ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HUNT วิกลคลั่งสั่งรัก l Creepypasta SET

    ลำดับตอนที่ #10 : HUNT09 l สั่งรักครั้งที่9 ตอน ความสัมพันธ์ {อัพ100%}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.3K
      201
      19 ส.ค. 61

    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *


    EP09

     ตึก... ตึก...

    เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งซึ่งดังขึ้นแทรกวังวนความคิดในอดีต ทำผมเหลือบมองผ่านหางตาไปยังต้นเสียง ก่อนพบเข้าเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ผมรู้จักหน้าค่าตาเป็นอย่างดี

    มันใส่ชุดเสื้อยืดสีน้ำเงิน เดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าอย่างคนมีความผิด เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่มองเห็น เลือดลมในกายก็เริ่มพุ่งพล่าน ซ้ำการมาของมันยังมีแรงผลักดันให้ผู้ที่เห็นกัดฟันกรอด รีบดีดตัวลุกกลับขึ้นมายืนอีกครั้ง

    พร้อมๆ กับเท้าที่ขยับก้าวเดินไปข้างหน้าอีกครั้งได้อย่างกับถูกดึงดูด

    ตึก... ตึก...

    ฟึ่บ! ผัวะ!!!

    หมัดเน้นๆ ถูกพุ่งเข้าซัดใส่หน้าเด็กหนุ่มรุ่นน้องตรงหน้าแทบทันทีที่สามารถเข้าประชิดตัวโดยไม่ต้องพูดจาอะไร ก่อนตามมาด้วยการกระชากคอเสื้อ เพื่อรั้งไว้ไม่ให้ผู้ถูกซัดหน้าหงายเซถอยหลังออกห่างไปตามแรง

    ทำเชี่ยอะไรของมึง!?” จากนั้นเสียงตะคอกถาม

    อึก...ผะ ผมเปล่าทำอะไรนะพี่ศอว์...

    ผัวะ!!

    หากแต่คำตอบที่ได้กลับมานั้นกลับยิ่งสร้างความฉุนเฉียวให้แก่คนฟังเพิ่มมากขึ้น โทสะที่มีในตัวจึงบันดานให้หมัดหนักๆ ถูกซัดเข้าใส่หน้าเจ้าของคำตอบอีกครั้งจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น

    มึงให้ใครขับรถเฉี่ยวผู้หญิงคนนั้น!!!” ก่อนตามด้วยเสียงตะคอกถามหนที่สองโดยไม่ลืมเงื้อหมัดตามแรงอารมณ์ขึ้นสูงแทนคำขู่

    อะ..อึก ผะ ผมเปล่า...ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมานั้นกลับกลายเป็นท่าทางหวาดกลัวและการยกแขนขึ้นกันหน้าตาตัวเองของคู่สนทนา รวมถึงการละล่ำละลักคำพูดความหมายเดิม ผะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรผู้หญิงคนนั้นเลย…ผู้หญิงคนนั้นนั่งมองผมจากในร้านกาแฟ...ผะ ผมเลยทำอะไรไม่ได้ นอกจากถ่ายรูปที่เธอกับผู้ชายคนนั้นส่งให้พี่ดูนั่นแหละ

    ไม่ได้ทำอะไรเลยงั้นเหรอ?

    ระ เรื่องที่เธอถูกรถเฉี่ยว...ผะ ผมสาบานเลย ว่าผมไม่ได้ทำอะไรเธอเลยจริงๆ แม้ในอกยังรู้สึกเดือดเหมือนไฟเผา แต่พอได้ฟังคำแก้ต่างของเด็กรุ่นน้องตรงหน้ามากเข้า หมัดที่เคยเงื้อขึ้นสูงจึงถูกลดลง พร้อมกันนั้นก็ไม่ลืมถามอย่างมีเหตุมีผล

    มึงจำทะเบียนรถคันที่เฉี่ยวผู้หญิงคนนั้นได้ไหม?

    ดะ ได้พี่!” มันตอบก่อนรนรานหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาทำบางอย่าง จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วยื่นส่งมาให้ “ตะ ตอนผมนั่งเฝ้าสองคนนั้นที่ถนนฝั่งตรงข้าม รถคันนั้นมันจอดอยู่เทียบริมฟุตบาธฝั่งเดียวกับที่ผมนั่งนั่นแหละ ตอนแรกผมคิดว่าพี่เป็นคนส่งมา ก็เลยถ่ายเก็บไว้กะจะรายงานให้พี่รู้...พี่ดูสิ

    ผมไม่พูดอะไร โดยเลือกที่จะรับโทรศัพท์จากมือมันมาดูเลขทะเบียนให้เห็นด้วยตา ซึ่งมันจริงอย่างที่รุ่นน้องผมคนนี้มันว่า เมื่อภาพถ่ายที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอแสดงให้เห็นภาพของรถมอเตอร์ไซค์กับผู้เป็นเจ้าของในสภาพแต่งกายปกปิดอย่างมิดชิด โดยสวมหมวกกันน็อกเต็มใบอำพรางใบหน้า ซึ่งกำลังจอดอยู่ข้างริมฟุตบาธราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง

    ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่อยู่ในภาพถ่ายคือใคร รู้แค่ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นวันนี้มันอยู่นอกเหนือจากสิ่งที่ต้องการก็เท่านั้น

    กูไม่ได้สั่งใคร...ผมเอ่ยขึ้นแบบไม่สบอารมณ์นัก ก่อนยัดโทรศัพท์ส่งคืนแก่ผู้เป็นเจ้าของแบบไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก

    แล้วมันไม่ดีเหรอพี่ชาย พี่เองก็อยากให้นังผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บอยู่แล้วนี่ ถึงได้ให้ผมคอยจับตาดูไว้...ก่อนต้องกลอกตาเหลือบมองไปยังคนตัวสูงระดับพอๆ กันอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่นัก วันก่อนพี่ก็ให้ผมจี้กระเป๋าเธอ ไหนจะเรื่องขับรถเฉี่ยวอีก...อึก..

    ฟึ่บ!

    แต่ว่า คำพูดซึ่งฟังไม่เข้าหูนั่นก็ไม่อาจถูกอีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยได้จนคำ เมื่อผมหยุดการพล่ามน่ารำคาญของมันลง พุ่งมือเข้ากระชากคอเสื้อคู่สนทนาเข้าหาตัวอย่างแรง และใช้เพียงสายตาเท่านั้นเพื่อกำราบให้มันสงบปากสงบคำลง

    อึก...” ไม่ปฏิเสธหรอกว่าสิ่งที่รุ่นน้องผมคนนี้พูดคือเรื่องจริงเพราะผมคือคนสั่งทุกอย่างด้วยปากของผมเอง

    ส่วนเหตุผล... 

    ผมก็แค่โกรธตัวเองที่รู้ทุกอย่างแต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง อีกทั้งยังโกรธเธอ เธอที่รู้และจำเรื่องราวทุกอย่างได้ แต่ทำราวกับว่าเราสองคนเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

    ผมแม่งเหมือนคนโง่เลยว่าไหม 

    คนโง่ที่ดันตามเกมเธอทัน แต่ทำห่าไรไม่ได้เลยสักอย่าง...

    พอรู้สึกแบบนั้น มันก็ยิ่งโกรธ โกรธที่ทุกความทรงจำระหว่างเรายังเหลืออยู่แบบไม่ลดเลือนหายไปตามกาลเวลาและมีเพียงผมคนเดียวที่ยังรู้สึก จนอดคิดไม่ได้ว่า หากเธอได้ลองลิ้มรสความเจ็บปวดแบบที่ผมต้องเผชิญดูบ้างมันก็น่าจะแฟร์ดี ทว่า.. 

    วันนี้ วินาทีที่เห็นบาดแผลตามร่างกายของผู้หญิงคนนั้นหลังเกิดอุบัติเหตุ คนที่รู้สึกเจ็บราวกับตกเป็นผู้ถูกกระทำดันกลายเป็นผมเป็นเสียเอง

    ปรี้นนนนน

    ฟึ่บ! หมับ!

    เดินระวังๆ หน่อยสิ…’ เพราะแบบนั้นล่ะมั้ง

    วันนั้นผมจึงเลือกช่วยเธอ มากกว่าจะปล่อยให้เจ็บตัวตามแผนที่ถูกเตรียมการมาอย่างดิบดี

    ฟึ่บ!

    พะ พี่ชายเนี่ยชักแปลกเข้าไปทุกวัน…” อีกหนที่เด็กรุ่นน้องกล่าวขึ้น เมื่อมันดิ้นจนหลุดสู่อิสระจากการถูกกระชากคอเสื้อไว้ในช่วงที่ผมตกอยู่ในวังวนความคิด ซึ่งเสียงของมันก็ชักจูงให้ผมกลับคืนสู่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาปัจจุบันอีกครั้ง สรุปแล้ว...พี่ต้องการให้ผมทำร้ายเขาหรือไม่ต้องการกันแน่วะ ผมจะได้ทำตัวถูก

    “…” ก่อนพบว่าผมไม่สามารถให้คำตอบครั้งนี้แก่มันได้ แต่แล้วเหมือนว่าอีกฝ่ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆ มันก็พูดขึ้นอีก

    เออพี่ เด็กพี่อ่ะเคยป่วยทางจิตมาก่อนใช่ป่ะ...” เหมือนเคย ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่เลือกที่จะมองมันนิ่งๆ เพื่อฟัง “บรื้ออ...พะ พูดแล้วยังขนลุกไม่หายเลยว่ะ...พี่ชายเองก็...ระวังๆ ตัวไว้หน่อยก็ดี

    ทำไมวะ?” สังเกตได้ว่า ไอ้เด็กรุ่นน้องของผมคนนี้ก็เงียบไปหลังถูกถาม ซ้ำยังกำลังแสดงทีท่าแปลกไป สีหน้ากับท่าทางของมันกำลังรู้สึกอึดอัด ลังเล คล้ายกับกังวลอะไร 

    คะ คืนก่อนอ่ะดิ ผมบังเอิญเจอผู้หญิงคนนั้นที่บันได ธะ เธอพูดบางอย่างแปลกๆ...” แต่สุดท้ายมันก็ยอมตอบในที่สุด “ผะ ผมแค่กลัวว่า...เธอจะรู้ว่าทั้งเรื่องจี้กระเป๋าและเรื่องอุบัติเหตุที่หน้าสวนสนุกวันนั้น เกิดขึ้นเพราะเป็นคำสั่งพี่

    ส่งโทรศัพท์มึงมา…” คำพูดของผมหนนี้ทำเอาคนฟังแสดงสีหน้าแปลกใจให้เห็น คงเพราะใจความที่เอ่ยออกไปนั้นดูไม่เข้าหรือสอดคล้องกับหัวข้อที่เพิ่งพูดล่ะมั้ง มันถึงได้ถามกลับ

    อะ เอาไปทำไมวะพี่ชายผมไม่ตอบแต่เลือกจะยื่นมือไปหาแทนการเร่งเร้าสิ่งที่ต้องการ แน่นอนว่าท่าทางที่แสดงเช่นนั้นไม่ได้ทำให้คนตัวระดับพอๆ กันปฏิเสธ มันรีบส่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาให้ผมอีกครั้ง พร้อมกันก็ไม่ลืมที่จะพูด อะ อ้าวมือพี่เป็นแผลนี่ ให้ผมพาไปหาหมอก่อนไหม?

    ทันทีที่ได้รับของที่ต้องการ คำพูดอื่นของคู่สนทนาก็กลายเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความสนใจ ผมเลือกที่จะเดินชนไหล่มันย้อนกลับไปยังบันไดทางลงอีกครั้งและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทว่า แต่ก่อนที่จะเดินลงบันไดไป ผมก็ไม่ลืมที่จะออกคำสั่งเป็นหนสุดท้าย

    หลังจากนี้ไป ถ้ากูไม่สั่งให้ทำอะไร หน้าที่มึงคือจับตาดูผู้หญิงคนนั้นไว้...

    ...

    อย่าให้ร่างกายยัยนั่นมีรอยขีดข่วนให้กูเห็นเหมือนวันนี้อีก

    คะ ครับพี่ศอว์!”

    การตามหาตัวเจ้าของรถเพื่อสั่งสอนที่เข้ามาแส่ไม่รู้เวล่ำเวลา และนั่นล่ะมั้ง คือทั้งหมดที่คนโง่ที่ตามเกมเธอทันอย่างผม 

    พอจะทำได้ในเวลานี้...


    -FAAN TALK-

    ตึก! ตึก! ตึก!

    ท่ามกลางความเงียบภายในห้องพัก หลังสายสนทนาถูกตัดไป 

    ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งวิ่งตรงเข้ามายังสันทนาการคนป่วยอย่างรีบร้อน ฉันเห็นภาพของตัวเองที่สวมเฮดโฟน นั่งชันเข่าอยู่บนโซฟาสีขาวตัวใหญ่และมีเครื่องเล่นซีดีถูกถือไว้ในมือ

    คุณหมอคะ! ทราบข่าวเรื่องกลุ่มคนที่ทำร้าย Ms. Sirimarin หรือยังคะ!?’ ฉันมองเห็นปากของนางพยาบาลที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา กำลังขยับพูดบางสิ่งกับคุณหมอเจ้าของอาการ

    อย่าเสียงดังสิคุณ เดี๋ยว Ms. Sirimarin ก็ได้ยินพอดี

    ‘Ms. Sirimarin เธอคงกำลังฟังเพลงผ่อนคลายอยู่ คงไม่ทันได้ยินหรอกมั้งคะคุณหมอ... ฉันเห็นพวกเขาคุยกันและบ่อยครั้งที่ลอบมองมาทางฉันที่นั่งอยู่บนโซฟา

    แล้วคุณมีอะไร ทำไมถึงดูรีบร้อนขนาดนั้น?

    ก็เรื่องกลุ่มคนที่ทำร้าย Ms. Sirimarin ยังไงล่ะคะ...คุณหมอทราบหรือยังว่าคนกลุ่มนั้นยังถูกจับไม่ครบทุกคน เราเลยต้องเลื่อนการส่งตัว Ms. Sirimarin กลับไปรักษาที่ประเทศเมืองเกิด และอนุญาตให้เธอเดินทางกลับได้ต่อเมื่อเธอพ้นจากสถานะผู้ป่วยของที่นี่แล้วเท่านั้น...

    ‘ได้ยังไงกันล่ะ!? ที่ว่าจับคนร้ายได้ไม่ครบหมายความว่ายังไง ก็ในเมื่อทางนั้นส่งข่าวมาให้ทางญาติ Ms. Sirimarin ที่นี่ว่าจับตัวได้ครบแล้วนี่…’

    พวกเขากำลังคุยอะไรกันบางอย่าง...

    พวกเขาพูดกันด้วยน้ำเสียงค่อนข้างซีเรียสในระยะที่ไม่ไกลออกไป ด้วยเพราะพวกเขาคิดว่าฉันไม่ได้ยิน

    ใช่ค่ะ แต่ว่าหนึ่งในคนร้ายที่ถูกซ้อมจนสาหัสถูกส่งตัวเข้ารักษาอาการบาดเจ็บ เลยยังไม่ได้ถูกส่งตัวเข้าพิจารณาคดี...รู้สึกว่าเขากำลังจะเพิ่งถูกส่งเข้ามารักษาตัวที่นี่ร่วมกับเคสของ Ms. Sirimarin น่ะค่ะ

    ซึ่งมันควรเป็นแบบนั้น หากว่าเครื่องเล่นซีดีในมือถูกเปิดเพลงให้เล่นเหมือนอย่างที่หมอกับนางพยาบาลว่าไว้เมื่อตอนต้น...

    ฉันกะพริบตาหนึ่งทีไล่เสียงพูดคุยระหว่างหมอกับนางพยาบาลในความทรงจำให้ดับลง สิ่งที่ตรงข้ามกับสายตาคือฝาเพดานเก่าๆ และแสงจากหลอดไฟที่เปิดให้ความสว่างภายในห้องพร้อมกับเสียงของใครอีกคนดังแทรกขึ้น

    ฉันชื่อจะ...โจนาธาน เพิ่งถูกส่งตัวมารักษาที่นี่ได้สักพัก

    หน้านาย...เป็นอะไรน่ะ...

    ‘ก่อนหน้านี้ฉันถูกทำร้ายจนหน้าผิดรูปน่ะ นี่เป็นรอยที่ผ่านการศัลยกรรมมา...’

    ดังขึ้นและดังขึ้น...

    ถ้าอยู่ที่นี่ครบ 5 ปี เราก็สามารถย้ายสัญชาติเป็นคนที่นี่ได้แล้วนะ...

    ‘เปลี่ยนสัญชาติงั้นเหรอ?’ 

    ‘อือ เราลืมเรื่องเก่าๆแล้วเริ่มต้นใหม่...อยู่ที่นี่ด้วยกันตลอดไปได้ไหม?

    มือข้างถนัดเหมือนถูกแสงจ้าตรงหน้าดึงดูดให้ขยับเอื้อมไขว้คว้าราวกับว่านั่นคือทางออกเดียวที่ฉันมองเห็นในโลกความจริง ทั้งที่นอนราบอยู่บนเตียงนอน ร่างกายทุกส่วนกลับเบาหวิวจนคล้ายกับลอยได้ เช่นเดียวกับความว่างเปล่าในหัว  จนเห็นแสงไฟที่สาดลอดผ่านลงมาระหว่างช่องนิ้ว และภาพที่เห็นดูไม่ต่างจากสิ่งที่ฉันเป็นอยู่เท่าไหร่

    แก ผู้ชายคนที่มารับแกเมื่อวานชื่ออะไรนะ?

            อ่า ได้ยินเสียงเหล่านั้นอีกแล้ว...

    เขาชื่อพี่ศอว์ เป็นคนของคณะละครสัตว์ที่สวนสนุกอ่ะ เสียงที่ทำให้ฉันรู้สึกและจดจำได้ทุกอย่าง

    แล้วแกชอบเขาป่ะ? เพียงแต่ว่าเสียงเหล่านั้นกลับไม่ได้ช่วยเยียวอาการกับความรู้สึกที่หล่นหายได้เลยแม้แต่เพียงครั้งเดียว

    ถ้าไม่ชอบ แล้วฉันจะฟอร์มว่าอยากเล่นกายกรรม จนต้องให้เขาเสียเวลาสอนให้เป็นทำไมล่ะ...

    แหมม ร้ายนะแกเนี่ย!!’

    แปล๊บ...

    เสียงพูดคุยในอดีตที่เริ่มดังชัดมากขึ้นทุกวินาที กำลังทำฉันรู้สึกเจ็บบริเวณอกซ้าย ฉันไม่ชอบความรู้สึกพวกนี้ แต่กลับต้องรู้สึกทุกครั้งที่เรื่องเก่าๆ หวนกลับมาให้นึกถึง ความเจ็บปวดเหล่านั้นเหมือนปลายมีดแหลมคมที่ค่อยๆ เสียบทะลุลงมาตามร่างกายจนเกิดเป็นร่องรอยและรูโหว่

    แก พี่ศอว์ของแก เขาวางแผนจะเซอร์ไพรส์แกในบ้านผีสิงอ่ะ…’

    ว่าไงนะ?

    เมื่อกี้ตอนไปเข้าห้องน้ำมา ฉันบังเอิญได้ยินพวกพนักงานพูดกันว่าพี่ศอว์ของแกจะเซอร์ไพรส์วันเกิดในบ้านผีสิง... ยิ่งนึกถึงฉันก็ยิ่งอาการเจ็บปวดก็ยิ่งรุนแรงขึ้น คิกๆ...พี่เขาคงเข้าใจผิดว่าแกเกิดวันนี้แน่เลยอ่ะ แต่ก็นะ...

    แต่ก็นะอะไรของแก แข เล่าให้จบ?

    แรงขึ้น...

    แรงขึ้นและแรงขึ้น...

    แกก็ทำๆ ตามแผนเขาเถอะ เห็นว่าเขาจะขอแกคบเป็นแฟนหลังเซอร์ไพรส์วันเกิดด้วยนี่...ฮ่ะๆ ว่าที่แฟนแกเนี่ย เด๋อชะมัด...ภาพต่างๆ ในอดีตหมุนวนย้อนกลับมาให้รู้สึกสะอิดสะเอียดอีกครั้ง เมื่อพื้นที่ความคิดถูกความมืดครอบครองจนทั่วทุกตารางนิ้ว ก่อนเริ่มฉายภาพใบหน้าของชายสวมหน้ากากตัวตลกในชุดมาสคอตเข้ากันสามคนให้เห็น

    ฉันสั่นสะท้านตามเนื้อกาย เมื่อความคิดกำลังปรากฏภาพมือของชายในชุดมาสคอตยื่นเข้ามา นอกจากสัมผัสหยาบคายที่ดูไม่ตรงคำบอกเล่าแล้ว ฉันยังได้ยินเสียงกรีดร้องร้องของเพื่อนสนิท ขณะที่ร่างของเธอถูกผู้ชายในชุดมาสคอตคนสี่ทุบให้สลบและล้มพับลงกับพื้นท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ ในบ้านผีสิง

    แข!!!!” ภาพในอดีตทำฉันเผลอหวีดร้องขึ้นอีกครั้งในช่วงเวลาปัจจุบัน นัยน์ตาเบิกกว้างราวกับภาพหลอนที่มองเห็นมันกำลังเกิดขึ้นวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ และผลักฉันดำดิ่งสู่สภาวะที่น่าขยะแขยงและหวาดกลัว

    ลมหายใจจังหวะปกติในโลกความเป็นจริง เริ่มหอบผิดจังหวะ เมื่อภาพความทรงจำฉายชัดถึงช่วงเวลาชวนหวั่นวิตก ฉันเบิกตากว้างเมื่อทุกฉากถูกฉายชัดวนกลับมารู้สึก

    ถ้าไม่ได้แผนของไอ้ศอว์ พี่คงทำทุกอย่างมาถึงขั้นนี้ไม่ได้...ขณะวังวนอดีตปรากฏให้เห็นภาพของเหลวในขวดใสที่เหล่าเดนมนุษย์ช่วยกันรุมทึ้ง บีบบังคับให้เปิดปาก

    หยะ หยุด...ความหวาดกลัวส่งผลมาถึงช่วงเวลาปัจจุบัน สองมือพยายามไล่ปัดป้องภัยอันตรายจากภาพในอดีตผ่านความว่างเปล่าของชั้นบรรยากาศไปมา รวมถึงอาการเจ็บตามเนื้อกายหลังของเหลวรอชาติเฝื่อนถูกกรอกให้กลืนลงคออย่างไร้การปัดป้องเมื่อบริเวณลำคอถูกมีดปลายแหลมขัดไว้ห่างจากลำคอไปเพียงนิด

    ช่วยกันถอดเสื้อมันออกดิ ก่อนจะมีใครเข้ามา!’

    หยะ หยุดนะ...

    ผัวะ!

    พี่บอกให้เงียบไงครับ แป๊บเดียวเดี๋ยวทุกอย่างก็จะจบ

    หยะ...หยุดสิ...

    พลั่ก!

    พี่บอกอย่างส่งเสียงไงครับ อยู่นิ่งๆ รอให้ยาออกฤทธิ์จะดีกว่านะ

    หยุดสักที!!!!” สุดท้ายทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ในหัวก็พังครืนลงพร้อมกับภาพของฝ่ามือจำนวนหลายคู่พุ่งเข้าจู่โจมในช่วงวินาทีสุดท้ายก่อนที่ทุกความคิดจะดับลง

    ตัวฉันกำลังสั่น...

    คล้ายกับเป็นสัญญาณเตือนว่าไม่ควรนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก แต่ว่า

    กูรู้ว่ามึงไม่ไหวศอว์..ฮ่ะๆ...แต่ถ้ามึงทำตามที่กูบอก กูยอมให้มึงเอาอีนี่คนแรกก็ได้นะ...

    ตึก... ตึก...

    ฉันยังมองเห็นเขา ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ตามข้อตกลงของพวกเดนนรกนั่น พร้อมกับเสียงตะคอกสั่งดังลั่นไปทั่วโสตประสาทในยามที่ฉันเริ่มฮึดสู้ต่อต้านฤทธิ์ยาเพื่อเอาตัวรอด...

    ไอ้ศอว์ มึงเข้ามาช่วยกูจับอีนี่ทีดิ!!’

    พรึ่บ!!!

    แต่แล้วในช่วงที่ในหัวเหมือนจะนึกอะไรหลังจากนั้นออก ภาพทุกภาพกลับถูกตัดให้ดับลงเฉกเช่นกับจอโทรทัศน์ที่ถูกปิดสวิตซ์ ทุกอย่างดำมืดและว่างเปล่าไปหมด ไร้ซึ่งเสียงใดดังขึ้นรบกวนจิตใจ มีเพียงเสียงหอบแผ่วๆ อย่างคนอ่อนแรง ลอดผ่านปากฉันในช่วงเวลาปัจจุบันเท่านั้นที่ดังอยู่

    มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง และดับไปเป็นจนเหลือเพียงความมืดที่ไร้ซึ่งความทรงจำใด

    ฉันพยายามนึกถึงช่วงเวลาที่ภาพทุกภาพมืดบอดลง ยิ่งพยายามไขว้คว้าหาภาพความทรงจำที่ต้องการ สิ่งที่ได้กลับดันกลายเป็นอาการปวดหนึบบริเวณศีรษะอย่างรุนแรงคล้ายกับมีใครกำลังใช้สิ่วตอกลงมา เช่นเดียวกับหัวใจที่คล้ายกับถูกบีบให้จมอยู่กับความมืดท่ามกลางเสียงของเขาที่บอกความรู้สึก

    แล้วไม่คิดอยากจะคบกับพี่จริงๆบ้างเหรอ?’ เสียงที่ว่าค่อยๆ ทิ่มแทง ตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเราในอดีตให้ฉายชัดมากยิ่งกว่าที่เป็น

    พี่ชอบแฟนจริงๆนะคะ...ถ้าแฟนอยากให้พี่รอ...พี่ก็จะรอ...อีกทั้งยังรู้สึกเจ็บกลางใจ และนี่คงเป็นอาการเดียวที่หมอฝีมือดีคนไหน ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ นอกจากใช้ความรู้สึกทั้งหมดที่มีเยียวยาตัวเอง

    อือ...ฉันรักนาย...รัก...

    จนถึงตอนนี้ ฉันยังรู้สึกถึงเขาอยู่เลย...

    ถ้าไม่ได้แผนของไอ้ศอว์ พี่คงทำทุกอย่างมาถึงขั้นนี้ไม่ได้...รู้สึกถึงน้ำเสียงและคำพูดของเดนมนุษย์ที่พยายามเล่าเรื่องราวของการถูกหักหลังจากสิ่งที่เรียกว่าความรัก 

    ต้นตอของความเจ็บปวดที่ไม่มีวันรักษาให้หายขาด พอนึกถึงมือที่เคยไขว่คว้าอากาศมุ่งสู่แสงไฟด้านบนก็เผลอกำเข้าหากันแน่นจนสั่นพร้อมกับความโกรธแค้นที่ค่อยๆ ประทุ

    กึก...

    หากความรู้สึกที่เคยมี กลับกลายเป็นสิ่งไร้ค่าที่ไร้ความเห็นใจจนถูกเหยียบย่ำ มันจะเป็นไปได้หรือเปล่าที่คนเราจะเปลี่ยนรสหวานจากความรักให้กลับกลายเป็นรสชาติเฝื่อนขมเฉกเช่นยาพิษ เพื่อทำลายจิตใจของผู้ไม่เคยใยดี

    ใช่! ฉันควรจะเกลียดเขา เกลียดให้มากขึ้น เกลียดให้สมกับที่ต้องทนทรมานอยู่หลังกำแพงสีขาวเนิ่นนานร่วมปี...

    แฟน...ไหนๆ แกก็จะกลับมาแล้ว ฉันอยากคุยเรื่องพี่ศอว์หน่อยได้หรือเปล่า?

    คุยอะไรล่ะ?

    เรื่องที่เกิดวันนั้นเมื่อ 6 ปีก่อนน่ะ...คือความจริงแล้ว...

    ก๊อกๆ!

    เฮือก...เสียงเคาะประตูที่จู่ๆ ดังขึ้น ขัดขั้นเสียงในความคิดของเพื่อนสาวให้เงียบลง พร้อมๆ กับแรงเหวี่ยงมหาศาลที่ฉุดกระชากฉันให้กลับคืนสู่โลกของความจริงภายในห้องว่างเปล่า

    สายตาเหลือบตามองไปยังประตูห้องซึ่งถูกเคาะเสียงดัง ทั้งที่ยังนอนราบลงอยู่กับที่นอนแบบนั้น ก่อนพบว่าบริเวณพื้นที่ช่องว่างใต้ประตูมีกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งถูกสอดลอดผ่านเข้ามาภายใน 

    ภาพที่เห็นทำฉันตัดสินใจลุกออกจากเตียงนอน ก้าวเท้าตรงไปยังบานประตูอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนหยุดและก้มหยิบกระดาษใบดังกล่าวขึ้นดูและพบว่าสิ่งที่ภาพปรากฏอยู่บนกระดาษคือภาพสีจากการถ่ายภาพผ่านกล้องวงจรปิด

    มันคือภาพของชายหนุ่มในชุดเครื่องแต่งกายสีไว้ทุกข์ ขณะกำลังเดินออกจากประตูห้องพักด้านหน้า แม้จะเห็นเพียงภาพจากมุมด้านหลัง แต่เพียงเท่านั้นมันก็มากพอจะทำให้รู้ว่าคนในภาพเป็นใคร

    เขาออกไปไหน?เห็นดังนั้น ฉันจึงถามขึ้นพลางเอนหลังพิงนาบกับประตู

    ออกไปตามหาคนที่ขับรถเฉี่ยวคุณน่ะครับเสียงเข้มของผู้มาเยือนตอบดังขึ้น พร้อมๆ กับกระดาษแผ่นที่สองถูกสอดลอดผ่านช่องว่างใต้ประตูเข้ามาอีกครั้ง จำต้องก้มลงหยิบเอกสารที่ได้ติดมือขึ้นดูอีกครั้ง ก่อนพบว่าคราวนี้สิ่งที่อยู่ในมือคือเอกสารที่ต่างไปจากใบแรก

    ก่อนที่สมองจะทันได้คิดอะไร เสียงของผู้หวังดีจากอีกฟากของประตูก็ดังขึ้นมาก่อน

    ตามรูปการณ์แล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่อาจจะช้าไป...ฉันไม่ได้ตอบอะไร แต่เลือกที่จะฟังสิ่งที่ชายหนุ่มด้านนอกประตูพูด นี่มันก็ 5 ปีแล้ว หากไม่นับช่วงที่คุณต้องอยู่ที่นั่นในฐานะผู้ป่วยแบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ รวมแล้วก็ 6 ปี...

    ซึ่งฉันรู้ ว่าเขากำลังหมายถึงอะไร

    ฉันยังไม่ได้เปลี่ยนสัญชาติ...และเชื่อมั่นมากว่าเขาเองก็น่าจะรู้เช่นกันว่าฉันต้องการจะบอกอะไร

    เหรอครับ งั้นก็ดีอย่างไรเสีย อายุความของคดีมันก็ยาวถึง 20 ปี อีกอย่างผมเองก็เบื่อที่ต้องอยู่ในสถานภาพของอดีตขี้คุกแล้วเหมือนกัน...เหมือนเคย ฉันไม่ได้ตอบอะไร นอกจากมองเอกสารที่ถือไว้ในมือนิ่งๆ ขณะยังคงรับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ที่น่าเจ็บก็คือ...ทั้งที่ผมเป็นตำรวจแท้ๆ แต่ดันถูกไอ้เวรนั่นซัดเข้าที่หน้า แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องขอชีวิตเป็นไก่อ่อนนั่นแหละ ฮ่ะๆ

    ผู้ชายคนนั้น...เขาต่อยคุณเหรอ?

    ฮ่ะๆ ใช่ครับ...เขาคงคิดว่าอุบัติเหตุบนถนนก่อนหน้านี้ เป็นฝีมือผม แต่ก็นะ...ชายหนุ่มตอบติดตลกก่อนเงียบไปในช่วงท้ายประโยค แต่ไม่นานนักเขาก็พูดขึ้น คุณเองก็สวมบทบาทคนแปลกหน้าได้ดีเหมือนกันนะ ก่อนหน้านี้...ผมลองไปถามเจ้าของตึกมาแล้ว เขาบอกว่ากล้องวงจรปิดตรงบันไดชั้นนั้นเสีย...

    ได้ยินแบบนั้นรอยยิ้มเล็กๆ ก็ผุดขึ้นมุมปาก พร้อมๆ กับการเอ่ยชมด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน

    คุณเองก็แสดงเก่งไม่ต่างจากฉันนักหรอกค่ะ...คุณตำรวจ

    ฉันไม่ได้ยินเสียงใดตอบรับจากผู้ซึ่งอยู่อีกฟากของบานประตูหลังพูดจบ มีเพียงแผ่นกระดาษสีขาวใบใหม่เท่านั้นที่ถูกสอดผ่านใต้บานประตูเข้ามาอีกครั้ง พร้อมคำพูดสั้นๆ

     เดี๋ยวผมจะติดต่อกับผู้ช่วยตำรวจ ให้ช่วยสืบหาเบาะแสเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่เฉี่ยวคุณเมื่อช่วงเที่ยงให้อีกที ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะเจอตัวแล้วสร้างเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้นมา...เอาเป็นว่า ถ้าได้เรื่องยังไง ผมจะติดต่อคุณกลับมา...ผมขอตัวก่อนเดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า

    สิ้นเสียงบอกกล่าวของชายที่ยืนอยู่หน้าห้อง สิ่งที่ฉันเลือกทำคือการพาตัวเองเดินกลับไปยังเตียงนอนอีกครั้ง ทิ้งร่างหนักอึ้งลงบนความนุ่มของเบาะ ในมือยังคงถือกระดาษที่ได้มาเอาไว้แล้วจัดการเลื่อนดูมันดูทีละใบอีกครั้ง

    ไม่ว่าจะภาพจากกล้องวงจรปิดของที่พัก หรือแม้แต่จะเป็นเอกสารประวัติคนร้ายอย่าง นาย เจตริน วงศ์รักษ์ (เจ) สำหรับใช้ชี้ตัวและเอกสารประวัติของชายอีกคนเช่น นาย โจนาธาน โวร์รัส (โจนาธาน) สำหรับใช้เปรียบเทียบ รวมถึงเอกสารตัวอย่างที่นายโจนาธานยื่นขอเพื่อทำเรื่องเปลี่ยนสัญชาติ...

    หลังจากนอนจ้องเอกสารสามฉบับอยู่ราวๆ สามสิบวินาทีตามความรู้สึก มือข้างที่ว่างเปล่าก็เริ่มเอื้อมควานหาโทรศัพท์ซึ่งถูกวางอยู่บนเตียงไม่ห่างจากตัวไปนิดหน่อย พร้อมกันนั้นก็วางเอกสารในมือลงข้างตัว

    หน้าจอข้อความสนทนาผ่านโปรแกรมแชทโปรแกรมหนึ่งถูกเปิดขึ้น ก่อนที่ปลายนิ้วจะเลื่อนไปยังไอค่อนหนึ่งในสมาชิกของแอพพิเคชั่นนี้ ทว่า ทันทีที่เปิดข้อความดันเกินรวนขึ้นมา พลอยให้ข้อความใหม่ๆ ถูกรันตกลงไปยังข้อความแรกเมื่อปีก่อนที่ฉันมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาเสียอย่างนั้น

    X : คุณชื่อ F เหรอ?

    X : ผม X

    X : ทำไมคุณถึงมาเล่นแอพฯ นี้ล่ะ ชอบเรื่องซาดิสม์หรือไง?

    F : เปล่า...

    F : ฉันก็แค่อยากติดต่อกับคนแปลกหน้าสักคนที่ไว้ใจได้ ให้ช่วยอะไรสักหน่อย

    X : ช่วยเหรอ? ช่วยเรื่องไหนล่ะ?

    แต่เพราะข้อความเก่าๆ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่ ด้วยเหตุนั้น ฉันจึงค่อยๆ บรรจงใช้ปลายนิ้วเลื่อนข้อความกลับให้หลุดพ้นไปจากสายตา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ข้อความสุดท้ายที่เราสองคนมีโอกาสได้คุยกัน

    X : คุณนี่บ้าบิ่นสุดๆ ผมจะพยายามเบามือที่สุด

    X : แต่คุณต้องรับปากนะว่าทำแล้ว ผมจะปลอดภัย

    F : ฉันสัญญา

    F : คุณแค่จับตาดูฉันไว้ก็พอ ฉันกำลังจะลงไป

    X : เดี๋ยวผมออกไป หอพักคุณอยู่บนถนน S ใช่ไหม?

    และฉันคือคนที่พิมพ์ข้อความล่าสุดให้ปรากฏขึ้นในช่องแชท

    F : ตำรวจกำลังจะตามหาตัวคุณ หนีไป

    แน่นอนว่า ทางนั้นก็ตอบกลับมาทันทีเช่นกัน

    X : ไม่ต้องห่วง ผมระวังตัวอยู่แล้ว

    X : อีกอย่างป้ายทะเบียนที่ผมขับเฉี่ยวคุณวันนี้

    X : มันคือป้ายทะเบียนปลอม

    To Be Continued...
    Talk1 แอบอ่านเม้น อยากบอกว่าหลายคนมาถูกทางแล้ว 555 เป๊ะสุดก็คอมเม้นที่ 512 ฮ่าา เดี๋ยวเรามาเฉลยกันต่อเนอะ อิอิ
    Talk2 คราวนี้รู้กันแล้วใช่ไหม ว่าน้องแฟนจำพี่จ๋าได้ไม่ได้ อิอิ
    Talk3 มันก็จะมีแบบตลบหลังกันหลายตลบอยู่นะ 5555
    _____________________________________________________________ 

    ไม่เม้นไม่ว่าแต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา


    ll CREEPYPASTA SET ll


    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่รูปโลด

    รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน
    หรือกดให้กำลังใจกันข้างล่างนะเอออ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×