ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HUNT วิกลคลั่งสั่งรัก l Creepypasta SET

    ลำดับตอนที่ #5 : HUNT04 l สั่งรักครั้งที่4 ตอน สถานะ {อัพ100%}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.26K
      254
      28 ส.ค. 61

    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *


    EP04


    เดินทางคนเดียวตอนกลางคืนมันอันตราย ให้พี่ไปส่งไหม?

    สุดท้ายการปิดประตูใส่หน้าเขาอย่างหยาบคาย ก็ไม่อาจทำให้ผู้ชายคนนี้หยุดสรรหาข้ออ้างที่จะเข้าช่วยเหลือได้อยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ฉันจึงถามกลับ

    อยากไปส่งเหรอ? แต่คำถามที่พ่นออกไปก็ใช่ว่าต้องการคำตอบเสียที่ไหน ก็เอาสิ…”

    แล้วเราจะไปไหนล่ะคะ คืนนี้?

    ร้าน OCC” สิ้นเสียงตอบรับ รอยยิ้มเล็กๆ ก็ผุดขึ้นมุมปากคนฟังทันที

    พี่จ๋ารีบผละตัวออกจากตัวอาคาร เดินนำไปยังจุดจอดรถมอเตอร์ไซค์ของหอพักซึ่งอยู่ห่างออกไปนิดหน่อย แน่นอนว่าฉันที่อนุญาตให้เขาไปส่ง ก็ไม่ได้รอช้าที่จะเปลี่ยนทิศทางจากจุดยืนรอรถโดยสารเป็นการเดินตามหลังเขาไปเช่นกัน

    สวมนี่ไว้ด้วยค่ะหมวกกันน็อกใบใหญ่ถูกคนมีน้ำใจหยิบยื่นส่งมาให้ เมื่อเราทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง 

    เหมือนเคย ฉันไม่ได้ปฏิเสธและเลือกที่จะรับหมวกกันน็อกใบดังกล่าวมาไว้กับตัวอย่างว่าง่าย พี่จ๋าเองก็คล้ายกับจะเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขาหยิบหมวกกันน็อกอีกใบขึ้นสวมหัวอย่างลวกๆ ก่อนเริ่มจัดการถอยรถของตัวเองออกจากซองจอดแล้วสตาร์ทเครื่องทันที

    บรื้นน...

    ทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็เอ่ยขึ้นพลางพยักหน้าให้สัญญาณ

    ขึ้นค่ะ…” เพราะเป็นคนลั่นวาจาอนุญาตออกไปเอง ครั้นจะปฏิเสธน้ำใจเขาตอนนี้ก็คงไม่ใช่เรื่อง ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจกวาดขาขึ้นซ้อนท้ายเขาไปแบบไม่ต้องคิด

    พี่จ๋าดูจะเป็นห่วงความปลอดภัยของฉันไม่ใช่น้อย เพราะทันทีที่ขึ้นมานั่งคร่อม เขาก็ปล่อยให้ฉันจัดแจงสภาพตัวเองจนเมื่อเขารู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ขนาดเล็กก็คำรามดังขึ้น ก่อนค่อยๆ เคลื่อนที่ออกไปจากบริเวณจุดจอด

    บรื้นนน บรื้นนน

    ตลอดเวลาที่รถทั้งคันบิดเร่งความเร็ว ขับซอกแซกไปบนถนน สิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงลมและความเงียบภายใต้หมวกกันน็อกเท่านั้น พี่จ๋าไม่ได้ชวนฉันคุยแม้ว่าเขาจะสามารถทำได้ในช่วงที่ติดสัญญาณไฟ อีกทั้งฉันเองไม่ได้กอดเอวเข้าไว้แมตลอดเส้นที่นั่งไป ผู้ขับขี่จะเลี้ยวปาดหน้าซ้ายขวารถคันอื่นๆ บนถนนจนน่ากลัว

    อย่างที่บอก ความสัมพันธ์ระหว่างเราเวลานี้ยังคงเป็นแค่คนแปลกหน้า...

    พี่จ๋าอาศัยการบิดรถด้วยความเร็วบนถนนอย่างชำนาญ อีกทั้งยังรู้เส้นทางไปยังสถานที่ที่เป็นเป้าหมาย ทำให้การเดินทางมายังร้านที่แขนัดไว้คืนนี้ถึงไวกว่าที่คิดไว้นิดหน่อย เพราะใช้เวลาเดินทางเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น

    OCC’s PUB

    ทันทีที่สองรถของรถมอเตอร์ไซค์หยุดลง ฉันก็รีบถอดหมวกกันน็อกที่สวมอยู่ออก จากนั้นก็ส่งมันให้กับผู้เป็นเจ้าของทั้งที่ยังนั่งซ้อนอยู่บนเบาะหลังแบบนั้น

    ขอบใจนะที่มาส่งพร้อมกันนั้นก็ไม่ลืมที่จะพูดคำขอบคุณ

    แค่เรามาถึงปลอดภัย พี่ก็พอใจแล้วฉันไม่ทันฟังหรอกว่าเขากำลังพูดอะไร เพราะจังหวะที่เขาพูด ฉันให้ความสนใจกับการกวาดขาตัวเองลงจากเบาะหลังอย่างระวัง พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าพี่จ๋ากำลังมองอยู่

    มองอะไร?เห็นดังนั้นมันก็อดถามไม่ได้

    คืนนี้แต่งหน้าด้วยเหรอคะ?และนี่แหละมั้ง คือสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายเอาแต่มองหน้ากันแบบนี้ เมื่อเช้าตอนเจอกัน พี่ไม่เห็นเราแต่งหน้าเลยนี่

    ก็คืนนี้มันเป็นคืนพิเศษ...” ฉันบอกเขายิ้มๆ แต่ไม่ได้บอกหรอกนะว่ามันพิเศษยังไง เพราะแค่นอกจากมันเป็นวันเกิดเพื่อนสนิทที่ฉันไม่ได้คิดจะมาตั้งแต่แรกแล้ว ฉันก็นึกถึงความพิเศษอื่นไม่ได้อีก

    อ๋อ...วาเลนไทน์ นัดกับแฟนไว้ที่นี่ล่ะสิ” แต่การบอกแค่นั้น มันก็ทำให้คนนอกอย่างเขาคิดเป็นอื่นได้ ในเมื่อเขาคิดแบบนั้น ฉันเลยตั้งใจจะเออออตามน้ำไป ทว่า

    แฟน! กรี๊ดด แกมาจริงๆ ด้วย!” เวลาเดียวกันนั้นดันมีเสียงเล็กแหลมของใครดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

    แข ที่ดูดีอกดีใจ รีบวิ่งแจ่นออกมาต้อนรับตามประสาเจ้าของงานที่ดี แต่ไม่นานเธอก็ต้องสะดุดสายตาเข้ากับพี่จ๋าซึ่งยังคงคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองไม่ได้ไปไหน ซ้ำยังทำเรื่องน่าตกใจด้วยการเปลี่ยนที่ท่า พลางรีบยกมือขึ้นไหว้อย่างมีมารยาท

    พี่จ๋า สวัสดีค่ะ

    น่าแปลกที่การยกมือไหว้อย่างมีมารยาทของแข ทำเขาตอบรับเธอกลับแค่เพียงพยักหน้าเท่านั้น

    พี่จ๋า...มาส่งแฟนเหรอคะ? ซ้ำยังเปลี่ยนบุคลิกราวกับเป็นคนละคน จากที่ดูพูดมาและสรรหาข้ออ้างต่างๆ เพื่อชวนฉันคุยกลับกลายเป็นคนพูดน้อยไปเสียอย่างนั้น

    ครับ

    ร็อคอยู่ข้างในน่ะค่ะพี่ เข้าไปด้วยกันไหม?

    ไม่เป็นไร พี่แค่แวะมาส่งคน” บทสนทนาที่ดูเป็นกันเองแถมยังเป็นธรรมชาติระหว่างแขกับพี่จ๋า เริ่มทำให้ฉันรู้สึกสงสัยขึ้นมานิดๆ ว่าบางทีสองคนนี้อาจจะรู้จักหรือสนิทกันมากกว่าที่คิดไว้นัก

    นะคะ...วันนี้วันเกิดแข ถ้าพี่อยู่ด้วย ขากลับจะได้พาแฟนกลับไปส่งด้วยยังไงล่ะคะ ไหนๆ ก็มาด้วยกันแล้วนี่...

    ฉันหรี่ตามองหน้าเพื่อนสาวอย่างไม่เข้าใจความสัมพันธ์ที่ดูจะสนิทสนมเกินกว่าที่คาดไว้ จนอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่เธอพูดแนะนำเกี่ยวกับตัวตลกที่สวนสนุกในวันนั้น เป็นเพราะเธอรู้อยู่แล้วหรือเปล่าว่าคนที่อยู่ในชุดน่าสะอิดสะเอียดนั่นคือพี่จ๋า

    อ๋อ...วันเกิดแขเหรอ?” แต่แล้ว...ฉันก็มองเสี้ยวหน้าของเพื่อนสนิทได้ไม่นาน สายตาถูกแรงดึงดูดประหลาดจากคำพูดของคู่สนทนาของแขชักจูงให้เหลือบมองหน้าอีกครั้ง ก่อนพบว่าพี่จ๋าเองก็กำลังมองหน้าฉันอยู่

    เขามองขณะพูดตอบรับคำเชิญชวนของแขไปด้วย

    งั้นเดี๋ยวอยู่ด้วยสักแป๊บก็แล้วกัน

    ฉันไม่แสดงทีใดตอบรับกับสถานการณ์ที่ลงเอยเช่นนั้นแต่เลิกที่จะโอนเอนและหันหลังตามแรงดึงจากฝ่ามือเพื่อนสนิทตามเธอเข้าไปภายในผับชื่อดังของเมือง เพราะแม้ไม่ได้มองฉันก็รู้อยู่แล้วว่าคนแปลกหน้าที่อาสามาส่ง อย่างไรก็คงเดินตามเราทั้งคู่เข้ามาอยู่ดี

    ภายในสถานบันเทิงมีชื่ออย่าง OCC เอาเข้าจริงแล้วก็ดูไม่ต่างจากผับปกติตรงไหน ที่ประกอบไปด้วยแสงสี เสียงจังหวะอัดบีทสนุกๆ ที่มาคู่กับเหล่าผีเสื้อราตรีซึ่งกำลังสนุกสนานกับเครื่องดื่มราคาแพงขณะโยกย้ายเรือนร่างไปตามท่วงทำนอง

    แขพาฉันเดินเบียดกลุ่มเหล่านั้นพายังมาโต๊ะตัวยาวใกล้กับสระน้ำภายในร้าน ซึ่งที่ตรงนั้นน่าจะเป็นที่ที่เธอจับจองไว้ สังเกตได้จากเสียงโห่ทักทายอย่างสนิทสนมจากกลุ่มหญิงสาวในชุดเครื่องแต่งกายน้อยชิ้น โดยเฉพาะกับชายตัวสูงในเสื้อฮูทสีขาวสะอาดตารับกับเรือนผมสีบลอนด์อ่อนซึ่งกำลังนั่งจิบเครื่องดื่มในมือเงียบๆ ท่ามกลางแสงไฟนั่น 

    ฉันจำผู้ชายคนนั้น เพราะเขาคือคนเดียวกับที่มารับฉันที่สนามบินพร้อมกับแขเมื่อหลายวันก่อน และถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้จะชื่อ ร็อค’ ล่ะมั้ง

    ร็อคนั่งอยู่ข้างกับชายอีกคนซึ่งดูมีท่าทีแปลกนิดหน่อย แถมยังแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำสนิท ดูไม่เหมือนกับคนที่ตั้งใจมาเที่ยวยังสถานบันเทิงแบบนี้เลยสักนิด

    เธอนั่งตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันสั่งเครื่องดื่มให้” หากแต่จุดที่แขพาฉันมานั่งนั้น ไม่ได้อยู่ใกล้กับชายสองคนที่ว่านักหรอก เธอพาฉันมานั่งในจุดที่ห่างออกไป ไกลจากกลุ่มเพื่อนสาวหน้าตาที่กำลังสนุกสนานกับเสียงเพลงเวลานั้น

    แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรหรอกนะ มันดีเสียอีกในเมื่อฉันเวลานี้ไม่รู้จักใครเป็นพิเศษเลยนอกจากเจ้าของงานวันเกิด คาดว่าแขเองก็คงเดาได้ว่าต่อให้ฉันนั่งอยู่ตรงนั้น การเอ่ยปากแนะนำตัวก็คงไม่มีวันเกิดขึ้นอยู่ดี

    เธอคิดถูกแล้วที่พาฉันแยกมานั่งตรงนี้เพื่อให้มีเวลาส่วนตัว...

    การถูกพามานั่งในที่ไกลออกไป ทำให้ฉันสายมองเห็นหลายสิ่งหลายอย่างได้จากจุดที่นั่งพัก ฉันมองเห็นพี่จ๋าที่เดินตรงไปยังโต๊ะที่ถูกจองไว้และแสดงการทักทายใส่ร็อคกับชายแปลกหน้าอีกคนด้วยการแท็กฝ่ามืออย่างสนิทสนม ฉันเห็นปากพวกเขาขยับ แต่เดาไม่ออกว่ากำลังพูดอะไรกัน

    พวกเขาสามคนรวมถึงแขคงรู้จักกัน นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันรู้...
    แต่ไม่นานนักเป้าหมายของสายตาก็มีอันต้องสะดุดลง เมื่อจู่ๆ พี่จ๋าซึ่งให้ความสนใจกับกลุ่มแขกเรื่อที่โต๊ะใหญ่เหลียวหลังมายังจุดที่ฉันนั่ง พร้อมกันนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะรับเครื่องดื่มสีอำพันที่ชายสองคนตรงนั้นส่งให้ ก่อนเดินปลีกตัวออกมาในที่สุด

    ฉันไม่ได้หลบสายตาหนีไปจากเขา แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองมา และเลือกที่จะมองการเคลื่อนไหวของเขาเช่นนั้น จนกระทั่งพี่จ๋าพาตัวเองเดินเข้ามาใกล้ และทิ้งตัวลงนั่งคนละฝั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน

    ที่นี่ครึกครื้นดีนะคะ ว่าไหม?และชวนคุย

    อืม...ครึกครื้นเกินไป

    แล้วไม่ชอบเหรอ?

    เฮอะ ไม่ชอบสังเกตได้ว่าพี่จ๋าหรี่ตาลงเล็กน้อยหลังได้ยินคำตอบ พลางยกแก้วน้ำสีอำพันในมือขึ้นจิบ ก่อนเป็นฝ่ายตั้งคำถาม

    ถ้าไม่ชอบแล้วมาทำไมล่ะคะ?

    ฉันก็ไม่ได้มาร่วมงานวันเกิดแขแบบนี้มาตั้ง 6 ปี ปฏิเสธไป...เธอคงเสียความรู้สึกแย่

    หึ...พูดจบสิ่งที่ตามมาคือเสียงหัวเราะในลำคอของคนฟัง พี่จ๋าคือฝ่ายที่เลื่อนสายตาหลบไปก่อนโดยขณะเดียวกันก็ยกเครื่องดื่มในมือกระดกเข้าปาก

    ฉันไม่ชอบเสียงหัวเราะแบบนั้นของเขาเลย เพราะมันฟังคล้ายกับกำลังสมเพชคำตอบที่ได้รับ

    หัวเราะอะไร?ฉันถาม

    พี่ก็แค่...รู้สึกประทับใจการรักษาน้ำใจที่เรามีต่อเพื่อนเท่านั้นเอง...แล้วฉันก็ได้เห็นรอยยิ้มกับแววตาแบบเดิมของเขาอีก รอยยิ้มกับแววตาที่บอกถึงความชอบใจหากแต่ขณะเดียวกับเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ขณะพูด 6 ปีมาแล้วนะคะ พี่ยังไม่เคยถูกใครรักษาน้ำใจแบบนี้เลย

    ก่อนตามมาด้วยคำพูดประชดประชัน ที่กล่าวถึงเรื่องของตัวเองเมื่อหกปีก่อน

    นายน่ะ นอกจากขี้อิจฉาแล้ว...ในเมื่อเขาเปิดประเด็น ฉันจึงไม่รอช้าที่จะตอบรับหัวข้อสนทนากลับไป ยังเป็นพวกขี้ใจน้อยด้วยเหรอ?

    คงงั้น...เขาตอบติดตลกแบบขอไปที หากแต่น้ำเสียงดังกล่าวกลับดึงดูดให้ฉันรู้สึกอยากมองหน้าเจ้าของคำตอบมากขึ้นกว่าเก่า ซึ่งฉันก็ไม่ได้ปิดบังความรู้สึกดังกล่าวของตัวเอง และเลือกที่จะแสดงออกให้เขาเห็นด้วยการขยับขายกไขว้กันในลักษณะบิดตัวหันเข้าหาอีกฝ่ายเล็กน้อย

    แปลว่า 6 ปีของนายคงทรมานมากเลยถูกไหม?อีกทั้งยังยิงคำถาม แต่ก็ไม่วายถูกอีกฝ่ายยอกย้อนกลับมาอยู่ดี

    จากนิสัยขี้อิจฉาและขี้ใจน้อยที่พี่เป็นน่ะ...เราคิดว่าไงล่ะ?

    ชีวิตนายเนี่ย ก็น่าสนใจเหมือนกันนะ…” ในเมื่อบทสนทนาลงเอยในรูปแบบนั้น ฉันจึงตามน้ำและไม่คิดจะปฏิเสธข้ออ้างหรือคำพูดใดของชายแปลกคนนี้อีก ฉันยังไม่เคยมีเพื่อนเป็นไอ้ขี้คุกมาก่อนเลย

    หึพี่จ๋าหัวเราะดังหึในลำคอโดยยังส่งความรู้สึกเดิมๆ เช่นการรู้สมเพชส่งมาให้ ทั้งที่เป็นแบบนั้นบนใบหน้าคมคายแต่ดุดันของเขากลับเผยยิ้มมุมปากให้เห็น

    ทำไมล่ะ? ไม่อยากรู้จักกันมากกว่านี้เหรอ?ทั้งที่ปฏิเสธมาโดยตลอด แต่พอรับรู้ถึงความรู้สึกประชดประชันที่คล้ายกับกำลังสมเพชกับตลอดเวลาจากเขา คนที่เป็นยิงคำถามและตั้งข้ออ้างมากมายดันกลายเป็นฉันเสียเอง

    พี่จ๋าเอง ก็ดูไม่ใช่คนมากเรื่องเท่าไหร่ พอถูกถามมากเข้าเขาก็ตอบรับ

    มากกว่านี้...ได้แค่ไหนล่ะ?ขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยคำถาม มากเท่าในบ้านผีสิงวันนี้หรือเปล่า?

    รู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร ซึ่งฉันไม่ได้ตอบคำถามเขากลับไปหรอกนะ แต่เลือกจะทำอย่างอื่น

    ฉันกระเถิบตัวเข้าไปใกล้เขานิดหน่อยโดยยังคงเว้นระยะห่างเราไว้ ก่อนเอื้อมคว้ามือเขามาวางบนเนินขาของตัวเองอย่างช้าๆ โดยใช้สายตาเพียงเท่านั้นในการจับทุกกริยาบนใบหน้าที่คนตัวใหญ่มี

    การกระทำดังกล่าวทำให้ผู้ถูกสัมผัสแสดงสีหน้าแปลกใจนิดหน่อยขณะมืออีกข้างกำลังตั้งท่าจะกระเครื่องดื่มสีอำพันเข้าปาก ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะวางมือลงบนขาฉันแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขากลับใช้ช่วงเวลาที่สบโอกาสบรรจงเกลี่ยปลายนิ้วไปบนเนื้อผิวอย่างแผ่วเบา

    ส่วนปากก็ถามขึ้นแบบไม่ไว้หน้า

    อ่อยพี่อยู่เหรอคะ?

    ฉันมีแฟนแล้วซึ่งฉันก็ไม่รอช้าที่จะตอบเขาโดยพลันเช่นกัน พร้อมกันนั้นก็ไม่ลืมบอกเหตุผล นี่น่ะ คือสัญญาณบอกว่า ตอนนี้ฉันอยากรู้จักนายมากขึ้น

    “…”

    ส่วนเรื่องถ้าฉันคิดจะอ่อยน่ะ มันต้องแบบนี้...รวมถึงข้อโต้แย้งให้กับสิ่งที่พี่จ๋าสงสัย แต่ก็นะ ฉันไม่ได้ตอบเป็นเพียงคำพูดหรอก เมื่อสมองสั่งให้ร่างขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวยาวจนมือเขาหล่นร่วงลงไป โดยพาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคู่สนทนา ก่อนเปลี่ยนภาพลักษณ์นิ่งงันที่มีให้ร้อนขึ้นตามจังหวะเพลง

    สองมือที่เคยขนานอยู่ข้างตัวถูกเคลื่อนขึ้นมายังบริเวณหน้าอกทั้งสองข้างจากนั้นก็รูปไล้ตามส่วนสัดโค้งเว้าที่มี ตามจังหวะการโยกย้ายเรือนร่างไปพร้อมจังหวะเพลงสนุกๆ 

    รับรู้ได้ว่าทุกการกระทำที่แสดงออกในเวลานี้ ถูกนัยน์ตาคมดุดันบอกถึงความไม่เป็นมิตรจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่ฉันหันหลังบิดกาย แอ่นสะโพกโยกย้ายไปตามเสียงเพลงอยู่ระนาบเดียวกับสายตาเขา พลางใช้ฝ่ามือสองข้างของตัวลูบไปตามสะโพกอย่างยั่วยวน

    สมองขณะกำลังเคลื่อนไหวร่างกายตามเสียงเพลงเวลานี้มันว่างเปล่าไปหมด ทั้งที่ไม่ได้มึนเมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เลยก็ตาม ถึงอย่างนั้นแต่ร่างกายกลับไม่ยอมหยุดเลื้อยไล้เรือนร่างของตัวเองลง ตรงกันความทุกอย่างกับยิ่งเร่าร้อนขึ้น ยามรู้สึกถึงการถูกจับตามองของคนแปลกหน้า

    ฉันสะบัดหน้าเหลียวหลังมองหน้าใครอีกคนบนโซฟานิดหน่อย พลางยกปลายนิ้วขึ้นกระดิกเล็กน้อย แน่นอนว่าท่าทีเช่นนั้นมันทำให้ผู้ที่เห็นทำตามการเรียกหาโดยทันที เขาวางแก้วลงกับโต๊ะทรงเตี้ยข้างโซฟาก่อนลุกขึ้น

    การที่เขายินยอมทำตามอย่างว่าง่าย มันพลอยให้ร่างกายที่เริ่มร้อนขึ้นทุกวินาทีได้ใจ ตอบสนองความว่าง่ายของคนตัวใหญ่กลับไปด้วยการหันกลับไปใช้วงแขนข้างถนัดคล้องขอเขาไว้อย่างถือวิสาสะ ขณะสะโพกเลื้อยไล้ไปตามความสูงคนตรงหน้าแทนเสา 

    แล้วมันก็เป็นเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายคว้ามือเขามาจับไว้บริเวณช่วงเอวในจังหวะที่หันตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเขาแบบตรงๆ จนเห็นแววตาและสีหน้าที่อีกฝ่ายใช้มอง

    พี่จ๋ายังคงนิ่งรับทุกลีลาการการเคลื่อนไหวที่ถูกรุกเร้าและจู่โจม บนใบหน้าเขาแอบปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ มุมปาก บอกไม่ถูกว่ารอยยิ้มที่ว่านั่นมันคือรอยยิ้มอย่างนึกสมเพชหรือว่าชอบใจอยู่กันแน่ 

    แต่แล้ววินาทีที่ฉันจงใจกดลำตัวเบียดเข้าชิดจนอกเบียดเสียดไปกับเสื้อตัวนอกพร้อมกับมือที่เริ่มไต่ระดับจากต้นคอไต่ระดับขึ้นไปยังท้ายทอย มันก็เป็นพี่จ๋านั่นแหละที่เป็นฝ่ายกระชับกายฉันให้เบียดเข้ากับลำตัวของเขาจนแนบแน่น ซ้ำยังฉวยจังหวะที่แสงไฟภายในผับดับลง โน้มใบหน้าเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

    ฟึ่บ!

    สิ่งที่พี่จ๋าทำในครั้งนี้ไม่ใช้การฉวยโอกาสจูบเหมือนช่วงเวลาในบ้านผีสิง เขาเพียงโน้มใบหน้าลงมาโดยทิ้งระยะห่างระหว่างเราไว้ด้วยระยะเพียงโฉบเฉียวระหว่างผิวปากของสองเรา พร้อมกันนั้นก็เอ่ยขึ้น

    ออกไปจากนี่กันไหม...

    ...” 

    ก่อนพี่จะทนไม่ไหว” สิ้นเสียงติดกระซิบระยะเผา คนตัวใหญ่ก็อาศัยจังหวะในยามที่เราทั้งคู่ไม่ได้ตกอยู่ในสายตาใคร ลดมือออกไปจากเอวแล้วเปลี่ยนมาคว้าข้อมือฉุดดึงฉันให้เดินฝ่าผู้คนมากมายที่กำลังเมามายกับการดื่มด่ำเครื่องดื่มราคาแพงและเสียงดนตรีจังหวะสนุกๆ ออกไปทั้งๆ อย่างนั้นโดยไม่ได้ขอตัวกลับหรือเอ่ยคำลากับใครแม้แต่เจ้าของงานวันเกิด

    เขาพาฉันตรงออกมายังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้หน้าร้าน ทันทีที่มาถึงหมวกกันน็อกใบเดิมก็ถูกส่งมาให้ แน่นอนว่าฉันไม่ได้ปฏิเสธที่จะรับ ไม่ได้คิดจะถามด้วยซ้ำว่าสิ่งที่พี่จ๋าคิดจะทำคืออะไร เพราะวินาทีที่เสียงคำรามของเครื่องยนต์ขนาดเล็กดังขึ้น ฉันก็ได้พาตัวขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายอยู่บนเบาะหลังเขาเสียแล้ว

    บรื้นนน บรื้นนน

    เกือบสิบนาทีได้ละมั้ง ที่รถคันเล็กบิดเร่งความเร็วไปบนถนนช่วงหัวค่ำ อย่างอิสระเหมือนนก ก่อนหยุดจอดอีกครั้งยังสถานที่แห่งซึ่งห่างออกไปจากร้าน OCC นิดหน่อย

    สถานที่แห่งนี้ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านนัก ไม่มีแม้แต่เสียงดนตรีจังหวะสนุกหรือเสียงพูดของใครในรู้สึกรำคาญใจ มีเพียงสายลมเย็นๆ กับวิวด้านหน้าที่เป็นแม่น้ำขนาดใหญ่และสะพานเชื่อมสำหรับรถผ่านระหว่างสองฝั่งเมืองเท่านั้น 

    ทั้งที่มาถึงสถานที่เป้าหมาย แต่ก็ใช่ว่าเราทั้งคู่จะลงจากเบาะรถเสียที่ไหน เมื่อผู้ที่พามาเลือกที่จะถอดหมวกกันน็อกใบโตของตัวเองออกแล้วคล้องมันไว้กับแฮนด์รถ ขณะที่ฉันเลือกที่จะถอดออกแล้วถือมันไว้ในมือ

    ที่นี่เหมาะกับการทำความรู้จักกันมากกว่าในผับนั่นะ ว่าไหม?และแล้วคนที่เปิดประเด็นทำลายความเงียบระหว่างเราลงมันก็เป็นพี่จ๋านั่นแหละ

    อืมซึ่งฉันก็รู้สึกเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดนะ อีกทั้งจุดพักชมวิวสะพานข้ามแม่น้ำตรงนี้ ฉันเองก็ไม่มีโอกาสได้มาเยือนนานแล้วเหมือนกัน

    จำได้ว่าก่อนจะป่วยจนต้องย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ ฉันมักจะแวะมาที่นี่ก่อนกลับบ้าน ซึ่งทุกครั้งที่พาตัวเองมายังสถานที่แห่งนี้ ฉันมักจะได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงทุกครั้งที่มาถึง

    คำถามที่ว่านั่นน่ะ รู้สึกว่าจะเป็น...

    หนาวไหมคะ?ฉันสะดุ้งนิดหน่อย เมื่อความคิดในห้วงภวังค์ถูกเสียงเข้มของพี่จ๋าทักแทรกขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน มิหนำซ้ำคำถามที่ค้างคาอยู่ในห้วงความจำมันก็ดันตรงกับประโยคที่เขาพูดอีกด้วย

    ใช่... หนาวไหม นั่นแหละคำถามที่ฉันมักได้ยินเวลามาที่นี่

    ไม่อ่ะ ถามทำไม?ทั้งที่สิ่งที่ได้ยินดูจะตรงกับห้วงความจำที่เหลืออยู่ ถึงกระนั้นสิ่งที่ปากเอ่ยตอบรับคำถามในช่วงเวลาปัจจุบันกลับกลายเป็นการยอกย้อน

    เปล่าค่ะ ถามดูพี่จ๋ายังคงพูดและทำทุกอย่างโดยไม่ได้เหลียวมามอง ไม่ว่าจะการพูดหรือตอบคำถาม รวมไปถึงการล้วงมือหยิบซองบุหรี่ แล้วหยิบขึ้นมาต่อดูดมวนหนึ่งก็ตาม

    เขาอยู่ในท่าทีสบายๆ และเป็นตัวของตัวเอง เฉกเช่นคำถามต่อมาที่เอ่ยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

    แล้วที่ว่าอยากรู้จักพี่มากขึ้น เราอยากรู้เรื่องไหนล่ะ?

    งั้นเอาเรื่องที่สวนสนุกเมื่อเขาเปิดโอกาสให้เลือก ฉันก็เลือก โดยแอบลอบมองเสี้ยวหน้าของคู่สนทนาผ่านทางกระจกรถจากทางเบาะหลังไปด้วย

    มาสคอสตัวตลก ที่ได้รับฉายาว่าเทวดาน่ะเหรอ...พี่จ๋าเองก็ค่อนข้างรักษาคำพูด เมื่อถูกถาม เขาก็ให้คำตอบ พอดีพี่มีเพื่อนเป็นลูกชายเจ้าของสวนสนุกน่ะ ก็เลยได้สิทธิ์พิเศษเข้าทำงานในสวนสนุก Dream land หลังพ้นโทษเพื่อนพี่คนที่ว่าน่ะ มันก็นั่งอยู่ในผับน่ะ ที่ใส่สูทดำน่ะ ไม่รู้ว่าเราทันสังเกตหรือเปล่า

    ผู้ชายใส่สูทดำที่นั่งอยู่ข้างๆ ร็อคตอนนั้นสินะ...

    หมอนั่นชื่อเม่น พี่รู้จักมันตอนถูกส่งตัวเข้าบำบัดที่โรงพยาบาลทางจิตก่อนรับโทษ

    นอกจากติดคุกแล้ว ยังเคยเป็นบ้าเหมือนฉันด้วยงั้นสิ?ฉันแทรกเสียงถามอย่างสนใจ

    หึ ไม่เชิงพี่จ๋าบอกแค่นั้น ก่อนเล่าต่อ พวกเขาแค่อยากเช็กและบำบัดตามหลักวิชาการที่แพทย์วินิจฉัยก่อนตัดสินคดีก็เท่านั้น

    หลังคำบอกเล่าของพี่จ๋าจบ ฉันก็ไม่ได้พูดอะไร ขณะเดียวกันก็รับรู้และเข้าใจของผู้ที่เคยถูกส่งตัวเข้ารับการบำบัดและรักษาอาการป่วยเช่นกัน อาจเพราะฉันเองก็เคยผ่านมาล่ะมั้ง ก็เลยเข้าใจความรู้สึกจากสิ่งที่พี่จ๋าพูด

    แล้วเราล่ะ ที่ว่าเป็นบ้า เป็นเพราะโรคกลัวตัวตลกเหรอคะ?อีกหนที่พี่จ๋าถามขึ้นขณะพ่นควันสีขี้เถ้าลอยคว้างไปบนอากาศ เมื่อเห็นคู่สนทนาเงียบไป

    อืม...มันเกิดจากประสบการณ์แย่ๆ น่ะ หมอเลยลงความเห็นไว้แบบนั้น

    แย่แค่ไหนคะ?พี่จ๋ายังคงยิงคำถามต่อเนื่องแม้ว่าเขาจะนั่งนิ่งในท่าเดิม

    พวกมันข่มขืนฉัน

    ...

    ตลกดีใช่ไหม ทั้งที่หมอบอกว่าความทรงจำบางส่วนของฉันหายไปจากอาการช็อกทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่เรื่องระยำตำบอนที่เหลืออยู่นั้นกลับไม่ขาดหายตามไปด้วยสิ้นเสียงคำตอบ คนฟังก็เงียบไปพลอยให้ช่องว่างระหว่างคำพูดของสองเรายามนี้ถูกความเงียบและเสียงลมแทรกเข้ามาแทนที่

    พี่จ๋าไม่พูดอะไรต่อหลังจากนั้น เช่นเดียวกับฉันที่ไม่คิดจะพูดเรื่องที่ติดอยู่ในความทรงจำแย่ๆ เหมือนกัน

     “แล้ว...หลังจากต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปสักพักหนึ่ง พี่จ๋าก็ส่งเสียงขึ้น เขาไม่ได้เหลียวกลับมามองฉันเหมือนเคย แต่ในหนนี้สิ่งที่พี่จ๋าทำคือการโน้มลำตัวช่วงบนราบลงกับแฮนด์รถโดยใช้แขนเท้าเอาไว้ เคยหวังจะหายจากอาการที่เป็นบ้างหรือเปล่าคะ?

    ไม่รู้สิ...ถามทำไม?

    “เผื่อพี่จะช่วย…” พอได้ฟังคำตอบที่เหมือนไม่ได้ผ่านการคิดของเขา ฉันก็หลุดหัวเราะเสียงดังอย่างนึกตลก นั่นเลยทำให้คนตัวใหญ่เอื้อมมือข้างหนึ่งไปยังกระจกรถของตัวเอง ก่อนจัดการหมุนมุมปรับองศาจนกระจกข้างดังกล่าวสะท้อนภาพสีหน้าฉันบนเบาะหลังได้อย่างเต็มตาม

    ซึ่งนั่นก็ตามมาด้วยคำถามใหม่

    มีอะไรน่าตลกเหรอคะ?

    เปล่านี่...ฮ่ะๆฉันปฏิเสธทั้งที่ยังหัวเราะอยู่ หากแต่ใครอีกคนกลับไม่ได้ปฏิกิริยาไม่พอใจต่อเสียงหัวเราะที่ได้รับกลับไปแต่อย่างใด ซ้ำยังกล่าวขัดคั่นขึ้นแบบไม่สนใจอีกว่า

    ในเมืองนี้มีข่าวลือพูดถึงเทวดาตัวตลกในสวนสนุกว่าถ้าใครได้พบเจอแล้วได้ยินเสียงของมัน จะสามารถขอพรได้หนึ่งข้อ...ซึ่งคำพูดของเขาก็ทำให้เสียงหัวเราะที่เคยมีเงียบลงได้แทบจะทันควันเช่นกัน ฟังแล้วแม่งโคตรงี่เง่าเลยว่าไหม? แต่ข่าวลือเวรๆ นั่นแม่งดันมีส่วนที่เป็นเรื่องจริงปะปนอยู่

    ...เรื่องจริงปะปนอยู่งั้นเหรอ?

    ส่วนเรื่องที่มีความจริงปะปนอยู่ก็คงเป็นเรื่อง เทวดารอที่จะใช้พรหนึ่งข้อไปพร้อมกับมนุษย์ผู้โชคดีเพียงคนเดียวที่เขาหมายตา

    หมายความว่า มนุษย์ผู้โชคดีคนนั้นคือฉัน?ฉันถามแม้ว่าจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูดบ้างแล้วก็ตาม

    ถ้าอยากรู้...หากแต่คำตอบที่ได้มา กลับกลายเป็นคำพูดกำกวมที่แฝงไว้ด้วยเล่ห์นัย ทำไมไม่ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองล่ะ?

    พิสูจน์ยังไง?และเมื่อลองถามซ้ำ คนตรงหน้าก็คล้ายกับรอคอยที่จะให้คำตอบ ก็กล่าวสวนกลับมาโดยทันที แบบไม่ต้องคิด

    คบกับพี่สิคะ
    To Be Continued...

    Talk1 มันต้องมีลับลมคมในแน่ๆ 
    Talk2 เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวแล้วน้องจะยุ่งนะ แฮ่กๆ
    Talk3 สาบานสิจ๋าว่านี่คือวิธีรักษา ไม่ใช่วิธีอ่อยน้อง? 5555
    _____________________________________________________________ 

    ไม่เม้นไม่ว่าแต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา


    ll CREEPYPASTA SET ll


    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่รูปโลด

    รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน
    หรือกดให้กำลังใจกันข้างล่างนะเอออ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×