ตอนที่ 4 : ข้ามคืนครั้งที่ 3 : ตบตาหลอกลวง [100%]
TEMPORARY BLISS : CHAPTER 3
ข้ามคืนครั้งที่ 3 : ตบตาหลอกลวง
#ฟิคคืนของชานแบค
ร้านกาแฟ
ผมโดดมหาลัยมานั่งกินลมอยู่ที่ร้านกาแฟ ซึ่งเป็นร้านประจำที่ผมชอบมา มาบ่อยจนพนักงานจำผมได้ เขาจะรู้ว่าถ้าผมมีเรื่องไม่สบายใจ หรือมีเรื่องที่ต้องใช้ความคิด ผมจะมาที่นี่คนเดียวเสมอ จริงๆไม่ใช่ว่าผมไม่มีเพื่อนนะ แต่บางครั้งการอยู่คนเดียวมันก็สบายใจกว่า
อีกอย่างช่วงนี้ ‘ลู่หาน’ ก็ไม่ได้ว่างไปไหนมาไหนกับผมเท่าไหร่ ดูเหมือนจะมีปัญหากับครอบครัวอยู่
‘คืนนี้มาเล่นด้วยกันอีกนะ’
‘ผมไม่อยากเหงากับคืนที่ไม่มีคุณ แบคฮยอน’
“เฮ้อ...” ผมมองกระดาษแผ่นนั้นที่หยิบติดมือมาด้วยพลางถอนหายใจระบายอารมณ์ออกมาเบาๆ มีเค้าลางว่าคืนนี้ผมคงได้เจอกับเขาอีกครั้ง และรู้สึกได้ว่าเรื่องแบบเมื่อวานมันจะเกิดขึ้นวันนี้อีก ผมมองกระดาษโน้ตนั้นนิ่งหวนคิดถึงเรื่องเมื่อคืนซ้ำไปซ้ำมา
อะไรที่ทำให้ผมยอมเปิดโลกของตัวเองขนาดนั้นกันนะ...
หรือว่าผมจะบ้าไปแล้ว ?
“ผมหวังว่าเราจะได้ร่วมงานกัน”
กึก !
“โชคดีครับชานยอล” เสียงพูดคุยและชื่อที่คุ้นหูทำให้ผมหันไปมองก่อนจะเจอกับร่างสูงคนเดียวกับเมื่อคืนที่เราเจอกัน ผมเบิกตากว้างนิดหน่อยตอนพบกับเขา ดูจากลักษณะแล้วเขาน่าจะมาติดต่องานกับลูกค้า ชานยอลจับมือกับผู้ชายตรงหน้า เขาลุกขึ้นยืนเตรียมออกจากร้านกาแฟเดียวกับผมไป
พลันนัยน์ตาของเราก็สบกัน ในตอนนั้นผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไง
ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิ้มให้ เขาเพียงแค่เบนสายตาไปหาลูกค้า เดินออกไปพร้อมเขาราวกับว่าผมไม่มีตัวตน เป็นเพียงแค่ธาตุอากาศเท่านั้น ซ้ำร้ายกว่านั้นชั่วขณะนึงผมเห็นความเย็นชาในดวงตาของเขา
หมายความว่าไงกัน ?
ตอนกลางคืนเขายังกระซิบเสียงชื่อผม พอตอนกลางวัน ผมเป็นเพียงแค่เด็กคนนึงที่เขาไม่รู้จักงั้น...เหรอ ?
สายตาแบบนั้นจะตอกย้ำว่าผมมีค่าแค่ตอนกลางคืนสินะ...
“ขอนั่งด้วย”
“อ๊ะ !”
“ขี้เกียจหาโต๊ะ” เสียงเอ่ยทักที่ดังขึ้นทำให้ผมที่เผลอหลุบตาต่ำรู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์เมื่อกี้ เงยหน้ามองคนที่ขอนั่งด้วยคน ผมแปลกใจนิดหน่อยเมื่อพบว่าคนตรงหน้าคือหลานชายของชานยอล ที่เมื่อวานทำท่าไม่พอใจใส่ผมและพ่อราวกับว่าเราสองคนไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ
กว่าจะตั้งสติได้ จงแดก็ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผมแล้ว
ดูเหมือนจะโดดเรียนมาเหมือนกันกับผม...
“เอสเปรสโซ่” เจ้าตัวบอกพนักงานแล้วกลับมาสนใจมือถือต่อ ไม่มีการพูดคุยระหว่างผมกับเขา ทั้งๆที่เราอายุเท่ากัน เรียนปีเดียวกัน กลับมีเส้นบางๆกั้นกลางเราสองคนอยู่ เส้นบางๆที่เหมือนต่างคนต่างสร้างขึ้นมากั้นทุกคนเอาไว้
พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไร ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่นบ้างสลับกับจิบกาแฟไปพลางๆ
ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ คงเพราะมันก็บรรยากาศเดียวกับเมื่อวานล่ะมั้ง...
“นี่”
“หืม ?”
“รอยจูบเต็มคอเลยนะ”
“อ๊ะ !?”
“เมื่อวานหนักล่ะสิ” ผมเบิกตากว้างตอนที่อีกฝ่ายว่าแบบนั้น เล่นเอาผมถึงกับยกมือจับคอตัวเองแทบจะทันที ไม่มีรอยยิ้มหรือการหยอกเล่นบนใบหน้านิ่งงัน มีเพียงแค่ความเรียบเฉยเหมือนกับว่าเรื่องที่พูดไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร “ถ้าเกิดจะทำกับแฟนก็น่าจะทำในจุดที่คนสังเกตเห็นยากหน่อยนะ”
“ฉัน...”
“แบบนี้มันเด่นเกินไป” จงแดบอกพร้อมจิบกาแฟ และในตอนนั้นเองผมก็เห็นรอยจูบที่คอเขาเช่นกัน และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าผมก็สังเกตร่องรอยของเขา เขาเลยขยับปกเสื้อนิดหน่อย “ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก เมื่อคืนฉันก็หนัก”
“นาย...?”
“เรื่องปกติ ถือซะว่าต่างคนต่างไม่เห็นก็แล้วกัน”
แบบนี้ก็ได้เหรอ ?
ผมขมวดคิ้วใส่อีกฝ่ายอยู่สักพัก แล้วก็คลายคิ้วออก ไม่มีคำพูด ไม่มีคำอธิบายออกมาจากปากของเราสองคน ผมไม่ได้ถามว่ารอยจูบบนคอของเขามาจากใคร แม้จะสงสัยเพราะรู้ว่าจงแดไม่ได้คบใครอยู่ ผมได้ยินพ่อถามจงแดอยู่เมื่อวาน แต่พอชานยอลบอกว่าจงแดเป็นพวกหัวนอกไม่ใคร่เรื่องความรักหรือมีแฟนเท่าไหร่ ผมก็เข้าใจ
บางทีเมื่อวานเขาอาจจะไปเล่นกับใครสักคน ผมก็ไม่ได้ถามพ่อด้วยสิว่าเมื่อวานพ่อไปส่งจงแดที่ไหน เขาบอกแค่ว่าหัดหาเพื่อนใหม่ๆบ้างก็เท่านั้น
เพื่อนใหม่ที่ว่าคือคนตรงหน้าผมเนี่ยน่ะเหรอ ?
พ่อน่าจะบอกเขามากกว่าบอกผมนะ...
“วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ ?”
“ฉันขี้เกียจไป”
“…”
“ไปแล้วเจอพวกซุบซิบนินทามันน่ารำคาญน่ะ” จงแดถอนหายใจเขาลดมือถือลง สบตากับผมอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือเปล่าที่เห็นความเหงาในดวงตาคู่นั้นที่มีความหยิ่งผยองเคลือบไว้ตลอดเวลา บทสนทนาเราจบอีกครั้ง เพราะผมไม่รู้ว่าควรจะชวนอะไรเขาพูดอีก อีกฝ่ายเองก็ดูจะไม่ใช่คนพูดเก่งอะไรด้วย
ทว่าผมเหลือบไปเห็นตอนที่เขากำลังเปิดอ่านข่าวเพลงใหม่ของศิลปินที่ผมรู้จัก มันเลยทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะ...
“นายชอบฟังเพลงของเขาเหรอ ?”
“ชอบเหรอ...ฉันเป็นแฟนคลับเขา”
“จริงเหรอ ?”
“อื้ม ตอนอยู่อเมริกา ฉันเคยไปยืนเบียดรับเขาที่สนามบิน โคตรทรมานเลยให้ตาย” ผมเผลอยิ้มขำกับใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นความไม่ชอบใจเมื่อพูดถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราคุยกันยาวๆ จงแดชอบศิลปินคนเดียวกับที่ผมชอบฟังเพลงเขา นอกจากนี้ยังมีอื่นๆที่เราชอบเหมือนกัน เราสองคนออกจากร้านกาแฟที่นั่ง เดินเอื่อยคุยกันไปเรื่อยทั่วห้างดัง
พอรู้ว่าชอบอะไรเหมือนกัน ก็กลายเป็นว่าเรามองกันและกันในแง่ใหม่
เขาก็ไม่ได้เลวร้าย นั่นคือสิ่งที่ผมสัมผัสได้...
จนกระทั่ง...
“มาอยู่ที่นี่เองเหรอจงแด”
กึก !
“อาหาตั้งนาน” เสียงทุ้มต่ำที่ผมรู้จักทำให้บทสนทนาของเราชะงักอีกครั้งก่อนจะหันไปมองคนที่เมินผมไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ชานยอลยิ้มให้ผมและจงแด แต่นัยน์ตาสวยให้ความสำคัญกับหลานชายมากกว่าผม
เขายังคงดูเฉยเมย ราวกับว่าเราไม่รู้จักกัน...
“ปิดเครื่องอีกแล้วคนดีของอา พ่อเราโทรตามอาใหญ่แล้วรู้ไหม เขาเอาแต่บอกว่าอาลักพาตัวลูกชายเขาไป ทั้งๆที่ความจริงแล้วหลานอาหายไปเอง” ชานยอลเขยิบร่างเข้าไปใกล้จงแด ยกมือลูบหัวอีกฝ่ายที่ยังคงเฉยชากับทุกอย่าง
ภายใต้กรอบหน้าที่เย็นชา มันซ่อนอะไรไว้หลายอย่างเหมือนกับรอยยิ้มของอาเขา
“กลับกันเถอะ อาจะพาไปหาพ่อ”
“ตกลงว่าผมต้องไป ?” จงแดเลิกคิ้วถาม ซึ่งคนตรงหน้าก็พยักหน้า “แล้วแบคฮยอนจะทำไง ผมมากับเขา”
“หืม ?” ผมเผลออุทานนิดหน่อยตอนที่ได้ยินแบบนั้น จริงๆเราไม่ได้มาด้วยกัน เราแค่เดินคุยกันเพราะผมดันไปชวนคุยเรื่องที่เราชอบเหมือนกันเท่านั้น ทว่าพอเจอนัยน์ตาที่เหมือนกับบอกให้ผมตามน้ำไป ผมก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรพวกเขา
พลันผมก็รู้สึกเหมือนหน้าชา ตอนที่ชานยอลหันมาบอกกับผมว่า
“ไม่เป็นไรหรอก แบคฮยอนกลับเองได้ เราไม่จำเป็นต้องไปส่งเขา เนอะแบคฮยอนJ”
“...”
ผมไม่ได้ตอบอะไรชานยอลไป ไม่คิดแม้แต่จะยิ้มให้หรือเออออตาม ร่างสูงเลยยิ้มรับสรุปให้เสร็จสรรพ เขาเดินมากอดไหล่หลานชายของเขา คั่นกลางระหว่างผมกับจงแดราวกับว่าไม่อยากให้ผมไปโดนตัวจงแดยังไงยังงั้น
นัยน์ตาสวยกดลงมามองผม แล้วบอกกับผมว่า
“อากับจงแดขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่แบคฮยอน”
“…ครับ” ผมขานรับ ชานยอลเลยยิ้มให้อย่างมารยาทก่อนจะพาจงแดเดินไปกับเขา ผมมองพวกเขาทั้งสองคนเดินไปด้วยกัน จงแดดูสนิทกับอาของเขามากจนมันดูเหมือนพวกเขาเป็นมากกว่าอาหลานกัน คงเพราะชานยอลหน้าเด็กด้วยล่ะมั้งเลยทำให้อาจถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนของจงแด
แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมนิ ผมมองจนพวกเขาเดินลับสายตาไป จากนั้นก็พาร่างของตัวเองขึ้นรถแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน ระหว่างทางผมก็นั่งเล่นมือถือสลับกับมองทางข้างหน้าเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ดีที่ลุงคนขับเป็นลุงแก่ๆ เขาเลยชวนผมคุยตลอดทาง
จริงๆผมก็ผูกมิตรเก่งนะ เพียงแค่...ไม่ค่อยทำเท่านั้น
ผมติดนิสัยชอบเก็บอะไรไว้กับตัวเองจนลืมมองคนรอบข้าง แต่ก็ไม่ได้เฉยชาเหมือนกับจงแดหรอกนะ ผมทำไม่ได้ที่จะไม่ใส่ใจอะไรรอบข้างเลย
ทว่าเมื่อมาถึงบ้าน มันก็เย็นมากแล้วเพราะรถค่อนข้างติด ผมก็เจอกับพ่อที่กำลังจะออกไปข้างนอกแตกต่างจากทุกวัน
“อ้าว แบคฮยอน กลับมาแล้วเหรอ” พ่อหันมาถามหลังจากที่ผมเดินเข้าไปหาเขา ใบหน้าหล่อเหลานั้นประดับรอยยิ้มอ่อนโยนเอาไว้จนผมมั่นใจว่าทุกคนที่เห็นรอยยิ้มเขาจะต้องหลงรักเขาอย่างแน่นอน “เห็นเมื่อวานไม่กลับบ้าน พ่อเป็นห่วงแทบแย่”
“ขอโทษครับ ผมไปนอนที่คอนโดน่ะ” ผมโกหกพ่อไปแบบนั้น ไม่คิดจะบอกว่าผมไปทำอะไรมา “แล้วพ่อจะออกไปไหนเหรอครับ มีประชุมเหรอ ?”
“ประมาณนั้น เผอิญลูกค้าพ่อต้องการคุยงาน แบคฮยอนอยู่คนเดียวได้ไหม พ่อไม่แน่ใจว่าคืนนี้จะกลับมาค้างที่นี่”
“ผมอยู่ได้ครับไม่เป็นไร”
“งั้นพ่อไป...” จู่ๆพ่อก็เงียบไปเหมือนมีอะไรขัดขวางการสนทนาของเขา ผมเลยเงยหน้าขึ้นไปสบตากับพ่อตัวเองก่อนจะพบว่าเขากำลังมองบางอย่างที่คอผมอยู่ วินาทีนั้นผมรับรู้ได้ทันทีว่าตัวเองพลาดแล้วเลยทำเป็นดึงคอเสื้อขึ้นมาปิด แต่มันก็ไม่มิดหรอก
ความเงียบปกคลุมเราสองคนก่อนที่ผมจะพูดกับพ่อว่า
“ไม่รีบไปเหรอครับ เดี๋ยวลูกค้าจะรอนะ”
“อะ...อ่านั้นสินะ งั้นฝันดีล่วงหน้าครับตัวเล็กของพ่อ” พ่อเขยิบมาจูบหน้าผากผมนิดหน่อยก่อนจะขึ้นรถไป เขาดูสงสัยร่องรอยบนคอของผม หากแต่ก็ไม่ได้ถามออกมา ดีแล้วล่ะที่พ่อไม่ถาม ถ้าเกิดพ่อถามผมคงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบคำถามเขายังไง ดีไม่ดีพ่ออาจจะสืบถึงเรื่องของชานยอลเลยก็เป็นได้
มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
ผมยืนมองจนรถพ่อลับสายตา จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี ด้วยความที่ทั้งบ้านมีเพียงผมและพ่ออยู่ด้วยกันสองคน พอพ่อไปทำงานผมเลยต้องอยู่คนเดียว ซึ่งมันก็เงียบมากเพราะพวกแม่บ้านก็คงไม่มาวุ่นวายกับเรา
จนกระทั่งตกดึกความเงียบเหงาก็กลายเป็นอย่างอื่น เมื่อมือถือของผมดังขึ้นมา
“แบคฮยอนครับ”
(ไงที่รักของผม)
“อะ...!”
(รบกวนลงมาเปิดประตูให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ?)
เสียงแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเป็น...
LOADING 100 PER
เจิมรอการตบตาที่จะเนียนไหมต้องลุ้นกัน !
รอเยอะอัพไวนาจา มาดูกันว่าแบคฮยอนจะเอาชนะคนถามได้ไหม
เรื่องนี้เป็นภาคต่อฟิคคริสเฉิน TEMPORART REGEN นะคะฝากติดตามด้วยน้า
1 เม้น 1 กำลังใจให้กำลังใจแบคฮยอน
เมื่อพูดถึงค่ำคืนของพวกเขา อย่าลืมติดแท็กในทวิต !
#ฟิคคืนของชานแบค
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คริสกับจงแดงั้นเหรอ?
แล้วชานกับจงแดนี้แค่อาหลานจริงๆเปล๊าาา
พอตกกลางคืนนี่เหมือนรักกันมาเป็นปี ไอ่เฟี้ยยยยย
น้องแบคอย่าไปยอมมันเด้เว้ยยยยยยยยย