ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HUNT วิกลคลั่งสั่งรัก l Creepypasta SET

    ลำดับตอนที่ #3 : HUNT02 l สั่งรักครั้งที่2 ตอน ตัวตลก {อัพ100%}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.42K
      342
      20 ก.ค. 61

    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *


    EP02


    อ๋อ พอดี ติดคุกน่ะ…”

    คำตอบที่ได้จากคนตัวใหญ่ข้างกาย ทำคนฟังนิ่งไปเล็กน้อย แต่ในทางกลับกันฉันกลับไม่รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์คนที่เคยต้องโทษถูกจองจำทางกฎหมายอย่างเขาเช่นกัน แต่อาจเป็นเพราะความระแวงของเขาเองล่ะมั้ง นั่นเลยทำให้เขาเป็นฝ่ายกล่าวขึ้นอีกครั้ง

    อ่า...แล้วนี่ จะไปไหนต่อหรือเปล่าคะ?

    อืม ไป...ส่วนฉันก็ทำหน้าที่ตอบ

    ไปเองคนเดียวได้หรือเปล่า ให้ช่วยไปส่งไหม?

    ไม่เป็นไรเห็นไหมล่ะ บทสนทนาระหว่างเราน่ะ จริงๆ มันไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลยสักนิด เขาถามมาฉันตอบไป ฉันถามไปเขาตอบกลับ วนลูบอยู่แบบนี้ ก่อนเงียบไปตามประสาคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จะคุยอะไรกัน

    ไม่นานโทรศัพท์ที่เพิ่งวางสายไปก่อนหน้าครู่หนึ่งก็ส่งเสียงขึ้นอีกครั้ง

    ปี๊บ! ปี๊บ!

    เสียงเตือนโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำฉันหลุบตามองสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอก่อนพบเข้ากับข้อความสั้นๆ ของคนที่รู้จักเป็นอย่างดีปรากฏอยู่

    Darling : ถึงแล้ว

    Darling : รอหน้าช่องขายตั๋วนะ

    เห็นดังนั้น ฉันจึงรีบลุกขึ้นจากม้านั่งทันที ตามนิสัยคนที่คิดอยากจะทำอะไรก็ทำ หากแต่นั่นกลับทำให้ใครอีกคนซึ่งนั่งอยู่ข้างกันก็รีบร้องทัก

    จะไปแล้วเหรอ?”

    อืม แฟนส่งข้อความมาว่า จะไปรออยู่ที่หน้าทางเข้า...” คนฟังขยับยิ้มนิดๆ หลังได้ยินแบบนั้น ซึ่งมันคือรอยยิ้มเดิมที่บอกถึงความเข้าใจและไม่พอใจตามประสาคนขี้อิจฉา และแม้ว่าเขาจะแสดงความรู้สึกให้เห็นผ่านรอยยิ้มของตัวเองก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังมีน้ำใจที่จะเอ่ยปากถามพลางชี้หัวแม่โป้งมือหันไปทางสวนสนุก

    อ๋อ...จะเข้าข้างในนี้กันเหรอ?

    อืมแน่นอนว่าฉันก็ให้คำตอบกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม แต่ก่อนที่จะตัดสินใจเดินปลีกตัวแยกออกห่างจากเขาไป ฉันก็ไม่ลืมพ่นคำพูดส่งท้าย นายก็รีบๆ หาแฟนให้เจอนะ จะได้ไม่ต้องคอยอิจฉาคนอื่นอีก

    ทว่า สิ่งที่ได้รับกลับมาหลังจากคำส่งท้ายสิ้นสุดลงกลับกลายเป็นเสียงหัวเราะในลำคอคล้ายกับชอบใจ ซ้ำมันก็เป็นพี่จ๋าเองนั่นแหละที่ชิงลุกขึ้นจากม้านั่งตามมาติดๆ ส่วนปากก็ขยับเอ่ยถ้อยคำยืดยาวราวกับต้องการตอบรับสิ่งที่ได้ยิน

    เรื่องแฟน พี่ว่าพี่เจอแล้วค่ะไม่ต้องห่วง...ส่วนเรื่องคนรัก พี่คงไม่หาแล้วล่ะ...เพราะคงไม่มีผู้หญิงที่ไหน อยากได้ขี้คุกเป็นแฟนหรอกจริงไหม?เขาบอกแบบนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนเสริมขึ้นอีกเชิงหมาหยอกไก่ หรือถ้าแฟนอยากได้ขี้คุกแบบพี่เป็นแฟน ก็บอกได้นะคะ...

    “...”

    พี่สมยอมง่ายพี่จ๋าหลุดหัวเราะหลังพูดจบ ราวกับว่าคำพูดของเขามันตลกอะไรนักหนา และเพราะเขาคงสังเกตเห็นว่าฉันไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับคำพูดหยอกล้อของเขาล่ะมั้ง ถึงได้พูดขึ้นอีก ไปนะคะ...ยังไงก็เที่ยวให้สนุก

    อีกทั้งยังเป็นฝ่ายชิงเดินปลีกตัวออกไปด้วยตัวเองเมื่อเวลาของการจากลามาถึง

    ตึก... ตึก...

    แต่ด้วยเพราะเส้นทางที่เขาใช้เดินห่างออกไปนั้น ดันเป็นส้นทางเดียวกับทางที่ฉันต้องใช้พาตัวเองไปยังช่องขายตั๋วของสวนสนุก ทำให้การจากลาระหว่างเราที่หน้าร้านกาแฟดูไม่ค่อยไกลห่างกันเท่าไหร่นัก

    สืบเนื่องจากระยะห่างระหว่างเราที่ไกลกันไม่มาก ตลอดเวลาที่เท้าก้าวเดินไปบนทางวิถี มันเลยทำให้ฉันสามารถมองเห็นแผ่นหลังกว้างของพี่จ๋าในสายตาอยู่ตลอดเวลา เราเดินตามหลังกันก็จริงแต่สถานะระหว่างเราตอนนี้นั้นเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า

    ตึก... ตึก... ตึก...

    ก่อนต้องแยกกันจริงๆ เมื่อฉันต้องหยุดเท้าลงบริเวณหน้าทางเข้าสวนสนุก ขณะที่พี่จ๋ายังคงเดินก้าวเท้าไปบนทางวิถีเลยห่างออกไป ก่อนที่จะค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตาเมื่อช่วงเวลาเดียวกัน พื้นที่ตรงหน้ามีใครอีกคนเข้ามาแทนที่

    “What’s up Sweetie!” เสียงทักทายแกมทะเล้นของชายหนุ่มตัวสูงพร้อมด้วยตั๋วสำหรับเข้าสวนสนุกสองใบ ทำฉันช้อนตาขึ้นมองหน้าเจ้าของคำทักทายเล็กน้อย ก่อนพ่นคำตอบรับกลับไป

    “Shut up, Joe…” ไม่ใช่แค่ตอบรับ แต่ยังเลือกที่จะหันหลังเดินนำไปยังทางเข้าของสถานที่ต้องห้ามอีกด้วย

    เฮ้ๆ!” แต่ดูเหมือนการไม่รู้สึกตื่นเต้น หรือแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งใด ของฉันจะทำให้คนตรงหน้าขัดใจนิดหน่อย

    โจนาธารรีบวิ่งตามหลังพลางใช้มือคล้องคอฉันไว้อย่างสนิทสนม แล้วกล่าวขึ้น

    นี่มันใช่คำพูดทักทาย เวลาเจอหน้าแฟนหรือไง?

    ฉันไม่ได้ตอบ เพราะรู้ดีว่า นั่นน่ะมันเป็นแค่วิธีแสดงความเอาแต่ใจยามถูกขัดใจของเขาเท่านั้น เพราะเดี๋ยวเดียวคนที่อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาอย่างเขา ก็จะลืมและเปลี่ยนเรื่องไปเอง

    ว่าแต่...เราจะเริ่มเล่นอะไรก่อนดีล่ะ?เห็นไหม ฉันเคยเดาอะไรผิดที่ไหน?

    ซึ่งฉันก็ไม่ได้ใจร้ายพอที่จะไม่ตอบอะไรเขาเลย

    อะไรก็ได้...

    ...

    ที่ไม่มีตัวตลก” เพียงคำพูดแค่นั้น มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้โจนาธานซึ่งเข้าพักรักษาตัวด้วยอาการป่วยแขนงเดียวกันเข้าใจทุกสิ่ง แต่อาการป่วยที่โจนาธานเป็นไม่ได้ร้ายแรงนักหรอก เห็นว่าก่อนถูกส่งตัวเข้ารับการรักษา เขาถูกคนรุมทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสและกลายเป็นคนไม่พูด ที่เราเข้ากันได้เพราะเคสฉันคงไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่

    พูดกันตามตรงฉันไม่ได้ป่วยเป็นโรคกลัวตัวตลกมาตั้งแต่เด็กหรอก ฉันแค่ไม่ค่อยชอบเพราะรูปร่างหน้าตาของมันดูไม่ได้ตลกสมชื่อนัก โดยเฉพาะกับปากและจมูกสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์ แต่แล้วในวันหนึ่ง ขณะกำลังเดินเที่ยวอยู่ในสวนสนุกฉันก็ถูกสิ่งที่เรียกว่าตัวตลกบุกเข้าทำร้าย พวกมันมากันหลายคน

    พวกมันตั้งใจจะข่มขืนฉัน...

    อุ๊...แค่เพียงนึกถึงภาพเลือนรางในความทรงจำเมื่อหกปีก่อนเพียงเท่านั้น เลือดลมในกายก็เริ่มแสดงอาการต่อต้านกับความคิด ยามที่ในหัวเห็นภาพนัยน์ตาไร้ชีวิตชีวากับปากสีแดงสดนั่น

    และนี่ล่ะมั้ง ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ฉันถึงไม่หายจากอาการที่เป็นอยู่สักที

    เฮ้! ไหวหรือเปล่า?เสียงเรียกเคล้าการถามไถ่ดังแทรกภวังค์ความคิดก่อนดึงฉันออกจากวังวนน่าขยะแขยงซึ่งมีแต่ความเจ็บปวดและกลิ่นคาวเลือดให้กลับสู่สภาวะปัจจุบัน ก่อนพบว่าโจนาธานกำลังยืนเท้าเอวมองหน้าอยู่ในระยะไม่ใกล้หรือไกล

    ทันทีที่สบตากัน คนตัวสูงกว่าก็แสร้งทำเป็นยกมือป้องหน้าผาก หันซ้ายที ขวาที ซ้ำยังพูดขึ้น

    แถวนี้ไม่เห็นจะมีตัวตลกเลยนี่อึกทว่า ทันทีที่กำปั้นเล็กๆ ถูกปล่อยเข้าใส่ท้อง คนตัวใหญ่ที่เอาแต่พูดเจื้อยแจ้วกึ่งแซวก็เงียบลง

    ฉันต่อยเขา...

    แม้ว่ามันจะไม่ได้แรง แต่อย่างน้อยหมัดของฉันก็ทำให้เขาเงียบ

    เงียบน่าโจ...

    ทำไมชอบใช้ความรุนแรงกับฉันนักนะ จำไม่ได้เหรอว่าฉันเจอเรื่องอะไรมา ฮ่าๆโจนาธานต่อว่าเคล้าเสียงหัวเราะ บอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้โกรธอะไรที่ถูกปฏิบัติใส่แบบนั้น ซ้ำยังทำหน้าที่ของบอยเฟรนที่ดี

    เขาดึงฉันมานั่งพักยังม้านั่งตัวยาวบริเวณหน้าเข้าทางบ้านผีสิง พลางชี้นิ้วไปยังร้านค้าซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณนั้นออกไปราวๆ สองร้อยเมตรแล้วกล่าวขึ้น

    นั่งรอตรงนี้ เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำจากร้านค้าตรงนั้นมาให้ Don’t worry, OK?”

    ฉันไม่ได้ตอบรับความหวังดีจากเขาผ่านเสียง แต่เลือกพยักพเยิดหน้าให้แทนการรับคำ นั่นเลยทำให้คนตัวใหญ่ยิ้มรับกลับมา ก่อนจะปลีกตัวเดินไปยังร้านค้าตามอย่างปากว่า

    หลังโจนาธานคล้อยหลังออกไป ฉันซึ่งทำหน้าที่นั่งรอจึงเลือกกวาดตามองไปรอบๆ ฆ่าเวลา คงเพราะวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ล่ะมั้ง นั่นเลยทำให้พื้นที่ของสวนสนุกในวันหยุดล้นไปด้วยคู่รักมากหน้าหลายตาที่พากันมาเดทยังสถานที่โรแมนติกแบบนี้

    วันวาเลนไทน์งั้นเหรอ...

    วันที่ 14 วันเกิดฉัน งั้นวันจันทร์เราโดดเรียนไปเที่ยวสวนสนุกกันไหม?

    ได้สิคะ วันเกิดเพื่อนทั้งที โดดก็โดดค่า!’ ฉันได้ยินเสียงตัวเองในอดีตดังแว่วเข้ามาให้ได้ยิน จำได้ว่าคนที่ชักชวนและกล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของวันเกิดในตอนนั้นน่ะ มันก็คือ...

    พอภาพความทรงจำย้อนให้รู้สึกจนถึงตรงนี้ ทุกอย่างในหัวก็หยุดลงและกลับสู่ความสงบเงียบดังเก่า หากแต่นั่นกลับไม่ใช่มือที่กำลังเปิดกระเป๋าสะพายเพื่อหยิบสมาร์ทโฟน แล้วพิมพ์ข้อความส่งออกไปหาใครคนหนึ่ง

    แฟน : H B D. แข

    และใช่ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี คือวันเกิดของเพื่อนผู้หญิงที่ฉันรักและสนิทกับเธอมากที่สุดยังไงล่ะ

    แข : งุ้ยย ขอบคุณนะเพื่อนเลิฟ

    แข : รอข้อความของแกตั้งแต่เช้าเลยรู้ป่ะ อิอิ

    แฟน : วันนี้วาเลนไทน์ ไม่ไปไหนเหรอ?

    แข : ไปสิ แต่ไปดึกหน่อย มาด้วยกันไหม?

    แฟน : เดี๋ยวเย็นๆ บอกอีกที

    แข : มานะ กลับมาทั้งที จะได้พาไปเปิดหูเปิดตา

    ทว่า ในหนนี้ฉันกลับไม่ได้ตอบข้อความแขกลับไป เมื่อช่วงเวลาเดียวกัน สายตาซึ่งเคยจดจ่อกับหน้าจอสมาร์ทโฟนนั้นได้ถูกบางสิ่งดึงดูดจนเคลื่อนเปลี่ยนวิถีการมองไปทางอื่น

    กึก...

    มันคือเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่เดินเฉียดผ่านหน้าไปในระยะที่ใกล้เกินควร จำต้องเงยมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนพบว่าใครคนนั้น คือมาสคอสตัวตลกในชุดเครื่องแต่งกายสีดำทั้งตัวจนดูเหมือนปีศาจ สิ่งมีชีวิตที่คนในเมืองขนานนามเขาว่าเป็น เทวดา

    คุณเทวดาขา! หนูขอดอกไม้นะคะ...

    แต่ดูเหมือนว่า การมาของเขานั้นเป็นเพียงการผ่านเข้ามาและเดินออกไป เขาไม่ได้สนใจฉันเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อวาน แต่เลือกที่จะให้ความสนใจต่อเด็กที่ถูกผู้ปกครองพาเดินย่างกรายเข้ามาแถวนั้นมากกว่า 

    ที่ไหนที่เขาปรากฏตัว ที่นั่นมันเต็มไปด้วยผู้คนซึ่งพากันเข้ารุม ทั้งที่น่ากลัวและไร้เฉดสีดึงดูดสายตา ทว่า ในบรรดามาสคอสหลายตัวที่เดินผ่าน เขากลับมีแรงดึงดูดและมีผู้คนให้ความสนใจมากกว่าใคร

    ฉันเองก็เป็นหนึ่งในผู้คนเหล่านั้น ที่เผลอมองทุกท่วงท่าและอิริยาบถมาสคอสตัวดังกล่าวอย่างห้ามไม่ได้ แต่ไม่นานนัก มันก็เหมือนว่าเขารู้ตัว จู่ๆ ถึงได้กรอกนัยน์ตาสีดำกลวงโบ๋มองกลับมา ท่ามกลางเสียงของผู้คนมากหน้าหลายตารอบกายที่ดูจะชื่นชอบการเคลื่อนไหวของเขาที่ดูคล้ายกับหุ่นเชิด 

    สิ่งที่ตาเห็น คือการโน้มคำนับจากตัวตลกตรงหน้า ราวกับว่ามันกำลังตั้งใจทักทายฉันอยู่...

    ฟึ่บ...

    ต่อให้รูปแบบการแต่งกายหรือเฉดสีบนเสื้อผ้าจะแตกต่างไปจากตัวตลกในความความทรงจำ แต่เพราะมันขึ้นชื่อว่าเป็นตัวตลก ฉันที่ไม่ถูกกับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว จึงตัดสินใจลุกออกจากม้านั่งไปทั้งๆ อย่างนั้นแบบไม่คิดจะเหลียวหลังกลับไปมองอีก

    ตึก... ตึก...

    ฉันพาตัวเองเดินย้อนกลับไปตามทิศทางที่โจนาธานอาสาเดินมาซื้อน้ำให้ และเจอเขาที่กำลังเดินกลับมาพร้อมด้วยแก้วเครื่องดื่มในมือ

    อ้าวเฮ้! ฉันบอกให้นั่งรอตรงนั้นไม่ใช่หรือไง?เขาทัก

    อืม บรรยากาศมันไม่น่านั่ง ก็เลยลุกออกมาคำบอกเล่าจากปาก ทำคนฟังปรายตามองกลับไปยังพื้นที่บริเวณหน้าทางเข้าบ้านผีสิงแทบจะทันที และพูดบางอย่างขึ้น

    นั่นมาสคอสตัวตลกแน่เหรอ? น่ากลัวฉิบ พลอยให้ฉันเผลอเหลียวหลังมองตามสายตาเขาไปอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนพบว่า ตัวตลกรูปลักษณ์น่ากลัวตัวนั้น มันกำลังมองมายังจุดที่ฉันกับโจนาธานยืนอยู่

    เพียงการมองสบตาจากระยะไกล มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้มวลสารในกายปะทุออกมาตามอาการที่เป็นอยู่ จนต้องรีบเอ่ยปากชักชวน แม้ว่าลึกๆ ฉันจะไม่ได้รู้สึกสนุกกับการมายังสวนสนุกแห่งนี้เลยก็ตาม

    ไปเถอะ ก่อนฉันจะอ้วก...

    ฟึ่บ!

    ฮะ เฮ้...ไม่ใช่แค่ชักชวน แต่เลือกจะดึงแขนโจนาธานให้เดินเปลี่ยนทิศทางไปคนละฝั่งกับจุดที่มาสคอสตัวนั้นยืนอยู่อีกด้วย แต่เพราะการมาสวนสนุกวันนี้ไม่ใช่ความคิดฉัน หลังเดินปลีกจากบริเวณดังกล่าวออกมาได้ไม่เท่าไหร่ คนที่เป็นผู้นำของการสรรหาเครื่องเล่นชนิดต่างๆ จึงตกเป็นหน้าที่ของโจนาธาน

    ส่วนเครื่องเล่นชิ้นแรกที่เขาพาฉันมา มันก็คงไม่พ้นรถไฟเหาะ...

    แถวยาวฉิบ...แต่ก็อย่างที่บอก วันนี้เป็นวันหยุด แถมยังเป็นวันของคู่รัก ทำให้เครื่องต่างๆ ภายในสวนสนุกล้นหลามไปด้วยผู้คนจนแถวยาวเหยียด

    แต่นั่นมันไม่ได้สำคัญเท่าไหร่...เพราะสิ่งที่สำคัญน่ะ มันคือเรื่องอื่น

    อ้าวนั่น...ไอ้มาสคอสน่ากลัวตัวนั่นอีกแล้วขณะยืนต่อแถว จู่ๆ โจนาธานก็พูดขึ้น ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เขาว่าไว้ เมื่อห่างออกไปบริเวณช่องขายตัวรถไฟเหาะ ที่ตรงนั้นกำลังปรากฏร่างของมาสคอสตัวเดิมที่ฉันพยายามจะหนี

    เอาเข้าจริง การต้องพบเจอกับมาสคอสตัวดังกล่าวนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกนักหรอก ในเมื่อหน้าที่ของมาสคอส คือการเดินไปรอบๆ สวนสนุกเพื่อทักทายและสร้างสีสันให้แก่นักท่องเที่ยว ทว่า ในครั้งนี้ที่รู้สึกแปลกก็คือ การมาของมาสคอสตัวที่ว่าเหมือนกำลังเดินตามฉันกับโจนาธานอยู่ยังไงอย่างนั้น

    เอาลูกโป่งฮะ คุณเทวดาตัวตลก...เพราแม้เขากำลังแสดงทีท่าใจดีต่อพวกเด็กๆ ด้วยการแจกลูกโป่ง หากแต่ขณะเดียวกัน นัยน์ตาลึกโบ๋นั้นก็คอยชำเลืองมาทางฉันกับโจนาธานอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

    หากพยายามคิดแบบโลกสวย สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราอาจเป็นเพียงความบังเอิญ ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้นนั่นแหละ แต่ว่า...

    เชี่ยอะไรวะ...ทำไมเดินไปไหนต้องเจอแต่มาสคอสตัวนี้ตลอดเวลา…”

    มันก็อย่างที่โจนาธานพูด เพราะนอกจากบริเวณช่องขายตัวรถไฟเหาะแล้ว ไม่ว่าเราทั้งคู่จะเดินไปเครื่องเล่นชิ้นไหน สิ่งที่มักปรากฏให้เห็นในสายตาจากพื้นที่โดยรอบของเครื่องเล่นบริเวณนั้นก็มักเป็นมาสคอสตัวตลกรูปลักษณ์น่ากลัวตัวเดิมเสมอๆ

    แต่ด้วยเพราะความไม่สนใจอะไรรอบตัวจริงจังของโจนาธาน การที่เกิดเรื่องบังเอิญกับเราสองคน จึงไม่ใช่เรื่องที่เขาให้ความสนใจได้มากที่ควรนัก ซ้ำยังพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

    เจอเรื่องขนลุกแบบนี้...เข้าบ้านผีสิงกันไหม?

    ต่างจากฉัน...

    ฉันอยากออกไปจากที่นี่

    น่า! เข้าบ้านผีสิงก่อน แล้วเราออกไปหาอะไรกินในห้างกัน

    หยุดน่าโจ!” แต่คำปฏิเสธก็ใช่จะใช้กับเขาได้ผล เมื่อโจนาธานยังคงยืนกรานความต้องการของตัวเอง และดึงแขนฉันให้เดินเฉียดเข้าสู่พื้นที่ของบ้านผีสิง ขณะเดินย้อนกลับไปสู่ประตูทางออกของสวนสนุก

    สุดท้าย ฉันก็ถูกเขาดึงตัวมุ่งสู่ทางเข้าบ้านผีสิงในที่สุด และเหมือนเคย ก่อนที่เราจะเข้าไปข้างใน ฉันก็มองเห็นมันอีกแล้ว มาสคอสตัวเดิมที่เดินตามทั้งคู่ไปทั่วสวนสนุกตลอดทั้งวัน

    ถ้ากลัว ก็กอดแขนฉันไว้นะ...แม้ว่าตาจะมองเห็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่เบื้องหน้า แต่ขณะเดียวกันหูก็ได้ยินเสียงของโจนาธาน ขณะเท้าเดินก้าวผ่านประตูบ้านผีสิงเข้าไปภายใน

    ท่ามกลางความมืดกับแสงไปสีสลัวๆ และกลิ่นอัพจากของตกแต่งภายใน ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกหวาดหวั่นหรือหวาดกลัวต่อรูปแบบบ้านผีสิงในไทยนัก ตรงกันข้ามฉันกลับรู้สึกว่ามันน่าเบื่อด้วยซ้ำ  

    เพราะไม่ได้กลัวต่อของหลอกเด็ก ฉันจึงไม่ได้จับมือหรือกอดแขนของโจนาธานไว้ แต่เลือกที่จะเดินตามหลังเขาไปแบบเงียบๆ อย่างไร้ความสนใจต่อของตกแต่งหรือเสียงเพลงหลอนๆ ภายใน ทั้งที่เป็นแบบนั้น ทว่า...

    พรึ่บ!

    จู่ๆ เครื่องปรับอากาศ เสียงเพลง และแสงไฟภายในบ้านผีสิงกลับเงียบลงอย่างฉับพลัน ความรู้สึกบอกได้ทันทีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเวลานี้ ไม่ใช่มิติใหม่หรือรูปแบบของบ้านผีสิงแห่งนี้อย่างแน่นอน

    อะ อะไรวะ ไฟดับเหรอ?แต่ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากกว่า ทำไมไฟมาดับตอนนี้ได้ล่ะ สวนสนุกลืมจ่ายค่าไฟหรือไง?

    หะ หุบปากน่า โจซึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิด มันก็ทำให้ผู้ที่ไม่รู้สึกอะไรในตอนแรกเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา

    ท่ามกลางความมืดที่มองแทบไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเอง แต่ฉันกลับมองเห็นภาพเหตุการณ์วันเก่าๆ ที่น่าจะลบเลือนไปจากความทรงจำ ภาพของบ้านผีสิงที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ไม่ต่างอะไรไปจากตอนนี้

    แข!!’ ฉันในตอนนั้น พยายามเรียกหาเพื่อนสาวคนสนิทไม่ยอมหยุด และไม่ปฏิเสธว่าตอนนั้นฉับกำลังตกใจและกำลังหวาดกลัว แก! อย่าเล่นอะไรบ้าๆนะเว้ย!’

    หากแต่ช่วงเวลาปัจจุบัน อาการหวาดกลัวที่เริ่มย่างกรายเข้าหานั้น ไม่ได้ทำให้ฉันส่งเสียงเรียกหาโจนาธานเช่นเดียวกับในอดีต แต่เลือกยืนบีบมือตัวแน่นเพื่อลดความรู้สึกเหล่านั้นลง

    แข!....อ๊ะ!!’ แต่ดูเหมือนความพยายามจะไม่เป็นผล เมื่อภาพในอดีตที่แล่นภาพเข้ามาให้นึกถึง กำลังฉายภาพของตัวฉันเองกำลังถูกมือหนาภายใต้ถุงมือตัวตลกฉุดกระชากให้หลบหายออกไปจากความคิด

    เฮือก!” หากแต่นั่นกลับเป็นช่วงเวลาที่ร่างทั้งร่างเริ่มสั่นเทิ้มอย่างไร้การควบคุม เมื่อจิตใต้สำนึกพึ่งระลึกได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นอย่างไร

    แล้วฉันก็เห็นมันอีก..

    เหล่าเดนมนุษย์ในคราบของตัวตลกหน้าขาวปากแดง ใบหน้าของพวกมันในแต่ละอิริยาบถที่ต่างกันไปกำลังแสยะยิ้มบ่งบอกถึงความปรารถนาและสัญชาตญาณดิบในตัวขณะยื่นมือเข้ามาหา ราวกับว่านั่นคือฉากหนึ่งของหนังสยองขวัญ

    ภาพติดตากับเรื่องสยองขวัญน่ากลัวในอดีตที่ถาโถมเข้าใส่อีกครั้งในช่วงเวลาปัจจุบัน กำลังทำให้อัตราการเต้นของตัวใจเร่งอัตราการเต้นผิดจังหวะและถี่ขึ้น ก่อนตามมาด้วยอาการพะอืดพะอมพร้อมกับอาการหายใจไม่ออกราวกับถูกบางอย่างรัดคอไว้

    กึก...

    ฮะ...อึก...ทว่า ในช่วงที่ฉันเหมือนกำลังจะตาย มือและขาที่เคยแข็งแรงเป็นปกติอ่อนแรงจนเสียศูนย์และล้มลงกับพื้น วินาทีนั้นกลับมีมือของใครคนหนึ่งพุ่งเข้ารวบรัดร่างฉันไว้จากทางด้านหลังได้อย่างทันท่วงที

    รับรู้ได้ถึงวงแขนกว้างที่ใครคนนั้นจัดการประคองร่างฉันให้นอนแนบลงกับพื้นภายในบ้านผีสิง ขณะหูได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของโจนาธานซึ่งอยู่ห่างออกไปนิดหน่อย

    แฟน! เป็นอะไรหรือเปล่า!? อยู่ไหนน่ะ!!?” รู้ไหม ฉันอยากจะตะโกนตอบเขาแทบตาย แต่สภาพร่างและอาการที่เป็นอยู่ ทำให้เสียงที่ลอดผ่านปากตอนนี้เป็นเพียงเสียงอึกอักไม่เป็นคำเท่านั้น

    และในขณะเดียวกัน ฉันก็ได้ยินเสียงของผู้ชายอีกคนกำลังกระซิบเรียก

    แฟน...มันดังมาจากใครอีกคนที่อยู่ใกล้ตัวและเป็นผู้จับตัวฉันให้นอนราบลงกับพื้นนั่นแหละ ไม่รู้เพราะว่าความมืดภายในบ้านผีสิงตอนนั้นมันยาวนานเกินไปหรือเปล่า สายตาที่เคยมองไม่เห็นอะไรผ่านความมืดจึงเริ่มปรับโฟกัสใหม่ จนพลอยเห็นบางสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมากขึ้น

    อะ...อึก...และต้องตกใจ เมื่อสิ่งที่อยู่ห่างจากใบหน้าในลักษณะกลับหัวหางดันเป็นภายในหน้าของมาสคอสตัวตลกรูปร่างอัปลักษณ์ที่ฉันพยายามหลบหนีมาตลอดทั้งวัน เห็นดังนั้นนัยน์ตาสองข้างเบิกกว้างกว่าที่เป็นแต่แล้วในช่วงที่ภาพตรงหน้ากำลังทำให้อาการทุกอย่างที่เป็นแย่ลง จู่ๆ มาสคอสตัวตลกตรงหน้าก็ทำบางสิ่งบางให้ได้เห็นท่ามกลางความมืด

    เขาบรรจงใช้มือปลดจมูกทรงกรวยรูปลักษณ์แปลกตาออกจากใบหน้า พลางใช้มือพร้อมปลายเล็บยาวอีกข้างจัดการดึงวิกผมฟูๆ เสมือนปีศาจออกจนเผยให้เห็นใบหน้าคมคายดุดันซึ่งดูคุ้นตา

    หนะ...อึก...แต่ก่อนจะทันได้เอ่ยเรียกชื่อผู้ชายในความคิดออกไป มือหนาภายใต้ถุงมือสีดำสนิทของเขาก็ได้เลื่อนพร้อมแรงกดแผ่วๆ ขณะที่มืออีกข้างของเขาเลื่อนขึ้นเชยคางฉันให้หน้าเชิดขึ้น ก่อนทำเรื่องไม่คาดฝันเมื่อเขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ก่อนประกบปากลงมาอย่างแผ่วเบา...

    อึก... ร่างการสะดุ้งเกร็งอย่างห้ามไม่ได้เมื่อสิ่งที่ชายคนดังกล่าวทำคือการเป่าลมเข้ามาทั้งที่ปากของเราทั้งคู่ประกบชิดกันแน่นพลางเคลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นบีบปลายจมูกเล็กน้อยราวกับกำลังต้องช่วยปฐมพยาบาล

    มือสองข้างเผลอกำจิกจนแน่นอยู่ข้างกาย ตลอดเวลาที่อีกฝ่ายช่วยปฐมพยาบาล ซึ่งมันได้ผล หลังจากถูกเขาช่วยปฐมพยาบาลอยู่ครู่สั้นๆ อาการจุกแน่นที่เหมือนจะหายใจไม่ออกในตอนแรกเริ่มคลายลง จนกระทั่งเริ่มกลับมาหายใจได้เป็นปกติอีกครั้ง

    เขาเองก็คงรับรู้ได้ถึงจังหวะการหายที่กลับมาเป็นปกติ มือไม้ที่เคยบีบปลายจมูกและคางถึงได้ถูกเคลื่อนออกไป หากแต่สิ่งที่ยังคงอยู่ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างยังคงมืดมิด กลับกลายเป็นริมฝีปากร้อนที่ค่อยขยับเปลี่ยนไป จากการประกบลงมาเพื่อปฐมพยาบาลเบื้อง ให้กลายเป็นการจูบแบบหนักหน่วง ชนิดที่ว่าไม่รอให้ฉันส่งเสียงใดลอดผ่านริมฝีปากเลยสักวลี

    ริมฝีปากร้อนเพิ่มจังหวะหนักหน่วงขึ้นในยามที่ผิวปากนุ่มของอีกฝ่ายกลืนกินไปตามผิวปากบนและล่างอย่างจาบจ้วงและฉวยโอกาส แสดงออกถึงความต้องการ โหยหา และรอคอย โดยเฉพาะกับน้ำหนักฝ่ามือที่เขาใช้ประคองหน้าในท่ากลับหัวกลับหางนั่น ทำเหมือนกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปไหนอย่างไรก็อย่างนั้น

    อะ อื้อ...ผิวปากร้อนที่เขาบรรจงบดเบียดลงมาอย่างตั้งใจ สร้างความรู้สึกแปลกๆ แก่ผู้ถูกกระทำ มันไม่ใช่ความความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ หากแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกอื่น ซึ่งฉันไม่ปฏิเสธว่า ตัวเองกำลังรู้สึกดีต่อรสจูบที่เขามอบให้

    แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราจะเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น.... 


    To Be Continued...
    TALK1 อะไรก็ได้ที่ไม่มีตัวตลก 
    TALK2 บางทีก็ไม่แน่ใจว่านี่นิยายรักใช่ไหมนะ 555 ทำไมมันถึงหลอนๆ
    TALK3 ทำแบบนี้เขาเรียกว่าล่วงละเมิดนะพี่จ๋า 55555
    _____________________________________________________________ 

    ไม่เม้นไม่ว่าแต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา


    ll CREEPYPASTA SET ll


    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่รูปโลด

    รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน
    หรือกดให้กำลังใจกันข้างล่างนะเอออ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×