ตอนที่ 2 : Chapter 1 ll เกาะรักพักใจ
Chapter 1 ll เกาะรักพักใจ
บทนำ
เอี๊ยด~
“นี่ค่ะ”
หญิงสาวยื่นเงินให้คนขับแท็กซี่ก่อนจะลงจากรถ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าที่เป็นจุดหมายของตน มืออีกข้างของเธอควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าแล้วหยิบมันขึ้นมากดโทรหาใครสักคน
ตื๊ด ตื๊ด~
“เฮ้อ...”
เธอถอนหายใจออกมาระหว่างที่กำลังรอให้ปลายสายรับ สองขาก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย อีกมือก็ปัดผมยาวๆ ของตัวเองไปด้านหลัง หัวสมองยังคงยึดติดอยู่กับการสอบไฟนอลตัวสุดท้ายที่เพิ่งจะจบไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน
การเป็นนักศึกษามันช่างเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก...หนึ่งปีที่ผ่านมาในการเป็นเฟรชชี่มันไม่ได้สนุกอย่างที่คิด เพราะสำหรับเธอแล้วการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยมันยากเสียยิ่งกว่ายาก
...แต่จริงๆ แล้ว คนโง่แบบเธอเรียนอะไรก็คงจะยากทั้งนั้นล่ะมั้ง ถ้าไม่เกรงใจพ่อแม่ที่ก่นด่าเธออยู่ทุกวี่ทุกวัน เธออาจจะลาออกไปเลี้ยงควายอยู่ปลายทุ่งที่ไหนสักแห่งแล้วก็เป็นได้
ตื๊ด ตื๊ด~
[ฮัลโหล] ริมฝีปากเล็กๆ เบะขึ้นมาในทันทีเมื่อปลายสายรับสายเธอจนได้ สองขายังคงก้าวเดินไปเรื่อยๆ
“ดิว นายอยู่ไหนน่ะ T_T”
[อ่านหนังสืออยู่บ้านสิ]
“เหรอ พรุ่งนี้นายสอบตัวสุดท้ายแล้วสินะ วันนี้ฉันเหนื่อยมากเลย อยากเจอนายจัง TOT” เธอทำน้ำเสียงง้องแง้ง และคงไม่รู้ตัวว่ามันเป็นไปโดยอัตโนมัติเมื่อได้คุยกับคนในสาย...แฟนของเธอเอง
[อ่าฮะ สอบเป็นยังไงบ้าง]
“ฉันทำไม่ได้เลย T_T นี่ฉันอ่านหนังสือจนไม่ได้นอนเลยนะ แต่ข้อสอบมันยากมากเลย ฉันเกือบจะร้องไห้ตอนทำอยู่แล้ว”
[...]
“ฉันไม่ไหวแล้วนะ ปิดเทอมแล้วเราไปเที่ยวกันนะ ฉันอยากปลดปล่อย อยากรีแล็กซ์ อยากไปเที่ยวต่างจังหวัด อยากไปทุกที่เลย”
[...]
คิ้วของหญิงสาวขมวดเข้าหากันเมื่อปลายสายเงียบไป ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจฝั่งสิ่งที่เธอพูด ซ้ำเธอยังได้ยินเสียงแปลกๆ ในสาย คล้ายกับว่าเขาอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่น่าจะใช่ที่บ้าน
กึก...
เธอหยุดเดินทันที
“ฮัลโหล นายได้ยินฉันมั้ยดิว”
[ฮะ...ได้ยิน]
“แล้วทำไมเงียบไปเนี่ย เสียงเหมือนอยู่ข้างนอกเลย”
[เสียงโทรทัศน์ไง ฉันดูหนังอยู่]
“ถึงว่าสิ นายไม่ฟังที่ฉันพูดเลย T_T”
[ขอโทษ~ งั้นเดี๋ยวฉันดูหนังเสร็จจะโทรไปหาใหม่นะ]
“เอางั้นก็ได้” เธอพูดเสียงอ่อย ถึงแม้ว่าอยากจะแกล้งงอนคนเป็นแฟนสักหน่อย แต่ตอนนี้ก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้
เธอกดวางสายจากเขาก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าตามเดิม
ดวงตากลมโตมองตรงไปข้างหน้าเหมือนคนไร้ความหวัง ไม่น่าเชื่อว่าการสอบจะทำให้เธอหมดอาลัยตายอยากได้ขนาดนี้ แค่คิดว่าผลการเรียนจะออกมาเป็นยังไง เธอก็กลัวจนต้องรีบส่ายหัวสลัดมันออกไป
พ่อกับแม่คงจะบ่นจนหูชาอีกๆ แน่
...ขอแค่ไม่ติด F ก็คงเป็นบุญหัวสำหรับเธอแล้ว
“เฮ้อออ...” เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วออกเดินอีกครั้ง ระหว่างนั้นสายตาก็กวาดมองหาร้านที่จะไปนั่งแช่ให้ปลดปล่อยความเครียดได้สักพัก
กึก...
เธอหยุดเดินอีกครั้งเมื่อเห็นอะไรบางอย่างเข้า
ดวงตากลมโตจดจ้องไปที่ร้านกาแฟซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เธอเห็นใครบางคนกำลังเดินออกมาจากร้าน และมันก็เป็นคนที่ทำให้เธอแปลกใจเมื่อได้เจอ
...ดิว แฟนของเธอที่เพิ่งคุยกันและบอกว่าเขาอยู่บ้าน!
สิ่งที่เธอคิดตอนนี้มีเพียงแค่ความคิดที่ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้แทนที่จะอยู่บ้าน เธอกำลังจะเดินเข้าไปทักเขา แต่แล้วก็ต้องยืนนิ่งเป็นรูปปั้นเมื่อมีใครอีกคนเดินตามแฟนของเธอออกมาจากร้านกาแฟ
...!
ร่างทั้งร่างของเธอชาขึ้นมาทันทีเมื่อพบว่าอีกคนก็เป็นคนที่รู้จักดี
“...เจนนี่” ริมฝีปากเล็กพึมพำชื่อของบุคคลนั้นออกมาจากปากตัวเองโดยไม่รู้ตัว
อาจจะเป็นเพราะเธอกำลังช็อก...
เพราะเจนนี่คือเพื่อนสนิทที่อยู่กลุ่มเดียวกับเธอ!
...หนึ่งชั่วโมงก่อนหลังจากการสอบเสร็จสิ้นลง เธอเพิ่งจะแยกกับเจนนี่ที่มหาวิทยาลัย คำพูดของเพื่อนสนิทก่อนจะแยกกันกำลังดังก้องในหูของเธอตอนนี้
‘ฉันไปก่อนนะ วันนี้ฉันมีดูนัดดูหนังตอนเย็น’
‘แน่ะๆ ไปเดตอีกแล้วนะ เมื่อไหร่แกจะเอาหนุ่มมาเปิดตัวกับเพื่อนๆ สักที’
‘บ้าเหรอ ก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเลย แต่ก็ใกล้แล้วล่ะ :)’
...นัดดูหนังกับผู้ชาย
แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอเห็นคือเจนนี่กำลังอยู่กับแฟนของเธอ!
หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปเพราะกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูก อยากจะตะโกนเรียกชื่อออกไปแต่ก็เรียกไม่ออก หัวใจกำลังเต้นระส่ำจนแทบจะทะลุออกมาข้างนอก และร่างกายก็รู้สึกหนักอึ้งไปหมด
...ขอให้สิ่งที่เธอกำลังเห็น ไม่ใช่สิ่งที่อย่างที่เธอคิด
เธอได้แต่ยืนมองทั้งสองคนนิ่ง ผู้ชายที่เรียกได้ว่าเป็นแฟนของเธอกำลังหันไปหาผู้หญิงที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งในกลุ่มของเธอ ทั้งสองคนคนกำลังยืนคุยอะไรกันอยู่
และสุดท้าย...ฝ่ายชายก็ยื่นมือไปตรงหน้าฝ่ายหญิง แทบไม่ถึงสามวินาทีเสียด้วยซ้ำที่ฝ่ายหญิงเองก็ยื่นมือไปหาฝ่ายชาย ก่อนที่ทั้งสองคนจะจับมือกันแน่นแล้วพากันออกเดินไปอีกทาง พร้อมกับคุยแล้วยิ้มให้กันประหนึ่งโลกนี้มีเพียงเราสอง
...เหมือนโลกกำลังหยุดหมุน เหมือนฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย
หญิงสาวยังคงยืนนิ่งมองไปยังที่ที่เดิม ทั้งๆ ที่ทั้งสองคนได้เดินออกไปแล้ว ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ เมื่อม่านน้ำตากำลังบดบังทุกสิ่งอย่าง
ยิ่งกว่าความตกใจแบบที่ไม่ได้ทันตั้งตัว คือความเสียใจที่มากกว่า...
แหมะ...
สิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิด ไม่เคยระแวง...ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น
...เธอกำลังโดนหักหลังจากคนสองคนที่เธอรัก
1
เกาะรักพักใจ
1:34 P.M.
@ เรือโดยสารข้ามฟากไปเกาะ L
ครืด~
‘นี่แกไปจริงๆ เหรอ’
‘อือ’
‘อยู่ได้เหรอ อย่างแกเนี่ยนะ’
หึ!
ฉันกดออกจากหน้าสนทนาไลน์ที่คุยกับพี่สาวตัวเองแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าอย่างอารมณ์เสีย
คนอย่างฉันมันยังไงเหรอ จะปล่อยให้ออกมาเผชิญโลกกว้างคนเดียวบ้างไม่ได้หรือยังไงกันฮะ น่าหงุดหงิดชะมัด เชอะ T_T
ฉันนั่งกอดกระเป๋าตัวเองขณะที่เส้นผมกำลังตีหน้าตัวเองอย่างสนุกสนานจากแรงลมที่พัดมาปะทะ เผลอๆ ผมฉันอาจจะดีไปโดนหน้าคนที่นั่งข้างๆ แล้วด้วย
เวรกรรมอะไรก็ไม่รู้ ตอนจะขึ้นเรือก็ดันได้ขึ้นเป็นคนหลังๆ เลยไม่มีที่นั่งดีๆ จนต้องออกมานั่งเกือบนอกหลังคาเรือแบบนี้ แดดก็ร้อนอย่างกับอะไรดี รันทดจริงๆ TOT ทำไมชีวิตฉันมันไม่มีอะไรดั่งใจเลยเนี่ย แงงง
ฉันชื่อไข่มุกค่ะ ตอนนี้อายุสิบเก้าปี ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และเพิ่งจะผ่านพ้นการเป็นนักศึกษาเฟรชชี่ปีหนึ่งมาหมาดๆ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่พอดี ฉันเลยตัดสินใจหอบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หนีความวุ่นวายและความช้ำใจจากเมืองกรุงมาสงบจิตสงบใจที่เกาะเล็กๆ กลางทะเลทางภาคตะวันออกแห่งนี้
ฉันมีญาติที่มาเปิดรีสอร์ตสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่บนเกาะนี้ ท่านคือคุณน้าของฉันเอง ฉันเลยกะจะมาอยู่ที่นี่ยาวๆ แบบไม่มีกำหนดกลับจนกว่าจะเปิดเทอม ไว้พร้อมเมื่อไหร่แล้วจะกลับไปเอง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าที่ฉันจะมาที่นี่ได้ เพราะตอนแรกพ่อกับแม่ฉันไม่ยอม
พวกท่านบอกว่าอย่างฉันไปอยู่ไกลบ้านไม่ได้หรอก เพราะฉันทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ ยิ่งไปอยู่บนเกาะแบบนั้น ไม่นานก็คงร้องกลับบ้านแน่ๆ Y_Y
ฉันโตแล้วนะ ทำไมมองฉันอ่อนแอขนาดนั้น เสียใจจัง ฮือออ
ฉันมีพี่สาวด้วยคนหนึ่ง และถ้าเทียบกับพี่สาวแล้ว ฉันสู้พี่ไม่ได้เลย พี่ทั้งเรียนเก่ง เอาตัวรอดเก่ง เป็นหน้าตาเป็นตาให้กับครอบครัว แต่ฉันนี่สิ...หัวสมองโง่เง่าเต่าตุ่น ตามใครก็ไม่ค่อยทัน ทำอะไรก็เงอะๆ งะๆ สิ่งเดียวที่พอจะมีเทียบเท่าพี่สาวได้ก็คงจะเป็นเรื่องของหน้าตาที่พากันไปวัดไปวาได้นี่ล่ะ
ไม่มีใครชมก็ต้องชมตัวเองแล้วล่ะ เพราะมันคงเป็นข้อดีไม่กี่อย่างที่ฉันมี YOY
แต่ก็นะ...สวยใสแต่ไร้สมองแบบฉัน มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก
...ไม่งั้นฉันจะโดนแฟนทิ้งมาแบบนี้เหรอ
ฮือออ!
ใช่...อีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันตัดสินใจหนีมาอยู่ที่นี่สักพักเพราะจิตใจฉันบอบช้ำมาก TOT สองอาทิตย์ก่อนฉันเพิ่งจับได้ว่าแฟนกับเพื่อนสนิทดันร่วมกันแทงข้างหลังฉันด้วยการแอบคบกัน มันทำให้ฉันช็อก ช็อก และช็อก! ฉันไปเค้นความจริงกับแฟนเรื่องนี้หลังจากรู้เรื่อง เขาจำใจยอมรับสารภาพว่าเขาทำผิดจริง ส่วนเพื่อนสนิทของฉันก็ยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างหน้าตาเฉยโดยไม่ได้รู้สึกผิดอะไรทั้งสิ้น วันแรกๆ ฉันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร้องไห้จนน้ำตาจะหมดตัว แต่หลังๆ ฉันก็เลิกร้องไห้ไปเพราะพ่อกับแม่ด่าฉันกระจายเลย TOT
พวกท่านบอกว่าฉันจริงจังกับเรื่องพวกนี้มากเกินไป แถมยังถามว่ากับการเรียนเคยจริงจังแบบนี้บ้างมั้ย
จริงจังสิ...ติดอยู่แค่ว่าฉันไม่ฉลาดเรื่องเรียนก็เท่านั้นเอง Y_Y เสียใจ
เฮ้อออ...
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ร้องไห้และดูภายนอกเหมือนไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ในใจฉันยังคงบอบช้ำมากนะ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกระทำอย่างโหดร้ายทารุณ ฉันมอบใจให้ทั้งแฟนและเพื่อนแบบเต็มร้อย แต่พวกเขากลับหักหลังฉันได้ ถึงแม้ฉันจะยังเหลือเพื่อนสนิทในกลุ่มคนอื่นอีก แต่เจนนี่...เอ่อ ฉันหมายถึงเพื่อนที่หักหลังฉันนั่นล่ะ เจนนี่ก็ถือเป็นคนหนึ่งในกลุ่มที่ฉันสนิทมากพอสมควร
ตอนนี้เพื่อนคนอื่นรู้เรื่องนี้แล้ว เพราะแรกๆ ฉันโทรไปร้องไห้ใส่ทุกคนมาวันละหลายรอบ คิดไม่ออกเลยว่าเปิดเทอมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันจะมองหน้าเจนนี่ยังไง สีหน้าท่าทางไม่สำนึกผิดของยัยนั่นตอนสารภาพเรื่องที่แอบคบกับแฟนของฉันยังติดตาฉันอยู่จนถึงทุกวันนี้
เศร้าจัง U.U ไหนจะเรื่องรอลุ้นเกรดอีก
ฉันกำลังภาวนาให้ตัวเองไม่ติด F เลยสักวิชา ไม่อย่างงั้นฉันคงจะเศร้าหนักกว่าเดิม เพราะเตรียมโดนแม่ว่าได้เลย
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงก่อนจะชะเง้อคอมองออกไปทางด้านหน้าเรือ ดูเหมือนอีกไม่นานจะถึงเกาะแล้ว
ฉันหันกลับมามองผู้โดยสารคนอื่นๆ บนเรือลำเดียวกัน ทั้งหมดคือนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเที่ยวที่นี่ ไม่ว่าจะมากันเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อน หรือคู่รัก ทุกคนมาด้วยรอยยิ้มและดูมีความสุข แม้ว่าบางคนจะทำหน้าหงิกงอกับสภาพอากาศร้อนๆ อยู่บ้างก็เถอะ
...ต่างกับฉันเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันออกมาที่ไกลๆ คนเดียวโดยไม่มีครอบครัวมาด้วย แถมยังมาด้วยสภาพจิตใจอันห่อเหี่ยวแบบเต็มสูบ
มีคนเคยบอกว่าถ้าอกหักให้ลองหลบไปพักใจที่ไกลๆ เงียบๆ คนเดียวดูสักพัก แล้วมันอาจจะดีขึ้น ซึ่งฉันก็กำลังทำอยู่ U.U
สิ่งที่ฉันหวังจะได้รับกลับไปจากที่เกาะนี้ ก็คือความสุขเหมือนที่คนอื่นๆ กำลังจะได้สัมผัสไปกับมันนับจากนี้
คอยดูเถอะนะ...
ไข่มุกคนนี้จะกลับกรุงเทพฯ ในแบบที่สตรองขึ้นจนทุกคนต้องอึ้ง!
1:58 P.M.
@ Warm Love Resort
“ช่วงนี้ปิดเทอมพอดี นักศึกษามาเที่ยวกันเยอะนะ เราอาจจะได้เพื่อนใหม่ตอนอยู่ที่นี่ก็ได้” ฉันเดินตามคุณน้าที่พูดขึ้นระหว่างที่เดินนำฉันมายังห้องพักที่ท่านเตรียมไว้ให้
โธ่ T_T จะได้เพื่อนได้ยังไงกัน คนที่มาเที่ยวเกาะนี้อยู่ไม่กี่วันก็กลับแล้ว เมื่อกี้ที่เดินเข้ามาในรีสอร์ตแห่งนี้ก็ดูเงียบสงบกว่าที่ฉันคิดซะอีก
หลังจากที่ฉันมาถึงท่าเรือของเกาะ น้าอร...คุณน้าของฉันที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดรอรับ ก็บอกให้ฉันนั่งซ้อนท้าย จากนั้นท่านก็ขี่ไปตามซอกซอยเล็กๆ แต่ดูเหมือนรีสอร์ตของคุณน้าจะอยู่เข้าไปลึกเหมือนกัน เพราะเราต้องผ่านสองข้างทางที่เป็นทุ่งหญ้าแห้งๆ สภาพเหมือนป่า ดีนะที่ระหว่างทางยังมีที่พักอื่นๆ กับร้านค้าตั้งอยู่บ้างประปราย
รีสอร์ตของคุณน้าไม่ใช่รีสอร์ตหรูหราใหญ่โตอะไรแบบนั้นนะ ในความคิดฉันมันคล้ายเกสต์เฮ้าส์ซะมากกว่า เพราะมันคือบ้านน็อคดาวน์ยกระดับขนาดกลาง ตั้งเรียงรายกันไปเป็นแนวยาว บ้านหลังหนึ่งจะถูกแบ่งออกเป็นสองห้องพัก โดยระเบียงด้านหน้าจะมีรั้วเล็กๆ กั้นเอาไว้เพื่อแบ่งแยกอย่างชัดเจนเช่นกัน และส่วนบันไดทางขึ้นตรงหน้าบ้านจะใช้ร่วมกัน ดูจากสายตาที่เห็นเมื่อกี้แล้ว รีสอร์ตแห่งนี้น่าจะมีไม่ถึงสิบหลังด้วยซ้ำ ซึ่งรวมทั้งบ้านหลังที่คุณน้าอยู่และใช้เป็นล็อบบี้ของรีสอร์ตขนาดย่อมด้วย
ห้องพักที่คุณน้าพาฉันมา ก็อยู่ในบ้านหลังที่ใกล้บ้านคุณน้ามากที่สุด
“ที่นี้มีคนวัยนักศึกษามาพักเยอะมั้ยคะ”
“มีสิ ยิ่งช่วงปิดเทอมนี่ยิ่งเยอะเลย” ก็ช่วงนี้สินะ -.,-
คุณน้าเปิดประตูห้องพักให้ฉันได้เข้าไป ฉันเริ่มรู้สึกเกรงใจขึ้นมาอย่างไม่บอกไม่ถูก
ก็คิดดูสิ พอฉันบอกคุณน้าว่าจะขอมาอยู่ที่นี่ด้วยสักพัก ท่านก็ตอบตกลงและยินดีที่จะให้ฉันมาอยู่อย่างไม่อิดออด แถมยังบอกด้วยว่าจะมาอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ที่สำคัญคือไม่คิดค่าที่พักอะไรฉันเลย นี่มันเท่ากับคุณน้าต้องเสียรายได้จากห้องพักไปห้องหนึ่งเต็มๆ เลยนะ T_T
“หรือจะให้ไข่มุกไปนอนกับน้าอรก็ได้นะคะ” ฉันตัดสินใจพูดออกไปและยังคงยืนอยู่ตรงระเบียงหน้าห้อง ไม่คิดจะเข้าไปข้างใน “ไข่มุกเกรงใจน่ะค่ะ น้าอรจะได้เอาห้องให้แขกคนอื่นได้”
“โอ๊ย ไม่เป็นไรเลยลูก”
“T_T ไม่เป็นไรจริงเหรอคะ”
“อยู่กับน้าไม่สะดวกหรอก มาถึงที่นี่ก็ต้องมาพักผ่อนสิ ถ้าอยู่บ้านหลังที่น้าอยู่มันวุ่นวายน่ะ น้าตื่นเช้านอนก็ช้า เดินทำอะไรทั้งวัน ไข่มุกไม่ชอบหรอกลูก” ฉันได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“ขอบคุณนะคะน้าอร งั้น...ถ้ามีอะไรให้ไข่มุกช่วยก็บอกนะคะ”
“จ้า~ พักผ่อนเถอะ ตามสบายเลย พวกครีมอาบน้ำยาสระผมเตรียมไว้ให้หมดแล้วนะ จะกินอะไรก็มาที่บ้านน้าเดี๋ยวทำให้กิน อยากจะไปไหนก็มาเอาแผนที่ที่น้าเตรียมไว้ให้ได้นะ อ้อ...น้าเตรียมจักรยานไว้ให้แล้ว เมื่อกี้คงไม่ทันมองสินะ จอดอยู่หน้าบ้านน้านั่นล่ะ”
ฉันหันไปมองตามนิ้วคุณน้าที่ชี้ไปทางบ้านหลังที่ตัวท่านอยู่ นอกจากมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่สามสี่คันแล้ว ก็มีจักรยานจอดอยู่คันหนึ่ง
เป็นเพราะฉันขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น คุณน้าก็เลยไปหายืมจักรยานของใครไม่รู้บนเกาะนี้มาให้ฉันใช้
ซึ้งใจจัง T_T ฉันคงต้องไปเล่าคุณงามความดีของคุณน้าให้แม่ฟังสักหน่อยแล้ว
“ไปๆ เข้าไปเถอะ เดินทางมาไกลคงจะเหนื่อย เก็บของเสร็จแล้วออกไปกินข้าวก่อนนะ น้าเตรียมไว้ให้แล้ว” คุณน้าพยักพเยิดบอกให้ฉันเข้าไปข้างในห้อง ฉันพยักหน้าหงึกหงักและกำลังจะเดินเข้าไป พลันสายตาก็หันไปมองที่ระเบียงห้องข้างๆ แน่นอนว่าอยู่หลังเดียวกับฉัน
เพิ่งสังเกตว่ามีเสื้อพาดเอาไว้ตรงขอบระเบียงด้วยล่ะ แสดงว่ามีคนพักห้องนี้แล้วสินะ
“ห้องนี้มีคนพักแล้วใช่มั้ยคะ” ฉันถามคุณน้าอีกทีให้แน่ใจ พร้อมกับชี้นิ้วไปยังห้องข้างๆ
“มีแล้วจ้ะ เป็นนักศึกษาเหมือนกันนี่ล่ะ น่าจะรุ่นๆ เดียวกับหนูนะ”
ดีเลย *O*
แต่ว่า...กว่าจะเจอกัน เพื่อนข้างห้องฉันอาจจะเตรียมตัวกลับพรุ่งนี้แล้วก็ได้มั้ง -_-;
ฉันบอกขอบคุณคุณน้าอีกครั้งก่อนที่เราสองคนจะแยกกัน ฉันเอาของเข้ามาเก็บในห้อง ออกไปกินข้าวกลางวันที่คุณน้าเตรียมไว้ให้แล้วกลับมากลิ้งนอนเล่นในห้องอีกครั้ง เพราะมันร้อนเกินกว่าจะออกไปไหนได้ จนเกือบสี่โมงเย็นฉันถึงได้ไปขอแผนที่ที่คุณน้าทำไว้ให้เพื่อฉันโดยเฉพาะอย่างละเอียด จะได้เอาไว้ดูตอนออกไปขี่จักรยานเล่นรอบเกาะ
ฮ้า~ ดีชะมัด
ถึงตอนนี้จะยังมีแดดอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้ร้อนจัดจนถึงขั้นผิวไหม้เกรียม และแม้ถนนบนเกาะจะซิกแซกและต้องคอยระวังมอเตอร์ไซค์ของนักท่องเที่ยวคนอื่น แถมยังต้องขึ้นลงเนินบ่อยๆ แต่ฉันว่ามันก็สนุกดีนะ ไม่ได้ขี่จักรยานแบบนี้มานานแล้ว >O<
ฉันขี่จักรยานจนมาหยุดอยู่ที่หาดแห่งหนึ่งในเกาะหลังจากที่ลองไปหาดอื่นมาแล้ว ฉันจอดจักรยานไว้ที่จอดรถด้านหน้า แล้วเดินลงไปตามทางเดินจนพบกับทะเลในที่สุด
ดูเหมือนหาดนี้คนจะน้อยกว่าหาดอื่นอย่างเห็นได้ชัด มันดูเงียบสงบจนทำให้ใจฉันสงบตามไปด้วย ถึงแม้ว่าหาดมันจะเล็กไปสักหน่อย แต่ฉันกลับรู้สึกชอบมัน
ฉันกวาดสายตามองนักท่องเที่ยวที่มีอยู่น้อยนิดภายในหาดแห่งนี้ แล้วเดินไปนั่งยังใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งก่อนจะทอดสายตามองไปเรื่อยๆ สายลมที่พัดเอื่อยๆ มันทำให้สูดหายใจเข้าได้อย่างเต็มปอด
ดีจัง บรรยากาศก็ดี...น้ำทะเลก็ใสแจ๋ว
...ถ้าได้มากับแฟนคงจะมีความสุขน่าดู
งื้อ...นี่ฉันจะมัวคิดถึงแต่เรื่องแบบนี้ทำไม T_T
พอคิดถึงเรื่องนี้อีกก็อดที่จะรู้สึกเศร้าไม่ได้ ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ โดนแฟนนอกใจก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังโดนเพื่อนตัวเองหักหลังอีก
เฮ้อ...
ฉันปล่อยตัวเองนั่งคิดอะไรแบบนั้น ปล่อยทั้งตัวทั้งใจไปกับสายลมและเสียงคลื่นที่พัดเข้ามา ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มโดยที่ฉันเองไม่รู้ตัว
ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วก็ถึงกับเบิกตาโต O.O โห...พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว สวยจังเลย!
ฉันลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งลงไปที่ทะเล ย่ำน้ำระดับข้อเท้าขึ้นไปบนโขดหินเล็กๆ อีกมือก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมจะถ่ายรูปพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า
หูย...เพอร์เฟ็กต์ชะมัด >_< มุมนี้มันใช่มาก เห็นโขดหินก้อนใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าฉันด้วย ช่างเข้ากับพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินอะไรขนาดนี้ ยิ่งตอนนี้นักท่องเที่ยวที่หาดทยอยกลับกันไปจนเกือบหมด จนมันแทบจะกลายเป็นหาดร้าง มันยิ่งทำให้ภาพทะเลที่ไม่มีคนติดกล้องเข้ามาด้วยยิ่งเพอร์เฟ็กต์เข้าไปใหญ่
แชะ แชะ แชะ~
เรียบร้อย ถ่ายไปตั้งหลายภาพแน่ะ พอแล้วดีกว่า
ฉันเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงเพราะกลัวว่ามันจะตกน้ำ ก่อนจะสูดอากาศเข้าเต็มปอดแล้วเตรียมจะลงจากโขดหินเพื่อเดินกลับไปที่ชายหาด
O.O
เอ๋?
ฉันเบิกตาโตเมื่อมองไปยังแนวโขดหินติดชายฝั่งที่อยู่ถัดไปไม่ไกล แล้วก็พบว่ามีผู้ชายตัวสูงๆ คนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงนั้น
เย็นขนาดนี้แล้วทำไมกล้าไปยืนตรงนั้นคนเดียวน่ะ น่ากลัวจะตายไป
โขดหินตรงนั้นอยู่ตรงบริเวณที่น้ำลึกกว่าตรงโขดหินที่ฉันยืนอยู่ และคลื่นที่ซัดเข้ามาก็ดูแรงมากซะด้วย เขายืนนิ่งเหมือนรูปปั้นและกำลังมองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า แม้ว่าตอนนี้จะเริ่มเย็นแล้ว แต่ผมสีบลอนด์ทองของเขาก็ยังคงดูโดดเด่นสะดุดตาอยู่ดี ฉันถึงได้สังเกตเห็นเขานี่ไง
เอ๊ะ มือข้างหนึ่งของเขาถือกระป๋องเบียร์ไว้ด้วยล่ะ =O=;
ฉันลงจากโขดหินแล้วเดินกลับขึ้นมาบนชายหาด แต่สายตายังคงไม่ละไปจากเขา อาจจะเป็นเพราะเขาเอาแต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น มันเลยทำให้ฉันรู้สึกกังวลขึ้นมา แค่มองก็รู้สึงถึงรังสีความหว่าเว้แผ่ออกมาจากตัวเขายังไงก็ไม่รู้
ถือกระป๋องเบียร์แบบนั้นด้วย เมาอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้ กลัวจังว่าเขาจะกระโดดลงไป ถึงตรงนั้นมันจะไม่ลึกถึงขั้นที่คนตัวสูงอย่างเขาจะจม แต่คลื่นแรงขนาดนั้นอาจจะซัดเขาออกไปไกลได้นะ TOT
ฉันตัดสินใจเลิกสนใจผู้ชายคนนั้น แล้วหันหนีเตรียมเดินกลับไปที่จุดจอดรถ แต่ก็ไม่วายหันกลับไปมองเขาอีกครั้งอยู่ดี
ตู้ม!
OoO!
นะ...นั่นไง!
ฉันอ้าปากค้างเมื่อผู้ชายที่ยืนอยู่บนโขดหินนั่นเมื่อหนึ่งวินาทีก่อนกระโดดลงทะเลไปแล้ว ทิ้งไว้แค่กระป๋องเบียร์บนโขดหินเท่านั้น!
นี่มัน...นี่มัน!
เขาตั้งใจฆ่าตัวตายเหรอ เผลอตกลงไป? หรือยังไง! กรี๊ดดด! TOT
ฉันมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก ดูเหมือนคนที่ยังเหลืออยู่ที่หาดเพียงน้อยนิดจะไม่มีใครทันสังเกตเห็นเขาเลย ตายแล้ว ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย แงงง
ทำไมนายต้องมากระโดดลงทะเลต่อหน้าต่อตาฉันด้วย ฉันก็ซวยน่ะสิ ฮือๆๆๆ จะทำเป็นไม่เห็นก็ไม่ได้อีก!
ฉันตัดสินใจวิ่งไปตามแนวโขดหินที่เขายืนอยู่เมื่อกี้ ข้างๆ โขดหินที่เขายืนอยู่เป็นโขดหินที่เตี้ยกว่าเล็กน้อย ฉันก้าวขึ้นไปยืนบนนั้นแล้วนั่งยองๆ ก้มมองน้ำทะเลเบื้องหน้า
อยู่ไหน...เขาหายไปไหน TOT อย่าบอกนะว่าจมน้ำตายไปแล้ว ดูจากสายตาแล้วตรงนี้น่าจะเกือบมิดหัวฉันเลยนะ ฮือออ
คลื่นทะเลซัดเข้ามากระทบโขดหินอย่างแรงจนฉันหลบแทบไม่ทัน ฉันควรจะทำยังไงดี เจ้าหน้าที่ก็ไม่เห็นมีเลย ฉันควรจะวิ่งไปบอกคนอื่น หรือควรจะโทรหาคุณน้าดี ฉันทำอะไรไม่ถูกแล้วนะ TOT
เอ๊ะ...นั่น
ฉันมองเห็นอะไรบางอย่าง เหมือนจะมีอะไรสีน้ำตาลทองๆ อยู่ใต้ผิวน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ นั่น...ผมเขาแน่ๆ! เขาอยู่ตรงนั้น! เขายังไม่จมหายไปไหน!
ฉันอ้าปากค้าง มองซ้ายมองขวาอย่างทำอะไรไม่ถูก
...ฉันต้องช่วยเขา ใช่แล้ว...ต้องช่วย!
ฉันวางโทรศัพท์มือถือลงบนบนโขดหินที่สูงกว่าข้างๆ กระป๋องเบียร์ที่เขาทิ้งไว้ ก่อนจะก้มมองน้ำทะเลเบื้องหน้าอีกครั้งแล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอด
ฉันว่ายน้ำเป็นนะ ฉันต้องช่วยเขาสิ ฉันจะปล่อยให้เขาจมน้ำแบบนั้นไม่ได้!
ตู้ม!
ทอล์คทอล์ค
สวัสดีค่ะ ได้เวลาเอาตอนที่หนึ่งมาได้ลงกันให้อ่านแล้ว >_<
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ เป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำเหมือนกัน
พลอตไม่หวือหวามาก แต่ก็มีอะไรๆ (?) แน่นวลลลล
อย่างที่บอกว่าช่วงแรกๆ พระนางของเราจะอยู่เกาะค่ะ
แรกๆ ก็ต้องสบายๆ น่ารักฟรุ้งฟริ้งไปก่อนอ่ะเนอะ
55555555555 *หัวเราะร้าย*
หน้าปกเรื่องนี้ฟินมากจริงๆ ฮืออออ *กัดผ้าแรง*
ไข่มุกของเราน่าสงสารแต่เริ่ม
โดนเพื่อนกับแฟนหักหลังเลยต้องระเห็จมาที่เกาะนี่
แต่แน่นอนค่ะ การมาที่นี่ก็ต้องมีผู้ชายที่อาจจะดีกว่ารออยู่
55555555555 วิ้ววววว
ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ!
1 เม้นท์ 1 กำลังใจน้า
จุ๊บบบบ <3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.เปิดมานี่ไคลแมกซ์เลยนะคะ ฮาาา...
พระเอกเราอกหักมาเหมือนกันหรือเปล่าคะ ดามใจให้กันไรงี้หรอ อิอิ