ตอนที่ 7 : บทที่ 3 - เจ้าบ่าว & เจ้าสาวป้ายแดง ( 100% )
ฝากกดไลค์แฟนเพจด้วยนะคะ ^^ จะได้ติดตามผลงานกันง่ายขึ้น
https://www.facebook.com/DekDHayase/
บทที่ 3 - เจ้าบ่าว & เจ้าสาวป้ายแดง ( 100% )
“ธะ เธอ…”
พัชระตาโตเมื่อได้เห็นหญิงสาวปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ร่างบางอยู่ในชุดสีขาวสะอาดตาโชว์แผงหลังสวยละมุนไร้ริ้วรอยอันน่ารำคานใจต่อผู้พบเห็น ใบหน้าสวยถูกประทินโฉมด้วยเครื่องสำอางชั้นดี แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้จัดจ้านเสียจนละทิ้งความอ่อนหวานของเจ้าตัว ลำคอระหงส์สวมใส่เครื่องประดับสุดหรูยิ่งเสริมให้อิสตรีดูสูงค่าและสง่างามเกินกว่าจะหาใครมาเทียบทานได้
หนำซ้ำกลิ่นกายหอมกรุ่นจากเรือนร่างเล็กยังทำให้หัวใจแกร่งดุจหินผาสั่นคลอนไม่เป็นท่า !
รัตนาวดีรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ กับสายตาที่ชายหนุ่มทอดมองมายังเธอ หล่อนสัมผัสได้ถึงความมีเลศนัยบางอย่างที่แอบแฝงอยู่ในดวงตาคู่นั้น โดยที่แม้แต่เจ้าตัวเองยังไม่รู้ว่าเผลอมองร่างบางด้วยความชื่นชม
“ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณพัชระ พอดีว่าอยากให้เจ้าสาวสวยที่สุดน่ะค่ะ แต่ขนาดไม่แต่งก็สวยอยู่แล้วนะคะ พอแต่งก็ยิ่งสวยขึ้นไปอีกค่า” เมนี่พูดจีบปากจีบคอ
“หึ ขนาดใช้เวลาแต่งครึ่งค่อนวันยังได้แค่นี้ ผู้หญิงอย่างเธอต่อให้แต่งเป็นชาติก็ไม่สวยไปมากกว่านี้หรอก” วาจากระทบกระทั่งหลุดออกมาจากริมฝีปากหยัก ทำเอาใบหน้าของเจ้าสาวร้อนผ่าวด้วยความอับอาย แต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ไม่แสดงออกให้ใครรู้ว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไร
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทำหน้าไม่บอกบุญ เนื่องด้วยไม่คาดคิดว่าจะเจอเจ้าบ่าวคนไหนพูดจาไม่ให้เกียรติเจ้าสาวหรือว่าที่ภรรยาของตัวเองเหมือนพัชระมาก่อน
“ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่สวยถูกใจคุณ ผู้หญิงบ้านๆ แบบฉันมันก็ได้เท่านี้แหละค่ะ” ร่างบางเอ่ยจบก็เดินจากไปทันที บรรดาช่างแต่งหน้าทำผมต้องรีบตามไปช่วยกันประคองหางชุดที่ลากยาวรุงรัง
“อวดดี !”
เสียงเข้มกระแทกใส่ ก่อนจะสาวเท้าเดินตามออกไปอีกคน ป่านนี้แขกเหรื่อในงานคงมากันเยอะพอสมควรแล้ว ถึงจะไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงอย่างรัตนาวดีเสียเท่าไหร่ แต่ความรักในหน้าตาทางสังคมของพัชระก็มีมากพอ ชายหนุ่มจึงพยายามยิ้มแย้มแจ่มใสกับทุกคนที่เข้ามาร่วมอวยพรเขาและเธอ เว้นเพียงแต่ตัวเจ้าสาวเองที่ทำหน้าตาราวกับคนใกล้หมดลมหายใจเข้าไปทุกที อาการนิ่งเฉยไม่แคร์อะไรของหญิงสาวเร้าอารมณ์เดือดของชายหนุ่มให้กระพือขึ้นอย่างน่ากลัว
หมับ !
“ ทำหน้าตาให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม กรุณาให้เกียรติฉันกับพ่อด้วย !” มือหนารั้วเองเล็กคอดเข้าหาตัวพลางกับกัดฟันพูดข้างๆ ใบหูขาวสะอาด
“ฉันคงทำแบบนั้นให้ไม่ได้หรอกค่ะ ในเมื่อฉันไม่อยากแต่งงานกับคุณ” รัตนาวดีสวนทันควัน ไม่มีการปั้นหน้ายิ้มเพื่ออะไรทั้งนั้น เธอจะต้องทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรในเมื่อข้างในเจ็บเกินกว่าจะทนฝืนยิ้มอยู่ได้
พอได้ฟังคำตอบบวกกับท่าทางยโสของร่างบางพัชระก็ยิ่งโกรธจัด มือหนารั้งเอวเล็กให้แนบชิดติดกับลำตัวมากกว่าเก่า ไม่พอ ใบหน้าหล่อคมคายชวนน่าหลงใหลยังก้มไปฉกความหอมของแก้มนวลจนเกิดเสียงดังเรียกความสนใจของแขกเหรื่อได้เป็นอย่างดี ทำเอารัตนาวดีทำหน้าไม่ถูก ดวงตากลมโตสั่นระริกด้วยไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้กับเธอ
“คุณ !”
“ยิ้มซะ เพราะถ้าเธอไม่ยิ้มฉันจะทำมากกว่าหอมแน่” เสียงเข้มเอ่ยแต่ยังคงแสร้งฉีกรอยยิ้มไม่จาง บรรดาแขกในงานต่างพากันส่งเสียงแซวเจ้าบ่าวเลือดร้อน
“ฉันไม่ยิ้ม !” รัตนาวดีไม่ยอมแพ้
“ได้… ถ้าเธอไม่ยิ้มฉันจะประกาศมันซะตรงนี้เลยว่าฉันเริ่มจะกลัดมันเต็มทีแล้ว อยากจะลากตัวเจ้าสาวคนสวยไปซั่มจนใจจะขาด” ประโยคสุดเจ้าตัวกัดฟันพูดยั่วอารมณ์หญิงสาว
“หน้าด้าน ฉันไม่รู้จะด่าคุณว่าอะไร คุณมัน มัน…” รัตนาวดีหมดคำบรรยาย เมื่อหมดหนทางร่างบางจึงจำยอมฝืนยิ้มเพื่อหลีกเลี่ยงความบ้าคลั่งของคนข้างกาย
บรรยกาศงานแต่งดำเนินผ่านไปอย่างราบเรียบไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นจนกระทั่งงานเลิก ก็ถึงคราที่ต้องส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอตามพิธี พีระพงษ์และทัศนัยมองหน้าลูกทั้งสองด้วยรอยยิ้ม ความภาคภูมิใจที่ได้เห็นคนที่ตนรักเป็นฝั่งเป็นฝา โดยเฉพาะทัศนัย ชายชราจ้องมองใบหน้าหวานของลูกสาวแล้วแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อคิดว่าต่อจากนี้หากตนต้องตายก็ไม่มีห่วงอะไรให้ต้องพะวงอีกแล้ว
“เป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีนะไอ้ลูกชายตัวแสบ จากนี้พ่อก็ขอให้แกมีความสุขมากๆ ทำตัวเป็นผู้นำที่ดี รักและดูแลครอบครัวยิ่งชีวิต และที่สำคัญ… เป็นสามีที่ดีของหนูรัตน์ด้วยล่ะ เข้าใจไหม ?” ผู้เป็นพ่อตบบ่าลูกชาย
“ครับ” พัชระรับคำไปอย่างงั้น ใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้มแต่งแต้มเหมือนเมื่อตอนอยู่ข้างล่าง จะแสแสร้งไปทำไมในเมื่อที่ตรงนี้ไม่มีกล้อง ไม่มีนักข่าว ไม่มีแขกเหรื่อให้ต้องรักษาหน้าตาทางสังคม
“ส่วนเราก็ต้องทำตัวเป็นภรรยาที่ดีต่อพี่เขานะลูก ทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อกับแม่ได้สั่งสอนหนูมา พ่อเชื่อว่าหนูสามารถนำมาใช้กับชีวิตคู่ได้อย่างดี พ่อเชื่อว่าลูกของพ่อเป็นคนดี ความดีย่อมชนะทุกอย่างนะลูก”
ทัศนัยพูดเป็นนัยๆ เพราะรู้แก่ใจดีว่าพัชระไม่ได้มีใจรักในตัวลูกสาวของตน ที่ยอมแต่งงานด้วยก็คงเพราะเหตุผลหลายๆ อย่างบีบบังคับ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ถูกพีระพงษ์บังคับอย่างแน่นอนเพราะคนอย่างพัชระไม่มีใครจะบังคับเขาได้ หากไม่ได้อยากทำด้วยตัวเอง
“ค่ะ” รัตนาวดีตอบเพียงสั้นๆ แล้วโผเข้ากอดบิดา
“เอาล่ะ ได้ฤกษ์แล้วเนอะ เอาเป็นว่าอยู่กันดีๆ นะลูก พ่อไปล่ะ” พีระพงษ์เอ่ยครั้งสุดท้ายก่อนจะพาทัศนัยเดินออกไปจากห้อง รัตนาวดีรู้สึกใจหายจึงอดไม่ได้ที่จะไปดูบิดาผ่านหน้าต่างบานใหญ่ รถคันหรูหายไปจากคลองสายตา น้ำตาเจ้ากรรมที่กลั้นมาได้เนิ่นนานก็ไหลรินทันที
บ้านหลังนี้พีระพงษ์ซื้อให้เป็นเรือนหอระหว่างคนทั้งสอง โดยได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีรวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์เพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ ด้วยเช่นกัน รัตนาวดีมาที่นี่เป็นครั้งแรก หญิงสาวไม่ชินกับความหรูหราเกินความจำเป็น เนื่องจากเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายจึงมองว่าสิ่งของเหล่านี้ฟุ่มเฟือยเกินไปสำหรับตน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเพราะเธอไม่ได้อาศัยอยู่ตัวคนเดียว ยังมีผู้ชายจอมเหวี่ยงอีกคน
“เธอจะอาบน้ำก่อนหรือจะให้ฉันอาบก่อน” เสียงเข้มดังขึ้นทำลายความเงียบ ร่างบางหันไปมองคนตัวโตที่จัดการถอดเสื้อสูทสีขาวออกเรียบร้อยแล้ว “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง” ชายหนุ่มหงุดหงิด
“คุณอาบก่อนก็ได้ค่ะ ฉันคงต้องถอดเครื่องประดับอีกนาน” ตอบเสียงเรียบ
“หึ”
พัชระทำเสียงขึ้นจมูกใส่หญิงสาวก่อนจะเดินกระแทกเท้าเข้าห้องน้ำไป รัตนาวดีส่ายหน้ากับตัวเอง เจ้าตัวเริ่มจัดการถอดเครื่องประดับต่างๆ ออกจากศีรษะ เครื่องเพชรราคาแพงทั้งหลายถูกวางลงกับโต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวมองตัวเองผ่านกระจกเงาบานหรู หัวใจดวงน้อยบีบแน่น ใบหน้าที่ตกแต่งไปด้วยเครื่องสำอางชั้นดีไม่สามารถปกปิดความร้าวรานจากข้างในได้เลย รัตนาวดีไม่มีความสุขเลยสักนิดแม้ใครต่อใครจะพากันอิจฉาเธอที่ได้เป็นลูกสะใภ้ตระกูล ‘ปรมเทพ’ แต่ใครเล่าจะรู้เบื้องลึกว่าเรื่องราวแสนหวานของเบื้องหน้านี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
ทุกเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป…
“ฉันเสร็จละ นี่เธอ !” ชายหนุ่มร่างโตที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำรีบหันหน้าหนี ภาพเมื่อครู่คือแผ่นหลังบอบบางขาวเนียนใสไร้ริ้วรอยให้รำคานใจ “ทำไมไม่ถอดให้เรียบร้อยหะ !” เสียงเข้มต่อว่า เป่าลมหายใจออกจากปากหนักๆ หนึ่งที
“ขอโทษค่ะ เอ่อ… ฉันถอดไม่ถนัดเลย รบกวนคุณช่วย เอ่อ ช่วยรูดซิปที่เหลือหน่อยได้ไหมคะ ?” รัตนาวดีเองก็เขินอาย ไม่คิดว่าเขาจะออกจากน้ำไวทันเจอเธอกำลังถอดชุดเจ้าสาวแสนวุ่นวาย
ร่างสูงพ่นลมหายใจไล่ความประหม่าอีกครั้งแล้วค่อยๆ ขยับกายเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว เพียงแค่เฉียดผิวเนื้อนวลกลิ่นกายหอมหวานก็ทักทายจมูกโด่งเรียว อดไม่ได้ที่จะสูดดมเอาความหอมธรรมชาติเข้าไปเต็มปอด มือหนาจัดการรูดซิปหลังให้อย่างรวดเร็ว เนื่องไม่อยากเอาสายตาจ้องมองความงามตรงหน้านาน เขาเองก็ผู้ชายธรรมดาไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกรู้สากับรูปร่างอิสตรีตรงหน้า
และยิ่งงดงามราวกับรูปปั้นด้วยแล้ว…
“เสร็จแล้ว” น้ำเสียงกระแทกใส่
“ขอบคุณค่ะ” รัตนาวดีเอ่ยพร้อมกับหันหน้ามาเผชิญกับใบหน้าคมเข้มที่ตอนนี้ออกสีแดงระเรื่อ “เอ่อ… คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ?” ความใสซื่อทำให้เธอถามออกไปแบบนั้น
“ปะ เปล่า” พัชระรีบหันหน้าหนี “จะอาบน้ำก็รีบไปอาบซะสิ จะได้ปิดไฟนอนเสียที เหนื่อย”
รัตนาวดีรีบพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วด้วยกลัวว่าเขาจะหงุดหงิด ร่างบางลอบถอนหายใจกับตัวเอง เหตุการณ์เมื่อครู่เธอเองก็หวั่นใจอยู่เหมือนกัน ความวาบหวามยามที่เขามาช่วยถอดชุดให้ทำเอากายสาวสั่นสะท้าน
“บ้าๆ เลิกเพ้อเจ้อสักทียัยรัต” เสียงหวานพูดกับตัวเอง
เสียงของสายน้ำดังเล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำทำให้ชายหนุ่มต้องกัดฟันเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ดิบภายในกาย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปม ยิ่งหัวสมองเจ้ากรรมดันจินตนาการไปถึงเรือนร่างอรชนที่ตอนนี้คงกำลังเพลิดเพลินกับสายน้ำ ความขาวเนียนของเนื้อนวลจะสวยงามสักเพียงใด แค่มองเมื่อครู่หัวใจแกร่งก็พาลเต้นระทึกไม่เป็นจังหวะ แล้วถ้าหากได้ลองสัมผัสด้วยมือหนาเล่า ? มันจะวิเศษขนาดไหนกันนะ
กลิ่นกายที่ซ่อนลึกของหล่อนจะชวนฝันมากน้อยแค่ไหนกันนะ…
“โอ๊ย ! ไอ้บ้าเอ๊ย แกคิดบ้าอะไรของแกวะ” พัชระทึ้งศีรษะตัวเองไปมา ทิ้งตัวดิ้นลงกับเตียงกว้าง พยายามไม่ใส่ใจต่อสิ่งเร้ารอบกาย
“ก็เหมือนๆ กันหมดแหละวะพวกผู้หญิง ไม่มีใครสวยไปกว่าใครหรอก ทำตัวเหมือนเด็กเพิ่งฝันเปียกไปได้ ไอ้พัชระ แกนี่มัน” คนพูดกัดฟันด่าตัวเอง ชายหนุ่มทำท่าจะทึ้งศีรษะตัวเองอีกรอบแต่ประตูห้องน้ำก็เปิดออกมาพอดี กลิ่นสบู่อ่อนๆ ลอยผ่านเข้าสู่โสตประสาท
“คุณมีอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่าคะ ?” รัตนาวดีชี้หน้าตัวเองเมื่อเห็นสายตาที่ทอดมองของพัชระ
“อะไร ฉันจะพูดอะไร ฉันไม่ได้มีอะไรจะพูดกับเธอสักหน่อย” คนเจ้าเล่ห์ทำตัวไม่ถูก แววตาไม่นิ่งเหมือนเก่า
“ไม่มีก็ดีค่ะ” รัตนาวดียักไหล่แล้วพาร่างบางไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวทาครีมบำรุงผิวกายและหน้าตามปกติเหมือนที่ทำอยู่ทุกคืน รวมไปถึงพรมน้ำหอมกลิ่นกุหลาบเล็กน้อยให้พอสดชื่น แต่หารู้ไม่ว่าทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาคู่คมตลอดเวลา
หล่อนจะรู้ไหมว่าภาพตรงหน้ามันช่างเย้ายวนใจเขาเหลือเกิน !
“นั่นเธอจะไปไหน” พัชระถามเมื่อคนตัวเล็กทำท่าจะเปิดประตูออกจากห้อง
“ไปนอนอีกห้องหนึ่งค่ะ”
“อะไรนะ !” ชายหนุ่มยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูง สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ร่างบาง “นี่เธอจะบ้าหรือไง เข้าห้องหอด้วยกันคืนแรกก็จะแยกห้องนอน บ้าหรือเปล่า สมองมีน่ะหัดคิดซะบ้างว่ามันควรไหม”
“ประทานโทษนะคะ สมองฉันคิดทุกอย่างมาเป็นอย่างดีแล้วค่ะ การที่ฉันแยกห้องนอนก็น่าจะเป็นผลดีต่อตัวคุณเองไม่ใช่หรือคะ เราสองคนไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรักเรื่องแยกกันนอนมันก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว ขอตัวนะคะ” รัตนาวดีเอี้ยวตัวจะเดินไปเปิดประตูห้อง แต่กลับถูกมือหนากระชากเข้าหาอกแกร่ง
“เจ็บนะคุณ”
“เจ็บสิดี เผื่อความกระแดะมันจะลดลงบ้าง” พัชระกดเสียงต่ำ
“มันจะมากไปแล้วนะคะคุณพัชระ” รัตนาวดีโกรธกับคำพูดหยาบโลนของเขา
“นอนมันที่นี่แหละ ฉันไม่พิศวาสผู้หญิงไร้ราคาอย่างเธอหรอก” ว่าจบก็ผลักร่างเล็กลงบนเตียงอย่างแรง ไม่สนสักนิดว่าคนถูกกระทำจะเจ็บแค่ไหน
ฟึบ !
หมอนใบโตถูกโยนใส่ใบหน้าสวย
“คุณ !”
“นอน !” พัชระก้าวขึ้นมาบนเตียงขนาดคิงไซต์ รัตนาวดีรีบขยับกายหนีเพื่อรักษาระยะห่าง “บอกแล้วไงว่าไม่พิศวาส นอนสักที ง่วงจะตายอยู่แล้ว !”
พูดจบคนตัวโตก็ทิ้งตัวลงนอนแบบกระแทกกระทั้นใส่คนข้างกาย รัตนาวดีพอเห็นว่าเขานอนหันหลังไม่สนใจเจ้าตัวก็รีบล้มตัวนอนเช่นกัน หญิงสาวนำหมอนข้างมาวางไว้ตรงกลางระหว่างเขาและเธอ ร่างบางนอนคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง ก่อนจะเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าที่แบกรับมาตลอดทั้งวัน พัชระได้ยินเสียงลมหายใจที่คงที่ของภรรยาหมาดๆ ก็ลุกขึ้นนั่งผิงหัวเตียง ชายหนุ่มแอบอบยิ้มกับตัวเองเมื่อเห็นหมอนข้างที่คนขี้เซาคงคิดใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว
“หึ ยัยผู้หญิงบ้า”
___________________________________________________________________________
สวัสดีค่าาาาา !!! ^_^ ยะฮู มาอีก 1 ตอนแล้วนะคะ มีใครอ่านอยู่บ้างเอ่ยยยย >< อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงเม้นติ ชม กันด้วยเน้อออออ ไม่มีคอมเม้นเลย >< เก๋าห่างหายจากการอัพในเด็กมานานมาก !!! แต่สายัณสัญญาว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปจะมาให้บ่อยๆ น้าาาา ตัวเองก็อย่าเพิ่งทิ้งเก๋าไปไหนน้าาา อยู่สนับสนุนกันต่อนะจ้ะ ^^ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่อยากนำเสนอมากๆ ค่ะ เพราะมันสะท้อนถึงอะไรหลายๆ อย่าง นิยายเพื่อนแพงเหมือนจะไร้สาระ แต่มันก็พอมีสาระหลงเหลืออยู่บ้างน้าาา อย่าดูถูกไป 5555
เอาเป็นว่า อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไง เม้นบอกกันด้วยน้าา เขาอยากอ่านคอมเม้นงะ >< นะๆๆๆ นิดหน่อยเนอะ ^O^
ปล. นักอ่านคนไหนที่ยังไม่ได้กดไลค์แฟนเพจเก๋า กดด้วยเน้อออ จะได้ติดตามความเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก ทวงนิยายได้เน้อ เก๋าไม่กัดหรอก 5555 ( มาทวงกันเยอะๆ เพื่อนแพงจะได้ไม่อู้ >< 555 )
และ ปล. อีกอย่าง ฝากอุดหนุนนิยาย E-Book ของเพื่อนแพงด้วยนะคะ ใครที่ยังไม่ได้อ่านเรื่องไหนสามารถหาโหลดซื้อกันได้แล้วนะคะ ช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงลดราคาอยู่ด้วย อิอิ มีเวลาอีกประมาณแค่ 30 วันต่อเรื่องแล้วจะหมดช่วงโปรฯ แล้วนะคะ อุดหนุนเก๋าเยอะๆ น้าตะเอง *^*
ฝากนิยาย E-BOOK ของเพื่อนแพงด้วยนะคะ ^^
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
