ตอนที่ 20 : รักใหม่ 100 %
“ทางนี้”
หญิงสาวในชุดเสื้อกล้ามอะล้าอร่ามอวดทรวงอกอวบใหญ่สวมกางเกงพรางพยักพเยิดหน้าชี้ ในมือเจ้าหล่อนถือปืนกลอย่างห้าวหาญ
แต่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกัน กลับวิ่งฉีกไปอีกทางหนึ่งเหมือนไม่ได้ซักซ้อมมาด้วยกันอย่างมั่นใจ
“เฮ้! วิลนั่นไม่ใช่...ทางนี้” เจ้าหล่อนตะโกนเรียกเสียงดัง แต่ก็วิ่งตามหลังมา
ใบหน้าคร้ามหันขวับกลับไปมองเจ้าหล่อน
“ผมร็อบ ไม่ใช่วิล...คุณลืมบทหรือ?” หันมาถาม พร้อมกับชักสีหน้า
“คุณนั่นแหละที่ลืม” คนว่าทิ้งปืนในมือ แล้วกระชากร่างเขาให้หลบหลังแนวบังเกอร์ ก่อนจะได้ยินเสียงระเบิดเอฟเฟ็กต์โครมครามสนั่นหวั่นไหว เศษไม้เศษฟางและกล่องกระเด็นกระจัดกระจาย ฝุ่นควันคลุ้งตลบอบอวล ก่อนจะได้ยินเสียงหวูดฉุกเฉินดังกึกก้อง พร้อมกับเสียงเอะอะโวยวาย
“เฮ้! วิล...ไคลี่ พวกคุณปลอดภัยไหม? อยู่ตรงไหนนี่?” เสียงตะโกนดังเรียกหาจากทีมงานที่เข้าค้นหาหลังสถานการณ์ผ่านไปครู่ใหญ่
ร่างนุ่มที่ทับทาบลงบนตัวเขาร้องโอดครางเบาๆ ด้วยความเจ็บ ก่อนจะรื้อลังกล่องที่สุมทับ พร้อมกับปัดเศษชิ้นส่วนวัสดุที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรบ้างออกไปให้พ้นจากเนื้อตัว แล้วลุกจากไป ร่างหนาถึงได้เอี้ยวหน้ากลับมามอง แล้วค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก
“ฉันอยู่นี่” เสียงของเจ้าหล่อนเรียกฝีเท้าทีมงานให้วิ่งเข้ามาหา
“คุณโอเคหรือเปล่าไคลี่” ทีมงานเอฟเฟ็กต์หน้าตาตื่นเข้ามาถาม
“โอเค...ไม่เป็นไรมาก”
“เฮ้! นั่นคุณเลือดออกนี่นา” คนว่ารีบถลันเข้ามาดึงตัวเธอให้ลุกขึ้นแล้วสำรวจบาดแผล
วิลเลี่ยมลุกตาม พร้อมกับปัดเศษฝุ่นผงออกไปจากเนื้อตัว
“โดนอะไรเข้าไปล่ะนี่ โอ้โห...เลือดออกเยอะเลย ไม่เจ็บหรือไง?” คนเห็นเลือดทำหน้าสยดสยอง
“ไม่รู้สิ...มันยังชาๆ อยู่”
โดยทันทีที่เขาจะถลันเขาไปจับแขนเล็กเรียวข้างนั้นของนักแสดงสาวที่เข้าฉากร่วมกันขึ้นมาดู แล้วทำหน้าตาไม่จืดทีเดียว เพราะแผลนั่นน่ากลัวและเรียกเลือด
“รีบไปทำแผลเถอะ” บอกอย่างหวังดี
ดวงตาคมคายสวยตวัดมาค้อนเขา ตัวต้นเหตุที่ทำให้หล่อนต้องพลอยเจ็บตัวไปด้วย
“เฮ้ๆ วิลกับไคลี่เป็นยังไงบ้าง?” เสียงของโจแอลผู้กำกับที่อยู่ไกลออกไปตะโกนถามมาผ่านวิทยุในมือของทีมงาน
“เบื้องต้นดูไม่น่าเป็นอะไรมาก แต่ไคลี่มีแผลเลือดออก กำลังจะพาไปที่รถพยาบาล” ตอบกลับไป
“พวกคุณวิ่งผิดทางนะ ซ้อมบล็อกกิ้งไปแล้วไม่ใช่หรือ?” แซ็คหัวหน้าทีมเอฟเฟ็กต์ถาม
“ใช่...ฉันจำผิดเอง ขอโทษด้วย รีบพาเธอไปทำแผลก่อนเถอะ” ว่าแล้วร่างใหญ่ก็เข้าประคองนักแสดงสาวออกไปจากฉาก ที่ทีมงานกำลังเข้าตรวจเช็กและช่วยกันเคลียร์วัตถุอันตรายที่ยังหลงเหลือในพื้นที่
“นี่คุณจำบล็อกกิ้งไม่ได้หรือไงว่าเอฟเฟ็กต์มันอยู่ตรงไหนบ้าง?” ใบหน้าสงสัยเงยมาถามเมื่อเดินมาถึงรถพยาบาล ที่เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาอุปกรณ์สำหรับทำแผลในกระเป๋า
“ขอโทษ พอดีผมเบลอไปหน่อย”
“บ้าไปแล้ว นั่นมันเอฟเฟ็กต์นะวิล รู้หรือเปล่าว่าถ้าฉันไม่รีบตามไปตะครุบคุณไว้จะเป็นยังไง?” เจ้าหล่อนต่อว่าอย่างโกรธๆ
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณเจ็บตัว”
“เรื่องเจ็บตัวน่ะเล็กน้อยมาก แต่เราถ่ายไปตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ขืนพระเอกมาเป็นอะไรตอนนี้ ทุกคนไม่ต้องเริ่มงานใหม่กันหมดหรือไง คุณน่ะ หัดมีสมาธิเสียบ้าง ไม่ใช่เอาเวลาไปหมกมุ่นอยู่กับนมหรือตูดแม่ช่างแต่งหน้าทรงสะบึมนั่น” ประโยคหลังกระซิบเบาลงให้ได้ยินกันแค่สองคน แต่หน้าตาคนพูดตำหนิชัด
วิลเลี่ยมหน้าเหวอไป ก่อนจะปล่อยหัวเราะก๊ากออกมาเสียงดังด้วยความขบขัน
“ไม่ยักรู้ว่าคุณสนใจด้วยว่าผมมัวแต่ดูหรือเห็นอะไรบ้าง?”
ไคลี่เบ้ปากชักสีหน้า ที่เขายังเห็นว่าเป็นเรื่องตลก เจ้าที่พยาบาลที่เข้าไปค้นอุปกรณ์ได้สิ่งของที่ต้องการกลับมาทำแผลให้เธอ แต่หลังจากตรวจดูบาดแผลแล้ว หล่อนก็แนะนำว่า
“ฉันว่าคุณน่าจะไปโรงพยาบาลดีกว่า...แผลค่อนข้างลึกทีเดียว บางทีอาจจะต้องเย็บ และก็ไม่รู้ว่ามีอะไรสกปรกติดอยู่ในแผลหรือเปล่า คุณควรจะได้รับการทำแผลแบบปลอดเชื้อนะไคลี่ แต่ฉันไม่มีเครื่องมือครบขนาดนั้นหรอก”
“แล้วมันจะเป็นแผลเป็นไหมแซนดร้า” เจ้าหล่อนถามเรื่องที่กังวล
“อื้ม! ก็คงเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าดูแลดีๆ แผลนี่คงจะจางมากทีเดียว อาจจะสังเกตไม่เห็นด้วยซ้ำไป”
คนสวยกัดฟันกรอด จ้องหน้าเขาเขม็งที่เป็นต้นเหตุให้เธอได้แผล...ที่อาจจะเป็นแผลเป็น ซึ่งเป็นเรื่องซีเรียสมากทีเดียวสำหรับสาวๆ โดยเฉพาะถ้าเมื่อหญิงสาวคนนั้น ยึดอาชีพนักแสดงที่ต้องอาศัยเนื้อหนังมังสาสวยๆ
“เป็นยังไงบ้างไคลี่” โจแอลผู้กำกับเดินมาถึง พอเห็นสภาพของดารานำทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงฝุ่นเกรอะเลอะเทอะเสียทั้งคู่ สภาพดูดีกว่าที่มองเห็นจากมอนิเตอร์ไกลๆ ทำเอาใจหายใจคว่ำ แต่ไคลี่ยังมีแผลที่ค่อนข้างฉกรรจ์ทีเดียว
“แซนดร้าบอกต้องส่งฉันไปทำแผลที่โรงพยาบาล”
“ควรที่สุดค่ะ เพราะเราไม่ได้เตรียมอุปกรณ์มาพร้อมขนาดนั้น รีบไปเถอะ โรงพยาบาลใกล้ที่สุดก็ห่างไปแค่ห้าไมล์เอง” เจ้าหน้าที่ฝ่ายพยาบาลประจำกองถ่ายบอก
โจแอลผงกหน้าทันที เจ้าหน้าที่พยาบาลและคนขับจึงกระโดดขึ้นประจำรถ ก่อนจะเปิดไซเรนขอทาง แล่นออกไปจากโลเคชั่นเมืองร้างกลางทะเลทรายนี่ไปทันที
“นายรู้ตัวหรือเปล่าว่าพลาดคิวเอฟเฟ็กต์” โจแอลหันมาใส่นักแสดงดังที่ไม่น่าทำพลาด
“รู้...ฉันขอโทษที่ทำฉากนายพัง และก็ทำให้เธอเจ็บตัวด้วย”
“ให้ตายเถอะ นักแสดงระดับนาย ไม่น่าจะพลาดง่ายๆ แบบนี้ นี่ถ้าเกิดระเบิดเอฟเฟ็กต์ทำหน้าพระเอกแหกไป การถ่ายทำที่เหลืออีกเกือบครึ่งเรื่องจะเป็นยังไง?” โจแอลว่าหน้าเครียด
“ขอโทษจริงๆ ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันรับผิดชอบค่าฉากนี้ให้เอง” รีบพูดขึ้นมา ยอมรับว่ามันเป็นความผิดพลาดของเขา แต่ไม่ใช่เพราะเอาแต่มองนม มองก้นของเมกอัพสาวหุ่นนางแบบเพลย์บอยของกองถ่ายหรอกนะ
เรื่องกวนใจคือข่าวของใครบางคนที่พาดพิงถึงเขานั่นต่างหากเล่า ทำเอาไม่มีสมาธินัก
“ได้เลยพวก...ฉันไม่ปฏิเสธ เฮ้! วันนี้ยกกอง เลิกถ่ายทำ” โจแอลประกาศผ่านวิทยุในมือ ทีมงานที่เหลือจึงลงไปทำหน้าที่จัดการกับฉากที่เพิ่งเสียหายไปอย่างเร่งด่วน
แดนนี่วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น แต่ไม่ทันได้พูดเพราะผู้กำกับเล่นใส่พระเอกเป็นชุด แถมยังเถียงไม่ออกด้วย
“ฉันได้ยินว่า นายจะรับผิดชอบค่าฉากราคาแสนเหรียญนี่” ผู้จัดการส่วนตัวถามหน้าเครียด
ใบหน้าคร้ามเลอะเทอะไปด้วยฝุ่นควัน ปัดเนื้อปัดตัว พร้อมกับผงกหน้า ก่อนจะหันไปหรี่ตามองทีมงานที่กำลังช่วยกันเก็บกวาดจัดการความเสียหายที่เกิดขึ้น และสร้างฉากใหม่ขึ้นมาอีกครั้งให้เหมือนเดิม
“นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ วิล ฉากราคากว่าแสนเหรียญนี่นะ”
“โจแอลคงไม่ให้รื้อทำใหม่หมดหรอก มันเสียหายแค่บางส่วนเอง และอีกอย่างฉันเป็นคนผิดคิว ฉันต้องรับผิดชอบ”
แดนนี่กวาดสายตามองร่างสูงใหญ่หนาบึกบึนของคนตรงหน้า สำรวจด้วยสายตาอีกครั้ง
“นายโอเคหรือเปล่า?”
“ฉันโอเค ไม่เป็นไร แต่ไคลี่สิ” สีหน้าเป็นกังวลเมื่อเอ่ยถึงหญิงสาว
“ทำไม? ฉันเห็นรถพยาบาลออกไป”
“เธอเป็นคนเตือนฉันเรื่องเอฟเฟ็กต์ และเธอก็ช่วยชีวิตฉันไว้ด้วย” สีหน้าเคร่งเครียด เมื่อคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ทำให้หญิงสาวได้รับบาดเจ็บไปด้วย
“อันที่จริง นายก็น่าจะไปโรงพยาบาลเสียด้วยกัน ไปตรวจเช็กเสียหน่อย เสียงระเบิดตูมดังขนาดนั้น ทำเอาฉันใจหายทีเดียว” แดนนี่ว่า สายตามองคนที่เขาดูแลมาหลายปีด้วยความเป็นห่วง
“ฉันบอกแล้วว่าไม่เป็นไร”
“ปกตินายเป็นคนมีสมาธิ จำบล็อกกิ้งได้ไม่เคยพลาด เกิดอะไรขึ้น เรื่องที่แอนนิต้าให้สัมภาษณ์นั่นหรือเปล่า?”
วิลเลี่ยมกำมือแน่น กัดฟันจนขึ้นสันนูน ยอมรับว่าเรื่องที่หญิงสาวเพิ่งป่าวประกาศผ่านรายการโทรทัศน์เมื่อเช้านี้มันทำให้เขาหัวเสีย
“ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดอย่างนั้นออกไปได้ยังไง? ฉันไม่ได้เป็นไบเซ็กช่วล ฉันชอบผู้หญิง และฉันไม่ได้พยายามจะตื๊อกลับไปคืนดีกับเธอ ทำไมเธอถึงได้โกหกเรื่องพวกนั้นออกมาได้คล่องปากอย่างนั้นนะ”
“หล่อนก็คงแก้แค้นที่นายไม่สนใจ เลยตั้งใจจะทำลายชื่อเสียงนายไงล่ะ ถ้านายไม่พอใจก็ฟ้องกลับไปเลย ทั้งหล่อน ทั้งรายการโทรทัศน์นั่น ที่เผยแพร่ข้อมูลผิดๆ ทำให้นายเสียชื่อเสียง”
“นายก็รู้ว่าฉันไม่อยากยุ่งกับหล่อนอีกแล้ว ไม่อยากแม้แต่จะเอ่ยชื่อถึงเลยด้วยซ้ำ” ไม่คิดว่าอดีตรักหกปี จะไม่ยอมรามือง่ายๆ แถมยังสร้างปัญหามากมายให้เขาอีกด้วย
“โอเค งั้นก็ไม่ต้องไปพูดถึง ไม่ต้องไปสนใจ หรือต่อความยาวสาวความยืด ในเมื่อนายไม่ได้ให้น้ำหนักคำพูดของเธอ สุดท้ายข่าวลือก็คือข่าวลือวันยังค่ำ แต่ไหนๆ โจแอลก็ยกเลิกการถ่ายทำทั้งหมดแล้วนี่ นายน่าจะไปโรงพยาบาลเสียหน่อย ถ้าไม่อยากตรวจเช็กร่างกายให้แน่ใจ อย่างน้อยก็ไปดูอาการของไคลี่”
ใครอยากอ่านเต็มเรื่อง พร้อมให้โหลดจ้า ^^
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
