ตอนที่ 5 : ข้ามคืนครั้งที่ 4 : ข้อตกลงของเรา [100%]
TEMPORARY BLISS : CHAPTER 4
ข้ามคืนครั้งที่ 4 : ข้อตกลงของเรา
#ฟิคคืนของชานแบค
“คะ...คุณมาได้ไง” นั่นคือประโยคแรกที่ผมถามปลายสาย เราสบตากันผ่านบานหน้าต่างที่ขวางกั้น เขากำลังยิ้มให้ผมแสดงความอ่อนโยนที่เหมือนกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ให้ผมดู ผมขมวดคิ้วมุ่ยไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงโผล่มาอยู่ที่นี่
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาขับไสไล่ส่งให้ผมกลับมาเอง
(เรานัดกันไว้)
“อะ...”
(ลืมแล้วเหรอ ?)
“ผม...” คำพูดของเขาทำให้สมองของผมอื้ออึงไปหมด ประมวลคำตอบช้าจนน่ารำคาญ ผมมองเขาอยู่แบบนั้นสักพัก ฟังเสียงของเขาที่เรียกผมให้ลงไปเปิดประตูให้เขา มันไม่ใช่การต่อว่าหรือบังคับ น้ำเสียงของเขามันนุ่มชวนฟังราวกับวอนขอความเมตตา
ขอความเมตตาจากคนที่ไม่มีอะไรจะให้อย่างผม...
(ผมคิดถึงคุณนะแบคฮยอน)
“…”
(ผมอยากกอดคุณ...จะแย่อยู่แล้ว)
สุดท้ายพอถูกรบเร้ามากๆ ผมก็ยอมลงไปเปิดประตูให้เขา ดีที่ตอนนี้พวกแม่บ้านพากันกลับที่พักไปหมดแล้ว เลยไม่มีใครมาวุ่นวายกับพวกเรา ผมพาชานยอลมาที่ห้องนอนของตัวเอง ใจนึงก็สับสนว่าทำไมผมถึงต้องทำแบบนี้
ความเงียบของคฤหาสน์ทำให้ผมได้ยินเสียงหายใจและเสียงหัวใจของตัวเองอย่างชัดเจน
ทุกย่างก้าวของผมสั่นราวกับว่าตอนนี้ผมกำลังถูกนำทางไปนรกโลกันต์ ตลอดระยะทางที่มาห้องของผมมันสั้น แต่กลับยาวนานในความรู้สึกของผม ผมไม่แม้แต่จะปริปากคุยอะไรกับชานยอล เขาเองก็เอาแต่เดินตามหลังผมเท่านั้น
ความเงียบของเราคือคำตอบของกันและกัน
จนกระทั่งเราเข้ามาในห้องของผม สัญชาติญาณเสือของเขาก็สถิตร่างแทบจะทันที !
หมับ !
“อื้อ !” ผมครางออกมาเมื่อชานยอลกระชากร่างของผมเข้าไปในอ้อมกอดแล้วฝังริมฝีปากลงมา บดเคล้าหนักหน่วงจนผมเจ็บไปทั่วริมฝีปาก ถึงกระนั้นเขาก็ยังสอดลิ้นเข้ามาเก็บเกี่ยวความหวาน ควานทุกอย่างที่จะกอบโกยจากผมไปได้ ใบหน้าของผมร้อนวูบแผ่นหลังถูกดันชิดกับบานประตูใหญ่
เสียงหอบหายใจดังควบคู่ไปกับเสียงจูบที่โหยหา ชานยอลประคองใบหน้าผมเอียงองศาให้ปรับมุมเข้ากันได้มากขึ้น ส่วนมือของผมก็ขยุ้มเสื้อตรงอกของเขา ภาวนาขอให้ตัวเองอย่าทรุดลงไปเพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนขามันไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน
เขาไม่ปล่อยให้ผมขัดเขินหรือว่าดำเนินอะไร เขาปล่อยให้ผมเป็นฝ่ายที่โหยหาสัมผัสของเขา...
เขาทำให้ผมแทบคลั่งไม่ต่างจากพวกเล่นยาที่ขาดยาเพ้อฝันพวกนั้นไม่ได้ ถ้าชานยอลคือหมาป่า แล้วมือหนาคือกับดับ สัมผัสของเขาก็คงเป็นยาพิษรสหวานที่ไม่ว่าใครก็ปฏิเสธไม่ได้ สุดท้ายแล้วเมื่อหลงลงมาในวังวนแห่งความต้องการ
ก็ทำได้แค่ดิ้นรนให้ร้าวรานในกับดับแสนหอบหวานเท่านั้นเอง...
“หยุด...หยุดก่อน แฮ่ก” ร่างของผมถูกผลักลงบนเตียงขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ยังไม่ถอนจูบออกไป ชานยอลไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่กำลังจะกินเหยื่ออย่างผม มือหนารั้งเสื้อผมออกจากกายก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะจูบไปทั่วลาดไหล่เนียนขาว
ความรุ่มร้อนจากริมฝีปากเขามันทำให้ผมรู้สึกวูบวาบราวกับถูกสาปยังไงยังงั้น
“ชานยอล...เดี๋ยวก่อน...อะ”
“เราค่อยคุยกันทีหลังได้ไหม”
“อะไรนะ...!”
“ผมอยากกอดคุณจะแย่แล้ว แบคฮยอน”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แค่อีกฝ่ายพูดคำนั้นออกมาเบาๆ ผมก็เลื่อนมือที่ดันเขาออกเป็นโอบคอเขาไว้ ปล่อยให้เขาทำตามใจราวกับตัวเองไม่มีความรู้สึก หัวใจของผมยังคงเต้นปกติ ลมหายใจของผมก็ไม่ได้ขาดห้วงหรือสั่นไหว ดวงตาของผมก็ยังคงรับรู้ได้
ผมยังคงมองเห็นผู้ชายตรงหน้าที่โอบกอดผมซ้ำๆ
สัมผัสของเขามันแนบชิดไปทุกสัดส่วน รสจูบของเขายังปลูกฝังไปทั่วร่างกายของผม สัมผัสแสนรุ่มร้อนก็กระชับอยู่บนเรียวปาก ทุกๆอย่างของเขาทำให้ผมหลงลืมสิ่งรอบกายไป
จนกระทั่งมันจบลง ผมนอนหันหลังให้เขา ระยะห่างเพียงเล็กน้อยคือสิ่งที่กั้นกลางเราไว้ทำให้เราไม่สามารถเข้าใกล้กันได้ ผมเหนื่อยแทบตาย ความอุ่นร้อนที่เขาฝังไว้ยังคงอยู่ในร่างกายของผม เสียงหอบหายใจที่เริ่มแผ่วลงไม่ได้ทำให้สติของเราเลือนหายไป
และมันทำให้ความสงสัยปะทุขึ้นมา
“ชานยอล คุณยังไม่หลับใช่ไหม ?”
“ว่าไงที่รักของผม”เสียงทุ้มชวนฟังกระซิบเข้าที่ข้างหูพร้อมกับท่อนแขนอุ่นพาดผ่านเอวบางรั้งร่างผมเข้าไปในอ้อมกอดจนแผ่นหลังแนบชิดกับอกกว้างอุ่นร้อน “มีอะไรเหรอ ?”
“เวลาที่คุณทำแบบนี้กับใคร”
“…”
“คุณเคยรู้สึกอะไรบ้างไหม ?” คำถามของผมคงทำให้อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย ดูได้จากลมหายใจที่เผลอหยุดไปชั่วขณะก่อนที่จะกลับมาหายใจปกติ ชานยอลไม่ได้พลิกร่างผมให้หันไปมองหน้าเขา เขาเพียงแค่เท้าแขนกับหมอนยันศีรษะขึ้นมามองผมที่ยังคงหันหลังให้เขา
“หมายถึงการกอดใครสักคนน่ะเหรอ ?”
“…ใช่”
“ทำไมถึงถามล่ะ ?”
“ผมอยากรู้”
“…”
“อยากรู้ว่าการกอดใครสักคน มันจะรู้สึกอะไรบ้างไหม ?”
“แล้วตอนถูกผมกอด คุณรู้สึกอะไรยังไง ?”
“อะ...” คำถามของเขาที่ผมเบิกตากว้างนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะถูกย้อนถามกลับมาแบบนี้ ทว่าเขาก็ไม่ได้เร่งเร้าให้ผมรีบตอบ ผมเลยทบทวนว่าสองครั้งที่ผมถูกเขากอดมันรู้สึกยังไง ครั้งแรกยอมรับว่ามันตื่นเต้นและกลัวไปหมด แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเงียบสงบ
เราสองคนทำมันตามความปรารถนาของเรา
“ไม่”
“หืม ?”
“ไม่รู้สึกอะไร” ผมตอบเสียงแผ่ว แต่มันจริงอย่างที่ผมรู้สึก “แรกเริ่มมันอาจจะแปลกประหลาด แต่ตอนนี้มันกลับ...ว่างเปล่า”
“ใช่ไหมล่ะ”
“หืม ?”
“ไม่เห็นต้องรู้สึกอะไร แค่พอใจกันก็พอ”
นั่นเป็นสิ่งที่เรารู้สึกเวลากอดคนอื่นสินะ กับคนกอดอาจจะรู้สึกแบบนั้น แล้วกับคนที่ถูกกอดล่ะ มันจะเป็นยังไง ตัวผมตอนนี้ยังไม่เข้าใจอะไร อาจเพราะว่านี่เป็นความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่ตอนเช้ามันก็จบลง ไม่มีสานต่อ ไม่มีการทำอะไรให้กัน
อีกอย่างเราแทบจะไม่รู้อะไรของกันและกันเลยสักนิด
นอกจากเสียงลมหายใจและสัมผัสของอีกฝ่ายที่จะมอบให้
“ผมอยากนอนแล้ว” พอคิดว่าผมไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไรอย่างที่เขาบอก ผมก็ขยับตัวห่างจากเขานิดหน่อยก่อนจะบอกเขาพลางหลับตาลง ข่มให้ตัวเองนอนหลับ แม้จะได้ยินเสียงเขากระซิบบอกให้ผมหลับฝันดีแล้วกอดผมไว้แนบชิดร่างอีกครั้ง ผมกลับไม่รู้สึกยินดีหรืออยากได้มันเลยสักนิด
กลับกันไม่รู้ว่าเพราะอะไรทั้งๆที่ถูกกอดเอาไว้แบบนั้น…
ผมกลับรู้สึกอ้างว้างไม่ต่างจากนอนอยู่คนเดียว...
นี่คงเป็นอีกความรู้สึกของคนที่ถูกกอดสินะ...
และก็เหมือนกับวันนั้น...
“คุณจะไปแล้วเหรอ ?”
กึก !
“ผมมีประชุมเช้าน่ะ”
“แต่นี่มัน...เพิ่งตีห้า”
“มันจะดีกว่าถ้าผมกลับก่อนที่พ่อของคุณจะกลับมา” ชานยอลตอบพร้อมส่งยิ้มมาให้ผมหลังจากแต่งกายตัวเสร็จเรียบร้อย นัยน์ตาสีสวยทอดลงมองเรือนกายของผมที่ถูกแต่งแต้มด้วยฝีมือของเขา ร่างสูงเลยทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเอื้อมมือมาลูบหัวเบาๆ “แล้วคืนนี้ผมจะมาหาอีกนะ”
“...”
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น เหงาเหรอที่ผมจะไป ?”
“ก็...เปล่า” ผมปฏิเสธใบหน้ายังคงเรียบนิ่งไม่แสดงอาการอะไรออกมา ชานยอลเลยยิ้มอย่างเอ็นดูอีกครั้งก่อนจะรั้งใบหน้าผมให้เชิดขึ้นรับสัมผัสแสนหวานจากเขา ปลายลิ้นร้อนชื้นสอดเข้ามาเก็บเกี่ยวความหวานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฝากความอบอุ่นเอาไว้ให้ผมได้จำถึงเรื่องราวของเราที่ดูเหมือนจะทอดยาวไม่มีวันจบ
ถึงผมจะไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงยอมตกลงทำอะไรแบบนี้...
แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรที่จะทำ...
“ผมไปนะ”
“ครับ” ผมพยักหน้ารับสัมผัสรุ่มร้อนที่หน้าผากอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงจะผละออกไปจากห้องนอนของผม สักพักผมก็เคลื่อนกายบอบใต้ผ้าห่มที่มีเพียงเชิ้ตขาวติดตัวเท่านั้นไปมองดูอีกฝ่ายจากหน้าต่าง ผมเห็นเขากำลังคุยโทรศัพท์ เหมือนจะหัวเราะให้ปลายสายนิดหน่อย ราวกับว่าบทสนทนาของเขากับอีกคนจะเป็นเรื่องที่น่าสนุกมากยังไงยังงั้น
ผมมองภาพนั้นจนเขาออกรถลับสายตาไป พลางกลับมาคิดเองในใจ...
ผมไม่เคยได้คุยกับเขาเรื่องอื่นเลย...
มหาลัย
แม้ว่าเมื่อคืนอีกฝ่ายจะเล่นงานผมไว้หนัก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังพาตัวเองมาเรียนต่างจากเมื่อวานที่โดดเรียนไปเดินเล่น ดีหน่อยที่วันนี้ผมมีเรียนคาบบ่ายเลยได้นอนพักเอาแรงอยู่นานหลายชั่วโมงเลยทีเดียว ทว่าพอมาเรียนผมกลับต้องทนเห็นภาพบาดตาของ...
“เดี๋ยววันนี้เราไปดูหนังกันนะ ซอยอลจะได้ไม่เบื่อ”
“แต่ถ้าไปแล้วจงอินหลับอีก ก็ไม่ไปนะ น่าเบื่อกว่าอีก” เสียงหวานแหววของคู่รักทำให้ผมเกิดอาการเหม่อลอยไปชั่วขณะ ผมมองภาพคนที่ผมชอบด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยิ่งตอนที่จงอินกับซอยอลแฟนของเขาสวีทกัน
หัวใจผมก็เหมือนจะ...พังยังไงยังงั้น
รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่จงอินบอกลาแฟนแล้วเดินเข้ามาในคลาสของผม ฝีเท้าที่ขยับเข้ามาใกล้จนในที่สุดอีกฝ่ายก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆโบกไม้โบกมือตรงหน้าผมเป็นการเรียกสติ
“เหม่ออะไรแบค ไม่สบายเหรอ ?”
“อะ...เอ่อ เปล่า” ผมส่ายหน้าเผลอสะดุ้งกับการกระทำเมื่อกี้ เล่นเอาต้องรีบหันมาโฟกัสหน้าห้องเรียนเตรียมตัวรออาจารย์ ผมกับจงอินเราเป็นเพื่อนกันมานาน รู้จักกันดีกว่าใครๆ จนกระทั่งซอยอลเข้ามาในชีวิตของเขา ก็ดูเหมือนว่าผมจะกลายเป็นเศษเกินไปในพริบตา
ตอนแรกมันก็เฉยๆนะ แต่พอนานไปผมก็เริ่มรู้ตัวว่าหลงรักเพื่อนของตัวเอง
และคนที่รู้สึกก่อนคนที่ไม่เคยรู้อะไร จุดจบของมันคือกลายเป็นผู้แพ้เสมอ...
“แล้วเมื่อวานไปไหนมา อยู่ดีๆก็ขาดเรียน”
“ไม่สบายนิดหน่อยน่ะ”
“งั้นวันนี้ก็ยังไม่หายดีล่ะสิท่า หน้านายยังดูไม่โอเคอยู่เลย” เจ้าตัวว่าพร้อมเขยิบหน้าเข้ามาใกล้เล่นเอาหัวใจผมเต้นผิดจังหวะ ใบหน้าที่ห่างกันไม่มากทำให้ดวงตาของผมหลุกหลิกจนน่าสงสัย “มีอะไรเหรอ นายดูเหมือนมีอะไรปิดบังฉันนะ”
“ไม่มี...ไม่มีอะไร” ผมส่ายหน้าอีกครั้งผละหน้าออกมา กลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง จงอินขมวดคิ้วนิดหน่อยที่ผมทำแบบนั้น แต่ด้วยนิสัยของเขาการเงียบไปไม่ใช่สิ่งที่ชอบทำ เขาเลยเซ้าซี้โดยการยิ้มให้ผม หลอกถามต่างๆนานาราวกับว่าการแกล้งผมเป็นเรื่องสนุก
ผมชอบรอยยิ้มของเขา ขณะเดียวกันผมก็ไม่เคยได้รับมาครองอย่างแท้จริง
“งั้นวันนี้ไปนอนบ้านฉันนะ ฉันมีของจะให้นายดู”
“อะไรนะ...” ผมเบิกตากว้างตอนที่ได้ยินแบบนั้น ในใจมันเต้นโครมครามไปในทิศทางที่หลากหลาย แต่ทว่าพอนึกถึงที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายชวนแฟนไปดูหนังเย็นนี้ก็ทำให้ความตื่นเต้นหายไป
เขาคงชวนผมไปดูของที่ทำให้แฟน...
“วันนี้ฉันไม่ว่างน่ะ ขอโทษนะ”
“ช่วงนี้เป็นไรไปเหรอแบค รู้สึกเหมือนนายทำตัวห่างเหินกับฉันจัง”
“…”
“ฉันทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ ?”
LOADING 100 PER
เจิมรอพี่ชานรุกหนัก ตอกย้ำถึงข้อตกลง !
รอเยอะอัพไวนาจา
เรื่องนี้เป็นภาคต่อฟิคคริสเฉิน TEMPORART REGEN นะคะฝากติดตามด้วยน้า
1 เม้น 1 กำลังใจให้กำลังใจแบคฮยอน
เมื่อพูดถึงค่ำคืนของพวกเขา อย่าลืมติดแท็กในทวิต !
#ฟิคคืนของชานแบค
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กล้ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกล #พ่นไฟ
กลางวันไม่รุ้จัก กลางคืนเรียกที่รัก อิด๊อกกกกกกกกก
รอค้าาาาา
#เพ้อเบาๆ