุยด้วยภาษาฝรั่งเศส รัวเร็วเป็นปืนกลเลย ผมยังไม่รู้เลยว่ามันทำธุรกิจอะไรบ้าง มันเอาเอกสารมาให้ผมเซ็นในฐานะคู่สมรสสองใบแล้ว ช่วงนั้นกำลังซม (เพราะโดนมันเอานั่นแหละ) พอเห็นตัวหนังสือยาวเป็นแพผมจึงไม่ได้อ่านรายละเอียด เซ็นๆ ไปให้มันจบ


    มาดเวลาทำงานของมันดูดีครับ วิกเซอร์เดินกลับเข้าบ้านไปหยิบโน๊ตบุ๊กมายื่นให้ มันใส่บลูทูธแล้วกดอะไรต๊อกแต๊กบนเครื่อง มันนั่งไขว่ห้างทำหน้านิ่งๆ เริ่มต้นคุย เดาเอาว่าน่าจะประชุมนั่นแหละ เทคโนโลยีสมัยนี้ก็ดีอย่าง อยู่ตรงไหนของโลกก็เจอกันได้ตลอด


    แม่บ้านเอาของว่างมาวางไว้ให้ ผมหยิบกิน หูเปิดอ้าฟังเสียงนุ่มๆ ของมัน ไม่ใช่แค่ภาษาฝรั่งเศส มีเยอรมันสลับกับอังกฤษด้วย


    “เขาพูดได้กี่ภาษา” 

    ผมกระซิบถามพี่หมอ


    “ราวๆ ภาษา”


    ผมเบ้ปาก พวกอัจฉริยะ


    เสียงมือถือของพี่หมอดังขึ้น พี่หมอกดรับ


    “โอเค มีเคสด่วน พี่ต้องไปก่อน เย็นๆ หรือไม่ก็พรุ่งนี้พี่หมอจะมาหานะครับ” 

    แล้วพี่แกก็ดีดตัวลุก วิ่งลิ่วๆ จากไป


    พอไม่มีพี่หมอก็เหมือนคนหัวเดียวกระเทียมลีบ ผมหันมาพูดคุยกับปลาแทน


    “กินเยอะๆ จะได้ตัวอ้วนๆ”


    รู้สึกถึงแรงกอดเบาๆ จากทางด้านหลัง ผมหันไปมอง ตาโตเมื่อคนที่นั่งประชุมอยู่เมื่อกี้มานั่งด้านหลังแล้ว


    “กอดทำไมเนี่ย”


    “กอดเมียผิดตรงไหนอาหงส์”

    ตรงที่กูไม่เต็มใจเป็นเมียมึงไง


    “หน้าด้าน”


    มันยกยิ้มรับ


    “อ่ะ รู้ว่าหิว” 

    ผมยื่นกล่องใส่อาหารเม็ดให้ มันจ้องหน้าผม


    “ถ้าหงส์กินได้เฮียจะกินตาม”


    ผมจิ๊ปาก พยายามขยับดันมันออก แต่มันไม่ปล่อย


    “นี่ ถามจริงเถอะ จะมายุ่งวุ่นวายอะไรนักหนา งานการมีก็ไปทำสิ”


    มันถอนหายใจแรงมองหน้าผม


    “บางทีเฮียอาจต้องหาปลาทองมาไว้ให้หงส์เลี้ยง”


    “ทำไม” 

    ผมถามงงๆ มงคลก็จริง แต่ผมชอบปลาคาร์ปมากกว่า สีสวยดี


    “เป็นเพื่อนหงส์ไง ความจำสั้นพอกัน บอกไปหลายรอบแล้วยังไม่จำ”


    “บอกไร”


    “จากคำถามหงส์เมื่อกี้ไง”


    คำถามไหนวะ ที่ว่ามาวุ่นวายอะไรนักหนางั้นเหรอ


    “ตอบว่าไง” 

    ผมถาม เพราะไม่รู้จริงๆ มันถอนหายใจแรง


    “ข้อแรก หงส์เป็นเมียเฮีย ข้อสอง เฮียชอบเด็กดื้อ”


    “หย่ากับอั๊ว แล้วไปแต่งงานกับซันไรส์ป่ะ ถ้าชอบเด็กมากไปรับเด็กซนๆ สักคนมาเลี้ยงที่บ้าน เอากันให้วุ่นไปเลย” 

    ผมแนะ มันมองหน้าผม กรอกตาขึ้นฟ้าราวกับเอือมระอาสุดขีด


    “แต่งกับซันไรส์หรือหาเด็กมาเลี้ยงทำแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ” 

    พูดจบมันก็ก้มลงปิดปากผมทันที ผมตาค้าง มันจับคางผม เสยดันขึ้นให้แหงนหน้า


    กูรู้ว่ามึงเป็นพวกไม่มียางอาย แต่ทำไมชอบจูบกูในที่สาธารณะจังวะ 


    ผมครางทักท้วง รสจูบมันล้างสมองผมภายในเวลาไม่กี่วินาที แรงจะขัดขืนแทบไม่มีเพราะความระบม ตอนนี้ผมจึงนั่งให้มันดูดอากาศนิ่งๆ จนหนำใจมันถึงได้ถอนปากออก


    “หน้าด้าน” 

    ผมว่ามันเสียงเบา ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ดังอยู่ข้างหู มันเลื่อนปากมางับใบหูผมเบาๆ จนต้องหดคอหนี


    “อย่ายั่วเฮียมากอาหงส์ ลื้อยังไม่หายดีนะ”


    “ยั่วตรงไหน” 

    ผมถามกลับฉุนๆ มันไม่ตอบ ใช้คางคลอเคลียไหล่ผมไปมา 


    “เป็นหมารึไง ดมอยู่ได้” 

    ผมต่อว่าเสียงเบา


    “มั้ง” 

    มันฝังปลายจมูกลงบนแก้ม ขมับ ลำคอ ปลายจมูกโด่งๆ นั้นสร้างได้ทั้งความจั๊กจี้และอบอุ่นในเวลาเดียวกัน


    “หิวก็ไปกินขี้ไป” 

    ผมไล่


    “กำลังจะกินอยู่นี่ไง”


    ผมอ้าปากค้าง มาหาว่าผมเป็นขี้เนี่ยนะ!! มันฝังปลายจมูกลงมาหนักขึ้น ผมทั้งหดทั้งเอียงหน้าหนี มันก็ตามมาฝังตลอด


    โอ๊ย รำคาญ จะไปไหนก็ไปเลยไป!!”


    มันไม่สนใจคำไล่ผม ดมอยู่นั่นแหละ ก่อนไล่ปากกลับมาปิดปากผมใหม่ ผมครางอื้อ การจูบกับมันเป็นอะไรที่ทำให้พลังงานในตัวผมลดต่ำลงมากที่สุด มันสอดมือเข้ามาทักทายยอดอก ผมครางอู้อี้ห้ามปราม


    มันถอนปากออก ผมหอบจนอกไหว มันไม่ได้จูบต่อ ไม่ได้ซุกซอกคอ แต่มองหน้าผมนิ่งๆ ในขณะที่มือมันเกลี่ยเขี่ยยอดอกผมเล่น ผมจับมือนั้นไว้หวังหยุด


    “อย่า”


    “พูดกับเฮียคำหนึ่งได้ไหม”


    “อะไร!” 

    ผมกระชากเสียงถาม ตัวสั่นหงึก เพราะมันยังไม่หยุดรังแกจุดอ่อนของผม 

    “ปล่อย”


    “หงส์รักเฮีย”


    ผมตาโต มองหน้าคนพูด ทำหน้าจริงจัง ส่ายหัวพรืด


    “ไม่มีทาง”


    “เฮียอยากฟัง นะ”


    “ไม่ อั๊วไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น จะพูดได้ไง”


    “พูดๆ ไปเดี๋ยวก็รู้สึกเอง”


    ผมอ้าปากค้าง ทฤษฎีไหนของมันวะ


    “ไม่ หัวเด็ดตีนขาดอั๊วก็ไม่พูด”


    มันยกยิ้ม บีบหัวนมผมแรงขึ้น ทาบพาผมล้มตัวลงนอน ผมตาโต


    “จะทำอะไร นี่มันในสวน พวกซันไรส์ก็อยู่”


    “พวกนั้นไม่สนใจหรอก”


    “เดี๋ยวคนในบ้านมาเห็น”


    “พวกนั้นเขากันไว้ได้”


    “ไม่นะ!! ปล่อย ปล่อย!! อย่าคิดอะไรบ้าๆ ยังไม่หายระบมเลย”


    “ถ้าพูดแล้วเฮียจะหยุด”


    “ไอ้บ้า คำพูดที่ไม่ได้ออกมาจากใจ มันจะไปมีค่าอะไร”


    “พูดทุกวัน เดี๋ยวก็รู้สึกตามเอง”


    โอ๊ย ไอ้ซังกะบ๊วย ไอ้พวกดันทุรังสูง ผมมองตาขวาง บอกด้วยสายตาว่าไม่มีทาง


    ร่างมันอยู่เหนือผมขึ้นไป ก้มลงมาแนบปากประสาน มือยังไม่หยุดเค้นคลึงทับทิมของผม ร่างกายตื่นตัว ให้พูดก็เอามีดมาจ้วงกันเลยเหอะ ให้ยอมตรงนี้ก็ทุเรศเกินไป


    “พูดสิหงส์ หรือจะยอมเป็นของเฮียตรงนี้ก็ตามใจนะ” มันบังคับมาเสียงนุ่ม สอดมือเข้าไปในกางเกง ผมครางในลำคอเมื่อมือนั้นลากไล้หมุนวนไปทั่วรอบเป้ากางเกงใน


    ยอมให้มันเอา เจ็บก้น ระบมไปอีกหลายวัน หรือพูดไปให้จบๆ กันดี และก่อนที่มันจะล้วงมือเข้าไปทำการอุกอาจกลางที่แจ้ง ผมรีบเบรกมันไว้ทันที


    “พูดก็ได้!


    มันชะงักมือลงกึก ดึงมือออก ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก แล้วนิ่งเงียบ


    “พูดสิ”


    “อั๊ว”


    “หงส์” 

    มันแก้คำแทนตัวให้ผมใหม่ ผมมองตาขวาง


    “หงส์ เอ่อเฮีย”


    “ไม่ได้ยินเลย”


    “พูดไปแล้ว ไม่ได้ยินก็จบ”


    “พูดใหม่ เอาให้เสียงดังฟังชัด”


    “พูดไปแล้ว”


    “อาหงส์” 

    คำขู่มาพร้อมมือที่จับอยู่ที่ลอนตะโพก


    “หงส์” 

    ผมเริ่มต้นใหม่ กลืนน้ำลายลงคอ


    “รักเฮีย” 

    อ๊ากกกกก ทำไมต้องให้กูมาพูดเรื่องอะไรทำร้ายจิตใจตัวเองแบบนี้ TT


    “อีกครั้งสิ”


    “ไม่ รอบเดียวพอ”


    “อีกครั้งหงส์ เฮียอยากฟังอีก”


    “หงส์รักเฮีย” 

    ผมรัวปากบอก


    “อืมอีกทีสิ” 

    มันร้องขอเสียงเบา ปากคลอเคลียอยู่ที่แก้ม น้ำเสียงนั้นนุ่มนวลสุดๆ


    “หงส์รักเฮีย” 

    มันจับมือผมไปวางไว้ตรงตำแหน่งหัวใจตัวเอง ยกจูบ


    “หงส์รักเฮียหลง” 

    มันกระซิบนำให้ยาวขึ้น ผมกลืนน้ำลายลงคอ ทำไมเวลาพูดผมถึงได้รู้สึกแปลกๆ ยังไงบอกไม่ถูก


    “หงส์รักเฮียหลง” 


    ผมพูดตาม มันจูบซับหน้าผากผมเบาๆ


    “อีกทีสิ”


    “หงส์รักเฮียหลง”


    มันมองตาผม ก้มลงมาจูบเบาๆ


    “เด็กดีของเฮีย” 

    รสจูบนั้นกระชากดึงผมจากผืนดินขึ้นไปเหาะเหินเดินอากาศอยู่บนท้องฟ้า มันเบา มันนุ่มนวล และรู้สึกสุขใจลึกๆ รสจูบของมันไม่ใช่รสจูบกระตุ้นอารมณ์ แต่มันอ่อนหวานและอบอุ่นมากกว่าที่คิด

     

     

    To be Con...

    "หงส์รักเฮียหลง" 

    ตูม!! 

    ระเบิดหล่นใส่ มีผลให้ไรท์เตอร์นามปากกา Memew ตายทันทีในที่เกิดเหตุ ไม่ต้องทำศพค่ะ ละลายไปกับพื้นหมดแล้ว >////<

    สุดท้ายน้องหงส์เราก็ต้องพูดอยู่ดี 


    (เจอกันเมื่อเม้นท์ชน 705.- )  


    แจ้งข่าวววว เปิดจองหนังสือเป็นรูปเล่มอย่างเป็นทางการจ้าาา ดูรายละเอียดที่นี่ค่ะ>>  https://goo.gl/FWpOUN


    เวอร์ชั่น e-book ก็ที่ Meb เหมือนเดิม 

    อีบุ๊ค(e-book) หงส์ซานพร้อมโหลด 339.- จากราคาปก 480.- เนื้อหานิยายมี 27 ตอนจบค่ะ มีตอนพิเศษอีก 3 ตอน (อีบุ๊คจบแล้ว) ดาวโหลดได้ที่นี่ Meb [>ดาวน์โหลด<<]



    ไม่มีนมหงส์ให้ดู เอานมหมอไปก่อนได้ไหม

    (รอวันมายักษ์มากิน -,.-)


    อีบุ๊ค(e-book) น้องหงส์มีพร้อมให้โหลดแล้วค่ะ ราคา 339.- จากราคาปก 480.- เนื้อหานิยายมี 27 ตอนจบค่ะ มีตอนพิเศษอีก 3 ตอน (อีบุ๊คจบแล้ว) ดาวน์โหลดได้ที่เมพเลยน้าา 

    [>>ดาวน์โหลด หงส์ซานอีบุ๊ค<<]


    ปกนี้เป็นปกชั่วคราวนะคะ 



    ADD FAB เป็นแฟนคลับเรื่องนี้จิ้มน้องหงส์ได้เลยค่า

    {ADD FAD}



    #หงส์ซาน 



    Follow and Contact writer Memew here 

    เพจ : facebook.com/memew28

    ทวิต : @Memew28

    เมล : Memew28(แอท)gmail.com

    instagram : Memew28


    Line : Memew28 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×