ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOODIE RETURN ll ผู้ร้ายสวมรอยรัก

    ลำดับตอนที่ #25 : GOODIE24 ll เป็นโจรครั้งที่24 {อัพ100%} ยืนไม่ไหว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.29K
      16
      25 ธ.ค. 60



    EP24
    -เป็นโจรครั้งที่24-


    [ไม่ค่ะ...ครั้งนี้เราจะไม่คาดกัน พี่จะไม่ทำให้พริกรอเก้ออีก พี่สัญญา...]

    คืนนั้นอ้ายก็อตวางสายไปพร้อมกับคำสัญญาที่ลั่นไว้ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

    ไม่รู้เป็นเพราะอ้ายซีเอาเรื่องที่เราคุยกันไปบอกหรือเปล่า ถึงทำให้เขาซึ่งหายหน้าหายตาไปตลอดทั้งวันยอมโทรกลับมาและพูดเรื่องแปลกๆ แบบนี้ 

    ซึ่งไม่ว่าเหตุผลที่อ้ายก็อตโทรหาในครั้งนี้จะเป็นเพราะอะไรก็ตาม อย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่ฉันรับรู้ได้ก็คือเขากำลังป่วยอยู่และคาดว่าน่าจะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชน A ใกล้หอพักฉันนั่นแหละ

    โรงพยาบาลเอกชน A ชั้น 15 คือสถานที่ที่อ้ายก็อตเคยบอกเอาไว้ว่าเขาอยู่นั่น ซึ่งมันก็แปลได้ว่า ตั้งแต่ตอนที่เขาบอกว่าตัวเองป่วยและกำลังไปหาหมอ ความจริงแล้วบางทีเขาอาจจะเข้าพักรักษาตัวมาก่อนหน้านี้แล้วก็ได้ ถึงได้บอกพิกัดชั้นห้องพักได้อย่างแม่นยำแบบนั้น 

    และการที่ฉันเจอพี่ชมพูกับอ้ายกอล์ฟที่โรงพยาบาลพร้อมกันวันนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเช่นกัน บางทีพวกเขาอาจจะตั้งใจไปเยี่ยมอ้ายก็อตเหมือนอย่างที่สงสัยไว้...

    อีกทั้งคำสัญญาครั้งใหม่ของอ้ายก็อตซึ่งฟังดูหนักแน่นกว่าครั้งไหน บวกกับคำสัญญาของอ้ายซี เลยทำให้ความหวังในใจเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้งอย่างช้าๆ ยิ่งด้วยการที่อ้ายก็อตยอมพูดเรื่องของตัวเองบางส่วนให้ได้รับรู้แบบนี้แล้ว เรื่องที่เคยคิดว่าบางทีเขาอาจจะนอกใจจึงถูกตัดออกไปจากความคิดจนหมด

    พอได้คำตอบในสิ่งที่เคยรู้สึกค้างคามาบางส่วน ไอ้ที่เคยเป็นกังวลและกลุ้มใจก็คล้ายกับจะหายไปด้วยเช่นกัน ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่กล้าที่จะพูดว่าตัวเองรู้สึกสบายใจได้อย่างเต็มปากอยู่ดี 

    เหตุผลก็เพราะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับอ้ายกอล์ฟซึ่งถูกปกปิดเอาไว้ยังทำให้รู้สึกหวาดหวั่นทุกครั้งยามที่คิดว่าอ้ายก็อตจะเป็นอย่างไรหากว่าเขารู้เรื่องนี้เข้า ส่วนเรื่องที่สองที่ยังทำให้ฉันรู้สึกสบายใจไม่เต็มปากก็คงเป็นเสียงสะอื้นของคนรักที่ได้ยินผ่านสายตอนที่เรากำลังคุยกันเมื่อคืนนี้นั่นล่ะ...

    เช้าวันศุกร์อาทิตย์แรกของการอยู่เมืองกรุง 

    ฉันพาตัวเองออกจากห้องพักแต่เช้าอย่างทุกวัน และพูดได้เลยว่าวันนี้ฉันรู้สึกโอเคมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา แต่เหมือนความสุขมันก็มักอยู่ด้วยกันได้ไม่นานนัก เพราะเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกไปจนสุด สิ่งที่รอคอยอยู่เบื้องหน้าดันเป็นความทุกข์เสียอย่างงั้น

    ไงเสียงเข้มเอ่ยปากทักขึ้นทันทีที่เรามีโอกาสได้พบหน้ากัน หลังจากที่เขาหายหน้าหายตาไปตลอดทั้งวันเช่นเดียวกับอ้ายก็อต

    แม้ไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาตรงๆสักเท่าไหร่ บวกรวมกับสิ่งที่เขาเคยทำใส่ไว้เมื่อวันก่อน ถึงอย่างนั้นฉันซึ่งเด็กกว่าก็ยังมีมารยาทมากพอที่จะไม่เมินเฉยต่อคำทักทายของผู้ที่โตกว่าอยู่ดี

    สวัสดีค่ะยังคงเอ่ยปากทักทายกลับตามมารยาทแม้ว่าฉันจะไม่ได้มองหน้าเขาก็ตาม แต่การตอบกลับเช่นนั้นดันทำให้คนตัวสูงหัวเราะดังหึในลำคอคล้ายกับกำลังตลกอะไร พานให้ต้องช้อนตามองหน้าเขาด้วยความสงสัยในที่สุด

    ฝืนมากหรือเปล่า ที่ต้องทักทายกลับแบบนั้น?หูน่ะได้ยินคำพูดประชดประชันของอ้ายกอล์ฟชัดเจน แต่สายตากลับมองอย่างอื่นที่ดูต่างไปจากที่เคย

    แม้ว่าเขาจะงัดนิสัยร้ายกาจของตัวเองเพื่อหาเรื่องเหมือนอย่างทุกที แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมและดูขัดต่อกริยาร้ายๆของเขายามนี้ก็คงเป็นนัยน์ตาทั้งสองข้างของเขาที่ยามนี้โปนอย่างกับปลาทองเหมือนกับผ่านการร้องไห้หนักๆมายังไงอย่างงั้น

    อ้ายกอล์ฟเองก็ดูฝืนๆนะคะที่ต้องพูดหาเรื่องหนูแบบนี้...คงเพราะฉันได้รับรู้เรื่องราวของเขามาบางส่วนจากอ้ายซีล่ะมั้ง ปากถึงได้ขยับยอกย้อนกลับไปแบบนี้

    หมายความว่าไง?และการถูกย้อนมันเลยทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนน้ำเสียง

    ตาอ้ายกอล์ฟน่ะค่ะ โปนเหมือนกับปลาทองเชียวฉันพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น และอาศัยจังหวะในช่วงที่เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องหน้าตัวเองเดินหนีออกไป

    แต่ก็ใช่ว่าการเดินหนีที่ทำอยู่จะประสบผลสำเร็จอย่างสวยงามที่ไหน เมื่อคนตัวใหญ่ยังคงนิสัยเดิมๆของตัวเองเอาไว้ และเริ่มเป็นฝ่ายเดินตามหลังมา

    ช่างสังเกตจริงๆนะเราเนี่ย... พร้อมกันนั้นก็ใช้คำพูดยียวนกวนใจราวกับต้องการหาเรื่องกันไม่หยุด ซึ่งคนที่โชคร้ายมันคือตัวฉันเองที่ลิฟต์สำหรับใช้งานเลื่อนมาหยุดเปิดตรงหน้าของเราทั้งคู่พอดี

    กริ้ง!

    ฉันก้าวเท้าเข้าไปในลิฟต์ และรับรู้ได้ว่าขณะเดียวกันก็มีฝีเท้าของใครอีกคนเดินตามเข้ามาด้วย

    อ้ายกอล์ฟพาตัวเองมาหยุดยืนขนาบข้างภายในช่องสี่เหลี่ยมเล็ก เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ หน้ามองตรงไปยังประตูลิฟต์ที่เปิดอยู่และรอจนกระทั่งประตูปิดลง ถึงได้พูดบางอย่างออกมา

    วันก่อนที่ทำรุนแรง...ขอโทษด้วย...คำพูดซึ่งฟังดูไม่สมเป็นเขาเท่าไหร่ ทำฉันแอบลอบมองเสี้ยวหน้าคนพูดเล็กน้อยอย่างนึกแปลกใจและรับรู้ได้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องวันนั้นตอนนั้น...แค่อยากกอดจริงๆ แต่มันก็อดไม่ได้...ขอโทษด้วย

    ช่างมันเถอะค่ะ...มันผ่านไปแล้วซึ่งฉันเองก็ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดบอกความรู้สึกของเขาหรอกนะ แต่คิดว่าถ้าไม่ถึงเรื่องวันนั้นเลยมันน่าจะดีกว่า ด้วยเพราะเวลานี้ภายในลิฟต์ซึ่งคับแคบมีแค่เราสองคน ฉันจึงใช้โอกาสที่มีในยามนั้นพูดเรื่องของตัวเองบ้าง หนูเองก็ต้องขอโทษอ้ายกอล์ฟด้วยเหมือนกัน...

    เรื่อง?

    เรื่องที่หนูผิดสัญญาสิ้นเสียงเหตุผล คนตัวใหญ่ก็ไม่พูดอะไรต่อ นั่นเลยทำให้ฉันใช้ช่องว่างในตอนนั้นพูดออกมาอีก หนูขอโทษนะคะที่พอเรากลับมาเจอกันอีก หนูดันจำอ้ายกอล์ฟไม่ได้เหมือนอย่างที่เคยสัญญาไว้

    “…”

    ถ้าตอนนั้นหนูถามชื่ออ้ายกอล์ฟไว้สักนิดก็คงดี…” ตลอดเวลาพูด ฉันได้กำมือแน่นเพื่อเพิ่มความกล้าให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลาพร้อมกันก็เพื่อกักกลั้นความอ่อนแอของตัวเองที่พร้อมประทุผ่านทางน้ำตาด้วยเช่นกัน หรือถ้าตอนนั้นหนูรู้สักหน่อยว่าอ้ายกอล์ฟมีฝาแฝด บางทีเรื่องมันอาจไม่เป็นแบบนี้

    ...

    หนูไม่รู้ว่ามันยังทันที่จะพูดคำนี้หรือเปล่า แต่หนูก็ยังอยากพูดอยู่ดี

    “…”

    หนูขอโทษนะคะ

    กริ้ง!

    วินาทีที่พูดจบมันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เสียงสัญญาณเตือนบอกชั้นภายในลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับประตุซึ่งถูกเปิดออก 

    ฉันกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอึกใหญ่หลังจากแสดงความรู้สึกผิดที่มีต่อผู้ชายใจร้ายคนนี้ไปจนหมดเปลือกด้วยความจริงใจ ก่อนตัดสินใจก้าวเท้าเดินออกจากตัวลิฟต์เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรโต้ตอบกลับมา

    ตึก... ตึก...

    เดินออกห่างจากลิฟต์มาได้ไม่ถึงสามก้าว ความรู้สึกค้างคาที่อีกฝ่ายเอาแต่เงียบมันก็ทำให้เท้าสองข้างหยุดลง 

    ร่างกายแสดงการตอบรับต่อความความรู้สึกแปลกๆของอีกฝ่ายด้วยการเหลียวหลังกลับไปมองผู้ชายซึ่งน่าจะเดินตามออกมาเหมือนอย่างทุกที ทว่า วินาทีที่หันกลับไป มันดันเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูลิฟต์ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ โดยที่ภายในนั้นยังคงปรากฏร่างสูงของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเขียวยืนอยู่ภายใน

    อ้ายกอล์ฟไม่ได้เดินตามฉันออกมา แต่เขาเลือกที่จะยืนอยู่ในลิฟต์แบบนั้นไม่ขยับไปไหน ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากตอบรับสิ่งที่ฉันพยายามบอกผ่านความรู้สึกให้รับรู้

    ทั้งที่มันน่าจะจบแล้วหลังจากที่ได้พูดความในใจออกไปจนหมด แต่ไม่ใช่เลย ความรู้สึกฉันดันไม่ยอมหยุดทำงานง่ายๆ 

    และยิ่งทำงานหนักมากขึ้นเมื่อได้เห็นท่าทีที่แปลกไปของผู้ชายใจร้ายในลิฟต์คนนั้น...

     

    -GOLF TALK-

            ถ้าตอนนั้นหนูถามชื่ออ้ายกอล์ฟไว้สักนิดก็คงดีหรือถ้าตอนนั้นหนูรู้สักหน่อยว่าอ้ายกอล์ฟมีฝาแฝด บางทีเรื่องมันอาจไม่เป็นแบบนี้

            ท่ามกลางความเงียบ ผมได้ยินคำพูดของผู้หญิงคนนั้นดังวนเวียนอยู่ในหูไม่หยุด

            หนูไม่รู้ว่ามันยังทันที่จะพูดคำนี้หรือเปล่า แต่หนูก็ยังอยากพูดอยู่ดี เสียงของเธอบอกถึงความซื่อตรงตรงต่อความรู้สึกของตัวเองเหมือนอย่างนิสัยที่แสดงออกให้เห็นอยู่บ่อยๆ

    ผมชอบความซื่อที่พริกมี ไม่ใช่เพราะมันทำให้เธอดูโง่และหลอกง่าย แต่มันทำให้ผมรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ จริงใจพอที่จะทำหรือพูดทุกอย่างที่คิดและรู้สึกอยู่ออกมาอย่างเถรตรง แต่ขณะเดียวกันผมก็เกลียดความซื่อของเธอเช่นกัน

    หนูขอโทษนะคะ ความซื่อตรงที่เป็นเหมือนเกราะจนผมไม่กล้าที่จะทำร้ายความบริสุทธิ์สดใสที่เหลืออยู่ในตัวเธอให้พังไปเหมือนดั่งที่ตั้งใจไว้

    ผมยืนนิ่งแบบคนโง่อยู่ภายในช่องสี่เหลี่ยมแคบๆของลิฟต์ ไม่ใช่เพราะชอบความคับแคบภายใน แต่เป็นเพราะขาของผมมันกำลังหมดแรงที่จะก้าวไปข้างหน้ามากกว่า

    อีกทั้งการยืนพิงผนังลิฟต์อยู่ท่ามกลางความเงียบแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้ในหัวคิดได้ยินอะไรหลายๆอย่างได้มากขึ้น

    [ไอ้กอล์ฟ วันนี้กูไปหาพริกมาตามอย่างที่มึงวานแล้วนะ...] อย่างเช่นเสียงของพี่ซีที่โทรเข้ามาหาเมื่อคืนและเสียงของตัวเอง

    เป็นไงบ้างพี่ ตอนที่ผมไม่อยู่ ยัยนั่นมีเพื่อนคุยบ้างหรือเปล่า?

    [ก็พอมีนะ ที่กูสังเกตมา ก็เห็นมีแค่เด็กมึงคนเดียวที่คุยกับพริก]

    แอลน่ะเหรอ...เออ ก็ยังดี ยัยนั่นจะได้ไม่เหงา’ และดูเหมือนว่าสิ่งที่ได้ยินชัดมากที่สุดในหัวตอนนี้ก็คงไม่พ้นคำถามของรุ่นพี่ที่ผมเคารพ

    [วันนี้พริกร้องไห้กับกูกูไม่รู้หรอกนะว่ามึงทำอะไรใส่น้องเขาบ้าง แต่กูว่าที่มึงทำอยู่มันเกินไป…] คำพูดที่ตอกย้ำให้ผมรู้ว่าทุกสิ่งที่พริกเป็นอยู่ตอนนี้เกิดขึ้นเพราะน้ำมือของผมเอง [กอล์ฟ มึงรู้ใช่ไหมไอ้ที่มึงทำใส่น้องเขา มันทำให้น้องเขาไม่มีความสุข มึงไม่สงสารน้องเขาบ้างเหรอวะ ไม่คิดจะให้น้องเขาสบายใจแทนที่ต้องเป็นทุกข์แบบนี้ไปตลอดเหรอ?]

    แล้วอะไรที่ทำให้พริกมีความสุขล่ะ ถ้าไม่ใช่สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่

    [มึงรู้อยู่แก่ใจดีกอล์ฟ...ว่าพริกต้องการอะไร] ใช่! ผมรู้ รู้มาตลอดว่าสิ่งเดียวที่ผู้หญิงคนนั้นต้องการมันคืออะไร ซึ่งผมไม่อาจมอบให้เธอได้ [กอล์ฟ...น้องเขาอยากเจอไอ้ก็อต]

    พอคิดมาถึงตรงนี้ ขาสองข้างที่พยายามฝืนยืนต่อมาได้ครู่ใหญ่ก็เริ่มอ่อนแรงลง จำต้องทรุดตัวลงไปนั่งกองบนพื้น พร้อมกันนั้นผมก็ได้ยินเสียงของพี่ซีที่พูดความปรารถนาสูงสุดของผู้หญิงคนนั้นออกมา

    [มึงฟังที่กูพูดหรือเปล่ากอล์ฟ...มึงควรปล่อยน้องเขาไปได้แล้ว] 

    ลมหายใจหนักๆถูกพ่นออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พร้อมกันนั้นมือที่เริ่มเกิดอาการสั่นก็เลื่อนไปยังกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาแล้วโทรหาใครบางคนที่น่าจะเป็นที่พึ่งให้ได้ในเวลานี้

    [ว่าไงมึง โทรมาแต่เช้าเชียว กูกำลังจะไปทำงานเนี่ย...] เสียงที่ดังลอดผ่านสายหลังเสียงสัญญาณเชื่อมต่อยิ่งเพิ่มอาการสั่นที่มีในยามนี้ให้โหมรุนแรงมากขึ้น แม้แต่จะขยับปากเพื่อพูดในสิ่งที่ต้องการ ยังดูยากไปหมด

    พะ พี่ซี...ผม..

    [มึงเป็นไรวะไอ้กอล์ฟ!?]

    ผม...ผมยืนต่อไม่ไหวว่ะ...มาหาผมหน่อยได้ป่ะ..

    To Be Continued...

    ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%

    1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย

    ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร

    ll Character ll












    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่หน้าอ้ายกอล์ฟโลด

    ^

     รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน 
     ส่งฟีดแบ็กทางทวิต เพจ คอมเม้น
     หรือโหวตข้างล่างเต็ม100นะเออ 
    v
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×