คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : SNAKE02 ll เป็นเมียงูครั้งที่2 {อัพ100%} แค่ปลดเปื้องอาภรณ์
ซ่า...
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สุดช็อกด้านหลังโรงเรียน
นี่เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้
ที่ฉันใช้มือวักน้ำจากก็อกชโลมหน้าตัวเองอยู่บริเวณอ่างหน้าของนักกีฬาตรงสนามบาสเก่า
ใบหน้าบริเวณที่ถูกลิ้นร้อนของ ธอน เฮนเลย์ลากผ่านนั้นยังร้อนจนรู้สึกได้จนถึงตอนนี้ พอรู้สึกถึงมัน มือก็รีบวักน้ำชโลมหน้าซ้ำๆ ราวกับอยากให้ความเย็นช่วยชำระความรู้สึกที่มีให้หมดไป
ตั้งแต่เกิดมาจนอายุเท่านี้
นี่คงเป็นครั้งแรกที่ฉันถูกเพื่อนต่างเพศกระทำใส่อย่างจาบจ้วงและล่วงเกินเป็นครั้งแรก
โชคดีที่ตอนนั้นคุณแมทสันให้คนมาตามตัวเขาไปพบเสียก่อน ไม่เช่นนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรต่อไป
ดูอย่างตอนนี้สิ
ทั้งที่มันก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้ว ความรู้สึกนุ่มของลิ้นอุ่นยามกวาดผ่านข้างแก้ม
มันทำให้ฉันอะไรไม่ถูกจนถึงเวลานี้ โดยเฉพาะกับภาพงูในความฝันซึ่งซ้อนทับกับภาพใบหน้าของเฮนเลย์ในระยะใกล้
มันดูชัดเจนราวกับสิ่งที่เกิดในช่วงเวลานั้นคือคือการเดจาวู พลอยให้นึกถึงคำพูดของอสรพิษตัวเขื่องในฝันไม่ได้
‘เธอคือโบอา...Ssss…ส่วนฉันคือไพธอนเป็นพี่ชายเธอ’
ไพธอน กับ ธอน
งั้นเหรอ...
อ่าให้ตายสิ!
ฉันต้องเป็นบ้าแน่ๆ ที่เอาแต่คิดถึงเรื่องเด็กใหม่กับงูตัวนั้นไม่หยุด พอทีน่า โบอา! มันก็แค่การแกล้งกันที่บังเอิญคล้ายกับเรื่องในความฝันเท่านั้นแหละ...
หลังจากสงบสติอารมณ์ที่ขาดกระเจิงของตัวเองให้กลับคือสู่สภาวะปกติได้สำเร็จ
ฉันก็ตัดสินใจพาตัวเองไปยังคลาสเรียนเคมี ซึ่งป่านนี้คงเริ่มเรียนกันไปได้สักพักแล้ว
อันที่จริงหากเข้าเรียนสายแบบนี้
ฉันจะโดดวิชานั้นเลยก็ยังได้ แต่ว่าสำหรับคนไม่มีเพื่อนแล้ว
ฉันจึงพลาดวิชากิจกรรมเสริมอย่างกิจกรรมชมรมไป
ทำให้ต้องตั้งใจเรียนเพื่อทำคะแนนสอบและชิ้นงานให้ได้มากกว่าคนอื่นๆ
ต่อให้รู้ว่าการเข้าเรียนสายมันจะทำให้ตัวเองกลายเป็นจุดสนใจของคนอื่นๆในคลาสก็ตาม
ครืดดด...
“อ้าวคุณบราวน์...”
เสียงทักดุๆ
ของคุณ 'คิทแมน' อาจารย์คลาสเคมีเอ่ยทักขึ้นเมื่อประตูห้องถูกเลื่อนออก
ซึ่งมันก็พลอยให้สายตาหลายสิบคู่พร้อมใจกันมองมายังฉันเป็นตาเดียวกัน รวมไปถึงนัยน์ตาคู่สวยของเฮนเลย์บริเวณหลังห้องด้วยเช่นกัน
“นี่มันกี่โมงแล้ว
ทำไมคุณถึงเพิ่งมาเข้าคลาสเอาป่านนี้?” คุณคิทแมนถาม
แต่ยังไม่ทันได้เปิดปากตอบอะไร
เวลาเดียวกันนั้นก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นตอบแทนเสียก่อน
“มัวแต่แอบไปคุยกับญาติหล่อนอยู่มั้งคะอาจารย์
ช่วงนี้เห็นยั้วเยี้ยเต็มโรงเรียนเราไปหมด” เสียงตอบแทนของเพื่อนร่วมชั้นทำทุกคนที่เข้าใจความหมายพร้อมใจกันระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นไปทั้งคลาสราวกับเห็นฉันเป็นตัวตลก
“อะแฮ่ม!” คุณฮิทแมนหันไปทำตาดุ กระแอมขัดเสียงหัวเราะของเด็กคนอื่นให้เงียบลง
จากนั้นก็หันมาพะเยิดหน้าไล่ฉันให้ไปหาที่นั่ง แน่นอนว่าฉันเองก็ไม่รอช้ารีบหอบเป้สะพายหลังเทอะทะ
เดินก้มหน้าแทรกผ่านที่นั่งแถวกลางเพื่อหาที่ว่างสักที่สำหรับใช้นั่งเรียนทันที
แต่แล้วมันก็เกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง...
“กรี๊ดดดดด งู!”
ตึง!!
เสียงหวีดของเพื่อนร่วมชั้นซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ให้คำตอบคุณคิทแมนดังขึ้น
เธอรีบลุกพรวดพราดสะบัดตัวออกจากโต๊ะเรียนของตัวเองทันที
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของนักเรียนคนอื่นๆ
เมื่อพบว่าบริเวณช่องเก็บของเล็กๆ ของโต๊ะเรียนเจ้าปัญหาตัวนั้น
มีงูเหลือมขนาดเท่ากับไม้บรรทัดนอนขดตัวอยู่
เหตุการณ์น่าตกใจจากการพบงูของคนในโรงเรียน
มันพลอยให้ฉันซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องเล่า BAO ผู้เกี่ยวข้องกับอสรพิษน่าเกลียดน่ากลัวพวกนี้
ถูกต่อว่าทุกครั้งยามที่เกิดเหตุสะเทือนขวัญ
“เธอ! เธอมันนังแม่มด เธอแกล้งฉันเหรอ!?” พวกเขาคิดว่าฉันสั่งงูพวกนั้นได้
แต่เปล่าเลย มันไม่ใช่
อย่างไรก็ดีการถูกต่อว่าเพราะเหตุบังเอิญดังกล่าวมันก็มีมาให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ
ฉันจึงเลือกที่จะเดินตรงไปยังที่นั่งว่างมากกว่าจะสนใจคำต่อว่าเหล่านั้น
และฉันคงได้ที่นั่งไปแล้ว
หากสายตาไม่บังเอิญเหลือบไปมองหน้าเด็กใหม่อย่างเฮนเลย์เสียก่อน
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของนักเรียนคนอื่นๆที่ช่วยกันลุ้นการกำจัดงูออกจากโต๊ะเจ้าปัญหาด้วยฝีมือของคุณคิทแมน คงมีเฮนเลย์เพียงคนเดียวเท่านั้นซึ่งยังนั่งนิ่ง
ไม่แสดงอาการแตกตื่นตกใจเหมือนใคร
สายตาเขาเพ่งไปยังที่งูตัวต้นเหตุ
โดยบนใบหน้ามีรอยยิ้มเหยียดแสยะคล้ายกับชอบใจกับความโกลาหลตรงหน้า แต่ไม่นานเหมือนเขาจะรู้ตัว
ถึงได้ลดรอยยิ้มดังกล่าวออกจากดวงหน้า
แล้วเบี่ยงสายตามาทางฉันแทนพร้อมทั้งเอ่ยถามขึ้นเสียงเย็น เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นั่งด้วยกันไหม...โบอา”หากก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นกับฉันล่ะก็ บางทีฉันอาจจะตัดสินใจนั่งเรียนข้างเด็กใหม่ไปแล้วก็ได้ แต่เพราะดันเกิดเรื่องน่าอายนั่น มันพานให้แม้แต่หน้าเขาฉันยังไม่กล้าที่จะมอง...
สิ้นเสียงถามของเฮนเลย์
ฉันก็เลือกที่จะเดินก้มหน้างุดเลยผ่านเขาไปยังที่ว่างด้านหลัง
มันอาจจะดูเสียมารยาทไปหน่อย แต่ฉันเลือกได้แค่นี้จริงๆ
ตลอดการเคลื่อนไหวจนกระทั่งนั่งลงบนเก้าอี้ รับรู้ได้ถึงการถูกมองอยู่ตลอดเวลา
ถึงกระนั้นฉันก็เลือกที่จะไม่สนใจ
ก้มหน้าก้มตาหยิบตำราสำหรับใช้เรียนขึ้นมาวางเรียงบนโต๊ะ ทว่า...
กึก...
ทุกการกระทำและสายตากลับต้องสะดุดลง
เมื่อที่นั่งข้างกายถูกขยับเขยื้อนออก พร้อมทั้งการทิ้งน้ำหนักลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ
พานให้ต้องละสายตามองเจ้าของการกระทำดังกล่าวและพบว่าเขาไม่ใช่ใคร
“เธอไม่ควรเมินฉัน...แบบนี้...โบอา” ธอน เฮนเลย์เอ่ยขึ้นเสียงเย็น สองมือวางประสานกันไว้บนโต๊ะเปล่า
สายตามองตรงไปยังหน้าคลาสเรียนซึ่งเวลานี้เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ใจฉันเริ่มสั่นเวลามองเสี้ยวหน้าของผู้ชายคนนี้ใกล้ๆ
ไม่ว่าจะน้ำเสียง แววตา หรือภาพของงูในความฝันที่เริ่มตามหลอกหลอนอยู่ในความคิด
เพราะไม่อยากให้ความรู้สึกแปลกๆ ในอกลุกลามไปมากกว่านี้
อีกทั้งเฮนเลย์เองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก สิ่งที่ฉันทำได้คือการนั่งก้มหน้าจ้องสายตาสู้กับตำราบนโต๊ะเงียบๆ
และอดทนจนกว่าเวลาเรียนคาบนี้จะจบลง...
ทั้งที่ภาวนาให้หมดคาบเรียนโดยไว
แต่พระเจ้าก็คล้ายกับแกล้งกันอยู่เสมอ
บรรดาลให้เวลาแต่ละวินาทีเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้าและน่าอึดอัด
ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนนับตั้งแต่เริ่มถูกคนในโรงเรียนกล่าวหาว่าเป็นตัวประหลาด
ซึ่งมันก็นานมากพอจะเริ่มชิน
แต่อาการและความรู้สึกเหล่านั้นมันกำลังหวนกลับมาอีกครั้ง
เมื่อข้างกายถูกตามประกบติดด้วยธอน
เฮนเลย์เด็กนักเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ตลอดเวลา
ทันทีที่เสียงระฆังบอกเวลาหมดชั่วโมงเรียนสุดท้ายดังขึ้น
ฉันก็ไม่รอช้า รีบเก็บข้าวของของตัวเองใส่กระเป๋าเป้สะพายหลัง
แต่ยังไม่ทันได้ลุกไปไหน
มืออุ่นของผู้ชายซึ่งนั่งอยู่ข้างกายตลอดเวลาก็คว้ารั้งเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ราวกับเขารู้ว่าฉันพยายามจะหนี
เขาไม่พูดอะไรเอาแต่รั้งตัวฉันไว้
ด้วยท่าทางแปลกๆ ที่เฮนเลย์แสดงออก มันเริ่มก่อเกิดเป็นข้อสงสัยในหัว ว่าทำไม
ทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับฉัน...
“เฮนเลย์~ มีชมรมอยู่หรือยังจ๊ะ?” แต่มือของเฮนเลย์ก็จับฉันไว้ได้ไม่นาน
เขายอมปล่อยมันออก
ทันทีที่เพื่อนร่วมห้องพากันเดินเข้ามาชักชวนเขาเข้าชมรมเหมือนอย่างที่นักเรียนใหม่ควรจะได้
“ยัง...”
“ฉันเป็นผู้จัดการทีมรักบี้ของโรงเรียน
นายสนใจเข้าชมรมรักบี้ไหมล่ะ?”
“ไม่ล่ะ...ขอบใจ”
“อะไรกัน
แล้วเฮนเลย์ชอบทำอะไรที่สุดล่ะ ฉันจะได้แนะนำชมรมให้”
“นอน...” ฉันอาศัยโอกาสช่วงที่เฮนเลย์เริ่มโดนเพื่อนในห้องรุมล้อมรอบโต๊ะ
หันหลังเดินไวออกไปทันที เวลานี้ไม่ใช่รู้สึกอยากอยู่ให้ห่างจากเขาอย่างเดียว
แต่อยากหนีไปจากบรรยากาศน่าอิจฉารอบกายเขาด้วย
เวลาต่อมา...
สุดท้ายฉันก็พาตัวเองเดินออกจากโรงเรียนเพียงลำพังเฉกเช่นทุกวัน
ไม่ได้รอใคร และไม่มีใครเดินอยู่ข้างๆ ความอึดอัดที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงเช้าค่อยๆ
ลดลงเมื่อไม่มีสายตาคู่สวยของเฮนเลย์จับจ้องอยู่ตลอดเวลา
ความรู้สึกเหมือนเป็นอิสระอีกครั้ง
ต่อให้การหนีกลับออกมาก่อนอาจจะพังมิตรภาพของผู้ที่หยิบยื่นให้แต่ทำไงได้ล่ะ
ในเมื่อฉันเลือกไปแล้ว
อีกอย่างฉันเองก็ไม่รู้ว่าเด็กใหม่ที่ชื่อ
ธอน เฮนเลย์ คิดจะทำอะไรกันแน่
แค่อยากแกล้งกันเหมือนคนอื่นหรือว่าเขาแค่อยากสร้างความสัมพันธ์ดีๆ...
“เวรเอ้ย!” ฉันคำรามเสียงดังอย่างนึกหงุดหงิด
เพราะเมื่อไหร่ที่เริ่มนึกถึงหน้าเด็กใหม่ขึ้นมา
บริเวณแก้มที่ถูกเขาใช้ลิ้นเลียผ่านมันก็ชักจะเริ่มร้อนวูบขึ้นมาจนใจสั่น
ต้องบันดาลโทสะเหวี่ยงกระเป๋าสะพายใส่โคนต้นโอ๊คยักษ์เพื่อระบายอารมณ์
“รู้ทางไปแคนทีนหรือยัง
ฉันพาไปเอามะ?” ฉันพึมพำแสร้งทำเสียงเลียนแบบซานดร้าอย่างนึกหมั่นไส้
เธอมักจะเข้าหาพวกผู้ชายแบบนี้เสมอ และมันอดไม่ได้ที่จะทำหน้าตากับท่าทางเลียนแบบผู้หญิงซึ่งชอบทำตัวเชิดเหมือนนางพญาไม่ได้
หรือจะเป็นน้ำเสียงและท่าทางของนักเรียนให้คลาสเรียนเคมี “เธอ! เธอมันนังแม่มด เธอแกล้งฉันเหรอ!? เหอะ! ถ้าเสกได้จริงๆ ฉันจะทำให้เธอหุบปาก”
มันก็เหมือนทุกครั้ง
ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้าย เรื่องดี หรือเรื่องน่าอึดอัดแค่ไหน ฉันมักต้องแวะมาระบายความคิดกับความรู้สึกของตัวเองที่นี่
สถานที่เดียวกับในเรื่องและความฝันเมื่อคืน...
เพราะสถานที่อันเงียบสงบแบบนี้
เป็นเพียงที่ที่เดียวซึ่งฉันสามารถระบายทุกความรู้สึกของตัวเองที่สะสมไว้ได้ทั้งหมด
ไม่ว่าจะผ่านการกระทำ สีหน้า หรือน้ำเสียง ทั้งที่คิดว่าทุกคำพูด ทุกการกระทำของตัวเองในเวลานี้จะไม่ได้อยู่ในสายตาใคร
แต่ดูเหมือนว่า คราวนี้ฉันจะคิดผิด...
‘Sss…ท่าทางแบบนั้น
มันไม่น่ารักเลยนะ โบอา...’
เสียงพูดของงูจากบริเวณด้านหลัง
ทำฉันกระโจนตัวออกจากจุดที่ยืนอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย
รีบหันขวับมองไปยังต้นเสียงก่อนพบเข้ากับพญางูใหญ่สีดำ
เกล็ดเลื่อมเงาเฉกเช่นกันที่เห็นในความฝัน ทว่า ในความเป็นจริง
ขนาดลำตัวของมันดูใหญ่มากกว่านั้น
ภาพของสัตว์ประหลาดตัวใหญ่เสมือนหลุดจากโลกในความฝัน
ทำร่างทั้งร่างเริ่มตกอยู่ในอาการสั่น
เมื่อนึกผลจากการหลบหนีจากเหตุการณ์ชวนสั่นประสาทในฝัน ถึงอย่างนั้น
สัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ก็ยังสั่งให้ฉันเอาตัวรอดอยู่ดี
กึก...
‘Sss…จะหนีไปไหน...โบอา’ ทว่า เท้าดันเหยียบพลาดเข้ากับกิ่งไม้แห้งเสียก่อน
มันได้ยิน...
‘Sss…ไม่ใช่ได้ยิน
แต่ว่าได้กลิ่น โบอา...’ อีกครั้งที่งูตัวดังกล่าวทำฉันตกใจเมื่อเสียงของมันดังก้องเข้ามาในหัวราวกับรับรู้ถึงความคิดในหัว เพราะในฝันฉันสามารถคุยกับงูได้ ไม่แน่บางทีในโลกของความจริง
ฉันอาจจะทำเรื่องแบบเดียวกันได้ เพราะงั้นปากจึงพลั้งถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ต้องการอะไร!?”
‘Ssss…เธอผิดสัญญา...’ ซึ่งมันได้ผล งูตัวนั้นตอบฉันกลับเข้ามาในความคิด แม้ว่าในความเป็นจริง
สัตว์ใหญ่เบื้องหน้าจะทำเพียงแค่เลื้อยรัดรอบต้นโอ๊คใหญ่อย่างเชื่องช้า
แลบลิ้นสองแฉกขู่ฟ่อ
และจ้องมองกลับมาเหมือนแบบสัตว์เลื้อยคลานเผ่าพันธุ์เดียวกันตามปกติก็ตาม
“ฉะ
ฉันไปสัญญาอะไรด้วย!?” ลำพังการเข้าใจภาษางูได้
มันก็นับเป็นความอัศจรรย์ที่มีติดตัวตั้งแต่เกิดมากพอยู่แล้ว
แต่ยิ่งพูดจาโต้ตอบกับสัตว์น่ากลัวเบื้องหน้ามากเท่าไหร่
ฉันยิ่งรู้สึกหวาดกลัวความอัศจรรย์ที่มีติดตัวมา และอดคิดไม่ได้ว่าบางทีตัวเองอาจจะเป็นพวกแม่มดอย่างที่ใครต่อใครคอยตั้งข้อครหาให้
‘Ssss…มองตาฉันสิ
โบอา... มอง แล้วบอก...ว่าเธอเห็นอะไร’ นี่คือสิ่งที่งูใหญ่เบื้องหน้าบอกฉัน
ทั้งที่หวาดกลัวแต่คำสั่งกึ่งคำขอดังกล่าวกลับคล้ายกับมีมนต์สะกด
ชวนให้สายตาจ้องสบประสานกับนัยน์ตาสีขาวราวกับอัญมณีของมันตรงหน้า
ที่น่าตกใจก็คือแววตาที่งูตรงหน้าส่งผ่านมาให้
กลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยไม่ใช่เพราะความฝัน
แต่ว่าแววตาของมันดูคล้ายคลึงกับสายตาของใครบางคนที่ฉันพยายามเลี่ยงจะมองมาตลอดทั้งวันต่างหาก...
‘วันนี้กลับบ้านกับพี่นะ
โบอา...’ ฉันได้ยินเสียงของเด็กใหม่
มองเห็นแววตาแบบเดียวกันกับงูตัวนี้ของเขาขณะเอ่ยคำพูดชักชวนประโยคนั้น
‘Sss…ไหนบอกจะกลับบ้านด้วยกันไงล่ะ...โบอา’ อีกหนที่ร่างกายทุกส่วนสั่นเทาอย่างสุดจะอดกลั้น
เมื่อวินาทีกับที่ความคิดกำลังทำงานหนัก
เสียงงูตัวนั้นก็ดังเข้ามาให้หัวราวกับตอกย้ำว่าสิ่งที่คิดมันคือสิ่งที่ถูก
บอกให้ฉันรู้ว่างูที่เห็นในฝันหรือแม้แต่งูใหญ่ตรงหน้าตัวนี้
รวมถึงเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามา คือคนคนเดียวกัน
“ธ...ธอน เฮนเลย์...”
‘Ssss…ฉลาดมากโบอา...’ งูยักษ์เบื้องหน้าเอ่ยชมคล้ายกับพึงพอใจที่ได้ยินเสียงขานชื่อเช่นนั้น
มันชูหัวขนาดใหญ่ขึ้นตรงหน้าและทำท่าจะเลื้อยเลาะออกจากต้นโอ๊คใหญ่
การที่เป็นเช่นนั้นมันเลยทำให้ฉันพลั้งปากสั่งออกไปเสียงดัง
พลางยกมือห้ามอีกแรงด้วยความรู้สึกสับสนและหวาดระแวง ไม่ได้มองงูใหญ่เบื้องหน้าเพราะไม่อยากเห็นแววตาที่คล้ายคลึงกับระหว่างงูและเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมาวันนี้
“หยุดนะ! อย่าเข้ามา!” บอกตามตรงว่าฉันไม่สามารถปะติดปะต่อทุกเรื่องเข้าด้วยกันและทำใจให้เชื่อไม่ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันคือเรื่องจริง
นี่น่ะ
มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
หลังเสียงปรามดังกล่าวเงียบลงไปราวๆ
1 นาทีตามความรู้สึก ทุกสิ่งทุกเสียงรอบกายก็เงียบตามลงไปเช่นกัน
ด้วยสถานการณ์รอบตัวเป็นเช่นนั้น
ฉันจึงตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองอสรพิษสีทมิฬตรงหน้าอีกครั้ง
ก่อนพบว่ามันกำลังรัดต้นโอ๊คเอาไว้ดังเก่าด้วยทีท่านิ่งงันเหมือนถูกแช่แข็ง
หากแต่ดวงตาทรงเสน่ห์คู่นั้นยังคงจ้องมองตาแป๋ว
บริเวณปลายหางขนาดใหญ่ของมันกำลังสั่นเหมือนกับพวกลูกสุนัขลูกแมวที่กระดิกหางรอรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย
ภาพตรงหน้าไม่ได้ดูน่ารักสักนิด กลับกันเลยด้วยซ้ำ
แต่มันก็เป็นสัญญาณที่ดีบอกให้รู้ว่าเขากำลังฟังคำสั่งจากฉัน...
“ถะ ถะ
ถ้านายคือ...เฮนเลย์...” ฉันพึมพำด้วยอาการเหมือนคนสติแตก
แต่กลับกันงูตัวใหญ่ที่นิ่งไปกลับผงกหัวคล้ายกับตอบรับเสียงพึมพำนั่น “งะ งั้นเด็กใหม่...ก็คือ....งะ งูงั้นเหรอ”
‘Sss…ใช่...’
เสียงหนักแน่นซึ่งตอบกลับมาทำฉันเหมือนคนสติแตก
พูดอะไรไม่ออก ขาสองข้างที่เคยมีเรี่ยวแรงจู่ๆ ก็ทรุดฮวบลงไปนั่งกับพื้น
‘Sssss…โบอา
เป็นอะไร...’ อีกครั้งที่เสียงของงูยักษ์ตรงหน้าดังขึ้น
มันทำท่าจะเลื้อยเข้ามาหา
ซึ่งมันก็เป็นอีกครั้งที่ฉันยกมือห้ามแล้วตะคอกสั่งแบบไม่เต็มเสียง
“อยะ อย่าเข้ามา
หยุดอยู่ตรงนั้นเลย...” คราวนี้ตอนสั่งฉันก็มองจ้องงูตัวใหญ่ตรงหน้าไปด้วย
ก่อนพบความน่าประหลาดใจ เมื่อมันยอมหยุดชะงักแทบจะทันทีหลังสิ้นเสียง
ปุบ!
มันทิ้งส่วนหัวกับลำตัวยืดยาวออกนอกลำต้นของต้นโอ๊คหมอบลงกับพื้น
จ้องและส่งเสียงขู่แบบงูในลำคอ พานให้ต้องอาศัยจังหวะช่วงที่งูตัวดังกล่าวเหมือนเชื่อฟังเอ่ยถามออกไปอย่างร้อนรนโดยยังไม่คลายอาการช็อกที่มี
“หนะ
นี่เป็นความฝันอีกแล้วใช่ไหม?”
‘Ssss…มันไม่ใช่ความฝันอีกแล้ว...โบอา’ สัตว์เลือดเย็นตรงหน้าให้คำตอบทั้งที่มันยังหมอบอยู่บนพื้นหญ้าเช่นนั้น ‘...ฉันมาเพื่อดูแลเธอ..Sss...รอคอยมานานแล้วรู้หรือเปล่า...’
“คะ คอยอะไร...” สมองตอนนี้ว่างเปล่า แต่ปากยังคงขยับถามและยังรับรู้ถึงเสียงของมันในหัวได้เท่านั้น
‘Ssss…คอยที่จะได้อยู่ใกล้...ดูแล...น้องสาวอย่างเธอ...’ เสียงของมันดังก้องอยู่ในหัว
ชันเจนจนคล้ายกับเป็นการทบทวนเรื่องราวในความฝัน
บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งคู่ที่มีเลือดเนื้อและสายพันธุ์ต่างกันออกไป ‘…ทนไม่ไหวที่ต้องเฝ้ามอง...เห็นคนรักถูกรังแก...Sss’
ตอกย้ำให้รู้ว่าเราทั้งคู่คือพี่น้องที่เกิดลืมตาดูโลกในวันเดียวกัน
‘Sss…ไม่ต้องกลัว...พี่แค่อยากดูแลเธอเท่านั้น
โบอา’ เขาคือ ‘ไพธอน’ งูที่ใครๆ ต่างเล่าขานกันว่าเลื้อยรัดคอฉันออกมาในวันที่ที่เกิด
ส่วนฉันคือ ‘โบอา’ น้องสาวของงู...
'Sssss...เป็นเด็กดี
เชื่อฟัง พี่จะทำให้โบอา เป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในเมืองนี้...' พญางูสีทมิฬพูดเช่นนั้นและแสดงเจตจำนงของตัวเองหลังจากอธิบายทุกเรื่องด้วยการขดตัวชูหัวเพียงเพื่อให้ระดับสายตาของเราอยู่ในระนาบเดียวกันแต่เพียงเท่านั้น
“หมะ หมายความว่าไง!?” มันอาจดูบ้าที่วูบหนึ่งในหัวดันคล้อยตามคำบอกเล่าของงูใหญ่ตรงหน้าจากการปะติดปะต่อเรื่องราวในความฝัน แต่การโต้ตอบระหว่างเรา มันไม่เหมือนการพูดคุยกันของมนุษย์
ที่พอจับผิดฝ่ายตรงข้ามจากทางสีหน้า เวลานี้ฉันเห็นแค่นัยน์ตาสีสวยกับความเงาเลื่อมของเกล็ดงูสีดำสนิทเพียงเท่านั้น...
‘Sss...จะไม่มีใคร
กลั่นแกล้งหรือทำร้ายของสาวของพี่ได้อีก...’ โดยไม่อาจคาดเดาจากสีหน้าได้ว่า
ในหัวของงูตัวใหญ่ตรงหน้ากำลังหวังดีหรือหวังร้ายอยู่กันแน่
‘Sss..ในคืนที่พระจันทร์ทอแสงทองอร่าม...เพียงแค่ปลดเปื้องอาภรณ์บนร่างกายออก...Sss ทุกอย่างในชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาล...’
To Be Continued...
แค่ปลดเปื้องอาภรณ์บนร่างกายออก
ll MY ANIMALS SET ll
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #โบอาเมียงู
^
รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน
ความคิดเห็น