ตอนที่ 11 : DADDY'OOO ซ่อนรัก 9 : : ผิงผิงของพ่อ [loading....150%]
9
ผิงผิงของพ่อ
“ไอ้เหนือ!!” ฉันตะโกนเสียงดังลั่นตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึงโต๊ะด้วยซ้ำ จนคนอื่นๆ หันมามองฉันกันเป็นตาเดียว เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อตอนเย็นไอ้เหนือมันโทรชวนฉันมาที่นี่แต่ฉันปฎิเสธไปเพราะฉันไม่อยากเจอพี่ครูซ เดาได้พันเปอร์เซ็นต์ว่าถ้าพวกไอ้เหนืออยู่แก๊งพี่ครูซก็ต้องอยู่ด้วย แต่ก็นั่นแหละ.. เพราะจู่ๆ ก็มีใครที่ไหนก็ไม่รู้เป็นผู้ชาย หมอนั่นใช้เบอร์ไอ้เหนือโทรมาหาฉันบอกว่าไอ้เหนือมีเรื่อง แถมยังโดนรุมกระทืบบาดเจ็บสาหัสและหมอนั่นก็ยังบอกอีกว่าที่โทรหาฉันเพราะเบอร์ฉันขึ้นเป็นเบอร์ล่าสุดที่ไอ้เหนือเพิ่งโทรหา
“ไอ้เหนือ ไอ้แดน นี่พวกแกกล้าหลอกฉันเหรอ” ฉันชักสีหน้าใส่อย่างไม่ปิดบังตอนที่เดินมาถึงโต๊ะแล้วพบว่าไอ้เหนือกับไอ้แดนกำลังชนแก้วเหล้าอยู่กับพี่สิงหา
“เอ้า เฮ้ย ไอ้ฝาน” พี่สิงหาโบกมือให้ฉันพร้อมกับยิ้มร่า
“เอ่อ.. เฮ้ย ใจเย็นดิ” ส่วนไอ้แดนก็กลบเกลื่อนสีหน้าระรื่นเมื่อกี้นี้ก่อนจะลุกขึ้นมาจับมือฉันไปเขย่าเบาๆ ฉันกวาดสายตามองรอบโต๊ะก่อนจะพบว่าแก๊งพี่ครูซกับพวกไอ้แดนไอ้เหนืออยู่ที่นี่กันหมดแต่พี่ครูซไม่ได้อยู่ด้วย
“คือ.. กูเป็นห่วงพวกมึงมากแต่พวกมึงล้อกูเล่นแบบนี้เหรอ พวกมึงเห็นกูเป็นตัวอะไร ไอ้พวก...” ฉันหันไปตวาดใส่ไอ้เหนือกับไอ้แดนด้วยความโกรธก่อนจะพ่นคำด่าหยาบคายออกมาชนิดที่ว่าขนาดพี่ขุนเขายังจ้องฉันตาค้าง ไม่บ่อยหรอกที่ฉันจะโกรธใคร แต่ไอ้พวกนี้มันเล่นแรงเกินไป พอฉันไม่ออกมาหาก็หาวิธีการบ้าๆ หลอกให้ฉันออกมาและด้วยความเป็นห่วงฉันก็ดันเชื่อ
“ฝานฝานใจเย็น พวกกูขอโทษ” ไอ้เหนือลุกขึ้นมาจับมืออีกข้างของฉันก่อนจะพยายามลากไปนั่งข้างๆ มัน แต่คราวนี้ฉันไม่ได้ใจอ่อนเพราะฉันเลือกที่จะยืนนิ่งๆ ก่อนจะจ้องไอ้เหนือกับไอ้แดนด้วยสายตาเคร่งเครียด ส่วนพวกมันก็รู้จักนิสัยฉันดีว่าถ้าฉันแสดงพฤติกรรมหรือพ่นคำด่าชนิดที่ว่าไม่ไว้หน้าใครออกมาแบบนี้ นั่นแสดงว่าฉันโกรธมาก
“นี่พวกมึงหลอกอะไรไอ้ฝาน” พี่ขุนเขาวางแก้วเหล้าในมือลงก่อนจะหันไปถามไอ้เหนือ ถ้าพูดแบบนี้ก็แสดงว่าพี่ขุนเขาไม่รู้เรื่องด้วย
“เอ่อ.. พวกผมจ้างเด็กเสิร์ฟให้โทรไปหลอกไอ้ฝานว่าพวกผมโดนกระทืบ” ไอ้เหนือหันไปตอบพี่ขุนเขาพร้อมสีหน้าเหยเก
“หึ” พี่ขุนเขากระตุกยิ้มนิดๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ฝาน คือกูก็แค่อยากเจอมึง อยากคุยด้วย ปกติเวลาจะเจอมึงแต่ละทีก็ยากเพราะเราเรียนคนละสาขาแถมเวลาเรียนยังไม่ตรงกัน แล้วพอเวลาพวกกูชวนมึงออกมามึงก็ไม่ค่อยออกมาด้วย เวลาจะชวนมึงออกมาแต่ละทีมันก็ช่างยากเย็นเหลือเกินไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อน” ไอ้แดนร่ายประโยคยาวเป็นหางว่าวก่อนจะเขย่ามือฉันไปด้วย ส่วนฉันก็พอจะมองออกว่าพวกมันคงอยากเจอฉันจริงๆ เพราะหลังจากที่กลับมาเจอกันอีกครั้งพวกเราก็ไม่ได้คุยกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ส่วนคนที่รับรู้ปัญหาชีวิตของฉันมากที่สุดในตอนนี้กลับเป็นไอ้เชวาซะงั้น
“พวกแกก็รู้ว่าฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากมายเหมือนเมื่อก่อน ฉันต้องเลี้ยงลูก” ฉันหันไปจ้องไอ้แดนด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนเดิมแต่ก็พยายามปรับน้ำเสียงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ฉันเข้าใจว่าพวกมันคงอยากเจอฉันจริงๆ
“เข้าใจ แต่พวกกูก็อยากให้มึงมาถึงแม้ว่าจะมาแป๊บเดียวก็ยังดีกว่าไม่มาเลย นี่อะไร ชวนแต่ละทีปฎิเสธตลอด มึงทำตัวอย่างกับคนกำลังหลบหน้าใครงั้นแหละ” ไอ้เหนือมันส่ายหัวไปมา แต่เพราะคำพูดของมันเนี่ยแหละที่เหมือนเป็นประโยคจี้ใจดำฉันอย่างแรง หลบหน้าใครงั้นเหรอ? เหอะ
“คราวหลังถ้าจะชวนมาแล้วกูไม่มาพวกมึงก็อย่าเอาเรื่องคอขาดบาดตายมาล้อเล่นแบบนี้อีก กูไม่ตลก เข้าใจป่ะว่าเป็นห่วง” ฉันกดเสียงต่ำอย่างขู่ๆ ก่อนจะตบหัวไอ้เหนือกับไอ้แดนไปคนละสองทีแบบแรงๆ
ผัวะ!!
“เหอะๆ มึงโดนๆ” พี่กุนซือหัวเราะอย่างชอบใจตอนที่ฉันตบหัวไอ้สองเพื่อนตัวแสบซึ่งพวกมันก็ไม่ได้ปัดป้องหรือพยายามหลบให้พ้นจากฝ่ามือฉันหรอกนะ สงสัยจะรู้สึกผิดจริงๆ
“คอยดูนะ ถ้าคราวหน้ามีคนโทรมาหลอกฉันว่าพวกแกสองคนกำลังจะตายฉันจะไม่ออกมาเลย จำไว้” ฉันพูดทิ้งท้ายประโยคก่อนจะเดินมากระแทกก้นนั่งลงข้างๆ พี่ขุนเขา “คิดถึงจัง ขอกอดหน่อย” ว่าจบฉันก็แกล้งโอบเอวพี่ขุนเขาก่อนจะทำทีเป็นซบไหล่แบบอ้อนๆ เหมือนเมื่อก่อนที่เคยทำเป็นประจำ พอทำบ่อยเข้าเชื่อไหมว่าฉันเคยโดนบรรดาสาวๆ ที่เป็นแฟนคลับของพี่ขุนเขาดักตามหาเรื่องด้วย
“เออ ไม่ต้องมาอ้อนเลยไอ้ตัวแสบ” พี่ขุนเขาลูบหัวฉันเบาๆ ก่อนจะหันไปสั่งน้ำเปล่ากับเด็กเสิร์ฟ
“อ้อนนิดอ้อนหน่อยไม่ได้เหรอ ได้ข่าวมาว่าเดี๋ยวนี้ตามตัวยากนะ ไปติดสาวที่ไหนอีกล่ะ” ฉันเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะทำสายตามีเลศนัยใส่พี่ขุนเขา
“ใครบอกอีกล่ะ” พี่ขุนเขาหัวเราะเบาๆ
“ไม่เห็นจะต้องมีใครบอก น้องรหัสคนนี้รู้ตับไตไส้พุงของพี่รหัสดีกว่าใคร” ฉันว่าก่อนจะแกล้งจิ้มหัวไหล่ล่ำๆ ของพี่ขุนเขา
“หึ ทำเป็นรู้ดี” พี่ขุนเขาผลักหัวฉันเบาๆ เห็นแบบนั้นฉันก็เลยแกล้งซบไหล่พี่ขุนเขาอีกครั้ง จะว่าไปมันนานมากแล้วนะที่ฉันไม่ได้ออดอ้อนพี่ขุนเขาแบบนี้ ความจริงแล้วฉันกับพี่ขุนเขาสนิทกันมาก ฉันไม่เคยมีความลับกับพี่ขุนเขาเพราะพี่ขุนเขาเปรียบเสมือนพี่ชายคนนึงที่ฉันนับถือมาก และที่สำคัญพี่ขุนเขายังเป็นพี่รหัสที่ดีมากๆ ด้วย บางครั้งก็ชอบทำตัวเหมือนพี่ชายแท้ๆ จนฉันอดคิดไม่ได้ว่าพี่ขุนเขากำลังทำตัวเหมือนเฮียผาที่ชอบตามจี้ตามบ่นไม่หยุด ในขณะที่เพื่อนสนิทพี่ขุนเขาซึ่งก็คือพี่ครูซนั่นแหละที่ชอบล้อปมด้อยแล้วก็ทำตัวปากเสียใส่ฉันไปวันๆ แต่ก็นั่นแหละ.. ทุกอย่างมันเป็นอดีตไปแล้ว
“สิงหา เห็นครูซบ้างไหม ครูซอยู่ที่นี่หรือเปล่าฉันโทรหานานแล้วหมอนั่นก็ไม่รับ” ฉันหันไปตามเสียงก่อนจะพบว่าเป็นพี่กันตาที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านก่อนจะเดินมาหยุดตรงโต๊ะที่แก๊งพี่ครูซนั่งอยู่ สีหน้าของพี่กันตาเหวี่ยงโคตรๆ บ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ไม่ดีสุดๆ และที่สำคัญพอแม่คุณหันมาเห็นฉันก็ชักสีหน้าใส่อย่างไม่ปิดบังด้วย
“มันอยู่ที่นี่นะ แต่มันไปไหนก็ไม่รู้” พี่สิงหาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงตามนิสัย
“งั้นเหรอ หวังว่าคงไม่ได้มีใครมาให้ท่าแฟนฉันหรอกนะ” ดูเหมือนจะเป็นคำพูดลอยๆ นะ ถ้าไม่ติดว่าเจ้าตัวหันมาจ้องฉันตาเขม็ง
“เกรงว่าน่าจะเป็นแฟนของพี่กันตานั่นแหละค่ะที่ไปให้ท่าคนอื่นเขา” ด้วยความที่มีนิสัยปากไวเป็นทุนเดิมฉันจึงตอบกลับไปทันทีพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ ส่งไปให้แม่เสือสาวตรงหน้า
“ฝานฝานนี่ยังปากเก่งเหมือนเดิมเลยนะ” พี่กันตาแค่นยิ้มใส่กันอย่างเย้ยๆ หึ หมดกัน ภาพลักษณ์ที่อุตส่าห์วางไว้ว่าเป็นผู้หญิงที่แสนดี แต่ดันมาสติแตกเอาตอนนี้
“ฝานก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ไม่เหมือนพี่กันตาหรอก” ฉันตอบกลับไปนิ่งๆ
“ทำไม ฉันทำไม”
ก็เธอแอบคบชู้ไง!! ฉันได้แต่ตะโกนคำๆ นี้อยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้พูดมันออกไป ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วถ้าฉันจะทำก็สามารถทำได้
“พี่กันตาก็รู้ดีนี่คะว่าทำไม” ฉันหันไปสบตาพี่กันตาตรงๆ โดยไม่ยอมหลบสายตาของนางมารร้ายตรงหน้าสักนิดก่อนจะคลี่ยิ้มมุมปากนิดๆ ชนิดที่ว่าถ้าไม่มีใครสังเกตก็ไม่มีใครเห็น แต่ฉันเชื่อว่าพี่กันตาเห็น
“หึ ตั้งแต่เธอกลับมา ครูซก็เปลี่ยนไป”
“…”
“จริงๆ ไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่ครูซเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เธอหายไป” พี่กันตาจ้องหน้าฉันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ในขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ ทุกคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะเงียบกันหมด บางทีมันอาจจะเป็นเพราะความซวยของฉันเองที่ดันมาอยู่ผิดที่ผิดเวลาเอาตอนนี้
“…”
“เธอกับครูซเป็นอะไรกัน เธอแอบชอบครูซใช่ไหมฝานฝาน พอเธอหายไปครูซถึงได้เป็นบ้าขนาดนั้น หรือที่เธอหายไปเพราะเธอจงใจเรียกร้องความสนใจจากครูซ เธออยากให้ครูซทิ้งฉันใช่ไหมฝานฝาน” คราวนี้พี่กันตาไม่ยอมอยู่เฉย เพราะเจ้าตัวกลับเดินตรงเข้ามาหาฉันพร้อมทั้งกระชากแขนฉันอย่างแรง จากตอนแรกที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ พี่ขุนเขา ฉันกลับโดนพี่กันตากระชากเข้าหาตัวอย่างแรงก่อนเจ้าตัวจะผลักฉันอย่างแรงซ้ำสอง แต่โชคดีที่พี่ขุนเขาเข้ามาคว้าแขนฉันไว้ได้ทันไม่งั้นฉันคงล้มลงไปกระแทกกับพื้นแล้ว ส่วนพี่กุนซือก็เดินมาคว้าแขนพี่กันตาไว้
“กันตาใจเย็นดิ เรื่องทั้งหมดมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเข้าใจ ไอ้ฝานกับไอ้ครูซมันไม่ได้เป็นอะไรกัน เธอก็รู้ว่าไอ้ครูซมันรักแค่เธอ มันไม่เคยนอกใจเธอด้วยซ้ำเธอก็เห็น” พี่กุนซือซึ่งเป็นคนที่ค่อนข้างใจเย็นและมีเหตุผลมากที่สุดในกลุ่มพยายามพูดกับพี่กันตาด้วยน้ำเสียงโอนอ่อน แต่ฉันกลับคิดในทางตรงกันข้ามนะ ฉันว่าตอนนี้พี่กันตาเป็นบ้าไปแล้ว
“กุนซือ นายเงียบปากไปเลย ผู้หญิงด้วยกันน่ะมันดูออก”
“ดูออกอะไรของเธอ ใจเย็นๆ ก่อนดิวะ”
“นั่นดิ พี่กันตา ไอ้ฝานมันเป็นเพื่อนสนิทพวกผมๆ รู้สันดานมันดีว่ามันไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก” ไอ้เหนือก็พยายามเกลี้ยกล่อมพี่กันตาด้วยเหตุผล
“หึ ถ้างั้นพวกนายก็คงโง่ๆๆๆ พอกันสินะ ถึงได้ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเพื่อนตัวเองน่ะมันร้ายขนาดไหน ชอบแย่งแฟนชาวบ้าน น่าไม่อาย”
“กันตา!!” คราวนี้เป็นเสียงของพี่ขุนเขาที่ตะคอกใส่หน้าพี่กันตาเสียงดังลั่นจนคนอื่นๆ เริ่มหันมามองกันเต็มไปหมดแม้กระทั่งฉัน นานมากแล้วนะที่ฉันไม่ได้เห็นพี่ขุนเขาตะคอกใส่หน้าใครแบบนี้ และยิ่งคาดไม่ถึงไปอีกเพราะคนโชคร้ายคนนั้นดันเป็นพี่กันตา
“ทำไมขุนเขา รับไม่ได้เหรอว่าน้องที่แสนดีของนายน่ะความจริงแล้วไม่ได้แสนดีอย่างที่คิด”
“แล้วเธอคิดว่าตัวเองแสนดีอย่างที่คนอื่นคิดหรือไงกันตา เธออาจจะคิดว่าคนอื่นโง่แต่เธอคงลืมไปแล้วว่าฉันเป็นใคร”
“พวกนายก็ต้องเข้าข้างรุ่นน้องตัวเองสินะ พอฝานฝานไม่มีปากเสียงก็เลยต้องออกรับแทน จะบอกอะไรให้นะที่ฝานฝานมันไม่มีปากเสียงเพราะมันรับความจริงไม่ได้ไง ฝานฝานน่ะคิดจะแย่งครูซไปจากฉันจริงๆ” ประโยคหลังพี่กันตาหันมาตะคอกใส่ฉันพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองควรจะรู้สึกยังไง ทั้งๆ ที่ฉันเอาชีวิตของตัวเองออกมาจากเรื่องบ้าๆ พวกนี้แล้วแต่ก็ดูเหมือนว่าฉันจะหนีมันไม่พ้น อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมพี่กันตาถึงคิดว่าฉันจะไปแย่งพี่ครูซ เพราะต่อให้เมื่อก่อนฉันจะเคยคิดเกินเลยกับพี่ครูซยังไงแต่มันก็เป็นแค่ความคิด และวันที่ฉันกับพี่ครูซพลาดมีอะไรกันฉันก็เป็นคนเลือกที่จะเดินออกมาจากพี่ครูซเองด้วยซ้ำ ฉันพยายามลืมมันไป ฉันพยายามไม่พูดถึงมัน ไม่คิดถึงมัน แต่พอพี่กันตามาพูดแบบนี้ความทรงจำเก่าๆ มันก็ยิ่งย้อนกลับมาตอกย้ำฉันอีก ถ้าเลือกได้ฉันก็ไม่อยากให้ผู้หญิงที่นอนหลับอยู่ในห้องของพี่ครูซในคืนวันนั้นเป็นฉันหรอก
“ฝานไม่เคยคิดอะไรกับพี่ครูซ เราแค่สนิทกันเพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะเดียวกัน” ฉันตัดสินใจพูดมันออกไปทั้งที่ในหัวใจมันหน่วงไปหมด
“ถ้าเป็นแบบที่เธอพูดจริงๆ คราวหลังเธอก็อย่าแอบไปไหนมาไหนกับครูซสองต่อสองอีก”
“ฝานไม่ได้แอบ มันไม่ได้เป็นอย่างที่พี่กันตาเข้าใจ”
“เมื่อก่อนฉันชอบเห็นเธออยู่กับครูซบ่อยๆ พอเธอหายไปครูซก็แทบบ้า แล้วพอเธอกลับมาฉันก็ยังเห็นเธอกับครูซอยู่ด้วยกันอีก”
“กันตา ฉันว่าเธอควรใจเย็นๆ ก่อนนะ ตอนนี้เธอกำลังไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ไม่สวยเลยนะ” พี่สิงหาเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างฉันกับพี่กันตาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“นายอย่ามายุ่งสิงหา”
“พวกพี่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฝานขอตัวก่อนนะ” เป็นเพราะฉันไม่อยากจะมาต่อล้อต่อเถียงกับพี่กันตาอีกและก็ไม่อยากจะสนใจแล้วด้วยว่าพี่กันตาจะด่าว่าฉันยังไง อดีตมันก็คืออดีต อะไรที่มันเกิดขึ้นไปแล้วยังไงเราก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ ขืนอยู่ตรงนี้ต่อไปฉันต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ พอบอกกับพี่ขุนเขาไปแบบนั้นฉันก็ตัดสินใจเดินออกไปทางหน้าร้าน แต่พี่กันตากลับไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆ เพราะทันทีที่ฉันต้องเดินผ่านพี่กันตา เจ้าตัวกลับจงใจเอาหัวไหล่ตัวเองกระแทกไหล่ฉันอย่างแรงก่อนจะผลักฉันล้มไปชนกับขอบโต๊ะจนแก้วเหล้าหล่นแตกเต็มไปหมด
เคร้งงง!!
“โอ๊ย” ฉันหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บตรงเอว
“กันตา ทำบ้าอะไรหยุดเดี๋ยวนี้นะ” และยังเป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำเสียงคุ้นหูตะโกนมาทางด้านหลังพี่กันตา
“ครูซ”
“ทำแบบนี้ทำไมกันตา เธอทำร้ายฝานฝานทำไม” พี่ครูซเดินเข้ามาคว้าข้อมือพี่กันตาก่อนจะจ้องหน้าพี่กันตาด้วยสีหน้าโกรธๆ
“ทำไมนายถึงไม่รับโทรศัพท์ฉัน” พี่กันตาไม่ตอบคำถามแต่กลับยิงคำถามใส่พี่ครูซแทน
“ฉันไม่ว่าง”
“นายไม่ว่างรับโทรศัพท์ฉัน หรือนายไม่ว่างเพราะมัน” พี่กันตาตะคอกใส่พี่ครูซเสียงดังก่อนจะจ้องมาทางฉัน
“ฝานฝานเพิ่งมาที่นี่”
“นายโกหก นายอยู่กับมันตลอดเวลาเลยใช่ไหมครูซ ใช่ไหม.. นายรักมันใช่ไหม” คราวนี้พี่ครูซไม่ได้ตอบพี่กันตาแต่กลับหันมาจ้องหน้าฉันด้วยแววตาสับสนและรวดร้าว ในขณะที่ฉันกลับสาดสายตาเย็นชาใส่พี่ครูซก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น
“ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันกันตา” จบคำพูดพี่ครูซก็ดึงแขนพี่กันตาออกไปนอกร้านท่ามกลางสายตาของทุกคนที่ดูเหมือนกำลังมึนงงกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้
CRUZ SPECIALS
ผมกึ่งลากกึ่งจูงกันตาออกมาจากร้านอาหารก่อนจะเปิดประตูรถยนตร์ที่จอดอยู่พร้อมกับดันกันตาที่ยังดื้อดึงไม่หยุดเข้าไปในรถ ความรู้สึกของผมในตอนนี้มันทั้งเสียใจ ทั้งโมโห และหงุดหงิด เมื่อกี้นี้ผมแทบบ้าตอนที่แอบได้ยินไอ้เฮียโอมกับพี่ชายฝานฝานคุยกันเรื่องผิงผิง ในที่สุดสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ก็เป็นความจริง ผิงผิงเป็นลูกสาวของผมกับฝานฝานจริงๆ ด้วย พ่อที่แท้จริงของผิงผิงคือผมไม่ใช่ไอ้เฮียโอมนั่น และถ้าผมไม่ตกใจจนเผลอปัดแก้วตกผมก็คงได้ยินอะไรมากกว่านี้ และที่สำคัญเลยก็คือกันตาดันมาที่นี่พอดี
“ครูซ ปล่อยนะ นายต้องคุยกับฉันให้รู้เรื่อง” กันตายังคงโวยวายไม่เลิกตอนที่ผมกำลังขับรถออกไปจากที่นี่
“โวยวายเสียงดังแบบนั้นไม่อายคนอื่นบ้างหรือไงกันตา” ผมถามกลับไปนิ่งๆ
“ไม่อาย จะอายทำไม คนที่สมควรอายก็คือฝานฝานน้องสาวสุดที่รักของนายไม่ใช่หรือไง”
“เธอไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายฝานฝานแบบนั้นรู้ไหมกันตา”
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ ก็ในเมื่อมันกำลังจะแย่งนายไปจากฉัน” กันตาหันมาแวดใส่ผมเสียงดังลั่นรถแต่ผมก็เลือกที่จะเงียบ น้อยคนที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วกันตาเป็นคนขี้วีนมากแต่จะไม่ค่อยแสดงออกถ้าไม่โมโหหรือโกรธมากจริงๆ อย่างเช่นตอนนี้
“เข้าใจผิดแล้วกันตา ฝานฝานไม่เคยคิดอยากจะแย่งฉันไปจากเธอเลย” มีแต่ฉันต่างหากที่เอาแต่ผลักไสฝานฝานไปจากชีวิตเพราะความเห็นแก่ตัว.. ผมได้แต่คิดในใจแต่ไม่ได้พูดมันออกไป
“มันตอแหล!!”
“พอได้แล้วกันตา!!!” ทันทีที่กันตาสบถด่าฝานฝานเสียงดังลั่นรถ ผมก็ไม่คิดที่จะข่มอารมณ์โมโหของตัวเองเหมือนกัน พอกันที วันนี้ผมจะเป็นคนจบทุกอย่างด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาผมทำผิดต่อฝานฝานมามากพอแล้ว
ผมขับรถพากันตามาส่งที่บ้าน เห็นว่าช่วงนี้พ่อกับแม่ของกันตาไม่อยู่เพราะไปดูงานที่ต่างประเทศ ในบ้านจึงเหลือแค่ป้าแม่บ้านกับหลานสาวซึ่งน่าจะเข้านอนกันหมดแล้ว
“มีอะไรจะแก้ตัวก็พูดมาเลยครูซ นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนยังไง เลิกจูง เลิกดึงฉันได้แล้ว” ทันทีที่ผมดึงมือกันตาเดินเข้ามาโซนห้องรับแขก กันตาก็สะบัดมือออกจากฝ่ามือของผมอย่างแรง เห็นแบบนั้นผมก็ตัดสินใจหันกลับมาเผชิญหน้ากับกันตานิ่งๆ โดยไม่คิดที่จะเก็บอารมณ์อะไรเหมือนกัน
“ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัว”
“นายหมายความว่ายังไง นี่นายกำลังจะบอกฉันว่านายกับอีเด็กฝานฝานนั่น.. มันเป็นแบบที่ฉันเคยคิดไว้ใช่ไหม”
“…” ผมยืนสบสายตาของกันตานิ่งๆ ราวกับจะจ้องลึกลงไปในดวงตาของคนตรงหน้า
“เธอต้องการให้ฉันตอบเธอว่าอะไร” กันตาสูดลมหายใจเข้าลึก คล้ายกับกำลังพยายามสะกดอารมณ์โกรธของตัวเอง น่าแปลก ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองไหม แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองมองไม่เห็นความเสียใจในแววตาของกันตาเหมือนที่ผมเคยเป็น วันนั้นที่ผมรู้ตัวว่านอกใจกันตาไปมีอะไรกับฝานฝานผมรู้สึกแย่มากและเสียใจมากๆ ด้วย
“ฉันอยากรู้ว่าอีเด็กนั่นมันให้ท่านายใช่ไหม อีเด็กนั่นมันชอบนายใช่ไหมครูซ ฉันสงสัยมานานแล้วว่าตอนที่อีเด็กนั่นหายไปทำไมนายถึงดูกระวนกระวาย นายอาจจะไม่รู้ว่าฉันรู้ แต่ฉันคบกับนายมานานฉันดูออกว่านายเปลี่ยนไป ฉันสงสัยมาตั้งนานแล้วว่าอีเด็กฝานนั่นอาจจะให้ท่านายหรือมาปั่นป่วนนายจนทำให้นายนอกใจฉัน..”
“ถูกต้อง ฉันนอกใจเธอกันตา” ผมพูดตัดบทโดยไม่รอให้กันตาพูดจบ
“เพราะอีเด็กนั่นใช่ไหม มันมีดีตรงไหนครูซ!!” กันตาตะคอกใส่หน้าผมในขณะที่ผมก็ยังคงยืนนิ่งๆ ประจันหน้ากับกันตาอยู่แบบนั้น ผมจะไม่ว่าอะไรเลยถ้ากันตาจะตบหน้าผมหรือจะทุบตีผมๆ ก็จะยืนนิ่งๆ ให้ยัยนี่ทำจนกว่าจะพอดี บอกแล้วว่าทุกอย่างมันเริ่มต้นที่ผมเอง
“ไม่ใช่ เป็นเพราะฉันเอง ฉันเผลอไปมีอะไรกับฝานฝานเพราะฉันเมา ฉันปล้ำฝานฝานก่อน ฉันนอกใจเธอก่อนกันตา”
เพียะ!!! กันตาฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าของผมอย่างแรงจนความรู้สึกชาเริ่มเข้าแทรก ผมใช้นิ้วปาดเลือดที่ค่อยๆ ซึมออกมาตรงมุมปาก
“นายทำแบบนี้ได้ยังไงครูซ นายกล้ามีคนอื่น นายกล้าไปมีอะไรกับอีเด็กนั่นที่ไม่มีอะไรดีเลยได้ยังไง เพราะแบบนี้ใช่ไหมมันถึงหายไป มันต้องการเรียกร้องความสนใจจากนายและต้องการให้นายเลิกกับฉันใช่ไหม” กันตายังคงตะคอกใส่หน้าผมไม่หยุด น่าแปลกที่การทะเลาะกันคราวนี้กันตากลับไม่มีน้ำตาให้ผมสักนิด บางทีความรู้สึกของเราทั้งคู่คงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะนอกใจเธอ ฉันพลาดเอง ฉันเมา ส่วนเรื่องที่ฝานฝานหายไปเป็นเพราะฝานฝานต้องการจะย้ายคณะเรียนจริงๆ และก็.. ไม่อยากให้ฉันกับเธอเข้าใจผิดกัน” ผมจงใจพูดบิดเบือนความจริงเพราะผมไม่ต้องการให้กันตารู้เรื่องลูกของผมกับฝานฝาน ผมรู้จักนิสัยกันตาดี ผมกลัวกันตาจะทำร้ายผิงผิง
“นายรักอีเด็กนั่นเหรอครูซ นายกล้ารักมันงั้นเหรอ” กันตาพูดขึ้นพร้อมทั้งออกแรงผลักหน้าอกผมซ้ำๆ อยู่แบบนั้น จากที่ตอนแรกผมว่าจะไม่ถาม แต่ถ้าปล่อยให้มันค้างคาใจอยู่แบบนี้ผมก็คงกลายเป็นไอ้โง่แบบที่พวกเพื่อนผมพูดกันจริงๆ
“เธอเอาแต่ว่าฉัน แล้วเธอล่ะกับไอ้เพื่อนสนิทต่างคณะที่เธอบอกน่ะเป็นยังไงบ้าง” ทุกคำพูดที่ผมพูดออกไป ผมไม่ได้แสดงท่าทีว่าโกรธหรือไม่พอใจเลยสักนิด ผมถามคำถามกันตาด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนเวลาที่เราคุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ บอกแล้วว่าผมเข้าใจและผมรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะผม ไม่งั้นกันตาก็คงไม่แอบไปมีคนอื่นหรอก ในเมื่อผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อนหากกันตาจะทำบ้างมันก็ไม่ใช่ความผิดของกันตาหรอก
“ฉันบอกนายแล้วไงว่าฟลุคเป็นเพื่อน”
“แล้วเพื่อนที่เธอบอกเขาจะต้องกอดจูบกันแบบนี้ไหม” ผมว่าก่อนจะควักโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมทั้งกดเข้าอัลบั้มภาพก่อนจะกดภาพล่าสุดที่แพนด้าเป็นคนส่งมาให้ผม มันเป็นภาพที่กันตากำลังจูบกับผู้ชายที่ชื่อฟลุค หมอนั่นเป็นรุ่นพี่ที่คณะของแพนด้า
“...”
“ฉันจำได้ว่าเธอเคยบอกว่าหมอนั่นเป็นเพื่อนเธอ และฉันก็เชื่อเธอ แต่ดูเหมือนกับว่ามันจะไม่ใช่”
“ครู...”
“โอเค ฉันยอมรับผิดว่าฉันเป็นคนนอกใจเธอก่อน ฉันไม่รู้ว่าเธอแอบคบกับหมอนั่นมานานเท่าไหร่แล้ว และสาเหตุที่เธอต้องแอบคบคืออะไร เพราะจริงๆ มันอาจจะเป็นเพราะฉันละเลยเธอ”
“หึ นายเพิ่งจะรู้สึกตัวเหรอว่าตั้งแต่ที่ฝานฝานหายไปนายแทบจะไม่สนใจฉันเลย”
“ฉันรู้มาตลอดว่าฉันผิด และฉันก็รู้สึกผิดต่อฝานฝานด้วย เธอคิดว่ามันจะแย่สักแค่ไหนกันกับการที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึงจะต้องมาโดนคนอย่างฉันรังแกแบบนั้น.. ถึงแม้ว่าฉันจะเมาไม่รู้ตัวก็เถอะ”
“นายจะรู้อะไร อีเด็กนั่นอาจจะชอบก็ได้”
“พอเถอะกันตา เลิกว่าร้ายฝานฝานได้แล้ว”
“ไม่พอ เพราะแบบนี้ไง นายควรจะรู้ตัวไว้ด้วยครูซว่านายก็ไม่ได้ต่างไปจากผู้ชายเจ้าชู้ทั่วไป นายทำตัวเอง และที่ฉันต้องแอบมีคนอื่นก็เพราะนายเป็นแบบนี้” กันตายกแขนขึ้นกอดอกก่อนจะเหยียดยิ้มสะใจใส่ผม ในขณะที่ผมก็ยอมจำนนต่อคำพูดของกันตา อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะเพราะเท่าที่เป็นอยู่ผมก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว
“สรุปว่า เธอยอมรับแล้วใช่ไหมว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่ได้มีแค่ฉัน”
“ใช่ ฟลุคไม่ใช่เพื่อนฉัน พอใจนายหรือยัง”
“แล้วตอนที่ฉันถามเธอ ทำไมเธอไม่ยอมพูดความจริงกับฉันเพราะถ้าเธอพูดความจริงและเธอเลือกที่จะไปจากฉันๆ ก็จะไม่ขัดขวางเธอสักนิด”
“พูดแบบนี้แสดงว่านายเองก็คงไม่เหลือเยื่อใยให้ฉันแล้วสินะ”
“มันไม่ใช่แค่ฉัน จริงๆ แล้วทั้งฉันและเธอต่างก็ไม่เหลือเยื่อใยให้กันต่างหากล่ะ เพราะถ้ามันยังหลงเหลืออยู่จริง เธอคงไม่แอบคบหมอนั่นทั้งๆ ที่ยังมีฉันอยู่แบบนี้หรอก หรือเธอต้องการแก้แค้นที่ฉันไม่สนใจเธอ งั้นเหรอ?” ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงตั้งคำถามในขณะที่กันตาเอาแต่หลบสายตาผม เห็นแบบนี้ผมก็รู้แล้วว่ากันตากำลังคิดอะไรอยู่
“เรื่องระหว่างเรา ฉันว่าให้มันจบลงแค่นี้เถอะ” สุดท้ายผมก็ตัดสินใจพูดมันออกมา ผมรู้ว่าผมผิด ผมมันเห็นแก่ตัวตั้งแต่แรก และผมก็เบื่อกับสถานะที่แสนจะอึดอัดระหว่างผมกับกันตาเต็มทน ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับฝานฝานมันเรียกว่าเวรกรรมหรือพรหมลิขิตกันแน่ แต่วันนี้ผมจะยอมเห็นแก่ตัวกับทุกอย่างเพื่อชดเชยความผิดที่ผมเคยทำไว้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึง
“นายตัดฉันได้จริงๆ เหรอครูซ” กันตาคว้าแขนผมไว้ในตอนที่ผมกำลังจะเดินผ่านหน้าเธอไป
“เธอต่างหากที่ตัดฉันออกจากชีวิตเธอไปตั้งนานแล้ว.. กันตา”
END CRUZ SPECIALS
“ไอ้ฝานเป็นไงบ้าง” ทันทีที่พี่ครูซพาพี่กันตาออกไปจากที่นี่ ไอ้เหนือกับไอ้แดนก็เดินเข้ามาคว้าแขนฉันกันคนละข้าง
“แค่นี้ฉันไม่ตายหรอกน่า ผู้หญิงบ้านั่น เหอะ” ฉันสบถอย่างหัวเสียก่อนจะปัดๆ เสื้อผ้ายับยู่ยี่ตามตัว
“ผู้หญิงอะไรวะ แม่งโคตรจะไม่มีเหตุผลเลย คิดได้ไงว่าไอ้ฝานจะมาแย่งไอ้ครูซ” พี่กุนซือส่ายหัวไปมาอย่างไม่เห็นด้วย ตอนนี้โต๊ะอื่นๆ เลิกให้ความสนใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้แล้ว
“เจ็บตรงไหนไหมฝานฝาน เมื่อกี้นี้โดนกันตาผลักซะแรงเลย” พี่ขุนเขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงฉันจึงส่ายหน้าแทนคำตอบ ตอนนี้ฉันไม่อยากจะพูดอะไรกับใครเลย ไม่รู้สิ มันรู้สึกแย่ยังไงก็ไม่รู้ จู่ๆ ขอบตามันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาซะงั้น ทำไมนะ ฉันเคยคิดว่าฉันเข้มแข็งได้แล้ว แต่พอมาโดนพี่กันตาอาละวาดใส่เมื่อกี้นี้ฉันถึงไม่มีแรงแม้แต่จะตอบโต้
'เธอกับครูซเป็นอะไรกัน เธอแอบชอบครูซใช่ไหมฝานฝาน พอเธอหายไปครูซถึงได้เป็นบ้าขนาดนั้น หรือที่เธอหายไปเพราะเธอจงใจเรียกร้องความสนใจจากครูซ เธออยากให้ครูซทิ้งฉันใช่ไหมฝานฝาน' คำพูดที่พี่กันตาป่าวประกาศเมื่อกี้นี้แล่นวาบเข้ามาในหัวฉันราวกับจะตอกย้ำฉันซ้ำๆ อยู่แบบนั้น
“ฝานขอกลับก่อนนะพวกพี่ ถ้าฝานไม่อยู่ผิงผิงจะไม่ยอมนอน” สุดท้ายฉันก็เอาลูกมาอ้างเพราะกลัวโดนรั้ง ฉันไม่ได้บอกลาใครก่อนจะรีบจ้ำอ้าวออกมาจากตรงนั้น
“ฝานฝาน เดี๋ยวก่อน” ฉันชะงักฝ่าเท้าด้วยความตกใจเพราะเจ้าของเสียงคุ้นหูที่กำลังเรียกชื่อของฉันด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ พอฉันหันไปมองกลับพบว่าเป็นเฮียผากับเฮียโอมที่กำลังเดินตรงมาที่ฉัน เฮียผาจ้องหน้าฉันด้วยความสงสัยในขณะที่ฉันก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติทำเหมือนว่าเมื่อกี้นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะส่งยิ้มให้เฮียผากับเฮียโอม
“อ้าว เฮีย อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ”
“ใช่ ฝานมาทำอะไรที่นี่” เฮียผาขมวดคิ้วเล็กน้อย ฉันไม่แน่ใจว่าเฮียผากับเฮียโอมเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ไหมเพราะเสียงมันก็ค่อนข้างดังแถมยังมีชื่อของพี่ครูซอยู่ในนั้นด้วย มาถึงตอนนี้ฉันก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเฮียผารู้ไหมว่าพ่อแท้ๆ ของผิงผิงชื่ออะไร เฮียผาไม่ใช่คนโง่ ถึงตอนนี้เฮียผาจะไม่รู้หน้าว่าใครคือพ่อของผิงผิงแต่สักวันฉันเชื่อว่าเฮียผาจะต้องสืบจนรู้ พี่ชายของฉันมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น และที่สำคัญเฮียผาก็โกรธพี่ครูซมากด้วย
“ฝานมาหาเพื่อน แต่กำลังจะกลับแล้ว”
“เมื่อกี้นี้เฮียเหมือนได้ยินคนมีเรื่องกันแถวๆ นี้ ใช่ฝานหรือเปล่า” เฮียผายืนกอดอกนิ่งๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วร้าน กระทั่งสายตาของเฮียผามาหยุดอยู่ที่แก๊งพี่ขุนเขา
“เปล่านิ เป็นพวกอื่นน่ะเถียงกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้แต่เมื่อกี้นี้ออกไปแล้ว”
“งั้นเหรอ”
“อื้อ ว่าแต่เฮียเถอะจะกลับบ้านเลยไหมฝานจะกลับแล้ว” ฉันตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวเฮียผาจะโยงเข้าเรื่องเดิมไม่จบ
“กลับสิ ฝานจะกลับพร้อมเฮียเลยไหม”
“อื้ม” ฉันพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินนำเฮียผาไปที่ลานจอดรถ ก่อนเดินออกจากร้านฉันหันไปมองพวกแก๊งพี่ขุนเขาซึ่งกำลังนั่งชนแก้วเหล้ากันเงียบๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและฉันก็แอบเห็นด้วยว่าพี่ขุนเขาเหลือบสายตามามองฉันนิดนึง
ฉันนั่งรถกลับมากับเฮียโอมและเฮียผา วันนี้เฮียโอมจะมานอนที่บ้านด้วยเพราะต้องทำโปรเจกต์คจบกับเฮียผา ฉันนั่งฟังเฮียโอมกับเฮียผาคุยกันเรื่องโปรเจกต์จบรวมไปถึงเรื่องข้อมูลที่ต้องไปคุยกับอาจารย์ ในขณะที่ฉันก็เอาแต่นั่งเงียบๆ มาตลอดทางเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ถ้าเป็นเวลาปกติฉันก็อาจจะมีเรื่องพูดนั่นแหละเพียงแต่ว่าตอนนี้ฉันดันมีเรื่องอื่นให้ต้องครุ่นคิดมากกว่า
“ฝานฝาน แวะซื้ออะไรกินไหมเฮียจะเลี้ยวรถเข้าหมู่บ้านแล้วนะ” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่เฮียผาจอดรถแล้วหันมาถาม
“เอ่อ ไม่ดีกว่า ฝานอิ่มแล้ว”
“เป็นอะไร ทำไมดูเหม่อๆ” เฮียผาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะเอื้อมมือมาแตะๆ หน้าผากฉัน "หรือว่าป่วย"
“ฝานไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ เฮียทำอย่างกับว่าฝานขี้โรคงั้นแหละ” ฉันแกล้งบ่น
“โว๊ะ พี่ห่วงก็ผิดอีก”
“เฮ้ยๆ มึงจอดก่อน เดี๋ยวกูขอลงไปหาของกินแป๊บนึง” เฮียโอมพูดแทรกขึ้นมาก่อนจะเปิดประตูรถลงไปซื้อของกิน รอไม่นานเฮียโอมก็กลับมาแล้วเฮียผาก็ขับรถเข้าหมู่บ้าน
หลังจากเฮียผาขับรถเข้ามาจอดในบ้านฉันก็เดินขึ้นห้องก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ผิงผิงนอนหลับไปแล้วส่วนป้าของฉันก็นอนกับผิงผิง ปกติฉันจะนอนกับลูก ทุกๆ วันฉันจะเป็นคนกล่อมผิงผิงเข้านอน ก็เล่นกันจนเหนื่อยนั่นแหละ ผิงผิงเป็นเด็กที่นอนดึกมาก
ฉันตัดสินใจเดินออกมาหน้าบ้านเพราะยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่ ตอนนี้ในหัวสมองมันเอาแต่คิดเรื่องพี่กันตา การที่พี่กันตามาอาละวาดฉันแบบนั้นแสดงว่าพี่กันตารู้เรื่องที่ฉันกับพี่ครูซเคยพลาดมีอะไรกันงั้นเหรอ หรือว่าพี่กันตาระแวงอะไรกันแน่ พี่กันตาหมายความว่ายังไง หลังจากที่ฉันหายไปมันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ และต่อให้เมื่อก่อนฉันจะเคยชอบพี่ครูซยังไง ฉันก็มั่นใจว่าฉันไม่เคยแสดงออกไปให้ใครเห็น หรือทำท่าทีมีพิรุธจนคนอื่นสงสัย หรือเป็นเพราะเมื่อก่อนฉันกับพี่ครูซสนิทกันมากไปพี่กันตาก็เลยระแวง
“ฝานฝาน”
“เอ้า เฮียโอม ยังไม่นอนอีกเหรอ” ฉันหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะเห็นเฮียโอมกำลังเดินออกมาจากประตูบ้าน สองมือกำลังถือถ้วยอะไรบางอย่างออกมาด้วย สงสัยจะเอามานั่งกินนอกบ้านล่ะมั้ง
“ยัง ก็บอกอยู่ว่าคืนนี้เฮียทำงานทั้งคืนกว่าจะได้นอนก็สว่างโน่นแหละ” เฮียโอมเดินมานั่งที่โต๊ะม้าหินข้างๆ ฉัน
“อ่อ จะจบแล้วก็งานหนักแบบนี้แหละเนอะ” ฉันว่ายิ้มๆ
“อื้ม อ่ะ นี่ๆ กินซะสิ เฮียอุ่นมาให้” พูดจบเฮียโอมก็ยื่นชามก๋วยเตี๋ยวที่ยังมีควันลอยอยู่มาตรงหน้าฉัน เห็นแบบนั้นฉันก็ได้แต่ทำจมูกฟุดฟิดๆ ด้วยความที่กลิ่นมันหอมจนชวนหิวขึ้นมาซะงั้น
“ใช่ร้านที่เฮียโอมแวะซื้อเมื่อกี้นี้หรือเปล่าเนี่ย” ฉันถามด้วยความสงสัยก่อนจะรับชามก๋วยเตี๋ยวมาดมๆ กลิ่นน้ำซุปหอมชะมัดเลย
“ใช่ จำได้ว่าเจ้านั้นฝานแวะซื้อกินบ่อย เห็นฝานไม่ยอมลงไปซื้ออะไรกินเฮียก็เลยซื้อมาเผื่อ กินซะสิเดี๋ยวก็เย็นหมดหรอก”
“หืมม จากตอนแรกที่ไม่ค่อยหิวพอได้กลิ่นจู่ๆ ก็หิวขึ้นมาซะงั้น” ว่าจบฉันก็คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากอย่างไม่เกรงใจ
“เป็นไง อร่อยไหมล่ะ” เฮียโอมเลิกคิ้วใส่ฉันอย่างขำขำ เห็นแบบนั้นฉันก็เลยชูนิ้วโป้งขึ้นตรงหน้า
“สุดยอดไปเลย เฮียโอมนี่รู้ใจชะมัดว่าฝานชอบกินบะหมี่”
“อร่อยก็กินเยอะๆ ดิ จะได้อ้วนๆ”
“โหย ไม่เอาอะ แค่นี้ก็อ้วนพอแล้วเฮียโอมรู้ป่ะว่าล่าสุดฝานน้ำหนักขึ้นมาตั้งสองกิโลแน่ะ” ฉันส่ายหัวไปมาด้วยความหงุดหงิด เพราะล่าสุดที่เพิ่งชั่งน้ำหนักมามันเพิ่มขึ้นตั้งสองกิโล ฉันยิ่งไม่อยากเปลี่ยนไซส์กางเกงใหม่ด้วย
“อ้วนตรงไหน แบบนี้แถวบ้านเฮียเรียกผอมแห้ง” เฮียโอมหัวเราะ
“ไม่จริง เฮียโอมนี่ไม่รู้อะไรซะแล้วว่าฝานมีพุง”
“ฮ่าๆๆๆ เชื่อเฮียเถอะว่าฝานน่ะไม่อ้วนหรอก กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เจอกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตัวเท่านี้ตลอด”
ฉันนั่งฟังเฮียโอมพูดเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ ในขณะที่ตัวเองก็คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากไม่ยอมหยุด สาบานได้ว่าก่อนหน้าฉันไม่หิวเลยสักนิด คงเป็นเพราะในหัวสมองมันเอาแต่คิดเรื่องพี่ครูซกับพี่กันตาด้วยล่ะมั้ง แต่พอกลับมาบ้านแล้วยังมาโดนเฮียโอมเอาก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำมาล่อแบบนี้ จากที่บอกว่าไม่หิวก็กลับกลายเป็นกินไม่หยุดขึ้นมาซะงั้น หลังจากซัดก๋วยเตี๋ยวจนหมดชามฉันก็เพิ่งสังเกตได้ว่าเฮียโอมเลิกพูดแล้ว พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีกลับพบว่าเฮียโอมกำลังนั่งจ้องหน้าฉันด้วยสายตาแปลกๆ แถมยังอมยิ้มแปลกๆ ด้วย
“…”
“เฮียโอม” ฉันว่าก่อนจะโบกมือไปมาตรงหน้าเฮียโอม ไม่ใช่ว่าหลับในไปแล้วหรอกนะ
“หืมมม”
“เอ้า นึกว่านั่งหลับใน”
“จะบ้าเหรอ เฮียเนี่ยนะ”
“ก็มีเฮียโอมนั่งอยู่คนเดียว” ฉันว่าขำขำ บางทีเฮียโอมก็ชอบทำตัวตลก
“เฮียนั่งมองฝานกินนั่นแหละ ตลกดี” เฮียโอมพูดพร้อมทั้งอมยิ้มแบบล้อเลียน
“ตลกยังไง” ฉันเลิกคิ้ว
“ก็..” เฮียโอมเงียบไปก่อนจะจ้องหน้าฉันนิ่งๆ ด้วยสายตาที่ฉันไม่คุ้นเคย ฉันก็เลยจ้องหน้าเฮียโอมกลับไป จ้องกันไปจ้องกันมาอยู่นานฉันก็ตัดสินใจหันหน้าหนีเพราะไม่ค่อยชินกับสายตาที่เฮียโอมมองเมื่อกี้นี้ จริงๆ นะ ฉันไม่ค่อยชินกับสายตาแบบนี้เลย เพราะมันทำให้ฉันอดนึกถึงสายตาเจ้าเล่ห์ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มขี้เล่นของใครบางคนไม่ได้
“…”
“ก็ ตลกแบบ.. น่ารัก” ท้ายประโยคเฮียโอมพูดเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยินแต่ฉันก็ดันได้ยินมันเต็มสองรูหู พอฉันเงยหน้าขึ้นมามองเฮียโอมอีกครั้งปรากฎว่าเฮียโอมกำลังเกาหัวด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ก่อนจะคว้าชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าฉันพร้อมกับหันหลังเดินเข้าไปในตัวบ้านเฉยเลย
“อะไรของเฮียโอมวะ”
CRUZ SPECIALS
ผมมีเบอร์โทรของฝานฝานแต่ผมกลับไม่มีความกล้าพอที่จะโทรไปหา วันนี้ที่ร้านอาหารผมแอบได้ยินไอ้โอมกับไอ้ผามันคุยกันเรื่องฝานฝานกับผิงผิง ตอนแรกผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังหรอกแต่เป็นเพราะไอ้ต่อมความอยากรู้มันกลับทำงานหนักจนผมต้องไปหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ตรงมุมใกล้ๆ กับที่พวกมันกำลังยืนคุยกัน แต่ตอนนี้ผมก็อยากจะขอบคุณความอยากรู้ของตัวเองนั่นแหละ เพราะถ้าผมไม่ไปแอบฟังพวกมันคุยกันผมก็คงไม่ได้รู้สิ่งที่อยากรู้มานาน และถ้าจะให้ไปคาดคั้นจากฝานฝานก็อย่างที่เห็น ผู้หญิงปากแข็งคนนั้นไม่เคยคิดที่จะบอกอะไรผมอยู่แล้ว สำหรับฝานฝาน.. ไอ้พี่ครูซที่แสนจะปากหมาและเฮงซวยคนนี้คงเป็นเพียงผู้ชายใจร้ายและไม่มีค่าในสายตาของฝานฝานไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปผมจะขอเริ่มใหม่ ผมจะทำให้ฝานฝานยอบรับผมและให้อภัยผมให้ได้ ผมจะขอทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความผิดไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม และที่สำคัญ.. ผมจะต้องเอาชนะหัวใจของฝานฝานให้ได้
“พี่ไม่มีวันยอมแพ้หรอกฝาน” ผมค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง หลังจากแยกจากกันตา ผมก็ขับรถกลับมาบ้าน ความคิดแรกที่ผมคิดได้ก็คือ ผมอยากจะคุยกับแม่เรื่องฝานฝานและผิงผิง ผมจะต้องยอมรับความผิดกับแม่ก่อนว่าผมเคยทำผู้หญิงท้อง แต่คิดไปคิดมาผมก็ต้องหยุดชะงักความคิดนั้นไว้เพราะถ้าผมบอกแม่ตอนนี้แม่จะต้องบุกไปหาฝานฝานและแสดงความรับผิดชอบแน่ๆ และแน่นอนว่ามันจะต้องไม่ได้ง่ายอย่างที่แม่ผมคิด ฝานฝานยังไม่ยอมรับผม ในเมื่อผมเป็นคนเริ่มเรื่องทั้งหมด จะมาคอยให้แม่ช่วยอย่างเดียวมันก็เป็นไปไม่ได้ อีกไม่นานครอบครัวของผมก็ต้องรู้ว่าผมเลิกกับกันตาแล้ว ที่ผ่านมาผมไม่เคยยอมรับความรู้สึกของตัวเองเลยว่าแท้จริงแล้วในเวลานี้ผมรู้สึกยังไงกับกันตากันแน่ ผมไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองไม่ได้รักกันตาแล้วเพราะยังรู้สึกผิด ตั้งแต่ฝานฝานดรอปเรียนไป ความรู้สึกที่ผมคิดว่ามันมั่นคงต่อกันตาก็เริ่มเขว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในหัวสมองของผมมันเอาแต่คิดถึงฝานฝาน มันเอาแต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าฝานฝานไปไหน ทำไมฝานฝานถึงดรอปเรียน ทำไมฝานฝานถึงหายไป และฝานฝานมีเหตุผลอะไรถึงต้องตัดขาดการติดต่อกับพวกผม เวลานั้นในหัวสมองของผมมันเอาแต่ตั้งคำถามว่าทำไมๆๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงแบบฝานฝาน ผู้หญิงที่ผมมักจะเอาแต่ล้อว่าไม่สวย หวีผมไม่เป็น แต่งตัวไม่เป็น นมไม่มีบ้าง สู้อะไรสาวๆ ในสต็อกของผมก็ไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเริ่มเข้ามามีผลกระทบต่อหัวใจของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ตระหนักได้อีกครั้งก็ตอนที่ผมเอาแต่คิดถึงฝานฝานไม่เลิก และพอได้มาเจอกันอีกครั้งผมก็แทบบ้าและยิ่งมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นไปอีก
เวลา.. ผมขอแค่เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
เช้านี้ผมขับรถมาที่บ้านของฝานฝานตั้งแต่เช้า ในเมื่อฝานฝานยังยืนกรานที่จะไม่ยอมรับว่าผมเป็นพ่อของผิงผิงผมก็จะแกล้งโง่ต่อไปทำเป็นไม่รู้ อยากโกหกก็เชิญโกหกต่อไปเลยเพราะผมเองก็จะน้อมรับคำโกหกนั้นไว้ ผมจะพิสูจน์ให้ฝานฝานเห็นว่าผมสามารถดูแลลูกและเมียได้ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ปัญหาหนักกว่านี้ผมก็เคยเจอมาแล้วเพราะฉะนั้นผมจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด
“เร็วดิฝานฝาน เฮียมีส่งงานนะเนี่ย”
“โธ่ เฮียผารอนิดรอหน่อยก็ไม่ได้ ฝานใส่รองเท้าอยู่เนี่ย”
“ให้ว่องดิ”
ผมชะโงกหน้าออกมาจากมุมเสาก่อนจะมองเข้าไปในบ้านของฝานฝาน วันนี้ผมขับรถมาแต่ว่าจอดไว้แถวๆ สวนสาธารณะเพราะผมไม่ต้องการให้เป็นที่สังเกตอะไรมาก ตอนแรกผมกะว่าจะมาหาฝานแต่ก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ว่าฝานมีเรียนเช้า
“บ่นๆๆๆ เป็นตาแก่ไปเลย” ฝานฝานทำหน้าล้อเลียนไอ้ผา และมันก็ทำให้ผมนึกไปถึงเมื่อก่อนเวลาที่ผมกับฝานชอบแหย่กัน ฝานฝานก็มักจะทำหน้าตาล้อเลียนแบบนี้ใส่ผมเหมือนกัน ผมกวาดสายตามองฝานฝานตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความหงุดหงิด ฝานฝานเปลี่ยนสีผมจากดำเป็นโกรกผมสีน้ำตาลแดงๆ คือปกติฝานมันก็ขาวอยู่แล้วนะแต่พอโกรกผมสีนี้กลับยิ่งขับให้ผิวขาวๆ นั่นโดดเด่นขึ้น และอะไรวะนั่น.. ฝานฝานใส่กระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย มันจะสั้นไปไหม ทำไมอยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาก็ไม่รู้
“เฮ้ยไอ้ผา อ่ะนี่รับด้วย” ไอ้โอมที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านโยนแฟ้มอะไรบางอย่างให้ไอ้ผา นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนมันนอนที่นี่น่ะ ในเมื่อมันเป็นสามีตัวปลอมของฝานฝานแล้วทำไมมันต้องมานอนที่นี่ด้วย
“อย่าบอกนะว่ามันเป็นแผนต้องการเอาชนะน้องสาวโดยการเข้าหาพี่ชาย” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ “ฝันเหอะ”
“มึงนี่ก็อะไร แต่งตัวช้าเกิน”
“คนหล่อทำอะไรก็ไม่ผิด” นี่ถ้ามีกระโถนอยู่ตรงนี้ผมจะชะโงกหน้าไปอ้วกเอาโจ๊กที่กินไปไม่ถึงครึ่งถ้วยก่อนออกจากบ้านออกมาให้หมด จะอ้วกใส่ต้นไม้ก็ยังกลัวต้นไม้ตายเลย คนอะไรหลงตัวเองชะมัด มันคงคิดว่ามันหล่อมากสินะ
รอสักพักไอ้ผาก็ขับรถออกไปโดยมีฝานฝานกับไอ้โอมติดรถไปด้วย ถ้าให้เดาผมว่าฝานฝานคงมีเรียนเช้าจริงๆ นั่นแหละ เห็นแพนด้ามันเคยบอกว่าเด็กปีหนึ่งคณะมันเรียนหนักสุดๆ จากที่ตอนแรกอยากจะมาเจอหน้าเพราะเป็นห่วงเรื่องเมื่อคืน ผมจำได้ว่าฝานฝานโดนกันตาผลักไปชนกับขอบโต๊ะ สงสัยคงต้องรอจนฝานฝานกลับมาแหละมั้ง
“อ้าว พ่อหนุ่ม มาอีกแล้วเหรอลูก” กำลังจะกดออดเรียก แต่โชคดีที่คุณป้าของฝานฝานออกมาพอดี
“ครับ ผมซื้อของกินมาฝากด้วยนะครับ” ผมพูดพร้อมกับชูถุงโจ๊ก ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ แล้วก็ผลไม้อีกนิดหน่อย เช้าขนาดนี้ผมหาได้แค่นี้จริงๆ
“มาๆ เข้ามาก่อนลูก เอ้อ แต่ว่าฝานฝานออกไปเรียนแล้วนะ เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง” คุณป้าของฝานฝานเดินนำผมเข้าไปในบ้านก่อนจะหันมายิ้มให้อย่างใจดี
“อ่อ ครับ สงสัยจะสวนกันเมื่อกี้นี้” ผมตั้งใจโกหกไปแต่ก็แอบรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ แต่ทำไงได้ล่ะ คุณป้าของฝานฝานใจดีมากถ้ารู้ว่าผมเป็นใครอาจจะไล่ตะเพิดผมออกไปจากบ้านก็ได้
“แต่เห็นว่าวันนี้จะกลับมาตอนบ่ายนะ ถ้าพ่อหนุ่มไม่มีเรียนนอนเล่นรอฝานฝานอยู่ที่นี่ก็ได้นะลูก”
“ครับ ขอบคุณครับ ว่าแต่ว่า ลูกผิ.. เอ่อ... หลานผิงไม่อยู่เหรอครับ”
“อยู่สิ ป้าไม่แน่ใจว่าตื่นหรือยังแต่คุณลุงนอนเฝ้าอยู่บนห้องน่ะ พ่อหนุ่มอยากขึ้นไปเล่นกับหลานไหมล่ะ”
“อยากครับ” ผมกระตือรือร้นขึ้นมาแทบจะทันที วันก่อนยังกอดไม่หายชื่นใจเลย ฝานฝานก็มาแย่งลูกไปจากผมซะก่อน ผมเดินตามป้าของฝานฝานขึ้นมาบนห้องของฝานฝาน ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องผมก็ได้แต่ชะงักเล็กน้อย รู้สึกสบายตาและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ห้องของฝานฝานตกแต่งโดยเน้นไปทางโทนสีขาว ภายในห้องตกแต่งอย่างเรียบร้อยเป็นระเบียบ นอกจากนี้ก็ยังเต็มไปด้วยของใช้เด็กอ่อน และนั่น.. มีเปลเด็กด้วย
“ปกติ ผิงผิงนอนกับฝานฝานเหรอครับ”
“ใช่จ๊ะ แม่ลูกคู่นี้เขาติดกันมาก”
“เอ้า นั่นหนุ่มหล่อที่ไหนกันล่ะ” เดาว่าน่าจะเป็นคุณลุงของฝานฝาน เพราะคุณลุงที่เมื่อกี้นี้กำลังเล่นอยู่กับผิงผิงหันมามองผมก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างใจดี
“เป็นรุ่นพี่ของฝานฝานน่ะค่ะคุณ พอดีเขามาหาฝานแต่ว่าแม่ตัวดีของเราไปเรียนซะก่อนก็เลยขึ้นมาเล่นกับผิงผิงแทน”
“อ้อ ถ้างั้นก็ตามสบายเลยนะ นานมากแล้วที่ไม่ค่อยมีเพื่อนมาเยี่ยมฝานฝานที่บ้าน เห็นจะมีก็แต่เจ้าเชวานั่นแหละที่เทียวไปเทียวมาบ่อยมากที่สุด” แวบเดียวเท่านั้นที่ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของคุณลุงดูเศร้าๆ ถึงแม้ว่าคุณลุงจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแต่ผมก็ดูออก และนั่นก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเสียใจมากขึ้นกว่าเดิม ที่ผ่านมาฝานฝานคงลำบากมาก ในขณะที่ฝานฝานต้องอุ้มท้องผิงผิงถึงเก้าเดือน ฝานฝานต้องอยู่ตัวคนเดียว ในขณะที่ผม... อีกครั้งที่ผมหลับตาลง พยายามข่มความรู้สึกแย่ที่อัดแน่นอยู่เต็มอกลงไป
“เอ่อ.. เรียกแต่พ่อหนุ่มๆ ป้ายังไม่รู้จักชื่อเลย” เพราะเสียงของคุณป้าจึงทำให้ผมได้สติอีกครั้ง
“ครูซครับ ผมชื่อครูซ” ผมตัดสินใจบอกออกไปแบบนั้น
“ว่าไงนะ พ่อหนุ่มชื่อว่าอะไรนะลูก” คุณป้าของฝานฝานถามย้ำอีกครั้ง น้ำเสียงดูแปลกใจมาก
“ครูซครับ” ผมเน้นย้ำชื่อของตัวเองอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“อื้ม ครูซ งั้นป้ากับลุงฝากครูซอยู่กับผิงผิงก่อนนะลูก เดี๋ยวป้ากับลุงขอลงไปทำธุระข้างล่างแป๊บนึง”
“ได้เลยครับ สบายมากเลย” ผมตอบกลับไปพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี จะไม่ให้อารมณ์ดีได้ยังไงนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมกำลังจะได้ใกล้ชิดกับลูกสาวของผม ทันทีที่คุณป้ากับคุณลุงของฝานฝานเดินออกไปนอกห้อง ผมก็รีบเดินเข้าไปหาผิงผิงที่กำลังนอนเล่นตุ๊กตาหมีอยู่บนเตียง วันก่อนผมไปซื้อคู่มือเลี้ยงลูกมา ผมซื้อมาหลายเล่มมากๆ เพราะต้องการศึกษาวิธีการเลี้ยงลูกให้มากที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนี้มันแปลกใหม่ไปหมด ผมแทบจะเลี้ยงเด็กไม่เป็น อุ้มเด็กไม่เก่ง แต่เพียงแค่ได้เห็นหน้าผิงผิงครั้งแรกผมก็รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก บางทีมันอาจจะเป็นเพราะสายเลือดความเป็นพ่อลูกของเราที่สื่อถึงกัน
“ว่าไงผิงผิงของพ่อ” ผมยิ้ม มั่นใจว่ามันเป็นรอยยิ้มที่สุขมากที่สุด ผมค่อยๆ อุ้มผิงผิงขึ้นมาตามวิธีที่คุณป้าของฝานฝานเป็นคนสอน โอ๊ะ เจ้าหนูผิงผิงตัวนิ่มเป็นบ้าเลย ตอนนี้ผิงผิงเจ็ดเดือนแล้ว จะอุ้มแต่ละครั้งก็กลัวจะทำลูกหล่นตลอด “ผิงผิง พ่ออยากรู้ว่าแม่ของผิงผิงจะตัวนิ่มเหมือนผิงผิงไหม” พูดจบผมก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
“ไม่ต้องห่วงนะ ถึงแม่จะไม่ยอมรับพ่อแต่พ่อเชื่อว่าสักวันแม่เขาจะต้องใจอ่อน” ผมแค่นยิ้มออกมาอย่างยากลำบากก่อนจะกุมมือน้อยๆ ของเจ้าหนูในอ้อมแขน.. ลูกสาวตัวน้อยของผม
“ผิงผิงของพ่อครูซ” ผมควานหากำไลข้อเท้าเด็กในกระเป๋าเสื้อ กำไลข้อเท้าเงินลายดอกไม้น่ารักๆ มีกระดิ่งเล็กๆ ห้อยอยู่ ก่อนจะนำออกมาสวมให้ผิงผิงที่สบตาผมคล้ายกำลังสงสัยว่าผมเป็นใคร
“นี่พ่อไง พ่อเป็นพ่อของผิงผิงนะคะ” ผมก้มลงจูบฝ่ามือเล็กๆ ของเจ้าหนูในอ้อมแขนที่ดิ้นไปมาไม่หยุดก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้งทั้งน้ำตา “พ่อผิดเองที่วันนั้นพ่อผลักไสแม่ของผิงผิงไป”
END CRUZ SPECIALS
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ก็สงสารครูซนะแต่ฝานเองก็เจ็บไม่ใช่น้อยสำหรับเรื่องราวที่ผ่านมาแต่ก็นะต้องพยายามหน่อยเพราะที่ผ่านมาสิ่งที่อีครูซพูดมันก็ไม่ต่างอะไรกับการไล่ทางอ้อมเลยเป็นนี่ก็เลือกที่จะทำเหมือนฝานฝาน ก็นะ....พิสูจน์ตัวเองให้ได้ล่ะกัน