ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ♦ ♦ CiTy StaR § ♦ ♦

    ลำดับตอนที่ #17 : [AU KHR | Reborn] Crime Scene [เวโรนิก้า คิมเบอร์]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 376
      0
      18 พ.ค. 62

    {♦ ♦ CiTy StaR § ♦ ♦ }
     
     




    สเก็ดดาราดวงที่สิบสอง

    สตรีโฉมงามเจ้าของรอยยิ้มอันงดงาม เปล่งประกายด้วยความเป็นมิตร

    นางผู้สนุกสนาน หัวเราะสรวลดั่งนกน้อย ไม่ว่าใครล้วนเป็นสุขเมื่อได้ใกล้ชิด

    ทว่าภายใต้รอยยิ้มนั้น กลับซ่อนอดีตที่เเสนเลวร้ายเเละความเจ็บปวดนับไม่ถ้วนเอาไว้


     


     


     

    {The Lady of Fun

    Veronica Kimber} 

     


     

     

    S E C R E T 


    ? ? ?



     

           






    I E S Girl


    Veronica Kimber

     



    APPLICATION



    "ฉันรู้..ว่าต่อให้พูดอีกกี่พันครั้ง มันก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย..
    แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งเดียวที่ฉันยังทำได้ในตอนนี้ ก็มีแค่พูดคำว่าขอโทษออกไปเท่านั้นไม่ใช่หรือไง..?


    PART 1


    ชื่อ-นามสกุล :: เวโรนิก้า คิมเบอร์ l Veronica Kimber


    ชื่อเล่น ::

    เวนิส l Venis [สำหรับเพื่อนสนิท]

    เวย์ l Vei [สำหรับครอบครัวเเละคนที่สนิทมากๆ ปัจจุบันมีเเค่อาเธอร์คนเดียวที่เรียกเธอแบบนั้น]


    ความหมาย :: เวโรนิก้า {รูปภาพ} l คิมเบอร์ {ผู้ทรงอำนาจ} ll เวโรนิก้า คิมเบอร์ {เปรียบเป็นดั่งรูปภาพของท่านผู้ทรงอำนาจ}

    *การตั้งชื่อว่าเวโรนิก้านั้น เป็นการตั้งโดยเปรียบเปรยตัวตนของเวโรนิก้ากับรูปภาพค่ะ ว่ามันจะเป็นตัวตนที่งดงามและสมบูรณ์แบบ นั่นเองค่ะ*


    สัญชาติ :: อเมริกัน


    อายุ :: 17 ปี



    PART 2


    รูปร่างลักษณะ :: เวโรนิก้า คิมเบอร์ เด็กสาววัยเเรกเเย้มผู้งดงามประหนึ่งตุ๊กตาเเสนสวยราคาเเพง ทั้งโครงหน้า รูปร่าง และองค์ประกอบใดๆ บนเรือนกายนี้ล้วนเเต่ช่างให้ความรู้สึกน่าถนุถนอมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรือนกายที่เล็กและบอบบาง ดูราวกับจะเเตกหักได้ง่ายๆ หากสัมผัสเเรงเกินไป สัดส่วนส่วนสูงที่ไม่มากเพียงแค่163ซม. กับน้ำหนัก45กก.เท่านั้นเอง ผิวขาวของเธอกลมกลืนไปกับเส้นผมสีขาวอมเทาตัดสั้นระต้นคอ นุ่มสลวยและเจือด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ผู้อยู่ใกล้รู้สึกสบายอกสบายใจยามได้กลิ่น โครงหน้าหวานน่ารักของเธอทำให้ทรงผมตัดสั้นนั้นไม่ได้น่าเกลียดแต่อย่างใด แต่กลับส่งกันให้ดูน่ามองมากยิ่งขึ้นไปอีก จมูกที่โด่งแต่พอเหมาะดูน่าหยิกเช่นเดียวกับพวงแก้มยุ้ย ริมฝีปากอวบอิ่ม ช่ำน้ำทว่ามีสีซีดอ่อนๆ ขนตายาวงอนสีเดียวเรือนผมเช่นเดียวกับคิ้วเรียวสวย ล้อมกรอบดวงตาอันกลมโตเเละมีเสน่ห์ สีเเดงดั่งทับทิมของนัยน์ตาเเสนงามเป็นเพียงสีสันหนึ่งเดียวเท่านั้นบนเรือนกายนี้ เพราะไม่ว่าจะส่วนไหน เวโรนิก้า คิมเบอร์ก็เปี่ยมด้วยสีขาวประหนึ่งความบริสุทธิ์งดงาม เป็นดั่งกรอบนอกที่โอบล้อมความจริงน่าอดสูในใจเธอไว้เช่นเดียวกับความดำมืดของมนุษย์อย่างไรเล่า..


    ลักษณะนิสัย ::

    เวโรนิก้า คิมเบอร์ หากกล่าวถึงเธอเเล้ว ใครๆ ล้วนแต่พากันประสานเสียงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า หล่อนคือเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ที่แสนจะเป็นกันเองและเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านเขานั่นไงล่ะ--ตัวเวโรนิก้าหากให้เอาไปเปรียบกับอะไรสักอย่าง คงหนีไม่พ้นเเสงตะวันในหน้าหนาว มีหน้าที่คอยมอบความอบอุ่นเเละขับไล่ความไม่สบายอกสบายใจและความเหนื่อยล้าไปจากใจของผู้อื่น ประหนึ่งเป็นแบตเตอรี่เคลื่อนที่ ที่สามารถเติมเต็มกำลังใจแก่คนรอบข้างได้เสมอเพียงแค่ยิ้มเเละเอ่ยกล่าวให้กำลังใจแก่เขาเพียงเท่านั้น เวโรนิก้านั้นแม้จะไม่ได้หัวเราะออกมาตลอดเวลา แต่เธอก็คลี่ยิ้มประดับใบหน้าเอาไว้แทบเสมอ เป็นผู้หญิงที่ยิ้มง่ายมาก ไม่ว่าเรื่องน้อยเรื่องใหญ่ เรื่องเศร้าหรือเรื่องสนุก เวโรนิก้าก็ชอบที่จะยิ้มไว้ก่อน ถือคติประจำใจกับตัวเองว่า อะไรเกิดฉันไม่รู้ แต่ยิ้มไว้ก่อนเเล้วกัน (?) นั่นเอง--ตัวเวโรนิก้าติดนิสัยที่จะชอบยิ้มไปก่อนทุกการกระทำและทุกคำพูดเสมอ เจอหน้าคนอื่นก็ยิ้ม สบตาก็ยิ้ม หรือโดนดุใส่เธอก็จะยิ้มแหยๆ ส่งไปให้ เวโรนิก้าเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าคนเราจะเครียดหรือดุดันขนาดไหน หากได้เห็นรอยยิ้มเป็นกันเองย่อมผ่อนคลายลงอย่างแน่นอน และตัวเธอเองก็ชอบรอยยิ้ม ดังนั้นจึงคิดว่าคนอื่นเองคงไม่ต่างกับตนเองนักหรอกอย่างไรล่ะ

    เวโรนิก้าเลือกจะยิ้มให้กับผู้อื่นเสมอ ผนวกกับรอยยิ้มนั้นช่างจริงใจเเละสดใสเปล่งประกายเสียเหลือเกิน ผู้คนหมูมากจึงมักหลงรักไปกับรอยยิ้มน้อยๆ จิ้มลิ้มบนใบหน้าหวานพริ้มนี้จนหมดหัวใจ ไม่ว่าใครก็อยากเห็นเวโรนิก้ายิ้มทั้งนั้นทั้งนั่นเเหละ ด้วยนิสัยน่ารักและรอยยิ้มน่ามอง เป็นไปไม่ได้เลยที่คนหมู่มากจะไม่หลงรักเธอ เวโรนิก้าเป็นที่รักใคร่ของใครต่อหลายคน พวกเขามักเอ็นดูในภาพลักษณ์น่ารัก และชื่นชมไปกับนิสัยเเละรอยยิ้มของเธอเสมอ เวโรนิก้าเป็นคนที่เป็นมิตรต่อผู้คนอย่างมาก เธอมีบรรยากาศรอบตัวชวนให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ ด้วยกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ กับท่าทีเป็นกันเองเข้าถึงง่ายไม่หยาบกระด้างหรือเเข็งเกร็งเกินเหตุ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้อ่อนหวานหรืองดงามมากเกินไปจนรู้สึกว่าไม่ควระเเตะต้อง สรุปแล้วโดยรวมก็เป็นคนน่าเข้าหา เเละมีเสน่ห์ดึงดูดมากๆ คนหนึ่งนั่นเเหละ

    เวโรนิก้าเป็นผู้หญิงที่ไหลลื่นไปสิ่งรอบได้อย่างง่ายดาย สังคมใหม่ๆ คือสิ่งที่เธอชอบ ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะกังวลใจเมื่อยามได้พบเจอ เธอปรับตัวเก่ง ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ได้ดี ที่ไหนก็อยู่ได้ ดูเเล้วออกจะสบายๆ โอเคไปหมดก็ว่าได้ แต่หากว่าเป็นสังคมที่ตึงเครียดเเละเข้มครึมไปหมด เธอก็ไม่ค่อยอยากอยู่หรอกนะ..เวโรนิก้าเป็นคนรักความสดใสรื่นเริงมากกว่าความหม่นหมองเเละอมทุกข์ ด้วยความเป็นคนขี้เล่น จึงไม่ได้มีความจริงจังซีเรียสต่อชีวิตทุกระเบียบนิ้วในตัวมากอะไรนัก ส่งผลให้นอกจากตัวเธอ คนที่มาอยู่รอบๆ ก็พากันไม่รู้สึกเครียดตามกันไป ก่อเกิดเป็นกลุ่มความขบขันฮาๆ โดยมีเวโรนิก้าเป็นตัวตั้งตัวตี สาวเจ้าน่ะมีความขบขันเเละเฮฮาในกระเเสเลือดสูง บทสนทนาส่วนมากก็มักผ่อนคลายหัวเสมอ เวโรนิก้าไม่ชอบคุยเรื่องงานนอกเวลางาน หรือเอาเรื่องเครียดและหนักมาคุยกับชาวบ้านเขาหากไม่จำเป็น เวลาพักก็พักไปสิ จะมาทำตัวจริงจังให้ปวดกระโหลกทำมะดอยอะไรอีกล่ะ หนำซ้ำเจ้าตัวยังชอบแทรกมุขเล็กๆ น้อยๆ ลงไปในประโยคคำพูด และพูดหยอกเล่นบ้างเป็นประจำอีกด้วย แต่ข้อเสียคือมุขเธอมันไม่ค่อยจะฮา (เอาจริงๆ คือโคตรแป้ก--) วงสนทนามันเลยใบ้กริบยกวงเพราะไม่รู้จะต่อกันยังไงดี ได้แต่มองหน้ากันตาปริบๆ ซ้ายทีขวา หรือจ้องเวโรนิก้าด้วยสายตาว่างเปล่ากันเท่านั้นเเล แน่นอนว่าเธออายม้วนต้วนไปตามระเบียบ..แต่เวโรนิก้านั้นหนา มีบรรพบุรุษเป็นปลาไหล (?) ดังนั้นอย่าได้กังวลเเละรอช้า แถเนียนเปลี่ยนเรื่องให้ว่องเถอะ--

    เวโรนิก้าเป็นคนวาทศิลป์การพูดดีมากๆ เธอเป็นคนที่รู้จักใช้คำพูดคำจา เเละดูสถานการณ์เป็น รู้ว่าเวลาไหนควรพูดให้สบายหัวเวลาไหนควรพูดจริงจัง และรู้ว่าเรื่องไหนควรพูดกับใครไม่ควรพูดกับใคร เวโรนิก้าเก่งในด้านของการชักจูงคนหรือโน้มน้าวใจ เธอมีคำพูดมากมายล้านแปดอัดอยู่ในหัว ให้เอามาใช้ล่อลว--เเค่ก หมายถึงชักจูงให้อีกฝ่ายคล้อยตามเธอเต็มไปหมด เวโรนิก้าเป็นคนมีความรู้มาก เลยพอจะรู้ว่าควรเอาผลประโยชน์หรือเรื่องใดๆ มาอ้างเพื่อโน้มใจคน ดังนั้นเธอจึงเป็นฝ่ายเจราที่ดีมากคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นสายปลุกกำลังใจได้ฮึกเหิมเป็นที่สุด ถ้ามันไม่ไหวจะทนกันเเล้วจริงๆ ล่ะก็ ขอแค่ได้ฟังเวโรนิก้าปลุกกำลังใจและเรียกไฟให้ติด (?) กันพร้อมยิ้มหวานๆ สักหน่อย พวกเขาก็พร้อมจะสู้ตายกันต่อเเล้ว อย่างที่ว่า รอยยิ้มของคนน่ารักน่ะ เป็นตัวฮีลชั้นดีนะจะบอกให้! (..)

    คำพูดส่วนมากของเวโรนิก้านั้นจะเป็นภาษาพูด แต่ไม่ได้หยาบคายหรือเป็นทางการมากเกินไป เลยทำให้คู่สนทนาไม่ได้เกร็งและอึดอัดเวลาคุยกับเธอนัก เธอไม่เคยเบื่อที่จะสนทนากับผู้อื่น และไม่เคยปฏิเสธที่จะพูดคุยกับใครเลย แม้เวลายุ่งก็จะตอบบ้างสักสองสามประโยคพอเป็นมารยาทกำลังดี คำว่าต่อบทสนทนาไม่ได้ ไม่เคยมีอยู่ในพจนานุกรมของเวโรนิก้า เริ่มต้นสนทนากับเธอเเล้วมันก็มักจะยืดยาวออกไปเรื่อยๆ เสมอเป็นชั่วโมงอย่างต่ำทั้งนั้นนั่นเเหละ เพราะพอพูดเรื่องนี้จบ เวโรนิก้าก็จะหาเรื่องใหม่มาพูดต่อได้อย่างรวดเร็วไม่มีสะดุดติดขัด เพราะเป็นคนช่างสังเกตเเละรอบรู้ ถึงได้รู้ว่าใครชอบเรื่องอะไรและไม่ชอบเรื่องอะไร แม่คุณเองก็ไม่มีความสนใจอะไรเป็นพิเศษ ศึกษาหาดูไปเรื่อย มันเลยคุยจ้อยาวมันได้ทุกเรื่องตั้งเเต่ร้านขนมหวานยันเรื่องราคาทองเลยนี่แหละ!--

    เวโรนิก้ามีความขี้เกรงใจในตัวสูงระดับหนึ่ง เวลาใครคุยอะไรมาเธอเลยตอบกลับเสมอ โดยไม่ปล่อยให้เขาคอยเก้อ ถ้าเว้นเวลานานเกินไปก่อนตอบ เวโรนิก้าจะคิดว่ามันเป็นการเสียมารยาทเสมอเลยล่ะ เธอไม่คิดว่าการตอบเร็วมันจะทำให้เสียฟอร์มหรอกนะ ความรู้สึกอีกฝ่ายที่รอข้อความน่ะน่าสนใจกว่าฟอร์มพวกนั้นเป็นไหนๆ ทั้งเจ้าตัวยังไม่ค่อยกล้าปิดบทสนทนาเองอีกต่างหาก เวลาจะมีงานเข้าเเล้วต้องเอ่ยลา ก็ต้องอ้อมสักสามโลกกับชักแม่น้ำทั้งเครือก่อนอีกต่างหาก กว่าจะจบประเด็นเอาได้ เล่นเอาอีกฝ่ายที่คุยด้วยต้องสังเกตเองเเล้วเป็นฝ่ายปิดบทสนทนาไปเองเลยทีเดียว ถึงจะทำให้เวโรนิก้าโล่งอกโล่งใจได้น่ะ.

    ทั้งนี้ทั้งนั้น เวโรนิก้าออกจะดูเป็นสาวใสๆ แต่ความจริงรู้จักโลกดีกว่าที่เห็นเอาเรื่องเลยนะเออ เห็นอายุเเค่17 แต่ความรู้เธอมันไปไกลลิบยันยี่สิบกว่าได้เเล้วมั้ง--เรื่องของผู้ใหญ่ๆ นี่ใช่ว่าเธอจะใสซื่อไม่รู้อะไรกับเขาด้วยหรอกนะ ตรงกันข้าม รู้ดีไปหลายเรื่องเสียชวนให้เงิบเลยล่ะ แค่ว่าเจ้าตัวไม่ค่อยจะหยิบเอามาพูดนัก และเวลาชาวบ้านเขาเรื่องเเบบนี้ก็ไม่ค่อยร่วมเเจม เลยโดนมองเป็นสาวใสเท่านั้นเอง! แต่เรื่องจริงคือเจ้าตัวมีภูมิต้านทานในเรื่องของผู้ใหญ่ ทั้งโมเมนต์เลือดสาวและวาบหวิว (?) สูงลิบทั้งนั้นเเหละ! อย่างเลือดสาด..อืม จะว่าไงดีล่ะ พอดีรูมเมทชอบดูเเล้วบังคบให้ดูด้วยบ่อยๆ เลยชินตา บวกกับงานบางทีก็มีภาพพวกนี้โผล่มาให้เห็น เลยเฉยๆ ไปแล้วน่ะนะ..ส่วนเรื่องโมเมนต์วาบหวิว..ว่าไงดีล่ะ ไม่ใช่ว่าเธอจะมาเยอะหรอก แค่ว่าเวโรนิก้าคุ้นเคยกับพวกผู้ชายอยู่เเล้ว และเพื่อนผู้ชายพวกนี้ ก็ชอบพูดอะไรรู้สึกเขินม้วนต้วน (ไม่ใช่มุขจีบนะ--) กันอยู่บ่อยๆ มันเลยชินๆ และได้รับภูมิคุ้มกันมาตามระเบียบเเล้วน่ะสิ เห็นเป็นสาวเขินยากแบบนี้ไม่ใช่ความรู้สึกทางเพศต่ำหรอกนะ

    เธอเข้ากันได้ดีกับผู้คนทั้งหลายเเหล่ ทุกเพศ และทุกวัย ไม่ว่าใครหากไม่ได้กีดกันเธออย่างชัดเจน เวโรนิก้าก็สามารถสนิทกับพวกเขาด้วยได้ทั้งนั้น แน่นอนว่าหนุ่มๆ พวกนั้นก็เช่นกัน เเละการได้มีเพื่อนต่างเพศเยอะในระดับหนึ่ง มันก็ทำให้เวโรนิก้าชักมองว่าการใกล้ชิดของชายหญิงไปในทางมิตรภาพมากขึ้นไปทุกที จนถึงวันนี้พอมีคนมาหยอกล้อแซว เวโรนิก้าก็จะไม่เข้าใจเท่าไหร่นักว่าทำไมถึงเเซว สายตาพวกเขาอาจมองเธอกับเพื่อนเป็นคู่รัก แต่สำหรับเวโรนิก้าเเล้ว ตัวเธอคิดว่ามันก็แค่มิตรภาพระหว่างเพื่อน ไม่ก็ความเคารพนับถือของพี่น้องเท่านั้นเอง ไม่เห็นจะมีอะไรมากกว่านี้สักหน่อย สายสัมพันธ์ของเวโรนิก้านั้นเป็นอะไรที่มักถูกกำหนดไว้เเต่เเรก หากนับใครเป็นเพื่อน เธอก็จะมองเป็นเพื่อนไปเรื่อยโดยไม่คิดจะมองมากกว่านั้น พี่น้องก็เป็นได้แค่พี่น้อง ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยจริง ๆ..ดังนั้นเเล้วหนุ่มๆ ทั้งหลายที่คิดใช้วิธีตีซี้เเบบเพื่อนก่อน ก็เป็นได้แค่เฟรนด์โซนนัมเบอร์xเท่านั้นล่ะนะ! (แค่ก--) หากอยากจีบเวโรนิก้าจริงๆ คุณต้องรุกนะรู้ไหม? ไม่งั้นเจ้าตัวเขาก็จะมองคุณเป็นแค่เพื่อนเท่านั้นเเหละ!

    เวโรนิก้าเป็นผู้หญิงที่ใจอ่อนง่ายมาก เธอไม่เคยจะต้านทานความน่าสงสารเห็นใจของผู้คนได้เลยเเม้แต่ครั้งเดียว ใครมาขอร้องอ้อนวอนทีไร เวโรนิก้ามักเผลอใจไปช่วยทุกทีเเม้ตัวจะไม่ว่างก็เถอะ แรกๆ เธออาจทำเป็นเข้ม ไม่สนไม่ฟัง แต่สักพักพออีกฝ่ายทำหน้าเศร้าน้ำตาหยดเเหมะเข้าหน่อย ใจกลับอ่อนยวบยาบยอมตกปากรับคำแทบไม่ทัน ปิดท้ายด้วยอีกว่า ครั้งสุดท้ายเเล้วนะ แต่สรุปแล้วครั้งต่อไปก็มีมาอยู่ดีนั่นเเหละ เธอเป็นคนใจอ่อนไหวในระดับหนึ่งเลยล่ะ มักจะทนกับเรื่องเศร้าๆ หรือสภาพน่าสงสารของคนอื่นไม่ค่อยได้ เพราะรู้ดีว่าความเจ็บปวดมันทำร้ายใจคนมากขนาดไหน ถึงไม่อยากให้พวกเขาเจ็บปวดเช่นนั้น เพราะเเบบนั้นเลยหลวมตัวไปช่วยเสียทุกครั้งที่ถูกร้องขอ เธอปฏิเสธพวกเขาไม่เคยได้ และยิ่งถูกขอร้องยิ่งไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี และเพราะเเบบนี้เเหละ เรื่องวุ่นวายมันถึงได้วิ่งเข้าหาเธอเสมอไงเล่า

    ตัวเธอนั้นเหมือนกับเเม่เหล็กดึงดูดโชคร้าย ความซวยมันมาพร้อมกับการตกปากรับคำของเธอเสมอ ไม่รู้พระเจ้าใจร้ายหรืออะไร ทุกครั้งที่ช่วยเหลือผู้อื่น เรื่องซวยๆ ทั้งร้ายถึงวิ่งใส่เธอปานกรรมติดจรวด ทั้งที่เธอสร้างบุญแท้ ๆ--แต่เคราะห์ยังดีที่เธอเอาตัวรอดเก่ง ทุกวันนี้เลยยังครบสามสิบสองประการได้อย่างน่าชื่นชมแบบนี้ล่ะ และถึงจะโดนซวยวิ่งใส่ แต่เวโรนิก้าไม่เคยบ่นอะไรพวกเขา ทั้งยังไม่คิดจะโทษใครนอกจากตนเองด้วย เธอโกรธใครไม่ค่อยเป็นหรอกนะ ต้องทำตัวเเบบเเย่มากจริงๆ นั่นเเหละถึงจะโกรธลง แต่โกรธเดี๋ยวเดียวกลับหายเเล้วนี่สิ..เวโรนิก้าเป็นผู้หญิงที่ให้อภัยผู้อื่นเสมอ แต่ไม่เคยที่จะให้อภัยตนเองเลย ความผิดผู้อื่นนั้นช่างเล็กจ้อย ไฉนกับความผิดตนเเล้วมันถึงมากมายนักล่ะ?..ทำพลาดเเค่เพียงน้อย มันกลับทำให้เธอกระวนกระวายจะเป็นตายได้เเล้วด้วยซ้ำ เวโรนิก้าไม่ชอบเลยหากต้องเป็นตัวถ่วงเเข้งขาของใครเขา เธอไม่อยากให้คนอื่นต้องมากังวลกับเธอ ไม่อยากจะให้ทุกอย่างมันพังหรือล้มระเนระนาดแค่ว่าเธอทำพลาด เวโรนิก้ากลัวว่าจะผิดพลาด..เพราะงั้นถึงได้พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเสมอมาไงล่ะ

    ไม่ต้องการสายตาห่วงใยจากผู้อื่น เพราะมักคิดว่ามันเเฝงด้วยความเวทนา จึงไม่อยากจะผิดพลาด เวโรนิก้าเป็นคนที่ยึดติดและปล่อยวางกับความผิดพลาดของตนเองได้ยาก ทั้งยังชอบโทษตนเองไปเรื่อย เด็กสาวมักเก็บเอามันไปคิดเสมอจนเป็นความเครียดสะสม ถึงเเบบนั้นกลับไม่คิดจะระบายให้ใครเขาฟัง ทั้งน้ำตาและคำบ่น เธอเก็บมันไว้กับตัวเองตลอด น้อยคนนักจะได้เห็นน้ำตาของเธอ เวโรนิก้ามักหนีไปอยู่คนเดียวเสมอเวลาเกิดช้ำใจหรืออยากจะร้องไห้ ไม่อยากให้ใครเห็นตนในสภาพน่าสมเพชหรอกนะ..จะมีก็แค่คนที่สนิทกันมากเท่านั้นล่ะ เธอถึงจะเปิดใจเผยความเปราะบางของเธอออกไปได้..

    สิ่งที่ผู้คนได้เห็นจากตัวเธอมีเพียงความสดใสเเละร่าเริง และเพราะพวกเขามองว่าเธอเป็นคนง่ายๆ สบายๆ อะไรก็ได้ ถึงได้ไม่ค่อยมีคนเกรงใจเวโรนิก้านัก สายตาพวกเขามองว่าเธอนั้นไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็โอเคไปซะหมด ใครทำผิดอะไรก็ให้อภัยประจำ เพราะเเบบนี้ไงเล่า คนพวกนั้นถึงชินชาและมองข้ามความรู้สึกของเธอไปเช่นนี้..แต่ความจริง เวโรนิก้าไม่ใช่คนแบบนั้น เเต่เธอแค่หวาดระเเวงและกลัวว่าความเห็นของตนจะขัดเเย้งกับผู้อื่น ก็แค่นั้นเอง..เวโรนิก้าหวาดกลัวต่อสายตาผิดหวังของผู้อื่น ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร มันทำให้เธอคิดมากเสมอเวลาจะลงมือทำอะไรสักอย่าง ยิ่งตัวเธอนั้นเป็นพวกไม่มีเป้าหมายในชีวิตเเล้วยิ่งไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี คิดมากคิดเยอะจนน่าปวดหัวไปหมด ถ้าเป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน ก็มักจะตัดสินใจไหลไปตามเพื่อนเเละกลุ่มคน ไม่ค่อยจะตัดสินใจอะไรด้วยตนเองจริงๆ เท่าไหร่นัก แต่เอาจริงนะ ไม่ค่อยมีคนรู้หรอกว่าเธอกังวลบ่อยขนาดไหนกับการเลือกอะไรสักอย่างน่ะ แน่ล่ะ มันถูกรอยยิ้มของเธอปิดจนหมดเเล้วนี่

    การเเสร้งทำตัวเป็นผู้ตามที่ดีคืองานถนัดของเธอ คนส่วนมากอยากได้แบบนั้นเธอก็เอาแบบนั้นเเหละ เวโรนิก้าไม่เคยจะรู้สึกอยากทำอะไรเป็นพิเศษ หรือมีสิ่งใดที่หลงใหลอย่างใครเขา อนาคตของเธอมันว่างเปล่า ทำได้แค่เดินตามคนอื่นไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าตนเองเหมาะกับอะไรหรือควรทำอะไรกันเเน่ หนำซ้ำยังไม่อยากจะเเปลกแยก พอพวกเขาหันซ้ายเธอเลยหันซ้าย พวกเขายิ้มเธอก็ยิ้ม ไม่ว่าพวกเขาต้องการอะไร เธอก็จะทำตามแบบนั้นเสมอ ถ้าถามว่าเวโรนิก้าเคยรู้สึกทุกข์กับทางเลือกพวกนั้นไหม?..บอกเลยว่าบ่อย..แต่ว่า ทำไงได้ล่ะ ความกลัวของเธอมันมากมายกว่าความทุกข์เหล่านั้นเยอะเลยนี่นา การดูเเปลกเเยกหรือถูกมองอย่างผิดหวังน่ะ คือสิ่งที่เธอไม่อยากได้รับมากที่สุดเลยล่ะ รู้ไหม?

    เวโรนิก้าเป็นผู้หญิงที่มักโกหกอยู่เสมอ..โกหกหัวใจของตนเอง เวโรนิก้าคือมนุษย์ ย่อมมีความรู้สึกชอบเเละอยากทำเป็นของตัวเอง แค่ว่าเธอเลือกจะเป็นแบบที่คนอื่นต้องการมากกว่าจะเป็นแบบที่ตนเองต้องการเสียมากกว่า หากว่าไม่ชอบก็ยังทำตัวเหมือนว่าชอบ โกหกหัวใจตนเองเรื่อยมา เเม้จะเกลียดชังคำโกหก เเต่กลับน้อมรับมันมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพียงเพื่อให้คนอื่นสบายใจเท่านั้นเอง..

    เวโรนิก้าไม่ชอบการเดิมพันเท่าไหร่นัก..มันมักทำให้เกิดความเสี่ยงต่ออันตรายได้นะ ถ้าสมมติว่าเราเดิมพันไปแล้วมันเกิดเรื่องร้ายเเรงขึ้นมาล่ะ? ก็ไม่ดีใช่ไหมล่ะ อีกอย่าง เวโรนิก้าเองเป็นพวกดวงติดลบอยู่ด้วย..ดังนั้นเลยค่อนข้างจะเเบนในเรื่องของการเดิมพันเเละพนันอะไรแบบนี้มากในระดับหนึ่งเลยล่ะ..เวโรนิก้าเป็นสาวไหวพริบดี มีความรู้จักตัดสินใจและมีความรอบคอบมากในระดับหนึ่ง เธอไม่อยากให้เกิดผลกระทบแย่ๆ นัก จึงมักพยายามจะเลือกทางที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เสมอ เเน่นอนว่าด้วยไหวพริบระดับนี้ ย่อมไม่ยากนักในการทำให้สำเร็จ เวโรนิก้าเป็นคนที่รู้จักจะนำเอาสิ่งรอบตัวมาประยุกต์ใช้ หัวเธอแปลกใหม่ ไอเดียครีเอท เสียแต่ว่าคิดอยู่เดียวไม่ยอมบอกใครเขา เพราะกลัวชาวบ้านไม่เห็นด้วยนี่แหละ ต้องเป็นสถานการณ์บังคับใช้ หรือโดนขู่เข็ญ (?) นั่นเเหละ กว่าจะงัดออกมาได้แต่ละที..อนึ่ง เวโรนิก้าไม่ใช่เด็กสมาธิสั้น เธอมีสติดีนะ ความอดทนสูงด้วย เป็นพวกสายสงบนิ่งรู้จักวางแผนก่อนค่อยไปบวกกับเขา มีแบบแผนในการทำงาน และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่มากๆ รับงานมาเเล้วมักจะทำให้สำเร็จเสมอเลยล่ะ

    เวโรนิก้ามีความสุขกับการอยู่ท่ามกลางฝูงชน เธอขี้เหงา รู้สึกแย่เวลาอยู่คนเดียว มีความกะตือรือร้นที่จะหาเพื่อนคุยได้ทั้งวี่วัน เธอน่ะทนได้หลายเรื่องนะ แต่ให้ทนนั่งนิ่งเป็นป่าสากคนเดียวนี่ทนไม่ไหวหรอก อย่างน้อยขอเป็นผู้ฟังในวงสนทนาก็ยังดี! อนึ่ง เจ้าตัวชอบจะติดสมาทโฟนมากในระดับหนึ่ง ถ้าไม่นั่งคุยกับเพื่อนในแอพ ก็ชอบโทรศัพท์คุยกับชาวบ้าน หากหาเวโรนิก้าไม่เจออย่ากังวล โทรหาหรือเเชทเฟสถามก็ได้เเล้ว เจ้าตัวเอาโทรศัพท์ติดตัวเเล้วเปิดเสียงประจำนั่นเเหละ เเถมชอบสิงเฉพาะที่ที่มีสัญญาณไวไฟอีกต่างหาก--แต่ถ้าติดต่อไม่ได้สามารถอนุมานได้สองอย่าง หนึ่งคือเธอทำพัง สองคือเธอทำงานอยู่ เวโรนิก้าจริงจังกับงานมาก งานคืองาน เล่นคือเล่น เธอจะไม่เล่นตอนทำงานเด็ดขาด แต่เพราะจริงจังมากเนี่ยแหละถึงได้ชอบทำตัวฝืนบ่อยๆ ไม่ค่อยจะห่วงสุขภาพตัวเองเท่าไหร่นัก ชอบคิดว่าเเค่ไข้หวัดมันไม่ทำเธอตายหรอก เวลาป่วยเลยไม่ยอมพัก แต่ไปวิ่งเต้นปั่นงานซะเเทน..ต้องล้มพับไปเอง หรือโดนดุหนักๆ นั่นเเหละถึงจะสำนึกได้ แถมนิสัยนี้ยังแก้ไม่หายอีกต่างหาก..ลำบากเพื่อนเธอต้องแบกไปหาหมอประจำเลยสินะ เฮ้อ..---



    ชีวประวัติ ::

    เวโรนิก้า คิมเบอร์ เด็กสาวผู้เเสนเปล่งประกาย งดงาม และสดใส

    ไม่ว่าต่างก็รักใคร่ ด้วยรอยยิ้มเเละความเริงร่านั้น ช่างง่ายดายในการมัดใจผู้คน


    ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใดผู้คนล้วนแต่หลงใหลและมอบความรักแก่เธอ ด้วยรูปลักษณ์ดั่งตุ๊กตาตัวน้อยดูน่าสัมผัส และปกป้อง ชวนให้อยากโอบกอดไว้อย่างอ่อนโยน รอยยิ้มอันงดงามกับนิสัยที่แสนจะเป็นมิตร หรือจะเป็นความสามารถอันเป็นที่จับตามอง รัศมีเปล่งปลั่งดึงดูดให้ผู้คนเข้าหาตัวเธอ รอบกายนั้นไม่ว่าที่ใดล้วนแต่ปรากฏกลุ่มคนที่รัก และเคียงข้างเธอเสมอมา

    ดูราวกับดวงตะวันที่ไม่มีวันมอดเเสง ประหนึ่งชีวิตนี้ไม่เคยจะพบพานความทุกข์ตรม

    แต่ใครจะรู้เล่า ว่าแท้จริงเเล้ว..ภายใต้รอยยิ้มนั้น แอบแฝงด้วยความร้าวรานขนาดไหน


    มาสิ..หากอยากรู้ว่าใต้รอยยิ้มเปล่งประกายนั้น มันเป็นเช่นไร..ก็หุบปากให้สนิทเเล้วเงี่ยหูฟังให้ดีล่ะ




    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}ความหวังเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของเด็กสาวที่แสนน่าสงสาร{{
     
    เวโรนิก้า คิมเบอร์..ก็แค่เด็กสาวมัธยมธรรมดาที่มีความสุขกับชีวิตของเธอดี..
    .
    .
    .
    มันคือสิ่งที่เธออยากจะเป็น แต่น่าเสียดาย..ที่โชคชะตาไม่ได้กำหนดชีวิตของเธอไว้เช่นนั้น
    "อย่าทำตัวเป็นภาระพ่อแม่ สร้างชื่อเสียงให้คนพวกนั้นจดจำเราให้ได้ เข้าใจไหม?"
    เวโรนิก้าเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่ามันนานแค่ไหนที่ต้องทนฟังเเต่ถ้อยคำพรรค์นั้น..
    ชีวิตวัยเยาว์ของเธอค่อนข้างจะ..ไม่เป็นที่น่าพิสมัยนักในสายตาของเด็กสาวเอง บ้านของเธอนั้นค่อนข้างเเปลก มันมีเพียงเธอเเละมารดาเท่านั้น ส่วนบิดานั้นท่านแยกตัวออกไปอยู่บ้านอื่นแม้ไม่ได้หย่าร้างกับมารดา อ้างเหตุผลว่าต้องดูเเลกิจการอันน้อยนิดที่พอเหลืออยู่จนไม่มีเวลา ทิ้งให้มารดาได้แต่กร่นด่าสาปแช่งเขาอยู่ทุกค่ำคืนให้เด็กตัวเล็กๆ ฟัง เวโรนิก้าในตอนนั้นไม่ได้ทำอะไรเพียงแค่ซึมซับคำกล่าวของมารดาเข้าหัวไว้..รู้สึกได้ว่าตนไม่ชอบใจผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่เพราะคำสาปส่งที่ได้ยินจากปากมารดาทุกวัน แต่เป็นเพราะความเสียใจที่เขาทิ้งเธอไว้กับเเม่เพียงลำพังต่างหาก

    แม่..ที่แสนโหดร้ายเหลือเกินในสายตาของเธอ..
    เวโรนิก้าเกิดในตระกูลคิมเบอร์ ตระกูลภาพเขียนที่เลื่องชื่อและโด่งดังเมื่อห้าปีก่อน และกลายเป็นเพียงแค่ครอบครัวผู้ดีเก่าไป เมื่อต้นตระกูลสายหลักล้มละลายไปในวันที่เธอเกิดออกมาลืมตาดูโลกพอดี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ เเม่โทษว่าเป็นความผิดเธออย่างที่ไม่ควรจะเป็น หรือบางทีอาจเพราะนิสัยเอาแต่ใจและพาลไปเรื่อยของหล่อน..และอาจเพราะเหตุนี้ ทำให้พ่อหนีพวกเธอสองเเม่ลูกไปอยู่ที่อื่น แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเเล้วเป็นเธออยู่ดีที่ต้องรับผลรับของสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ ทั้งที่ไม่ได้รู้อะไรเลย..

    ไม่เข้าใจพระเจ้าเหมือนกัน ว่าท่านจงใจแกล้งหรืออะไรกันแน่

    แต่ถึงจะไม่เข้าใจ ถึงจะสับสน หรือแม้ว่าจะไม่ชอบใจเพียงใดก็ไม่มีสิทธิ์ให้พูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว เวโรนิก้าในวัยเยาว์ซึมซับที่จะเถิดทูนคำสั่งของมารดาไว้สูงสุดเสมอ..ไม่ว่าหล่อนจะพูดสิ่งใด เธอจะทำตามเสมอ เเม้ว่าจะไม่ชอบหรือไม่อยากทำก็ตาม..เส้นทางชีวิตของเวโรนิก้าถูกกำหนดไว้โดยแม่ของเธอเอง ท่านอยากให้เธอใส่ชุดตุ๊กตาสวยๆ แต่งตัวน่ารัก เวโรนิก้าก็ทำ ท่านอยากให้เธอร่ำเรียนอ่านเขียนหนักหนาเพียงใด เวโรนิก้าล้วนแต่ทำตามโดยไม่ปริปากบ่น มีเพียงแค่รอยยิ้มน่ารักที่มอบให้ ประหนึ่งว่าไม่ขัดเคืองใจใดๆ เเละพร้อมจะน้อมรับมันไว้ทุกอย่างเสมอ
    ใครจะรู้ ว่าเเท้จริงมันก็แค่หวาดกลัวจะถูกทำร้ายที่ขัดคำสั่ง จึงทำได้แค่ปิดปากเงียบไว้
    พระผู้เป็นเจ้าบอกเธอทีเถิด..มารดาที่ไหนกันทุบตีบุตรสาวเพียงเพราะทำไม่ได้ดั่งใจเขา?
    รอยเเผลที่ช้ำพราว หัวใจร้าวรานและเกิดตำหนิจากฝีมือผู้ให้กำเนิดบังเกิดเกล้า น้ำตาหยดแหมะหยดเเล้วหยดเล่าในห้องมืด แต่ไม่เคยเลยจะเเสดงความรู้สึกนี้หรือปฏิเสธออกไป
    ได้แค่ทำตามที่เขาต้องการ ยิ้มรับไปแม้ใจขมขื่น..นานวันเข้ายิ่งติดเป็นนิสัยใจคอ สิ่งที่คิดสิ่งที่ต้องการ..เธอลืมเลือนไปเสียหมด ตัวตนที่เป็นเวโรนิก้า คิมเบอร์จริงๆ เมื่อครั้งก่อนนั้นเลือนหายหมดสิ้น ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ที่เป็นอยู่คือสิ่งใดกันแน่..
    ยังคงเป็นมนุษย์คนหนึ่ง หรือแค่ตุ๊กตาที่ถูกมารดายัดความปรารถนาของตนลงไปในตัวเธอที่หล่อนไม่มีวันเป็นได้เท่านั้นกันแน่
    สุดท้ายเพียงได้เเค่ยิ้มดั่งเช่นเคย..ไม่เป็นไร ปลอบใจตนเช่นนั้น ก่อนจะเริ่มฉีกยิ้มเเล้วทำตามดั่งที่เขาต้องการ เคลื่อนไหวและปฏิบัติตนไปเฉกเช่นตุ๊กตาชักใย ด้วยความกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจน้อยๆ ไร้ซึ่งรักหรือเคารพใดๆ ทั้งสิ้น..
    ก็แค่ความกลัว..
    สายสัมพันธ์ครอบครัว ไม่เคยมีหรอกสิ่งพรรค์นั้น
    ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็แค่ตุ๊กตาที่ต้องทำตามอย่างที่มารดาต้องการไปตลอดเท่านั้นเอง

    วันหนึ่งหลับตาลงเเละเฝ้าฝัน ถึงเด็กน้อยที่กำลังหัวเราะกับชีวิตเเสนธรรมดาอันเรียบง่าย ตัวเธอในภาพฝันดูเปล่งประกายเเละงดงามจริง ๆ..ตัวเธอ ที่เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาหาได้ดาษดื่นทั่วไปนั่น

    ฝันดีนั้นชวนให้อยากร้องไห้ ปรารถนาอยากจะเป็นเช่นนั้น เเต่สุดท้ายเเล้วก็เป็นเพียงฝันที่ต้องตื่นมาพบความจริง
    เวโรนิก้า คิมเบอร์ ไม่ใช่แค่เด็กผู้หญิงธรรมดาและจะไม่มีวันเป็น..ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใดก็ตามที


    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}หากโลกนี้ไม่มีคุณ{{
     
    วัยเยาว์ผ่านไป กลางคืนหมุนเปลี่ยน กลางวันเเทนที่ ผ่านไปซ้ำๆ ซากๆ กับกิจวัตรประจำวันเดิมๆ กระทั่งถึงวันที่ตัวเธอก้าวย่างสู่วัยมัธยมต้น
    เวโรนิก้าในยามนี้คือเด็กสาวเต็มตัว เป็นครั้งแรกที่ได้เริ่มเผชิญกับโลกกว้างเเละได้ตัดสินใจด้วยตัวเองบ้าง

    อาจด้วยความเครียดรุมเร้าหรืออะไรก็ตาม มารดาที่คอยด่าทอสั่งสอนมาตลอดถึงล้มป่วยลงได้ มันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ตัวของเวโรนิก้าเริ่มเข้ามัธยมต้น คนคอยบ่นหายไป..เเวบแรกหัวใจเต้นโครมคราม เมื่อรู้ว่าเเม่จะไม่อยู่บ้าน จำได้ดีเลยล่ะว่าดีใจมากขนาดไหน
    ก่อนจะรู้ตัวว่าคิดเรื่องต่ำทรามเพียงใด ได้แต่โทษตัวเองในใจซ้ำซาก เเล้วเอ่ยขอโทษกับมารดายามเธอหลับใหลโดยไม่กล้าเอ่ยบอกความคิดของตนออกไปเลย
    ชีวิตของเวโรนิก้าพลิกผันอีกครั้ง มันเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่ได้เจอกับพ่อของตน
    เพราะมารดาล้มป่วยจึงไร้คนดูเเล บิดาที่เป็นผู้ปกครองเพียงหนึ่งซึ่งเหลืออยู่จึงกลับมาเยี่ยมบ้าน ทำความรู้จักอย่างเก้กัง เเละเอ่ยบอกว่าคือพ่อของเธอ และจะเป็นคนดูเเลเธอนับเเต่นี้เอง
    "จะคิดว่าฉันเป็นแค่คนดูเเลหนูก็ได้นะ ไม่ต้องนับว่าเป็นพ่อหรอก..ก็ดันหนีไปคนเดียวแบบนั้นนี่นา"
    นั่นเเหละ คือประโยคแรกที่ได้ยินจากผู้ชายคนนั้น
    แวบแรกนึกคิดในใจ..ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้แย่อะไรมากนี่นา? และยิ่งผ่านไปหนึ่งเดือน สองเดือน จนกระทั่งครบรอบปี สุดท้ายเเล้วรอยยิ้มจึงเริ่มเเย้มให้กับบิดา และเอ่ยเรียกขานเขาว่าคือพ่อของเธอ
    ทั้งที่เจอกันเเค่ปีเดียว แต่กลับรักเเละเคารพเหลือเกิน
    ผิดกับมารดาที่รู้จักกันมาเป็นสิบปีสิ้นดี
    พ่อของเวโรนิก้าเปรียบเสมือนน้ำเย็นชโลมใจเเห้งเเล้งของเด็กสาว ทำให้เธอยิ้มได้มากขึ้น สดใสมากขึ้น เเละเปล่งประกายมากขึ้น เขาเองก็รักเธอในแบบที่พ่อรักลูกมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นติดเด็กสาวเข้าให้ เมื่อมารดาหายดีเเละกลับมายังบ้าน ก็ได้บิดานี่แหละที่คอยเกื้อกล่อมให้เเม่ใจเย็นลงเสมอเวลาโกรธเธอ
    ครอบครัว..เหมือนเริ่มจะเป็นครอบครัวขึ้นมานิดหน่อย..

    ชีวิตของเวโรนิก้าดีขึ้นมาหลังจากมีบิดาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แต่ก็ยังปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าการพบเจอกับมารดาทุกวันเปรียบเสมือนความทุกข์ชิ้นโตในชีวิตของเวโรนิก้า แม้พักหลังจะดีขึ้นจากเดิมเยอะมากแค่ไหนก็ไม่อาจปิดรอยร้าวที่มีมาก่อนนับสิบปีนี้ได้เลย ช่องว่างระหว่างเวโรนิก้าเเละมารดาไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อย..มีเพียงแต่จะยิ่งกว้างขึ้น กว้างขึ้น เเละกว้างขึ้นเท่านั้นเอง
    ภายนอกเวโรนิก้าอาจเหมือนไม่เป็นอะไร ด้วยเพราะรอยยิ้มที่บรรจงปั้นเเต่งเพื่อหลอกลวงคนรอบตัว ว่าตนมีความสุขเเละโอเคดีกับชีวิตที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม อย่างไรความจริงก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี..ความจริงที่ว่า น้ำตาเกือบทั้งชีวิตของเธอ มันมาจากผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่คนนั้นนั่นเเหละ..
    ครั้งหนึ่งเวโรนิก้าเคยคิด..ว่าถ้าหากโลกนี้ไม่มีแม่ของเธอ เธอจะมีความสุขมากขึ้นหรือเปล่านะ?
    ด่าทอตนเองว่าช่างอกัตญญู..แต่ยังไงก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ถึงโลกใบนั้น

    เคยยิ้มออกไป และเอ่ยยามที่มารดาหลับใหล มารดาที่เหมือนกับปิศาจร้ายในสายตามากขึ้นไปทุกวัน

    "รู้ไหมคะเเม่? โลกที่หนูปรารถนาที่สุด..คือโลกที่ไม่มีคุณล่ะ"


    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}การพบเจอของเราในวันนั้น มันคือความผิดพลาดอย่างแน่นอน{{
     
    "สวัสดี ฉันชื่อลิซนะ ลิซ ลอร์เรนส์น่ะ ออกเสียงถูกไหม?"
    นั่นคือคำทักทายเเรกจากเพื่อนใหม่ในปีนี้ ที่นั่งโต๊ะข้างๆ เวโรนิก้า..
    ลิซ ลอร์เรนส์ เด็กสาวตัวสูงขวัญใจประจำชั้น ด้วยหน้าตาสวยงาม กับนิสัยเป็นกันเองและผลการเรียนที่ดีเยี่ยม ทำให้เธอได้รับความรักจากคนรอบข้างไม่ต่างจากเวโรนิก้าเลยแม้แต่น้อย..ต่างแค่ว่าตัวลิซนั้นคือความจริงแท้โดยธรรมชาติ หากแต่เวโรนิก้าคือสิ่งเสเเสร้งปั้นเเต่งในหุ่นกระบอกรูปมนุษย์เพียงเท่านั้น
    ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งเเต่วันแรกที่พบเจอ..แรกเริ่มก็ไม่ได้สนิทกันมาก เพราะต่างฝ่ายต่างเป็นที่รู้จักเเละเพื่อนเยอะกันแต่ไหนแต่ไร แต่ด้วยเพราะเจออะไรมาเหมือนกัน ปัญหาในโรงเรียนจึงดูเหมือนๆ กันไปซะเกือบหมด ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่ายังไงและทำไม แต่สุดท้ายไม่นานหลังจากนั่งจับเข่าปรับทุกข์กันไปครั้งหนึ่ง ก็รู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างเหมือนกับตนจังเลยนะ เเละสุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างงงๆ ไปในที่สุด
    มิตรภาพของพวกเธอเริ่มจากที่ว่า พวกเรานั้นเหมือนกัน
    แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าเเท้จริงเเล้วหัวใจของใครบางคนกำลังบอกว่า พวกเราไม่เคยเหมือนกันเลยเเม้แต่น้อย..

    เวโรนิก้ากำลังยิ้มให้กับเพื่อนรักของเธอ ลิซ
    พวกเธอเดินจับมือกัน ช่วยกันเรียน ทานข้าวด้วยกัน และไปเที่ยวคาเฟ่กับช็อปเสื้อผ้าในวันหยุดด้วยกัน ไปไหนไปกันเเละตัวติดกันเสมอ ราวกับว่าเป็นคู่หูเพื่อนสนิท ที่ชาตินี้ก็คงไม่มีวันแยกจากกัน
    ลิซรักเธอเหมือนกับครอบครัว หล่อนเห็นเวโรนิก้าเป็นน้องสาวที่ต้องคอยปกป้องดูเเล
    แต่ลิซไม่เคยรู้..ว่าเวโรนิก้านั้นมองเธอเป็นแค่คนคนหนึ่งที่ไม่เคยเข้าใจอะไรในตัวเธอเลย..

    เวโรนิก้ายอมรับว่าเธออิจฉาลิซ..อิจฉามากจนไม่น่าให้อภัย
    พวกเธอมองจากภายนอกเเล้วดูเหมือนกันทุกอย่าง ทั้งรูปโฉมภายนอกที่สวยงาม คนหนึ่งน่ารักน่าถนุถนอม อีกคนสง่างามน่าหลงใหล ทั้งยังเป็นมิตรยิ้มแย้มเหมือนกัน หัวก็ดี กีฬาก็ได้ ดนตรีเป็นเลิศ บ้านมีเงินกันทั้งคู่ มองแล้วอย่างกับเป็นคู่หูในอุดมคติ คือความเหมือนเเละบรรทัดฐานเดียวกันของโลกใบนี้ชัดๆ
    แต่อย่างไรเเล้วก็ยังมีจุดต่าง..ในขนาดที่ลิซยิ้มแย้มกับโลกใบนี้ด้วยความสุขจากใจจริง เวโรนิก้ากลับกำลังฉีกยิ้มเพื่อผู้อื่นที่ไม่ใช่ตัวของเธอเอง และแอบซ่อนความทุกข์ไว้มากมาย
    เธอเคยไปบ้านของลิซ เคยเจอกับเเม่ของหล่อน วันนั้นหัวใจเย็นเยียบเเละยิ่งตระหนักรู้ ยิ่งได้สัมผัสกับความอบอุ่นของครอบครัวที่ตนไม่เคยมีและไม่เคยได้รับมากเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้น มากขึ้น จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว หลบหลีกหนีออกมาในที่สุด
    เวโรนิก้านอนไม่หลับเลยในวันนั้น ความจริงที่เธอได้ตระหนักรู้กำลังทำให้เธอรู้สึกขยะเเขยงตนเอง
    ตลอดมา..เธออยู่กับลิซ เพียงเพราะเเค่คิดว่าพวกเรานั้นช่างเหมือนกันเหลือเกิน
    อยู่กับหล่อนมาตลอดเพราะคิดว่าลิซนี่แหละ ที่เข้าใจเธอดี เพราะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกแย่ๆ แบบเดียวกันมา
    แต่วันนี้เเล้วก็ได้รู้เสียที ว่าที่ผ่านมาโกหกตนเองมามากมายเท่าไหร่..โกหกเสียจนลืมไปแล้วว่าตนรู้ความจริงข้อนี้ดีอยู่เต็มอกอยู่เเล้ว ว่าคนที่ถูกพระเจ้ากลั่นเเกล้งและมีแม่ที่แสนโหดร้าย มันก็มีแค่เธอคนเดียวนั่นเเหละ..เพราะเเบบนั้น สายตาที่มองไปยังเพื่อนสนิท จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละนิด..ทีละนิด เช่นเดียวกับสายตาที่มองภาพสะท้อนของตนเองในกระจก
    สะอิดสะเอียนภาพสะท้อนนั้นจนอยากจะอ้วก..เกลียดตนเองเหลือเกินที่มีความคิดแบบนั้น เเต่ยังไงก็ห้ามไม่ให้ใจตัวเองคิดเเบบนั้นได้เลยจริงๆ
    ว่าตัวเธอน่ะ..สามารถเกลียดชังคนคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย เพียงเเค่ว่าเขาได้ในสิ่งที่เธอไม่ได้..เท่านั้นเอง


    "เธอคิดว่าฉันเป็นยังไง?" ครั้งหนึ่งเคยถามออกไป จ้องมองเพื่อนสนิทของตนเองที่นั่งอยู่ตรงหน้า
    "ก็เด็กน้อยที่น่ารักของฉันไงล่ะ เเม่เวย์คนดี" ยิ้มร่าเเละหัวเราะ "เธอน่ะเป็นเด็กดี๊เด็กดี แถมยังน่ารักด้วย ชีวิตนี้คงมีแต่เรื่องสุขสรรค์ใช่ไหมล่ะ หือออ"
    เวโรนิก้าหัวเราะกับคำหยอกเย้าของลิซ แต่ในใจนั้นช่างเงียบงัน เย็นเยียบไปจนถึงขั้วหัวใจ..มีแต่เรื่องสุขสรรค์..ของแบบนั้นจำไม่ได้เเล้วล่ะว่าเคยเจอเมื่อไหร่
    สายตาที่มองไปยังเพื่อนสาวของเธอ มีแต่ความอิจฉาและความรู้สึกแย่ที่เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น
    อีกครั้งที่เกิดความคิดเลวร้ายขึ้นมาในหัว..อยากจะถามพระผู้เป็นเจ้าเหลือเกิน
    ว่าทำไมต้องส่งผู้หญิงคนนี้เข้ามาในชีวิตเธอด้วย..?


    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}หากว่าการหายไปของฉันจะทำให้เธอมีความสุขเเล้ว ฉันจะยอมไปโดยไม่ลังเล{{
     
    หลังจากวันแรกที่เจอกับลิซ..ก็ผ่านมาได้ครึ่งปีแล้ว
    เวโรนิก้าในตอนนี้อายุได้14..อีกแค่เทอมเดียว เธอก็จะกลายเป็นนักเรียนม.ปลายเเล้ว
    พักหลังมานี้..แม่เริ่มจะกลับมาเข้มงวดกับเธอมากขึ้นเหมือนกับเมื่อตอนเด็กๆ ไม่มีผิด..
    มันเหมือนกับว่าชีวิตของเวโรนิก้ากำลังเข้าสู่ช่วงพลิกผันอีกครั้ง รอยต่อระหว่างชั้นทำให้มีปัญหาค่อนข้างมาก เช่นเดียวกับการเรียนของเธอที่เริ่มระส่ำระส่ายเพราะภาระงานที่หนักหนา ส่งผลให้เวโรนิก้าต้องทุ่มเวลาส่วนมากในช่วงวันของเธอไปกับการทำงานมากกว่าจะอ่านหนังสือ การนอนดึกส่งผลให้รู้สึกง่วงหงาวหาวนอนในคาบเรียน เเละเมื่อเริ่มจะละเลย ผลลัพธ์ที่เลวร้ายจึงยิ่งเเสดงออก..
    "ทำไมถึงทำได้แค่นี้!!?"
    เสียงตวาดของเเม่ดังลั่น หลังได้เห็นเกรดรวมตอนเทอมแรกของเธอ..ตัวเลขที่ตกลงไปมากยังไม่ทำให้ใจหายได้เท่ากับเสียงตวาดของมารดาเลย เวโรนิก้านั่งก้มหน้างุดต่อหน้าท่านโดยไม่อาจเเก้ตัวใดๆ ได้เลย เธอทำได้แค่นั่งตัวสั่นงันงก เอ่ยขอโทษพลางสะอื้นตัวโยน สะดุ้งเฮือกทุกครั้งที่ถูกตวาดเสียงดังลั่น
    เมื่อทำไม่ได้ดั่งใจ ดั่งนั้นจึงต้องถูกทำโทษ
    แต่อาจเพราะว่าเวโรนิก้าโตจนป่านนี้ บวกกับยังมีพ่ออยู่..แม่ถึงไม่ได้ลงมือทำร้ายร่างกายเธอแบบตอนเด็ก แต่ถึงอย่างนั้นเวโรนิก้าก็ยังกลัว เธอเอ่ยขอโทษประล่ำประลั่กตลอดเวลาจนลิ้นพันกันอย่างน่าสงสาร สุดท้ายผู้เป็นพ่อทนไม่ไหวต้องเข้ามาห้ามปราม เเม่ของเธอถึงหยุดคำด่าทอพวกนั้นลงไปได้
    "ฉันไม่ยอมหรอกนะ ถ้าแกจะมาเหลวไหลแบบนี้" คำขาดถูกยื่นให้ด้วยสายตาโกรธเคือง ราวกับว่าเธอทำเรื่องน่าอับอายยิ่ง ทั้งที่เเค่ว่าผลการเรียนมันตกลงมาเท่านั้นเอง..เวโรนิก้ารู้ว่าเทอมที่ผ่านมาตนละเลยต่อการเรียนไปมาก ตัวเลขที่ตกลงมาไม่ใช่น้อยเลยด้วย แต่ถึงเเบบนั้นมันหนักหนาถึงขนาดต้องด่าทอลูกสาวตนเองมากถึงขนาดนี้เลยหรือ?
    น้ำตาของเธอไหลออกมาเรื่อยๆ ทั้งกลัวทั้งโกรธ..ไม่เข้าใจเเละสับสน ความรู้สึกมากมายผสมปนเปไปหมด กักเก็บอยู่ในหัวใจจนแทบจะระเบิดออกมา..
    หลังจากผ่านคืนนั้นไป เเม่ของเธอยื่นคำขาดให้เวโรนิก้าเรียนเสริมมากกว่าเดิม เเม้ว่าที่เรียนอยู่ตอนนี้จะหนักหนาและมีภาระการเรียนสูงมากแล้วก็ตาม..เวโรนิก้าอยากบอกว่าเธอไม่ไหว เธอทำไม่ได้..แต่สุดท้ายก็ได้แค่กล้ำกลืนคำพูดลงคอไป โกหกตัวเองไปว่าทำได้อยู่เเล้ว ก่อนจะก้มหน้ารับคำเเล้วยอมทำตามที่มารดาบอกไปทั้งเเบบนั้น
    เวลาทั้งหมดทุ่มให้กับการเรียน พยายามจะตั้งใจและตีกรอบตนเองมากขึ้นไปอีก..เพื่อไม่ให้เกรดตก และต้องถูกดุด่าอีก เวโรนิก้ายอมทิ้งเวลาที่ได้เดินเที่ยวเล่นกับเพื่อน เพื่อทุ่มมันให้กับการเรียนพิเศษของเธอจนหมด
    แต่อย่างไรเเล้ว ไม่ไหว..ก็คือไม่ไหว
    ความกดดันจากแม่และคุณครู รวมถึงสายตาของเพื่อนร่วมชั้นที่มองมาอย่างที่นับถือ เสียจนไม่กล้าจะทำตัวให้น่าผิดหวัง..ทุกอย่างกดทับลงไปบนบ่าเล็กๆ ไม่สามารถระบายออกไปได้ และไม่สามารถวางมันลงได้ ทำได้แค่ก้มหน้ารับฝืนทนต่อไปเท่านั้นเอง
    เหนื่อยเเละเครียดจนสำรอกออกมา แต่ก็หยุดไม่ได้อยู่ดี..


    "เวย์! หยุดนะ ฉันบอกให้เธอหยุดเดินเดี๋ยวนี้ไงเล่า!!"
    ร่างร่างหนึ่งตะโกนไล่มาจากด้านหลัง แต่กลับไม่ทำให้สองเท้าหยุดเดิน เวโรนิก้ายังคงก้าวเท้าเดินต่อไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด ไม่เอา..ไม่อยากเจอ ตัวเธอตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเจอกับผู้หญิงคนนั้น!
    แต่แม้จะพยายามหนีขนาดไหน เธอกลับหนีไม่พ้น..เมื่อพ้นกลุ่มคนไปได้ไม่เท่าไหร่ ร่างของเวโรนิก้ากลับต้องหยุดเดินเพราะถูกมือบางของลิซกระชากเอาไว้เสียเต็มแรง..เมื่อหันไปมอง เพื่อนสนิทของเธอคนนั้นกำลังเเสดงสีหน้าห่วงใยอย่างถึงที่สุด มากเสียจนหัวใจบีบรัดเเละเจ็บปวดไปหมดจนเเทบบ้า
    จะมองฉันแบบนั้นทำไม เธอจะสมเพชฉันหรือไง..
    "ทำไมถึงหลบหน้าล่ะ" ลิซถาม เสียงอ่อนแรงและห่วงใย "แล้วทำไมถึงหน้าตาโทรมซูบแบบนี้ เธอไม่ได้พักเลยใช่ไหมเวย์? ฉันเข้าใจนะว่าเธอจริงจังกับเรื่องเรียน แต่แบบนี้..มันหนักเกินไปไหมเวย์--"
    "เงียบนะ!!"
    ก่อนที่คำพูดมากมายจะได้หลุดออกมาจากริมฝีปากของลิซต่อ เสียงของเธอตะโกนขัด มันผสานไปกับเสียงของฟ้าที่ผ่าลงมาพร้อมกับหยดฝนที่เริ่มโปรยตกลงมาทีละนิด ลิซสะดุ้งเผลอปล่อยมือเธอ มองหน้าเวโรนิก้าราวกับกำลังตกใจและสับสน
    สีหน้าของเด็กสาวบิดเบี้ยว ความรู้สึกแย่ๆ ที่เก็บไว้ตลอดเหมือนจะระเบิดออกมาในครั้งเดียว ความเครียดทำให้ดวงตาพร่าเบลอพอๆ กับสมองที่ขาวโพลน ไม่รู้อะไรอีกแล้วนอกจากความโกรธที่ตื้นเต็มล้นขอบตาจนกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาเม็ดเล็กมากมาย
    โกรธเเละเสียใจจนต้องร้องไห้..โกรธที่ผู้หญิงบ้าตรงหน้ายังห่วงใยเธอ เเละเสียใจเหลือเกินที่ไม่อาจกักเก็บความรู้สึกพวกนี้ต่อไปได้อีกเเล้ว
    "เลิกทำตัวเหมือนเข้าใจฉันสักที!! เลิกพูดจาเเบบนั้น!! เลิกมายุ่งกับฉัน!! ไปให้พ้นหน้าฉันได้เเล้ว!!!" ตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง ตวาดลั่นอย่างที่ไม่เคยทำ ผลักไหล่ของเพื่อนอย่างหยาบคายจนร่างนั้นเซแทบล้มลงไปกองกับพื้น น้ำตามากมายพรั่งพรูออกมาไม่มีหยุดเลย
    "เวย์.."
    "อะไร? เธอจะเรียกฉันทำไม จะมามองด้วยสายตาเเบบนั้นทำไม?" เวโรนิก้าถาม เธอตัวสั่นไปหมด.. "คิดจะสมเพชสภาพบ้าๆ แบบนี้ของฉันหรือไง?"
    "ไม่ใช่นะ ฉันก็แค่เป็นห่วง" คำแก้ตัวมาพร้อมกับฝ่ามือที่เข้ามากอบกุมเหมือนกับทุกครั้ง "เธอเหนื่อย ฉันก็เข้าใจนะเวย์ แต่อย่าพาลกันเเบบนี้สิ.."
    ดวงตาของหล่อนเบิกกว้างตกใจ เมื่อเธอเลือกจะสะบัดฝ่ามือนั้นทิ้งอย่างไม่ไยดีเเม้แต่น้อย
    "เข้าใจบ้าอะไรเล่า!?"
    "......"
    "ก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่เหมือนเธอ! ชีวิตฉันมันไม่ได้เป็นแบบเธอนะ แม่ของฉันไม่ได้ใจดีเเละมอบรักให้แบบที่เธอได้! ท่านด่าฉัน ทุบตีฉัน กดดันฉันจนแทบบ้าอยู่เเล้ว! ได้ยินไหมลิซ ฉันจะบ้าตายอยู่เเล้ว!!"
    มือที่สั่นเทิ้มยกขึ้นปิดหน้าของตัวเอง เวโรนิก้าร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไป ไม่ไหวเเล้ว..เธอทนไม่ไหวเเล้ว..
    "..เธอจะมาเข้าใจอะไรฉันกัน..?"

    คำถามนั้นไม่ได้รับคำตอบ มีเพียงความเงียบกับเสียงหยดฝนเทสาดลงมาเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด เวโรนิก้ายังคงร้องไห้ออกมาไม่หยุด ก่อนจะสะดุ้งตัวโยนเมื่อสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดของใครบางคน หัวใจกระตุกเฮือกพร้อมความรู้สึกบางอย่างที่ตื้นล้นขึ้นมาไม่มีหยุด
    "อย่าร้องนะ" ลิซเอ่ยกับเธอข้างใบหู กอดของหล่อนอุ่นจนทำให้น้ำตายิ่งไหลหนักมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว "ขอโทษนะที่ตลอดมาไม่ได้รู้เลยว่าเธออึดอัดเเค่ไหน ที่อยู่ใกล้กับฉัน ฉันขอโทษ แต่..อย่าร้องได้ไหมเวย์?"
    "ปล่อย.."
    "บอกก่อนสิว่าเธอจะยกโทษให้ฉัน..ได้ยินไหมเวย์ ฉันขอโทษ"
    คำขอโทษกรอกลงไปในหัว ซ้ำเเล้วซ้ำเล่าไม่มีจบ ตอกย้ำความรู้สึกผิดในหัวใจจนยิ่งเจ็บมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว เวโรนิก้าข่มตาเอ่ยสั่งให้ลิซถอยไปซ้ำๆ ทว่าหล่อนกลับไม่ฟังเธอเลย..สุดท้ายความรู้สึกย่ำแย่ที่โอบล้อมตัวเธอไว้ไม่หาย ก็ส่งผลให้เวโรนิก้าเลือกจะผลักตัวของลิซออกไป
    "บอกให้ปล่อยไงเล่า!!"
    !?
    เวโรนิก้าผลักอีกฝ่ายออกหมายจะวิ่งหนีไป เพราะกลัวจะใจอ่อนกับคำขอโทษนั้นอีก แต่สองขากลับต้องเเข็งค้าง สิ่งที่เหนือความคาดหมายกำลังเกิดขึ้น เเรงของเธอนั้นส่งให้ร่างของลิซเซถลาไปยังทางลาดข้างๆ กัน เวโรนิก้าตกใจ ด้วยสัญชาตญาณ เธอพุ่งเข้าไปหาเพื่อที่จะกระชากตัวของลิซเอาไว้ ทว่าฝ่ามือนั้นกลับถอยหนีออกไป ร่างของเด็กสาวเเข็งค้าง มองเพื่อนสนิทที่ค่อยๆ ร่วงไปยังด้านล่าง..
    รอยยิ้มสุดท้ายกับคำถามที่ไม่ทันได้ฟังคำตอบ..พร้อมกับร่างที่หายไปใต้ผืนน้ำนั้น..
    "ถ้าโลกของเธอไม่มีฉัน เธอจะมีความสุขใช่ไหมเวย์?"
    ตูมมมมมมมมมมมม!!

    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}อย่าให้การจากลานั้นเป็นตัวทำลาย แต่จงส่งมันเป็นแรงผลักดัน{{
     
    ตั้งเเต่วันนั้น..เวโรนิก้าก็ไม่เคยเจอลิซอีกเลย
    ไม่ว่าจะพยายามหาเท่าไหร่ หรือจะสืบเสาะมากเพียงใดก็ไม่มีรู้เลย..พระเจ้าท่านก็ช่างโหดร้าย เมื่อจะไปถามหาตัวลิซจากที่บ้าน กลับได้ความว่าพวกเขาย้ายออกไปได้สัปดาห์กว่าแล้ว..มีเพียงแค่ลิซที่ยั้งรั้งรออยู่ที่นี่ และจะตามไปที่หลัง เพราะต้องการอยากจะลาและคุยกับเธอให้รู้เรื่องเสียก่อน
    ความจริงที่ได้ยิน ตอกย้ำให้หัวใจยิ่งรู้สึกผิด จนอยากจะร้องไห้ให้เสียงขาดหายมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว
    ลิซหายไปแล้ว..และคงไม่มีวันที่เธอจะได้พบกับหล่อนอีกเเล้ว
    เวโรนิก้าเริ่มจะซึมเศร้าลงเรื่อยๆ เธอยังคงไปเรียนเหมือนกับทุกวัน มารดาของเธอเองก็ยังไม่เคยรับรู้ว่าเวโรนิก้าในตอนนี้เศร้าหมองเพียงใด ยังคงเอ่ยปากด่าและกดดันเธอเหมือนกับทุกวัน
    นานวันเข้ายิ่งรู้สึกเหมือนตนกลายเป็นเด็กซึมเศร้า ความเครียดกดทับเส้นประสาทกันอยากจะบ้าตาย
    วันหนึ่งในขณะที่เดินกลับบ้าน ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปเดินเตร่แถวตรอกร้าง ก่อนจะชะงักไปเมื่อได้พบกับผู้หญิงแต่งตัวน้อยชิ้น ท่าทีไม่น่าไว้วางใจกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งล้อมวงอยู่..ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันเอง เวโรนิก้ามองของที่อยู่กลางวง หัวของเธอร้องบอกทันทีว่ามันคือยาเสพติด
    เด็กสาวยืนนิ่งมองมันแบบนั้นเฉยๆ โดยไม่พูดไม่จา แววตาสับสนและอ่อนล้า จนกระทั่งถูกสังเกตเห็นในกลุ่มคนพวกนั้น ร่างของหญิงสาวเดินเข้ามาหาพลางโอบรอบคอดึงตัวให้ไปนั่งร่วมวงกับพวกหล่อนด้วย
    "หน้าตาแบบนี้คงมีเรื่องทุกข์ใจล่ะสิ" หล่อนคลี่ยิ้มยียวน มือโอบคอเด็กสาว อีกข้างก็หยิบสิ่งเสพติดนั้นยื่นให้กับเวโรนิก้า ที่ทำเพียงมองพวกหล่อนนิ่งๆ โดยไม่คิดขัดขืนอะไรเลย
    "เอาสิ ถ้าโลกไม่คิดมอบความสุขให้เธอ เธอก็สร้างมันเอาเองเลยเป็นไง?"
    หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาทอดมองมันด้วยสายตาสับสน คำว่า ไม่ดี ยังคงตอกย้ำอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมาจนโลเลตัดสินใจไม่ได้ ทว่าเมื่อเหลือบไปสบกับดวงตาสีเดียวกับคนที่ยังวนเวียนอยู่ในความทรงจำ ปราการทุกอย่างก็พังครืนลงมาอย่างง่ายดาย
    มือยื่นรับมันมาพร้อมกับคำตอบที่เอ่ยให้กับคำถามสุดท้ายของเพื่อนสาวในความทรงจำ ที่เธอเพิ่งจะรู้คำตอบของมันเอาป่านนี้..
    'โลกที่ไม่มีเธอน่ะ มันโหดร้ายยิ่งกว่าอีกนะ..ลิซ'
    ป่านนี้เเล้ว..ที่ทุกอย่างมันสายเกินแก้

    อนาคตของเธอกำลังดับวูบไปทีละนิด ทีละนิด ทุกอย่างเลวร้ายและตกต่ำลงเรื่อยๆ
    เริ่มจะติดกับสิ่งเสพติดมึนเมานั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ยอมที่จะใช้เงินแลกมาเพื่อกลบความกระหายในตัว
    ซ้ำเเล้วซ้ำเล่า กระทั่งความผิดนั้นถูกล่วงรู้..
    ไม่รู้ว่าพวกตำรวจรู้กันได้ยังไง..วันหนึ่งที่เธอรวมอยู่กับพวกผู้หญิงพวกนั้น กลับมีตำรวจเข้ามาจับกุม ท่ามกลางความวุ่นวายฉุกละหุก หญิงสาวพวกนั้นวิ่งหนีอย่างสุดกำลัง แต่กลับมีแค่เธอที่นั่งนิ่ง เหม่อลอยมองออกไปรอบๆ และยอมให้พวกเขาจับกุมเเต่โดยดี
    อย่างน้อย ก็ไม่อยากจะเป็นขยะไปมากกว่านี้...

    ร่างนั้นนั่งเเน่นิ่งกอดเข่าตนอยู่หลังลูกกรงเย็นเยียบ
    ดวงตาของนายตำรวจหนุ่มมองเด็กสาวตัวน้อยร่างเล็กเปราะบางนิ่งๆ ก่อนเขาจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เธอ "ทำไมถึงทิ้งอนาคตของตัวเองแบบนี้ล่ะ"
    ร่างนั้นกลอกตามอง ช่างไร้ประกายเเละเหม่อลอย "อนาคตที่ไม่มีลิซน่ะ ไม่เห็นอยากได้เลย"
    เหมือนจะรู้อะไรมากขึ้น..ชายหนุ่มหันมองร่างเล็ก ดวงตาของทั้งคู่สบกัน ก่อนเวโรนิก้าจะนิ่งงันยามได้เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายที่คลี่ออกมา พร้อมฝ่ามือหยาบทว่าอบอุ่นเเละอ่อนโยน ที่ยื่นผ่านกรงเข้ามาเพื่อโอบกอดตัวเธออย่างแผ่วเบาโดยไม่กลัวจะเปรอะเปรื้อนคราบฝุ่นโคลนเเม้แต่น้อย..
    "เธอคนนั้นไปไหนล่ะ?"
    "...ไม่อยู่..แล้ว" ยากเหลือเกินกว่าจะเค้นคำออกมาได้ ยิ่งคิด..ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ
    "เเล้วทำไมเธอคนนั้นถึงทิ้งเด็กสาวที่น่าสงสารแบบเธอไปล่ะ?"
    ดวงตาเหม่อลอยออกไป พึมพำเสียงแผ่วราวกับกระซิบ "เขาอยากให้ฉันมีความสุข"
    เพียงเท่านั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น อ้อมกอดรัดเเน่นมากขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่ลูบศีรษะเธออย่างแผ่วเบา ปลอบประโลมนุ่มนวล..เช่นเดียวกับอ้อมกอดของลิซ ที่มอบให้เธอในวันนั้น
    "เช่นนั้นเเล้วก็อย่าทำให้เขาโศกเศร้า ด้วยการทรมานตัวเองเลยนะ"
    เเล้วหยดน้ำตา..ก็หลั่งไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้เลย..


    ความสามารถพิเศษ ::

    >>ทักษะการผูกมิตรที่ดีมาก ๆ<< [เวโรนิก้าเข้ากันได้ดีกับทุกคน และเป็นกันเองเสมอ ด้วยรอยยิ้มเเละนิสัยของเธอทำให้ใครต่อใครต่างก็พากันหลงรัก และทักษะนี้ทำให้เธอมีคนรู้จักมากมาย เป็นผลดีต่อหน้าที่การงานที่เธอทำอยู่มากๆ เลยทีเดียว]

    >>ไหวพริบเเละสัญชาตญาณที่ดีมาก<< [เวโรนิก้าเป็นคนสัญชาตญาณดีมาก สิ่งที่เธอเกิดสังหรณ์ใจขึ้นมามักเป็นจริงอยู่เสมอ ในด้านของไหวพริบนั้นเรียกได้ว่ามีติดตัวมาเเต่เกิดดั่งพรสวรรค์ และได้รับขัดเกลาเรื่อยมาหลังจากเข้าทำงาน นั่นทำให้เวโรนิก้าสามารถจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยมนั่นเอง]

    >>วาทศิปล์อันดีเยี่ยม<< [เวโรนิก้าพูดเก่ง เธอโน้มน้าวคน และสามารถบ่ายเบี่ยงประเด็น หรืออะไรต่างๆ ที่ต้องใช้การพูดมาเกี่ยวข้องด้วยได้ดีมากในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เป็นนักเจรจาที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลยล่ะ]

    >>ทักษะการเล่นเปียโน<< [เวโรนิก้าเคยอยู่ชมรมดนตรีมาก่อน นั่นทำให้เธอเล่นเปียโนเป็น ทั้งยังเพราะมากๆ ด้วย ครั้งหนึ่งเธอเคยถูกทาบทามจากแมวมองในตอนที่ไปนั่งร้องเพลงเล่นเเถวสวนสาธารณะ แต่ปฏิเสธไปด้วยเพราะช่วงนั้นเป็นช่วงบำบัดยาของเธอ และตัวเธอเองก็มีจุดมุ่งหมายอยากจะตอบแทนอาเธอร์ในการเป็นสายสืบให้เขาด้วย]

    >>งานฝีมือ<< [เวลาว่างของเวโรนิก้ามักหมดไปกับการนั่งถักนิตติ้งเล่นอยู่บ่อยๆ เเละเพราะทำมาแต่เด็กบวกกับมีพรสวรรค์อยู่เเล้ว เลยทำออกมาได้สวยเเละเซียนกูรูด้านนี้สุดๆ งานของเธอเเต่ละชิ้นน่ะ บอกเลยว่าสวยมากเลยล่ะ--]



    พฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ ::

    >>ติดนิสัยช่างเหม่อลอย หลังจากผ่านช่วงนั้นของชีวิตมาได้ เวโรนิก้าก็กลายเป็นคนที่มักเหม่อเสมอเวลามีคนถามถึงเรื่องในอดีตหรือตอนที่เธออยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร<<

    >>ชอบถูกางนิ้วทั้งห้าของสองมือมาเเตะกันเเละหลบสายตา ในตอนที่อึดอัดใจ<<



    สิ่งที่ชอบ ::

    >>ขนมหวาน<< [รสหวานของมันทำให้เวโรนิก้ารู้สึกแฮปปี้มากๆ ยิ่งเป็นพวกขนมเค้กก็จะยิ่งชอบเป็นพิเศษเลยล่ะ]

    >>มาม่า (?)<< [อืม..ว่าไงดีล่ะ มันเป็นอาหารคู่ยากตอนสมัยก่อนของเวโรนิก้าน่ะ กินจนติดเป็นความเคยชิน ก็เลยชอบล่ะมั้ง อีกอย่างมันก็อร่อยดีด้วยเเหละนะ..]

    >>ตอนกลางวัน<< [เเสงสว่างตอนกลางวันมันทำให้เธออุ่นใจ และผู้คนนั้นตื่นในตอนกลางวัน บ้านเมืองเองก็ครึกครื้นในช่วงยามกลางวัน ดังนั้นเเล้วเวโรนิก้าจึงชอบมันมากยังไงล่ะ]

    >>ฟ้าผ่า<< [สวยดี (?)]

    >>การอยู่ร่วมกับผู้อื่น<< [เวลาผู้คนมาอยู่รวมกันเเล้วมันครึกครื้นดีน่ะ อีกอย่าง เวลามีปัญหาอะไรก็ช่วยเหลือกันได้ด้วย แถมไม่เหงาด้วยไง..]



    สิ่งที่ไม่ชอบ/เกลียด ::

    >>ความเหงา<< [ก็แค่ว่าไม่ชอบ..]

    >>เยลลี่<< [ไม่รู้สิ ในสายตาเธอ เธอว่ามันไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่น่ะนะ]

    >>โค้ก<< [กินเเล้วเเสบท้องน่ะ เพราะงั้นเลยไม่ปลื้มเครื่องดื่มชนิดนี้มากนัก]

    >>ตอนกลางคืน<< [มันเงียบเเละหว้าเหว่เกินไป..เวโรนิก้าไม่ชอบ อีกอย่าง ทุกคืน ทุกคืน..เธอมักฝันอยู่เสมอ เเละมันไม่เคยเป็นฝันดีเลยสักวันเลยยังไงล่ะ]

          >>การเดิมพัน<< [การเอาตนไปอยู่บนความเสี่ยงในการเดิมพันเเบบนั้นมันอาจทำให้เกิดเรื่องร้ายเเรงขึ้นมาก็ได้นะ รู้ไหม?]

    >>คำโกหก<< [เวโรนิก้าคิดว่ามันเป็นสิ่งที่แย่ แต่ถึงว่าตัวเธอจะเกลียดมันขนาดไหน..กลับกลายเป็นเธอซะเองที่ยังเอื้อนเอ่ยคำโกหกออกมาอยู่ทุกวี่วัน]



    สิ่งที่กลัว ::

    >>ความฝัน<< [เวโรนิก้าฝันถึงเรื่องเมื่อก่อนอยู่ทุกคืน..เธอฝันถึงเพื่อนคนนั้น ฝันถึงเสียงร้องขอความช่วยเหลือพวกนั้น ฝันถึงครอบครัวที่แตกแยก ฝันถึงเรื่องแย่ ๆ..เวโรนิก้าไม่เคยหลับฝันดีเเละพักผ่อนในช่วงเวลานี้ได้เลย เธอมักสะดุ้งตื่นขึ้นมาในกลางดึกเเละตัวสั่นร้องไห้อยู่กับตัวเองเสมอเลยล่ะ..]


    >>การอยู่คนเดียวหรือถูกมองด้วยสายตาผิดหวัง<< [มันรู้สึกแย่มากๆ สำหรับเธอ ไม่ได้มีเหตุผลมากเลย ก็แค่รู้สึกไม่โอเคเท่านั้นเอง..]

    {ปฏิกิริยา - เวโรนิก้าจะกระวนกระวายเเละค่อนข้างเครียด การคิดอ่านจะเเคบลงจากเดิมเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จะไม่แสดงมันออกไป กลบเกลื่อนความกังวลพวกนั้นไว้ด้วยรอยยิ้มเสมอ เว้นแต่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกทิ้งจริงๆ เธอถึงจะตัวสั่นระริก และอยู่ในสภาวะที่ไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำยังไงต่อกันเเน่}


    >>ความแปลกแยก<< [ก็ถ้าแปลกเเยก..เธอก็ต้องอยู่ตัวคนเดียวน่ะสิ..]

    {ปฏิกิริยา - เวโรนิก้าจะพยายามทำตัวให้ดูกลมกลืนกับผู้อื่นเสมอ ทักษะการพูดกับทักษะการเเสดงมักถูกงัดออกมาใช้กลบเกลื่อนเฉไฉเสมอ เวลาตนดูเเปลกแยกไปจากทุกคน หรือพอมีความคิดต่างจากชาวบ้านเขาทีไร ก็มักไม่กล้าเสนออกไปทุกที เว้นเเต่จะมีคนนำเปิดให้เท่านั้นน่ะนะ}



    งานอดิเรก ::

    >>ทักนิตติ้งเล่น<< [เวโรนิก้าถนัดพวกงานฝีมืออะไรพวกนี้อยู่เเล้ว เธอจึงมักเอาเวลาว่างของตัวเองมานั่งถักนิตติ้งเล่นอยู่บ่อยๆ พอทำได้มากเข้าก็เอาไปขาย ได้กำไรมาไว้เป็นเงินเก็บอีกต่างหาก]

    >>ออกกำลังกาย<< [เพราะร่างกายเสื่อมโทรมไปมากจากการที่เธอติดยาตอนนั้น เวโรนิก้าเลยจำต้องออกกำลังกายซ่อมแซ่มร่างกายของเธอในช่วงเลิกยา ไปๆ มาๆ เลยกลายเป็นติดเป็นนิสัย จะต้องออกมาวิ่งทุกเช้า และออกกำลังกายเบาๆ ทุกเย็นเป็นประจำ]

    >>เดินไปเดินมา<< [แค่เดินเฉย ๆ..ไม่มีอะไร (?) เอาจริงๆ เวโรนิก้าเเค่เบื่อเลยหาอะไรทำเเละหวยออกที่การออกกำลังเบาๆ อย่างเดินไปเรื่อยประหนึ่งเดินเล่นเนี่ยแหละ]

    >>การอ่านหนังสือภาษา<< [เวโรนิก้าจำต้องฝึกทักษะด้านภาษาของเธอเพิ่ม เพราะตัวเธอไม่เเม่นในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก เพื่อให้เป็นประโยชน์ในหน้าที่การงานและต่อชีวิต จึงจำต้องขวนขวายเพิ่มนั่นเอง]

    >>เล่นเปียโน<< [เวโรนิก้ามักจะนั่งเล่นเปียโนบ่อยๆ ตอนที่ว่างหรือไม่มีอะไรทำ ปกติเเล้วก็มักเล่นอยู่เวลาเดิมๆ ตอนช่วงประมาณห้าโมงในวันอาทิตย์เห็นจะได้]



    ลักษณะคำพูด :: เวโรนิก้าเป็นคนที่มีเสียงใสเเละหวานเพราะประหนึ่งระฆังเเก้วใส ไม่ว่าใครได้ฟังล้วนเเต่เคลิ้มจับจิตเเละชื่นชอบในน้ำเสียงของเธอเสมอ เธอเป็นคนที่มีโทนเสียงร่าเริงเป็นเอกลักษณ์ คววามเป็นมิตรสื่ออกมาเด่นชัดจากเสียงของเธอ รวมถึงลักษณะการพูดจาดูเป็นมิตร สบายๆ และผ่อนคลาย ยิ่งทำให้เวโรนิก้าเป็นคนที่ทำให้หลายๆ คนอยากสนทนาด้วยมากคนหนึ่ง เธอมักติดจะเเทนตัวว่า ฉัน หรือ หนู เวลาคุยกับผู้สูงอายุบางราย หากคุยงานการหน่อยก็จะเเทนตัวว่าดิฉัน ชอบเรียกคนอื่นด้วยชื่อของอีกฝ่ายโดยความเคยชิน แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ชอบเธอก็จะเรียกนามสกุลของเขาแทน เวโรนิก้าไม่ชอบลงท้ายหางเสียงในรูปประโยคเท่าไหร่ ยกเว้นเเต่จะคุยกับคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตหรือคนที่เธอนับถือด้วย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของวาจาเด็กคนนี้ เห็นจะมีแค่ว่าเธอนั้นติดนิสัยพูดโกหกเป็นนิสัยล่ะนะ..

    }}ตัวอย่างประโยคการสนทนา{{


    "จ๊ะเอ๋! ทำอะไรกันเอ่ยสาวๆ ขอฉันคุยด้วยคนสิ!" โผล่เข้าไปจ๊ะเอ๋เพื่อนจากด้านหลัง ยิ้มร่าเเล้วเนียนเข้าไปร่วมวงสนทนาได้อย่างสวยงาม (?)


    "ถ้านับเลขสี่ก็ต้องเลี้ยงข้าวไง" ยิ้มนิดๆ แล้วหันไปสะกิดคนที่ยังงงๆ อยู่ ถามพลางยิ้มแป้นว่า "สองบวกสองได้สามป่ะ?" เเต่พอโดนตอบว่า สี่ต่างหาก เจ้าตัวก็จะหัวเราะเเล้วบอกว่า "อ่ะ ได้เจ้ามือเลี้ยงข้าวเเล้ว" (.....)


    "ถ้าถามว่าราศีอะไร ก็ต้องตอบว่าลาสีน้ำตาล~" เล่นมุขหน้ายิ้ม เเล้วหัวเราะนิดหน่อย แต่เพื่อนๆ นั้นหนากลอกตาไปสามตลบ (..)


    "เมื่อกี้? อ้อ! ก็แค่ลองคิดอะไรเล่นๆ ดูเฉยๆ น่ะ ไม่มีอะไรหรอก! ว่าแต่เที่ยงนี้ทานอะไรกันดี.." เฉไฉเปลี่ยนเรื่องในตอนที่เผลอหลุดคำพูดที่ดูย้อนเเย้งกับชาวบ้านเขาออกไปตาใส


    "ไข้หวัดไม่ได้ทำให้ฉันตายหรอกนะ! โธ่ เชื่อฉันสิ พวกเธอจะกังวลอะไรขนาดนั้น วันเดียวก็หายเเล้วน่า" บ่นใส่เพื่อนที่กระเง้ากระหงอดให้เธอไปพักตอนเป็นหวัด ทำหน้าบึ้งนิดๆ ก่อนจะเริ่มโชว์พาวทำงานให้ดู..สักพักนางก็ล้มตึง ลำบากเพื่อนแบกไปหาหมออีก อาเมน--


    "หนูฝันถึงลิซอีกเเล้ว..พี่อาเธอร์ หนูควรทำยังไง จะต้องทำยังไงความรู้สึกพวกนี้มันจะหมดไปสักที? หนูเหนื่อย หนูกลัว..เมื่อไหร่มันถึงจะจบลงสักทีล่ะ..?" พึมพำเสียงสั่นเครือพอๆ กับร่างที่สั่นระริก ขณะกำลังคุยสนทนาทางโทรศัพท์กับอีกฝ่าย ในตอนที่ไม่สามารถข่มตาหลับในตอนกลางคืนได้ต่อหลังจากสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย



    ตำแหน่ง/หน้าที่การงาน :: สายสืบในวงการขายยาให้กับตำรวจในสหรัฐอเมริกา



    เพิ่มเติม :: อย่าถามเลยค่ะว่าทำไมเราใจร้ายกับน้องเบอร์นี้..เรื่องนี้ต้องโทษครูที่สั่งงานเยอะไปจนเราเครียดสะส---//แค่ก!

    }}เพิ่มเติมรายละเอียดตัวละคร{{


    -เวโรนิก้าฝันร้ายอยู่ทุกคืน..เธอมักฝันถึงเพื่อนคนนั้นและเรื่องราวแย่ๆ ที่เธอเคยทำอยู่เสมอ ความเลวร้ายพวกนั้น หลอกหลอนเธอเสมอเเม้วันนี้จะห่างไกลออกมาเเล้วก็ตาม..

    -เพลงที่เวโรนิก้าบรรเลงโดยเปียโนของเธอ โดยส่วนมากเเล้วเป็นเพลงที่ฟังเเล้วชวนเศร้าเสมอ..

    -เวโรนิก้าเเต่งเพลงได้ แต่ไม่ได้ทำมากเวลาจับปากกาเเต่งเลยใช้เวลานานกว่าจะออกมาดีได้

    -เวโรนิก้าถนัดทั้งสองมือ คล่องแคล่วเรื่องการขยับร่างกาย และตัวอ่อนมาก

    -เวโรนิก้าไม่รู้วันเกิดจริงๆ ของเธอ เพราะหลังจากคลอด พ่อแม่ของเธอไม่ได้เเจ้งเกิดในทันที แต่ในบัตรประชาชนของเวโรนิก้านั้น เป็นวันเกิดวันที่ 18 สิงหาคม

    -สำหรับอาเธอร์นั้น หลังจากช่วยเธอเเละชักชวนมาทำงานด้านนี้เเล้ว ตอนนี้ก็ยังคงติดต่อกับเธอเสมอ เขามักจะเเวะเวียนมาหาเวโรนิก้าบ่อยๆ ประจำ ถือว่าเป็นคนที่สนิทสนมกับเวโรนิก้ามากที่สุดก็ว่าได้

    -บางทีก็มักเห็นอาเธอร์โผล่ไปหาเวโรนิก้าที่ทำงานอยู่บ้าง..สองคนนี้เลยโดนชาวบ้านเเซวเชิงรักใคร่บ่อย ๆ--

    -เเต่ถ้าถามถึงความรู้สึกจริงๆ สองคนนี้เขาเป็นแค่พี่น้องกันเเค่นั้นเองค่ะ แต่อาเธอร์นี่จะเหมือนมองลูกสาวสักหน่อย ฮาาาา--//

    -หากอยากถามว่าทำไมลิซถึงเลือกจะทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อเวโรนิก้าได้..ก็เพราะเธอรักเวโรนิก้ามากๆ ค่ะ ลิซรักเวโรนิก้ามาก และไม่อยากจะให้หล่อนร้องไห้แบบนั้น..บวกกับว่าเธอคิดว่าเธอเองก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้เวโรนิก้าทุกข์จนเครียดจัดขนาดนั้น ลิซเลยยอมจะไปดีกว่าอยู่นั่นเองค่---//พระเอกยังจำเป็นอยู่ไหม ไหนตอบ (..)

    -สุดท้าย อาเธอร์เป็นคนเดียวที่เวโรนิก้าไม่เคยโกหกเขาค่ะ เพราะถึงโกหกไป พ่อคุณก็จับได้ทุกที (อาเมน..)

    -ในความจริงเเล้วแม่ของเวโรนิก้าเป็นคนอารมณ์ร้ายรุนเเรงแต่เด็กแล้วค่ะ ปัญหาทางจิตน้อยๆ บวกกับความเครียดรุมเร้ามาก ก็เลยกลายเป็นเผลอไปลงกับลูกสาวหมด หน้ามืดตามัวเป็นชาติ กว่าจะรู้ตัวก็ตอนได้เห็นสภาพลูกสาวตัวเองติดยาเกือบตายนั่นเเหละค่ะ..

    -ปัจจุบันเเม่ของเวโรนิก้าใช่ว่าเกลียดเธอเเล้วเช่นที่เจ้าตัวคิด ตรงกันข้ามค่ะ รักและสำนึกผิดมากๆ แต่ไม่อาจทำอะไรได้ มีแค่ปิดข่าวเสียหายให้กับเวโรนิก้าเเละปล่อยให้เธอไปเริ่มชีวิตใหม่ของเธอเท่านั้นเอง

    -ถ้าถามความรู้สึกของเวโรนิก้าต่อแม่ของเธอ..ก็ต้องตอบว่ายังกลัวเช่นเดิมกับเมื่อก่อนค่ะ..


    เพิ่มเติมเนื้อหาตัวละคร

    [ครอบครัว - เวโรนิก้าไม่ได้เจอหน้ากับครอบครัวมาพักใหญ่เเล้ว ตั้งเเต่ที่อาเธอร์ช่วยเธอในตอนนั้น เธอก็ย้ายออกมาจากบ้านมาอาศัยอยู่บ้านเช่ากับสาวรุ่นพี่อีกท่านเเทน แต่ถึงอย่างนั้น นานๆ ทีเวโรนิก้าก็จะโทรไปหาคนเป็นพ่ออยู่บ้าง ส่วนมารดานั้น..ท่านคงเกลียดเธอเข้าไส้ไปแล้วล่ะ ถึงได้ไม่สนใจอะไรเธอเลยเเม้แต่น้อยน่ะ เเละในทุกสิ้นปี เธอจะเอาเงินเก็บส่วนหนึ่งส่งกลับไปที่บ้าน ถึงจะทดเเทนบุญคุณที่ท่านเลี้ยงเธอมามากขนาดนี้ไม่ได้..แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ตอบแทนอะไรเลยเช่นกัน..ในเรื่องของชื่อ บิดาของเวโรนิก้านั้นชื่อว่า บาสเตียน คิมเบอร์ ส่วนมารดาของเธอชื่อว่า เจมิลี่ คิมเบอร์ ค่ะ]
                  {ญาติ ๆ - ถ้าจำไม่ผิด เหมือนเเม่จะเคยบอกว่า ครอบครัวเราเป็นครอบครัวสุดท้ายที่ใช้สกุลคิมเบอร์..}
     
    [การศึกษา - เวโรนิก้าจบการศึกษาจากระดับชั้นม.ต้นในโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งในอเมริกา เธอไม่ได้เรียนชั้นม.4-5 ปัจจุบันศึกษาอยู่ในระดับชั้นม.6จากการสอบเทียบเข้า มีเกรดเฉลี่ยที่น่าพึงพอใจในทุกด้านเเละก็สนิทสนมกับเพื่อนๆ ดี แต่เพราะเวโรนิก้าทำงานไปด้วย เธอเลยขาดเรียนค่อนข้างบ่อย ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำการเคลียร์และเข้าใจกันเเละกันเรียบร้อยกับทางโรงเรียน คาดการณ์ว่าหากจบม.6เเล้วเธอคงไม่เรียนต่อ เเละมุ่งทำงานอย่างเต็มที่แทน (เพื่อนๆ ของเวโรนิก้าที่โรงเรียนไม่ได้รู้ว่าเวโรนิก้าทำงานอะไร รู้เเค่ว่าเป็นงานด้านตำรวจเบื้องต้นเท่านั้นค่ะ]
                  {ประวัติของเวโรนิก้าไม่ได้บอกถึงเรื่องแย่ๆ ที่เธอเคยทำไว้ในอดีต ด้วยเพราะคนเป็นแม่ใช้อำนาจเงินกลบข่าวทุกอย่างไปหมดเลยค่ะ ดังนั้นเธอจึงเข้าเรียนได้ไม่มีปัญหา}
     
    [มิตรสหาย - เพื่อนฝูงมากมาย ที่โรงเรียนก็สนิทกับคนในห้องและเป็นที่รู้จักไปทั่วโรงเรียน ในฐานะดาวโรงเรียน (เอาจริง ได้ตำแหน่งมาตอนไหนและอย่างไร เวโรนิก้าก็ยังงงๆ อยู่ในทุกวันนี้นะ..) ส่วนที่ทำงานก็สนิทกับพวกรุ่นพี่ดี ด้วยความน่ารักร่าเริงเฮฮาของเเม่คุณ รวมด้วยความมีสัมมาคารวะ จึงเป็นที่เอ็นดูของคนอื่นมากพอตัวค่ะ]
     
    [ความรัก - ไม่เคยมีเเฟน แต่สมัยม.ต้นเคยแอบชอบเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง เเต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรคืบหน้า เพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่เวโรนิก้ากำลังเจอเรื่องหนักๆ อยู่นั่นเองค่ะ]
     
     [ประวัติกิจกรรม - ดีกรีเหรียญทองนักเปียโนประจำโรงเรียน สมัยเด็กกวาดรางวัลมาพรึบพรับทั้งงานใหญ่และเล็ก ปัจจุบันเลิกทางสายนี้ไปแล้ว จึงไม่มีกิจกรรมอะไรเพิ่มเติมอีก]
     
    [การกีฬา - เเข็งแรงมากในระดับหนึ่ง ตัวอ่อนและมีความคล่องตัวสูง เล่นกีฬาได้หลากหลายยกเว้นกีฬาเสี่ยงๆ จำพวกโดดร่ม]
     
    [ที่อยู่อาศัย - อาศัยอยู่ในบ้านเช่าในหมู่บ้านเเห่งหนึ่ง เป็นบ้านขนาดกลาง ทำเลใกล้เมืองหลวงและมีบ้านเรือนน้อยหลังในหมู่บ้าน รู้จักกับคนในหมู่บ้านดี และค่อนข้างเป็นหมู่บ้านที่คึกคักในระดับหนึ่ง สไตล์บ้านเป็นแนวโมเดิร์น และมีสวนในตัวบ้านลักษณะเป็นแบบในภาพ }Click{ เเละเพิ่มเติมคือเธอไม่ได้อยู่คนเดียว แต่อยู่กับรุ่นพี่สาวอย่างไอริส คอยช่วยกันหารค่าน้ำค่าไฟค่าเช่าบ้าน และผลัดกันทำหน้าที่ต่างๆ ในบ้าน ไอริสนั้นจะมีหน้าที่ทำอาหารเพียงอย่างเดียว เหตุเพราะเวโรนิก้าเกรงใจเกินกว่าจะให้รุ่นพี่สาวทำงานมากกว่านี้ และเเม่คุณก็ทำเป็นแค่ทำอาหารด้วย..]



    Profile her friend (or brother?]

     


    "ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก..มันก็แค่เธอคิดว่ามันน่ากลัวเท่านั้นเอง"

    อาเธอร์ นิคาซิโอ้ [Arthur Nicazio]

    Age : 27 years old

    Status : Alive / ตำรวจเลื่องชื่อของสหรัฐอเมริกา

    }ผู้ชายที่ช่วยทำให้ชีวิตของเวโรนิก้าดีขึ้นจากเดิมมากขึ้น เเละเป็นคนที่คอยประคับประคองร่างนั้นไม่ให้ล้มลงมาตลอดสามปีนี้ สายตาที่มองไปยังเด็กสาวคนนั้น อบอุ่นและอ่อนโยนมากยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด เขาเป็นเหมือนดั่งครอบครัวที่เเสนดีของเวโรนิก้าก็ว่าได้{

    *ความจริงเเล้วเป็นลูกนักธุรกิจชื่อดังที่บ้านรวยมาก แต่เบื่อสังคมในทางนั้น เลยหนีมาเป็นตำรวจ..*

    *Full picture*




    Profile her friend 

     


    "เวย์ที่น่ารักของฉัน จะต้องยิ้มกว้างๆ ไม่ใช่ทำหน้าอมทุกข์สิ..เอาล่ะ ไหนยิ้มให้ดูหน่อยซิ เเม่คนเก่งของฉัน"

    ลิซ ลอร์เรนส์ [Liz Rrorens]

    Age : Maybe 17 years old

    Status : No data / ไม่ทราบเเน่ชัด

    }อดีตเพื่อนสาวคนสนิทของเวโรนิก้า ตั้งเเต่วันที่เธอหายไปใต้ผืนน้ำจนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นเช่นไรบ้าง หลังจากคืนนั้น ไม่เคยมีใครได้เห็นลิซอีกเลย ที่ที่เดียวที่เวโรนิก้าจะได้พบกับหล่อนอีกครั้ง มีเพียงแค่ในฝันของเธอเท่านั้น..{





    Profile her Roommate

     


    "No comment"

    ไอริน เนเวอร์ [Irin Never]

    Age : 19 years old

    Status : Alive / นักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง คณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาภาษาฝรั่งเศส

    }สาวรุ่นพี่ผู้เเชร์บ้านเช่าอยู่กับเวโรนิก้า เป็นคนนิ่งๆ ขัดรอยยิ้มเนือยบนหน้า ไม่ยีหระต่อสิ่งรอบตัวเท่าไหร่ เเต่ก็สนิทกับเวโรนิก้าเเละอาเธอร์ดี ว่างๆ ก็นั่งสอนภาษาให้เวโรนิก้าเล่น ถือเป็นคนน่ารักคนหนึ่ง (?){




    TALK WITH ME


    ไฮค่ะ .โค้งเอาหัวโหม่งพื้น(?). เรียกตามนามแฝง ฮันนี่ ได้ค่ะ ชื่อไรเอ่ยเตง? :: รันรันเองค่าาาา


    เรื่องนี้เป็นแนวที่เพิ่งเคยแต่งค่ะ อาจดราม่าแต่ไม่สุดและปมก็อาจจะไม่สุดเช่นเดียวกันเพราะยังไม่ถนัดอะไรแบบนี้ ต้องรับให้ได้นะตัวที่การบรรยายเรากาก ;__; :: มปร.ค่ะ!---เย่ะห์ (?)


    ขึ้นม.ปลายแล้วค่ะมีดองแน่นอนและไม่รู้ด้วยจะอัพตอนไหน ยังต้องปรับตัว รอกันได้ไหมเอ่ย? .สะกดจิตว่ารอได้รอได้(?). :: รอด้ายยยยยยยย แน่นวลค่ะะ!!


    ถ้าไม่ติดจะเป็นอะไรมั้ยคะ จะบึ้มบ้านเราไหม ถถถถ. :: บ้านไม่บึ้ม เเต่จะขอฝากตัวเป็นเข--//วรั้ย ว้อเว่นนนน #จะตายก็วันนี้แหละฉัน (?)


    ถ้าเกิดไม่ติดขึ้นมาจริงๆจะอนุญาตให้เรานำตัวลูกสาวไปเป็นตัวประกอบหลังฉากได้หรือไม่ บอกไว้ก่อนเลยค่ะว่าบางคนออกแค่ชื่อหรือนานๆทีออกมาทั้งตัว(?) รับกลับได้นะคะไม่ต้องกลัวบอกมาเยยยย >< :: กลับแล้วกันค่ะคนนี้ ยัดเเล้วเหมือนจะเห็นอนาคตยังไงก็ไม่รู้ (?) ---55555


    คิดว่าตัวเองจะได้คู่กับใครหรือชอบใครเป็นพิเศษมั้ยเอ่ยย? :: อืมม..ไม่รู้สิคะ คือเราคิดไม่ออกจริงจัง แต่ถ้าเราตีคอนเซปต์ไปทางเดียวกับที่ท่านฮันนี่คิด น้องอาจคู่กับทูน่าไม่ก็ตาฮิล่ะมั้งค--แค่ก//นั่นเเหละค่ะ อินี่เดามั่วตลอด เเละก็ไม่เคยถูกสักทีล่วย ฟฟฟฟ..--


    ขอคำนิยามให้ลูกสาวตัวเองหน่อยค่ะ! :: สำหรับสาวคนนี้..เอ่อ..ก็คงเป็น 'ความร้าวรานใต้รอยยิ้มอันงดงาม ที่ถูกปิดบังไว้' ประมาณนั้นน่ะค่ะ!


    สุดท้ายนี้ก็ขอใหโชคดีมีชัย เดินทางปลอดภัย ข้ามถนนก็ระวังรถ--- แค่ก :: ค่าาา จะระวังถนนนะ! (?)

    My former was my sin and god unforgivable me.

    That's cause why i run away it forever.


     

    -By Veronica-



    Lazy Theme.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×