คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : GOODIE22 ll เป็นโจรครั้งที่22 {อัพ100%} ช่วยเหลือ
“คนที่พริกควรห่วงน่ะ น่าจะเป็นไอ้กอล์ฟมากกว่านะ”
“คะ?” เสียงที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและคำถาม
ทำเอาคนตรงหน้ายอมหันกลับมามองฉันอีกครั้ง บนหน้าอ้ายซียังเต็มไปด้วยรอยยิ้มใจดี จนอดลั่นคำถามออกไปเป็นหนที่สองไม่ได้
“อ้ายซีหมายความว่าไงคะ?”
“ก็...หมายถึงสภาพจิตใจของมันน่ะ…คนๆหนึ่งไม่สามารถแบกรับเรื่องราวหนักๆได้หลายเรื่องพร้อมกันหรอก
พริกรู้ใช่ไหม?” ฉันไม่เข้าใจสิ่งอ้ายซีกำลังบอก
รู้เพียงแค่ว่าทุกสิ่งที่ได้ฟังอยู่นั้นล้วนแล้วแต่เป็นการเข้าข้างคนสนิทของตัวเองทั้งนั้น
โดยเฉพาะกับช่วงสุดท้ายของประโยคหลัง “ไอ้กอล์ฟน่ะต้องแบกรับทั้งเรื่องเรียน
ชีวิต ครอบครัว...ไหนจะเรื่องของเราอีก”
ยิ่งฟัง
ก็ยิ่งรู้สึกได้ ว่าคำพูดของอ้ายซีตอนนี้กำลังบอกถึงปัญหาที่อ้ายกอล์ฟต้องเผชิญ
ที่แย่ที่สุดก็คือหนึ่งในเรื่องที่เป็นปัญหาหนักๆของอ้ายกอล์ฟมีฉันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
“หนูไม่เคยต้องการให้เขาเอาเรื่องของหนูเข้าไปเป็นปัญหาชีวิต
เรื่องไหนหนูผิด หนูพร้อมที่จะยอมรับผิดค่ะ หนูผิดเองที่หนูผิดสัญญากับเขา
ทั้งที่บอกว่าจะจำได้ แต่สุดท้ายหนูก็จำไม่ได้...” ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ฉันพูดแทรกผู้ชายใจดีตรงหน้าออกไปเช่นนี้
อาจเพราะน้ำคำที่ฟังมากำลังจะตอกย้ำว่าฉันคือคนผิดอยู่ล่ะมั้ง “หนูไม่รู้ว่าอ้ายกอล์ฟเล่าอะไรให้อ้ายซีฟัง
ถ้าหากว่าเรื่องของหนูที่เป็นปัญหาของอ้ายกอล์ฟคือเรื่องผิดสัญญาล่ะก็...หนูพร้อมที่จะชดใช้และขอโทษ”
และเชื่อไหม
ตลอดเวลาที่ฉันละล่ำละลักความรู้สึกของตัวเองออกไป
อ้ายซีไม่ได้แสดงท่าทีไม่สนใจหรือคิดจะพูดแย้งอะไรออกมาเลยสักวลีเดียว
เหมือนว่าเขาต้องการให้ฉันระบายความคิดและความรู้สึกของตัวเองออกมายังไงอย่างงั้น
“เพราะตอนนี้
มันคงไม่ใช่แค่อ้ายกอล์ฟคนเดียวหรอกค่ะ
ที่ต้องแบกรับหลายๆอย่างไว้กับตัว...หนู...หนูเองก็...ฮึก…” และพอได้เริ่มระบายความรู้สึกของตัวให้ใครสักคนได้รับรู้บ้าง
ความอัดอั้นที่อดทนเก็บไว้มาตลอดก็เริ่มประทุออกมา
ผ่านทางน้ำตาซึ่งเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า “..หนูเองก็เหนื่อย...ทั้งที่การมาเมืองกรุงคือความฝันที่ดีที่สุดที่หนูตั้งเฝ้าไว้...แต่พอเอาเข้าจริง
มันดันเหมือนฝันร้าย..ฮึก หนูไม่มีความสุขเลย…”
ฟึ่บ!
ฉันสะดุ้งเล็กน้อย
เมื่อจู่ๆ คนตัวใหญ่ที่นั่งทนฟังการระบายขยับตัวใช้มือหยิบกระดาษทิชชู่ส่งมาให้
“เช็ดน้ำตาก่อนสิ”
อ้ายซียังคงแสดงความใจดีของตัวเองให้ฉัน
ซึ่งฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจจากเขาเช่นกัน
รีบรับกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตาซึ่งเอ่อล้นไปด้วยความทุกข์อย่างเสียไม่ได้ ทว่า
“เรื่องผิดสัญญาอะไรนี่
กอล์ฟไม่เคยเล่าให้พี่ฟังหรอกนะ...เพิ่งเคยได้ยินจากเราเป็นครั้งแรกนี่แหละ”
ขณะเดียวกันอ้ายซีก็พูดออกมาแบบนั้น จำต้องซับน้ำตาไปมองหน้าเขาไปอย่างห้ามไม่ได้
“ตอนนี้พูดง่ายๆก็คือ
ไอ้กอล์ฟกำลังทำให้พริกอึดอัดอยู่ถูกไหม?”
ฉันพยักหน้ารับตามประสาคนซื่อ
ไม่รู้หรอกว่าการแสดงการตอบรับกลับไปแบบนั้น
จะทำให้อ้ายซีเอาไปฟ้องอ้ายกอล์ฟหรือเปล่า แต่หากว่าเขาฟ้องมันก็ดีเหมือนกันนะ
ผู้ชายใจร้ายคนนั้นจะได้รู้ตัวสักทีว่ากำลังทำให้คนๆหนึ่งทุกข์ทรมานใจได้ขนาดนี้
“สรุปแล้ว
นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่โทรหาพี่วันนี้ใช่ไหม?” คราวนี้พอถูกอ้ายซีย้อนถามกลับมาแบบนี้
มันก็ดันเป็นฉันที่ต้องนิ่งแบบคนไร้คำตอบ ทว่า
มันก็เป็นอีกครั้งที่อ้ายซีสรุปเรื่องราวในวันนี้ออกมาเอง “พริกก็แค่อยากคุยกับใครสักคนที่สามารถให้คำตอบในสิ่งที่พริกอยากรู้และระบายความอึดอัดของตัวเองได้…”
ฉันเป็นแบบนั้นเหรอ...
นี่คือเหตุผลจริงๆที่ฉันอยากพูดคุยกับอ้ายซีอย่างงั้นเหรอ?
“ไอ้กอล์ฟนี่ก็จริงๆเลย ทำไมถึงได้ทำเกินกว่าเหตุแบบนี้นะ” ขณะที่ความคิดเกิดความสับสน หูก็ได้ยินเสียงของอ้ายซีบ่นถึงน้องคนสนิทของตัวเองออกมาด้วยเช่นกัน
นั่นบอกได้เป็นอย่างดีว่า การที่เขายอมมาเพื่อมาพูดคุยกับฉันนั้น ไม่ใช่เพื่อมาเข้าข้างคนของตัวเองหรือตอกย้ำถึงความผิดที่ฉันมีต่ออ้ายกอล์ฟ แต่มาเพื่ออยู่พูดคุยเป็นเพื่อนคอยรับฟังทุกความรู้สึกที่ผู้หญิงคนหนึ่งพึ่งจะมี
มันคงเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ฉันในตอนนี้น่ะก็แค่ต้องการใครสักคนที่พอจะพูดคุยหรือให้คำตอบในทุกคำถามที่คาใจ และคอยอยู่เป็นเพื่อนทดแทนความเหงาและโดดเดี่ยวของการต้องใช้ชีวิตคนเดียวท่ามกลางทิศทางและเป้าหมายที่เริ่มผิดเพี้ยนไปจากที่คิดไว้
ที่ฉันต้องการในตอนนี้
คงมีเพียงเท่านั้นจริงๆ...
“แล้วนี่
เรามีเรื่องอะไรอึดอัดอยากระบายอีกหรือเปล่า?” นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยปากถาม
คล้ายกับเป็นห่วงสภาพจิตใจคู่สนทนา แม้ว่าในตอนแรกเขาดูจะเป็นห่วงและเข้าข้างอ้ายกอล์ฟมากกว่าก็ตามที
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันดันร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น
มิหนำซ้ำยังร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายซึ่งมีโอกาสได้พูดคุยอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกอีก มันเลยทำให้ฉันไม่กล้าที่พูดหรือถามสิ่งที่อยู่ในหัวออกไปอีก
จึงส่ายหน้าตอบคำถามเขากลับไปทว่า มันก็เป็นอ้ายซีนั่นแหละที่เปิดประเด็นถามออกมาเอง
“แล้วเรื่องไอ้ก็อตล่ะ...มันได้ทำอะไรให้ไม่สบายใจบ้างไหม?”
อีกหนที่ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่ก็ถูกคนตรงหน้าค้านการกระทำเหล่านั้นลงด้วยคำพูดใจดี
“พูดได้นะ...ในเมื่อพริกโทรหาพี่เพื่อจะถามเรื่องพวกนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
คำพูดของอ้ายซีคราวนี้ฟังดูเหมือนการคะยั้นคะยอให้ฉันถามหรือพูดในสิ่งที่อยากรู้
ราวกับว่าการมาของเขาในวันนี้คือเรื่องที่ถูกวางแผนและเตรียมพร้อมเอาไว้ตั้งแต่แรก
จริงสินะ...ก็ตอนที่อ้ายซีให้เบอร์พี่แอลมา
เขาบอกเองนี่ว่าถ้ามีอะไรจะคุยให้โทรไปหา...
ตอนแรกก็คิดแหละว่าฉันควรหยุดความอยากรู้ของตัวเองลงก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องแสดงความอ่อนแอที่มีให้คนอื่นรับรู้ แต่ว่า พออ้ายซีถาม อีกทั้งยังเสนอมาแบบนี้ ไอ้ความรู้สึกที่ว่านี่อาจเป็นเพียงโอกาสเดียวที่ฉันได้รับ มันก็หวนกลับมา
ถึงอย่างงั้นฉันก็ยังมีความลังเล
กลัวเขาเป็นเหมือนอ้ายกอล์ฟที่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาจริงๆจังๆเลยสักคำ
“ถ้าหนูถาม...อ้ายซีจะยอมตอบเหรอคะ?”
คนถูกถามเลิกคิ้วสูงคล้ายกับแปลกใจ
แต่ขณะเดียวกันสีหน้าที่เขาแสดงออกก็เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็แค่ครู่เดียว
อ้ายซีก็คลี่ยิ้มเล็กๆมุมปากแล้วกล่าวขึ้น
“พี่ไม่เหมือนไอ้กอล์ฟหรอกนะ”
คำพูดแปลกๆราวกับเขารู้อะไรมา ทำฉันนิ่งลงและฟัง “ถ้าพริกมีอะไรไม่สบายใจ สามารถโทรมาหาพี่ได้ตลอดเวลา อะไรที่พี่ตอบได้
พี่จะตอบดีไหม?”
“…” ทำไมล่ะ
ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแท้ๆ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ใจดีกับฉันมากขนาดนี้
“เอาล่ะ ทีนี้
มีเรื่องอะไรอยากถาม ก็ถามออกมาให้หมด” ฉันมองช้อนตามองใบหน้าคมคายเบื้องหน้าอีกครั้งพร้อมกับความคิดในหัวที่เริ่มทำงานไปพร้อมๆกับการขยับถามของปาก
ตอนนี้ฉันสามารถเชื่อใจเขาได้จริงๆใช่ไหม?
“อะ อ้ายก็อต...ตอนนี้เขาอยู่ไหนเหรอคะ?”
ฉันสามารถถามเขาได้ทุกเรื่องที่สงสัยจริงๆใช่ไหม?
“ขะ...เขามีคนอื่นหรือเปล่า?”
ฉันจะได้รับคำตอบของทุกคำถามจากผู้ชายคนนี้จริงๆใช่หรือเปล่า?
“ตอนนี้...อ้ายก็อตเขากำลังป่วยอยู่ใช่ไหมคะ?” ความคิดว้าวุ่นในหัวทั้งหมดที่มี สงบลงพร้อมคำถามที่ลอดผ่านปากฉันออกไปจนเสร็จสิ้น
วินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างรอบตัวมันหยุดนิ่งไปหมด
สิ่งที่ตาเห็นมีแค่รอยยิ้มกับแววตาใจดีที่คนตัวใหญ่เบื้องหน้าใช้มองกลับมาอย่างเอ็นดู
แต่ขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกว่าสายตาและรอยยิ้มแบบนั้นของเขามันให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังสงสารผู้หญิงที่ไร้ที่พึ่งทางใจอย่างฉันไปในคราวเดียวกัน
ไม่รู้ว่าคำถามที่เอ่ยไปนั้นมันยากเกินไปสำหรับคนที่พร้อมจะตอบอย่างอ้ายซีหรือเปล่า
เขาถึงได้แสดงทีท่าหนักใจออกมาให้เห็นแทนแววตาและรอยยิ้มใจดี
ถึงอย่างนั้นอ้ายซีก็เป็นคนที่รักษาคำพูดของตัวเองได้ดี
“อ่าใช่...พักหลังมานี้
ไอ้ก็อตมันป่วยหนัก เข้าออกโรงพยาบาลบ่อย...ส่วนตอนนี้มันอยู่ที่ไหน
อันนี้พี่ตอบเราไม่ได้จริงๆเพราะพี่อยู่กับเราที่นี่...” ยังยินยอมที่จะให้คำตอบของทุกๆคำถามที่ฉันสงสัย
“…” อ้ายก็อตป่วยเหมือนอย่างที่อ้ายกอล์ฟเคยพูดขู่ไว้จริงๆด้วยสินะ
งั้นวันก่อนที่เจอพี่ชมพูที่โรงพยาบาลก็แปลว่าเธอไปเยี่ยมอ้ายก็อตงั้นเหรอ?
งั้นที่อ้ายกอล์ฟเตรียมดอกไม้สำหรับเยี่ยมไข้ไปที่โรงพยาบาลในตอนนั้นก็แปลว่า
เขาตั้งใจจะไปเยี่ยมอ้ายก็อตเหมือนกับพี่ชมพูอย่างงั้นสิ?
“ส่วนเรื่องที่พริกถามว่าไอ้ก็อตมันมีคนอื่นหรือเปล่า...”
อีกหนที่อ้ายซีเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นฉันเงียบไป
การที่เป็นเช่นนั้นเลยทำให้ฉันหันเหความสนใจไปหยุดอยู่กับสิ่งที่เขาจะพูดอีกครั้ง “เรื่องนี้พี่มั่นใจมากว่าตั้งแต่ที่พี่รู้จักกับก็อตมา
มันไม่เคยคิดนอกใจพริกเลยสักครั้ง”
ไม่เคยนอกใจเลยงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมพักหลังอ้ายก็อตถึงได้ทำท่าทางลับๆล่อๆให้รู้สึกแบบนั้นล่ะ
หรือเพราะกลัวว่าฉันจะรู้ว่าเขากำลังป่วยหนักอยู่กันนะ...
“เอาล่ะ พี่ตอบหมดแล้ว ทีนี้พริกก็สบายใจได้แล้วนะ…”
“อ้ายซี...” เพราะยังมีอยู่นิดหน่อยที่ฉันยังรู้สึกกังวล
ปากถึงได้เอ่ยเรียกชื่อคนตัวสูงตรงหน้าออกไปเช่นนั้นแบบไม่ได้รอให้เขาพูดจบก่อน
อีกทั้งยังใช้จังหวะนั้นในการเอ่ยร้องขอความช่วยเหลือจากเขาเป็นครั้งสุดท้าย “ช่วยอะไรหนูอย่างหนึ่งได้ไหมคะ?”
“ว่ามาสิ” ซึ่งเขาก็ยอมรับปากอย่างว่าง่าย
“หนูอยากเจออ้ายก็อต...อ้ายซีช่วยหนูได้หรือเปล่าคะ?”
To Be Continued...
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร
ความคิดเห็น