ตอนที่ 33 : ดวงใจของผาชัน 3 : ความบาดหมาง [loading....150%]
3
หัวใจของใบบัว“เธอจะให้ฉันช่วยอะไรเหรอ คือฉันไม่ได้สนิทกับผาขนาดนั้น” ฉันพูดไปตามความเป็นจริง ช่วงหลังมานี่ฉันคุยกับผาน้อยคำมากเลย หากจะบอกว่าฉันเป็นเพื่อนสนิทกับโอมยังจะน่าเชื่อซะกว่า
“แหม อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย ฉันรู้ว่าเธอสนิทกับผาฉันแอบสังเกตพวกเธอมาสักพักแล้วกับคนอื่นฉันไม่กล้าไปขอความช่วยเหลือจริงๆ แต่ไม่ใช่กับเธอแค่เห็นฉันก็รู้แล้วว่าเธอนิสัยดี” ข้าวฟ่างยิ้มกลับมาอย่างเป็นมิตรแถมยังจับมือฉันไม่ปล่อยด้วย
“…”
“เธอดังในคณะฉันจะตายไป พวกรุ่นพี่ที่คณะของฉันมีแต่คนพูดถึงเธอว่าสวยอย่างโง้นอย่างงี้แถมยังเรียบร้อยและนิสัยดีมากด้วย”
“ฉันไม่ได้ดังอะไรขนาดนั้นหรอก น่าจะลือกันไปเองมากกว่า”
“ฮ่าๆๆ ถ้างั้นก็ช่างเรื่องของคนอื่นเถอะ เอาเป็นว่าฉันเชื่อเธอนะ ถึงแม้ว่ามันจะดูเร็วเกินไปแต่ว่าจะเป็นอะไรไหมถ้าฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ”
“ได้สิ” ฉันตอบรับสั้นๆ พร้อมทั้งดึงมือตัวเองกลับมา ไม่รู้สิ เราสองคนเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกแต่ไอ้การที่จะมาทำตัวสนิทถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้มันก็ดูแปลกๆ ชอบกล “ฉันไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ว่าแต่ว่าเธอจะให้ฉันช่วยเธอเรื่องอะไร” พอได้ยินคำถามจากฉันข้าวฟ่างก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากรู้จักผามากกว่านี้”
“มีสาวจากคณะบริหารฝากนี่มาให้น่ะ” ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะกินข้าวภายในโรงอาหารซึ่งมีกลุ่มของผานั่งล้อมโต๊ะอยู่เป็นสิบและฉันก็รู้จักทุกคนเป็นอย่างดี
“อะไรอ่ะใบบัว แล้วที่ฝากนี่ฝากให้ใครเหรอ” โอมเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างสงสัยในขณะที่สายตาของฉันก็ยังคงจ้องไปที่ผาซึ่งกำลังนั่งกินข้าวแบบไม่สนใจใคร เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยซ้ำ นี่ฉันเผลอทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่านะ
“ของผา” ฉันตอบกลับเสียงเบา และหลังจากที่ฉันพูดจบก็เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นเล็กน้อยเพราะบรรดาพวกเพื่อนผู้ชายต่างพากันเข้ามายื้อแย่งจดหมายที่ข้าวฟ่างฝากฉันให้เอามาให้คนเย็นชาที่กำลังนั่งกินข้าวไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย
“โอ้โห เดี๋ยวนี้ใบบัวหัดเป็นแม่สื่อตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เฮ้ยไอ้ผามึงว่าไงสวยใช่เล่นเลยนะคนเนี้ย” อีกครั้งที่ฉันจดจ้องปฏิกิริยาของผาชันที่กำลังก้มหน้าก้มตาเคี้ยวข้าว เขาวางช้อนกับส้อมลงก่อนจะเหลือบไปมองจดหมายในมือของเพื่อนในแก๊งพร้อมทั้งยิ้มมุมปากนิดๆ
“ก็สวยดี นัดมาเจอสิ” ผาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน
ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไม่เคยเห็นหน้าแต่คนพวกนี้รู้ได้ไงว่าสวย ฉันรู้แค่ว่าเนื้อความในจดหมายเป็นข้อความสั้นๆ ที่ข้างฟ่างฝากมาให้ผาแต่ข้างในเขียนว่าอะไรนั้นฉันก็ไม่รู้หรอก
“ข้าวฟ่างเหรอ กูจำได้และ คนนี้นี่เองที่แอบมองมึงบ่อยๆ จนทีน่าฉุนจัด” โอมละสายตาจากจดหมายก่อนจะพูดติดตลก
“อืม คนนั้นแหละ”
“มึงเอาจริงเหรอ หรือแค่ลองคุยเพราะบรรดาสาวๆ ที่มึงคุยอยู่ตอนนี้ก็ล้นสต็อกแล้วนะ”
“ก็อาจจะแค่ลองคุยหรืออาจจะลองคบขอคิดดูอีกที” ผายังคงตีสีหน้าเย็นชาตามเดิมก่อนจะคว้าแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดูด
“บ๊ะ กูเชื่อแล้วโว้ยว่ามึงฮอตของจริง” ว่าจบโอมก็หันไปหัวเราะเฮฮากับเพื่อน
“หมดธุระแล้ว ฉันไปล่ะ” ว่าจบฉันก็เดินห่างออกมาจากกลุ่มนั้นแทบจะทันที ไม่รู้เหมือนกันว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ฉันรู้สึกหน่วงในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก รู้เพียงแค่ว่ามันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่โอเคเอาซะเลย ฉันเดินห่างจากกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่ยังคงส่งเสียงโห่ผาชันกันอย่างสนุกสนานโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าสายตาของใครบางคนกำลังทอดมองตามหลังฉันทันทีที่เดินออกมา
หลังจากวันที่ข้าวฟ่างมาขอร้องให้ฉันช่วยเรื่องผาชัน ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะไปไกลกว่าที่ฉันคิดไว้มาก ทั้งข้าวฟ่างและผาชันเริ่มรู้จักและสนิทกันมากขึ้นในวันเกิดของโอม วันนั้นโอมประกาศว่าจะจัดงานวันเกิดที่บ้าน พอข้าวฟ่างรู้เรื่องก็เลยขอมาร่วมงานด้วย ฉันเอาเรื่องนี้ไปคุยกับโอมซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร คืนนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราววุ่นวายหลายๆ อย่าง ข้าวฟ่างปรากฏตัวขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องมาก่อนซึ่งมีแค่ฉันและโอมที่รู้
“เราชื่อข้าวฟ่าง เรียกฟ่างเฉยๆ ก็ได้นะ” ฉันแอบเห็นข้างฟ่างยืนคุยกับผาอยู่ในห้องรับแขกอย่างไม่ตั้งใจ ผายิ้มตอบรับข้าวฟ่างด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรทั้งยังดูมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามเป็นอย่างมาก มันเป็นรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นและไม่เคยได้รับจากเขามาก่อน
“เราไม่ต้องแนะนำตัวข้าวฟ่างก็คงรู้จักเราแล้วมั้ง”
วันเวลาผ่านไป เรื่องราวทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ นอกจากนี้ก็ดูเหมือนว่าสภาพจิตใจของผาชันจะดีขึ้นตามลำดับ ฉันได้แต่เฝ้ามองเขาอยู่ห่างๆ โดยที่ตัวเองแทบจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังให้ความสนใจในตัวผู้ชายเย็นชาคนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ผาชันตกลงคบกับข้าวฟ่างหลังจากที่ลองศึกษาดูใจกันได้ไม่นานโดยที่ข้าวฟ่างไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าผาไม่ได้คบแค่ตัวเอง นอกจากข้างฟ่างผาก็ยังมีสาวสวยวนเวียนเข้าหาไม่ซ้ำหน้า โอมเล่าให้ฟังว่าจริงๆ แล้วข้างฟ่างก็รู้เรื่องแต่เจ้าตัวไม่ได้ซีเรียสอะไรส่วนผู้หญิงคนอื่นๆ ก็แค่วนเวียนเข้าหาผาในรูปแบบความสัมพันธ์ One Night Stand
“เกิดเป็นผานี่ดีจังเลยมีแต่คนรุมรักรุมแย่ง” ฉันพูดขึ้นในวันหนึ่งหลังจากที่พวกเรากำลังติวหนังสือก่อนสอบกันอย่างเคร่งเครียด น่าแปลกที่วันนี้ไม่เห็นผาในขณะที่เพื่อนๆ ในแก๊งของเขาอยู่กันครบ พวกเราเป็นเด็กวิศวะเคมี แค่ชื่อสาขาก็บอกอยู่แล้วว่ามันยากยิ่งปีหนึ่งนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยเจอวิชาคำนวณหลายตัวมาก เห็นปีหนึ่งนั่งเรียนกันพร้อมหน้าแบบนี้ตอนจบปีสี่จริงๆ ฉันนี่ไม่อยากจะคิดสภาพจริงๆ ว่าจะเหลือรอดอยู่กี่คน คงมีแค่คนๆ นั้นนั่นแหละที่ไม่เคยซีเรียสอะไรกับเรื่องเรียนและเรื่องสอบ
“ตั้งแต่มีแฟนใหม่ไอ้ผามันก็หายหัวเลยเนอะ” แต้วพูดขึ้น
“ปล่อยมันเหอะ ไอ้นี่มันเรียนเก่งมาแต่ไหนแต่ไรเรื่องแค่นี้สบายๆ” โอมตอบกลับไป
“เออ ก็จริงนั่นแหละกูล่ะเบื่อพวกมีความรัก อ้าวนั่นไงมันมาโน่นแล้ว” เอ๋ยบ่นก่อนจะส่งสัญญาณไปทางผาที่กำลังเดินตรงมาตรงที่พวกฉันนั่งอยู่ เสื้อนักศึกษาแขนยาวอยู่นอกกางเกงยีน แขนเสื้อถูกพับขึ้น และทรงผมดูยุ่งเล็กน้อยตามสไตล์ แวบเดียวเท่านั้นที่เราเผลอสบตากัน
“ดูรีบเนอะพ่อคนหล่อ เมื่อคืนไปนอนไหนมาล่ะคอนโดก็ไม่กลับ” โอมพูดขึ้นทันทีที่ผาวางหนังสือเคมีปึกใหญ่ลงบนโต๊ะม้าหิน
“หอข้าวฟ่าง”
ฉันก้มหน้าจดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแต่ก็ยังได้ยินพวกเพื่อนๆ คุยอะไรกัน ปากกาในมือของฉันสั่นเล็กน้อยตอนที่ผาพูดจบ
“ลืมป้องกันหรือเปล่าเนี่ยไอ้ผา ระวังตัวด้วยนะยัยนั่นดูร้ายไม่เบา” แต้วพูดขึ้น
“เออ กูรู้หน่าเคยพลาดที่ไหน”
“ทำเป็นปากดีพลาดขึ้นมากูจะหัวเราะให้ฟันร่วง ดูก็รู้ว่ายัยนั่นจ้องจะงาบมึง”
“กูไม่โง่หรอกหน่า มันเป็นเรื่องปกติของคนที่คบกันน่ะ”
“คนนี้จริงจังแล้วว่างั้น ลืมทีน่าได้แล้วหรือไง” เอ๋ยย้อนถามทีเล่นทีจริง
“เรื่องของกูเหอะ” หลังจากจบบทสนทนาสั้นๆ เพราะทุกคนเริ่มกลับมาให้ความสนใจกับตำราเรียนอีกครั้ง ฉันจึงตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมาเพียงเพราะอยากจะมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของใครบางคน แต่ฉันก็ต้องชะงักค้างอยู่แบบนั้นด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าใครบางคนที่ว่าก็กำลังมองฉันอยู่เหมือนกัน
“เฮ้ น้องใบบัว มีคนฝากพี่มาขอเบอร์เราน่ะ”
“หนูเหรอคะ” ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ ตอนที่หันมาเจอรุ่นพี่ปีสองซึ่งอยู่คณะเดียวกันเดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ฉันรู้จักทุกคนในกลุ่มนี้ดีรุ่นพี่พวกนี้นิสัยดีมากแถมยังเรียนเก่งมากด้วย ส่วนคนที่พูดกับฉันอยู่ชื่อว่าพี่ไม้
“ใช่ เป็นเด็กชมรมดนตรีน่ะ หมอนั่นมันขี้อายพี่สงสารเลยอยากเป็นแม่สื่อให้” ว่าจบพี่ไม้ก็หัวเราะร่วน
“กริ้ดดด ไอ้บัวอย่ารอช้าให้ไปเลยๆ ไอ้แต้วใบบัวจะมีแฟนแล้วว่ะ” เอ๋ยเขย่าไหล่ฉันไม่หยุดแถมยังหันไปชวนแต้วให้ร่วมวงด้วย
“บ้าเหรอ หน้าก็ยังไม่เคยเห็น”
“ก็เดี๋ยวค่อยทำความรู้จักก็ได้ ให้ไปก่อนก็ไม่เสียหายนี่หว่านานๆ ทีจะมีของดีหลุดมือมา” แต้วพูด
“รู้ได้ไงว่าของดี” ฉันแกล้งย้อนทีเล่นทีจริง
“เออ รู้แล้วกันหน่าชมรมนี้มีแต่คนหน้าตาดี”
“ไม่เห็นจะจริงเลย หน้าตาแต่ละคนก็งั้นๆ” คราวนี้โอมเป็นคนพูดขึ้น
“มัวแต่ลังเลกันอยู่นั่นแหละ ใบบัวไม่ให้ไม่เป็นไรพี่ไม้เดี๋ยวหนูให้เบอร์ใบบัวมันเอง” ว่าจบแต้วก็รับโทรศัพท์จากพี่ไม้มากดเมมเบอร์โทรศัพท์ฉันแบบเสร็จสรรพโดยที่ฉันได้แต่นั่งอ้าปากค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก รู้สึกตัวอีกทีพี่ไม้ก็เก็บโทรศัพท์กลับคืนไปแล้ว
“ไอ้เพื่อนบ้า” สาบานว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันขึ้นเสียงใส่แต้ว
“ฉันยอมโดนแกด่าว่าบ้าแลกกับการเห็นแกมีแฟน ฮ่าๆๆๆ” แบบนี้เรียกว่าโดนจับมัดมือชกหรือเปล่า พอแต้วพูดจบบรรดาเพื่อนๆ รวมทั้งโอมก็หันมาแกล้งตบหัวแต้วกันคนละทีสองทีบ้างก็บอกว่าแต้วยุ่งไม่เข้าเรื่อง ผิดกับใครบางคนที่นั่งทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือราวกับจะสิงเข้าไปอยู่ในนั้นซะเอง ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่าจริงๆ ฉันกับผาก็เป็นเพื่อนร่วมคณะกันแต่ทำไมความสัมพันธ์ของเราสองคนมันเริ่มแย่ลงไปทุกทีและทุกที ถ้าเลือกได้ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย อาจจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผาไม่พอใจฉันก็เลยเลือกที่จะเย็นชากับฉันมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ
คืนวันเดียวกันก็มีเบอร์ปริศนาโทรเข้ามือถือฉัน ปลายสายเงียบไปตอนที่ฉันรับสายก่อนจะยอมพูดตอบฉันกลับมาตอนที่ฉันกำลังจะวางสาย เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อไธ พูดกันไปมาไม่กี่ประโยคฉันก็รู้ทันทีว่าไธคือคนที่พี่ไม้เป็นแม่สื่อให้และที่สำคัญเขาดูเป็นคนขี้อายแบบที่พี่ไม้บอกไว้จริงๆ วันนั้นเราคุยกันแค่ไม่กี่ประโยคก่อนจะวางสายไป
หลายสัปดาห์ต่อจากนั้นซึ่งเป็นวันหยุดพอดีเอ๋ยกับแต้วยืนยันที่จะลากฉันไปดื่มด้วยให้ได้ทั้งๆ ที่รู้ว่าฉันเป็นพวกไม่ค่อยชอบดื่มไม่เหมือนเอ๋ยกับแต้วที่เป็นสายดื่มๆ กันแทบทุกวันราวกับน้ำเปล่า สถานที่ที่ไปเป็นร้านเหล้ากึ่งร้านอาหารและที่เที่ยวละแวกนั้นก็มีทั้งผับทั้งร้านเหล้าเยอะแยะไปหมด คนเยอะทุกวันโดยเฉพาะช่วงเสาร์อาทิตย์ บางร้านก็จะเป็นร้านที่มีแต่คนมีเงินและกระเป๋าหนักเข้า
“ร้านนี้ถูกสุด ฉันเคยมากับไอ้โอม” แต้วพูดพร้อมทั้งเดินนำเข้ามาในร้านเหล้าแห่งหนึ่งที่ตกแต่งร้านสไตล์ย้อนยุคหน่อยๆ ไม่ถึงกับหรูแต่ก็น่านั่งแถมคนก็ไม่เยอะมากด้วย
“แล้วทำไมแกต้องมากับไอ้โอมด้วยวะ” เอ๋ยถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
“มันชวนมาดื่มเป็นเพื่อนเฉยๆ ตอนนั้นไม่มีคนมากับมันแปลกตรงไหน”
“เออๆ ก็แค่เนี้ย ไม่เห็นต้องใส่อารมณ์เลย” เอ๋ยตอกกลับด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่พอใจต่างกับสีหน้าที่ดูก็รู้ว่ากำลังล้อเลียนแต้วชัดๆ
“พอเลยทั้งสองคน นี่จะมาทะเลาะกันใช่ไหมเนี่ย” ฉันแกล้งตีหน้าขรึมกลับบ้างก่อนจะดันหลังเพื่อนทั้งสองไปนั่งที่โต๊ะซึ่งพนักงานในร้านเป็นคนหาให้ และจังหวะที่ฉันกำลังจะนั่งลงบนโซฟากลับต้องชะงักเล็กน้อยตอนที่เอ๋ยทักขึ้น
“ใบบัว ยัยนั่นใช่แฟนไอ้ผาป่ะ ที่ชื่อว่าอะไรนะ เอ่อๆๆ อ้อ ข้าวฟ่างข้าวเฟิ่งไรนั่น”
“ไหนอ่ะ”
“ตรงนั้นไง ยัยตาบอด” ฉันหันไปตามทิศทางที่แต้วชี้ให้ดูก่อนจะเห็นว่าข้าวฟ่างกับบรรดาเพื่อนในแก๊งกำลังนั่งดื่มกันแถวๆ ข้างเวทีที่มีนักดนตรีกำลังดีดกีต้าร์ให้ฟัง และยังเป็นจังหวะเดียวกับที่ข้าวฟ่างหันมาเห็นฉันพอดี ข้าวฟ่างโบกมือทักทายพร้อมกับส่งยิ้มให้ฉันๆ ก็เลยยิ้มตอบกลับไป
“ฉันว่ายัยนั่นดูแสแสร้งแปลกๆ พนันได้เลยว่ามาลักษณะนี้อีกไม่นานก็โดนเฮียผาชันเขี่ยทิ้งแน่ๆ” แต้วพูดขึ้น
“นั่นปากเหรอน่ะ” ฉันส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“เอ้า นี่ฉันพูดเรื่องจริงนะฉันอยู่กับแก๊งไอ้ผามานานทำไมจะไม่รู้จักนิสัยพวกมัน”
“บางทีคนนี้ผาอาจจะจริงจังก็ได้” พูดไปก็หน่วงในอกแปลกๆ ฉันจึงแสร้งยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มบ้าง
“เฮ้ย เบาหน่อยใบบัวแกไม่ค่อยได้ดื่มเดี๋ยวก็เมาหรอก” เอ๋ยแกล้งว่าแต่ที่มือกลับดันแก้วเหล้าเข้าปากฉันไม่หยุดจนฉันแทบสำลักเพราะความขม
“แค่กๆๆ โอ๊ย แค่นี้ไม่เมาหรอก ฉันไม่ได้อ่อนต่อโลกขนาดนั้นซะหน่อย”
“เหรอๆ จะคอยดูนะจ๊ะแม่คนคอแข็ง”
หลังจากนั้นฉัน แต้ว และเอ๋ย ก็ดื่มกินกันตามปกติ พวกเราทั้งเต้นทั้งนินทาคนโน้นคนนี้กันอย่างสนุกสนาน อย่างว่าแหละ เคยได้ยินประโยคที่บอกว่าคนเรา ‘เหล้าเข้าปากมักไม่เหมือนเดิม’ ไหม ฉันว่าฉันก็คงจะเป็นหนึ่งในนั้นนั่นแหละ เพราะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาอะไรที่ฉันไม่เคยทำฉันก็โดนยุให้ทำจนหมดไม่ว่าจะเป็นท้าดวลเหล้ากับเพื่อนแปลกหน้าโต๊ะข้างๆ หรือการลุกขึ้นเต้นโชว์ท่าประจำตัว อย่าบอกใครเชียวว่านี่คือใบบัวคนเรียบร้อยที่ทุกคนรู้จัก
“ใบบัวๆ เธอได้ยินฉันไหม เฮ้” ฉันพยายามขับไล่ความมึนก่อนจะพยายามขยี้ตาไปมาราวกับว่ามันจะช่วยให้ฉันมองเห็นคนตรงหน้าชัดเจนขึ้น
“อ่าา ข้าวฟ่างเองเหรอ ว่าไง”
“เธอเมาเหรอใบบัว ฮึก”
“เปล่า ฉันไม่ได้เมา แล้วนั่นเธอ.. ร้องไห้งั้นเหรอ” ฉันพยายามตั้งสติก่อนจะยันตัวนั่งตรง ภาพตรงหน้าจึงเริ่มชัดเจนขึ้น ข้าวฟ่างกำลังนั่งร้องไห้น้ำตาอาบแก้มอยู่ตรงหน้าฉัน และ ให้ตายสิ ผู้หญิงคนนี้ร้องไห้น่าสงสารชะมัดเลย “เธอมีปัญหาอะไร เธอมากับเพื่อนไม่ใช่เหรอ หรือเธอทะเลาะกับเพื่อนมา” บอกแล้วไงว่าเครื่องดื่มมึนเมามันทำให้ฉันพูดมากกว่าเดิม
“ใช่ฉันมากับเพื่อน แต่เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก ฉันอยากให้เธอดูนี่” ว่าจบข้าวฟ่างก็ยื่นมือถือมาตรงหน้าฉัน มันเป็นวิดีโอคลิป ฉันค่อนข้างตกใจเล็กน้อยที่คนข้างในคลิปคือผาชันกับบรรดาผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างซ้ายขวาซึ่งฉันมองว่ามันให้อารมณ์ไม่ต่างจากอาเสี่ยที่มีอีหนูอยู่รอบตัว และเพราะข้างในร้านนี้เสียงมันก็ค่อนข้างดังอยู่แล้วฉันก็เลยไม่ได้ยินว่าในคลิปเขาพูดอะไรกันแต่ดูเหมือนว่าผาชันจะอยู่ในคลับหรือไม่ก็ปาร์ตี้อะไรสักอย่าง
“นี่มันอะไรกันล่ะเนี่ย” ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าผามีนิสัยเจ้าชู้น่ะ หมอนั่นควงสาวไม่ค่อยซ้ำหน้าอยู่ตลอด แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกยังไง
“ผาไปปาร์ตี้สละโสดของรุ่นพี่ที่คณะ แถมยังควงยัยพวกนี้ไปด้วยเธอกล้าพูดไหมล่ะว่าเธอไม่รู้จักยัยพวกนี้น่ะ”
“จะบ้าเหรอ ก็ไม่รู้จักน่ะสิ ฉันจะไปรู้จักผู้หญิงของผาได้ยังไงล่ะ” ฉันค่อนข้างงุนงงเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ข้างฟ่างก็ดูมีท่าทีเหมือนจะกล่าวโทษฉันแถมยังจ้องหน้าฉันตาขวางอีก “ฉันไม่ได้ตัวติดกับเขาซะหน่อย เธอเป็นแฟนเธอก็ต้องรู้จักเขาดีสิ”
“แต่เธอเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกับผา”
“ฉันไม่ใช่นะ ทุกวันนี้เราคุยกันนับคำยังได้เลย”
“ฉันไม่เชื่อเธอหรอก ก็ถ้าเธออยากให้ฉันเชื่อเธอก็ต้องช่วยฉันสิ” คราวนี้ข้าวฟ่างเดินมานั่งข้างๆ ฉันแทน ฝ่ามือนุ่มอุ่นๆ เอื้อมมากุมมือฉันไว้
“ฉันขอโทษที่ฉันพูดไม่ดีกับเธอ แต่ฉันไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ เธอก็รู้ว่าฉันรักผามากแค่ไหน ตั้งแต่วันแรกที่ฉันมาขอให้เธอช่วยทำให้เขาหันมามองฉันบ้างฉันไม่เคยลืมบุญคุณเธอเลย”
“เรื่องนั้นช่างมันเหอะ” ฉันบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจและพยายามหันหน้าหนีก่อนจะเทเหล้าสีเข้มเพียวๆ ใส่แก้วขึ้นมาดื่มอีก
‘เธอคิดว่าฉันอยากช่วยเธอมากงั้นเหรอ’ ฉันคิดในใจพร้อมทั้งฝืนยิ้มเล็กน้อย
“ถ้าเป็นเธอ ถ้าผาเป็นแฟนของเธอๆ ทนได้เหรอที่เห็นเขาอยู่กับคนอื่นแบบนี้”
“…”
“ถ้าเป็นเธอๆ จะรับได้อย่างฉันไหมทั้งๆ ที่รู้ว่าเขามีคนอื่นอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ต้องทำเป็นใจกว้าง ทำตัวเหมือนไม่รู้สึกอะไร..”
“แน่นอนว่าถ้าเป็นฉันๆ จะไม่มีทางทนแบบเธอ ผู้ชายของฉันก็ต้องมีฉันคนเดียวเท่านั้นถ้าทำไม่ได้ก็จบกัน” ฉันหันกลับมาพูดเสียงแข็งใส่ข้าวฟ่างทั้งๆ ที่เจ้าตัวยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ
“เอ่อ.. ใบบัว”
“ช่างมันเหอะ เธอลืมมันไปซะเวลาฉันดื่มเยอะฉันมักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้น่ะ” ฉันกระแอมไอเบาๆ พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือมาจากข้าวฟ่าง
“ถ้าเธอทนไม่ได้ทำไมเธอถึงไม่ไปแย่งผากลับมาล่ะ” ฉันยิ้มนิดๆ ความเจ็บแปลบตรงหน้าอกมันเริ่มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผาชันๆๆๆ ทำไมต้องเป็นนายด้วยนะ ทำไมต้องเป็นนายที่มาทำให้ฉันรู้สึกแย่อยู่คนเดียวแบบนี้
“ฉันทำไม่ได้ ฉันรู้ดีว่าฉันไม่มีสิทธิ์อะไรขนาดนั้น” คราวนี้ฉันหันกลับมามองคนข้างตัวแบบเต็มตา ข้าวฟ่างกำลังนั่งก้มหน้ามองมือตัวเอง น้ำตาค่อยๆ ไหลผ่านแก้มไป
“ฉันไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ” ฉันส่ายหน้าไปมาด้วยความหงุดหงิด มันเป็นความหงุดหงิดที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ “มานี่” ฉันไม่พูดอะไรต่อให้มากความก่อนจะตัดสินใจคว้าข้อมือของข้าวฟ่างกึ่งลากกึ่งดึงออกมาจากร้านเหล้า
“ใบบัว เธอเป็นอะไร เธอจะพาฉันไปที่ไหนน่ะ”
“ก็ไปตามทวงสามีของเธอคืนไง นี่คือสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่เหรอ”
อันที่จริงแล้วฉันก็พอจะรู้ว่าสถานที่ที่ผาชันอยู่ในขณะนี้คือที่ไหน ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่แต่พอข้าวฟ่างบอกว่าวันนี้ผาชันมาปาร์ตี้สละโสดของรุ่นพี่ฉันก็เลยนึกสถานที่ออกเพราะโอมเคยบอกไว้ และรุ่นพี่คนดังกล่าวก็คือเพื่อนของพี่ไม้นั่นเอง ฉันรู้จักแก๊งนี้ดี
“ที่นี่คือไนท์คลับของเพื่อนพี่ไม้น่ะ” ฉันหันมาบอกคนข้าวฟ่างหลังจากเดินไปคุยธุระกับการ์ดที่เฝ้าหน้าประตูนิดหน่อย
“ใบบัว คนพวกนี้จะให้เราเข้าไปเหรอเห็นว่างานวันนี้จัดแบบส่วนตัวคนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างพวกเราคงเข้าไม่ได้”
“แล้วไง เชื่อฉันเหอะว่ายังไงเราก็เข้าไปได้แน่ๆ”
“เวลาเธอกินเหล้ามาแบบนี้ดูไม่เป็นตัวเธอเลย” ว่าจบข้าวฟ่างก็หัวเราะนิดหน่อย เห็นแบบนี้ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเดินนำข้าวฟ่างเข้าไปด้านในไนท์คลับ
อย่างที่บอกว่าวันนี้เป็นวันจัดงานปาร์ตี้สละโสดของเพื่อนพี่ไม้ บรรดาเพื่อนๆ ที่มานอกจากจะเป็นคนในคณะเดียวกันก็ยังมีคนที่ฉันไม่รู้จักอีกมากมาย และแน่นอนว่าฉันก็ไม่ได้เป็นแขกรับเชิญให้มางานนี้ด้วย ไอ้รู้จักกันก็รู้จักอยู่หรอกแต่อย่างที่ใครๆ ก็รู้ว่าปกติฉันไม่ใช่พวกชอบเที่ยวและชอบดื่ม ไม่เหมือนกับแต้วกับเอ๋ย หรือพวกแก๊งผาที่เป็นสายดื่ม สายเที่ยว และเสือผู้หญิงของจริง
“เฮ้ นั่นใช่ใบบัวหรือเปล่าน่ะ” ฉันนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ตรงบาร์กับข้าวฟ่างเพราะว่ามองหาผาไม่เจอ คนเยอะแยะแบบนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาเขาได้จากที่ไหน โทรไปหาโอมๆ ก็ไม่รับสายแต่ฉันรู้ว่าโอมต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ
“นาย” ฉันหันกลับไปมองคนที่มานั่งตรงที่นั่งข้างๆ ด้วยความรู้สึกมึนงงเล็กน้อย “นายเป็นใครน่ะ”
“ไธไง เราเคยเจอกันแล้ว นี่อย่าบอกนะว่าเธอเมา”
“เราเปล่านะ ว่าแต่.. นายเองเหรอ ขอโทษทีนะที่ฉันจำนายไม่ได้สงสัยฉันคงดื่มมากไปหน่อย” ฉันยิ้มตอบกลับไป รู้สึกผิดเล็กน้อยที่จำเขาไม่ได้ อันที่จริงแล้วหลังจากตอนที่เราคุยกันทางโทรศัพท์ตอนนั้นเราสองคนก็แทบจะไม่ได้คุยกันอีกเลย มีเจอกันบ้างบางครั้งเวลาเดินสวนกันที่มหาลัย แต่ก็ไม่เคยต้องมาสนทนากันตรงๆ แบบนี้สักครั้ง
“ไม่เป็นไร เราไม่ถือหรอกแล้วนี่ใบบัวมากับใคร เรามาเล่นดนตรีน่ะ”
“เรามากับเพื่อน” ฉันเลี่ยงที่จะบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงก่อนจะหันไปแนะนำข้าวฟ่างให้ไธรู้จัก
“แล้วนี่ใบบัวจะนั่งดื่มอยู่ตรงนี้อีกนานไหม เราเล่นดนตรีเสร็จแล้วถ้าไม่รังเกียจ...”
“คือว่า.. เรามาตามหาคนน่ะถ้าเจอแล้วก็คงจะไป” ฉันตอบกลับไปทั้งๆ ที่ไธยังพูดไม่ทันจะจบประโยค จริงๆ ก็แอบรู้สึกผิดเล็กน้อยนะ ถ้าไม่ติดว่าข้าวฟ่างมาด้วยฉันคงจะนั่งคุยกับคนตรงหน้าให้นานกว่านี้
“หาคน ใบบัวจะหาใครล่ะเผื่อเรารู้จักจะได้ช่วยได้”
“ผาชัน ไธรู้จักผาชันไหมเขาเป็นเพื่อนเราเอง”
“รู้สิ แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมายเพราะไม่เคยคุยด้วยแต่ก็พอจะรู้ว่าคนไหน” ไธส่งยิ้มตอบกลับมาอย่างเป็นมิตร
“ถ้างั้นบอกเราหน่อยได้ไหม พอดีเรามีเรื่องที่จะต้องเคลียร์กับเขาเดี๋ยวนี้เลย”
หลังจากฟังคำบอกเล่าของไธจบฉันก็ลากข้าวฟ่างมาที่โซนนั่งดื่มบริเวณชั้นสอง ผานั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนมากหน้าหลายตาตรงโซฟาชุดสีดำ ตอนที่ฝ่าฝูงคนมากมายขึ้นมาฉันก็มองเห็นเขาได้ไม่ยาก ผากำลังนั่งคุยและหัวเราะกับบรรดาแก๊งเพื่อนผู้ชายที่ฉันไม่ค่อยรู้จักอย่างสนุกสนานแถมยังมีสาวๆ ที่ฉันไม่เคยเห็นหน้านั่งขนาบข้างซ้ายขวา
“เขาอยู่ตรงนั้นไง เธอเข้าไปลากเขาออกมาสิ” ฉันหันไปมองข้าวฟ่างที่ยืนอยู่ข้างตัวแถมยังเกาะแขนฉันซะแน่นจนฉันรู้สึกเจ็บไปหมด
“ฉันไม่กล้าหรอก เธอก็รู้ว่าผาไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องส่วนตัว”
“แต่เธอเป็นแฟนเขานะ เอ๊ะ.. เธอร้องไห้อีกแล้ว?”
“ปะ เปล่า” ข้าวฟ่างรีบปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น ฉันถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นอย่างบอกไม่ถูก ฉันจ้องภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสน มันเป็นความสับสนที่มาพร้อมกับความเจ็บหน่วงลึกๆ ผาหอมแก้มสาวๆ ข้างตัวไปมาราวกับคนเมามายทั้งฤทธิ์เหล้าและเมาผู้หญิง จริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยคิดว่าผาตัดใจจากทีน่าได้แล้ว ฉันคอยเฝ้ามองเขาตลอดเวลา ถึงแม้ว่าผาจะมีนิสัยเงียบขรึมและนิ่งเฉยแต่มันก็ยังมีมุมที่คนนอกอย่างฉันยังพอดูออกว่าเขามีชีวิตปกติสบายดี ฉันไม่เคยเห็นผาในสภาพแบบนี้ หรือจริงๆ แล้วที่ผ่านมาเขาไม่เคยลืมทีน่าได้เลย
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะช่วยเธอข้าวฟ่าง” ฉันหันไปพูดกับข้าวฟ่างด้วยสีหน้าเรียบเฉย เมื่อตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ฉันก็เดินตรงเข้าไปหาผาชันที่กำลังนั่งซบไหล่สาวๆ ข้างตัว จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของฉันในขณะที่เพื่อนๆ ของเขาบางคนเริ่มมองมาทางฉันด้วยความสงสัย บางคนที่เป็นเพื่อนในคณะก็โบกมือให้ฉันส่วนคนที่ไม่รู้จักฉันก็หันไปถามเพื่อนที่ตะโกนเรียกแทน
“ใครวะ เด็กไอ้ผาเหรอ สวยฉิบหายเลย”
“นั่นดิ สวยอย่างกับนางฟ้า”
“นั่นไม่ใช่ทีน่านิ ไหนไอ้ผามันบอกว่าวันนี้มันวางแผนให้ทีน่ามาเจอมันที่นี่ไง”
“กูว่าเดี๋ยวมันก็มีปัญหากับไอ้ดีนอีก”
แน่นอนว่าเสียงของเพื่อนผาที่กำลังพูดคุยกันมันไม่เบาเลยสักนิด ฉันแค่นยิ้มออกมาด้วยความสมเพชตัวเอง ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมฉันต้องรู้สึกแย่แบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกผิดหวังในตัวผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้ามากที่สุด
“ผาชัน”
“…”
“ผาชัน!!” ฉันตะโกนเรียกชื่อคนตรงหน้าอีกครั้งพร้อมทั้งคว้าขวดน้ำเปล่าสาดใส่หน้าเจ้าตัวจนเปียกไปหมด
“เฮ้ย อะไรวะเนี่ย ฉิบหายเอ๊ย” ดูเหมือนว่ามันจะช่วยให้คนตรงหน้าได้สติมากขึ้น ผาลูบน้ำเปล่าออกจากผมและใบหน้าอย่างลวกๆ ก่อนจะตวัดสายตาน่ากลัวมองมาที่ฉัน
“ใบบัว นี่เธอ...”
[loading....150%]
TALK
อัพลุงผาค่าาา บอกแล้วว่าจะอัพก็ต้องอัพ ยาวพอไหม 5555+ เชื่อว่าเวลานี้ทุกคนต่างคาดเดาความรู้สึกของผาชันที่มีต่อใบบัวไปต่างๆ นาๆ สงสารก็แต่ใบบัวนั่นแหละ แอบรักเขาเข้าเต็มเปาแต่ยังไม่กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ส่วนลุงผานี่ก็น่าตีสุดๆ อย่างที่เคยเกริ่นๆ ไปตอนเขียนเรื่องของครูซกับฝานฝานว่าก่อนที่ลุงผาจะมีหลานสุดที่รักอย่างน้องผิงผิง ลุงผาเคยทำตัวไม่ดีมาก่อน แต่จะดีขึ้นตอนไหนนั้นต้องรอติดตามน้าาา รักลุงผาใบบัวฝากเม้นโหวตด้วยน้าาา :)
-ผาชัน-
-ใบบัว-
The Wars of Love สงครามหัวใจ อ่านคลิกรูป
Devils Heart หลุมพรางใจ เป็นภาคต่อฮันเตอร์ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

บัว เธอยังแรงได้อีกนะ...
รรออยู่ทุกวันค่ะ
ตกลงข้าวฟ่างที่คบผาซันจิงเหรอ แถมผาซันยังไม่ลืมทีน่าเหรอ ถึงต้องวางแผนแบบนี้ด้วย แต่ที่แน่ๆ ใบบัวจะเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเองนะไปยุ่งกับเรื่องเชาอ่ะ
ผาไม่ใช่ผัวเธอ ให้ยัยข้าวฟ่างจัดการเองสิ อย่ามโนไกล
จะขายออกแล้วใบบัว 555