ตอนที่ 16 : ข้ามคืนครั้งที่ 15 : เส้นทางที่สับสน [100%]
TEMPORARY BLISS : CHAPTER 15
ข้ามคืนครั้งที่ 15 : เส้นทางที่สับสน
#ฟิคคืนของชานแบค
(คุณกำลังทำให้ผมรู้สึกแย่นะ)
“ผมพูดตามความจริงที่ผมรู้สึก”
(แต่ผมอยากอธิบายให้มากกว่านี้)
“…”
(ผมคิดถึงคุณมากเลย แบคฮยอน)
กึก !
“ผมคิดว่าผมต้องวางแล้วล่ะ ป่านนี้อาจารย์คงเริ่มสอนต่อแล้ว”ผมกลบเกลื่อนด้วยการบอกเขาแบบนั้น เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกหว่านล้อมจากปลายสายที่มักจะทำให้ผมตกหลุมพรางง่ายๆจนผมอดโมโหตัวเองไม่ได้ บทสรุปของเรามันจบลงที่เตียงเขาไม่ก็เตียงผม
สุดท้ายแล้วต่อให้หวังดี ใจดีหรืออะไร ยังไงผมก็เป็นได้แค่คนที่ทำให้เตียงเขาอุ่นเท่านั้น
(อย่าเพิ่ง...อย่าเพิ่งวางสาย)
“ผมมีเรียนนะชานยอล”
(ผมอยากได้ยินเสียงคุณอีกนิด)
“…”
(ผมอยากเจอคุณมากเลยแบคฮยอน ถ้าทำได้ผมจะไปหาคุณตอนนี้ แล้วกอดคุณให้จมคาอก) หัวใจของผมเต้นกระหน่ำตอนที่เขาพูดแบบนั้น ไม่ใช่แค่หวั่นไหวกับคำพูดราวออดอ้อน น้ำเสียงของเขายังหมายตามนั้นด้วย เล่นเอาใบหน้าผมร้อนไปหมด
รู้ทั้งรู้ว่าเขาหลอกลวง ผมก็ยังไปหลงกลโง่ๆอยู่ได้ ผมนี่มัน...
“ผมว่าคุณควรกลับไปทำงานได้แล้ว”
(คืนนี้คุณว่างไหม)
“อะ...”
(คืนนี้มาห้องผมได้ไหม ผมอยากกอดคุณแบคฮยอน)
“ชานยอล...” ผมเม้มปากแน่น ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คงตอบตกลงไปอย่างหาตัวหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่ามันก็เหมือนระฆังเตือนสติว่าตอนนี้ผมมีคนที่รอการกลับไปของผมอยู่ จงอินจะว่ายังไงถ้าผมไปนอนกับผู้ชายคนอื่นหลังจากรับรู้ความรู้สึกที่เขามีให้
แล้วชานยอลจะรู้สึกยังไง ถ้าผมเลือกที่จะไปหาคนที่ผมมีใจให้มากกว่าคนที่แค่ความสัมพันธ์ทางกาย ?
ผมดูเห็นแก่ตัวใช่ไหมที่เลือกไม่ได้ ทั้งๆที่ตัวเลือกอันไหนดีอันไหนไม่ดีมันก็บ่งชี้ให้เห็นชัดอยู่แล้ว มันคงไม่ได้ผิดที่พวกเขาหรอก มันผิดที่ตัวผมเลือกที่จะลังเลและไม่ไว้ใจใครเลยสักคนมากกว่า
แต่ถ้าผมตอบรับ มันก็เหมือนเดิมใช่ไหม
เขาก็จะไม่เห็นค่าผมเลยใช่ไหม
แบบนั้นผมเลือกคนที่มองเห็นค่าผมดีกว่าไหม ต่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเราจะยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่จงอินก็ตอบรับความรู้สึกของผมได้ร้อยเปอร์เซนท์มากกว่าชานยอลแน่นอน ผมหลุบตาต่ำขณะทบทวนสิ่งที่อยู่ในหัวเต็มไปหมด
(คุณดูลังเลนะ)
“…”
(ไม่อยากยุ่งกับผมแล้วเหรอ) น้ำเสียงที่เหมือนกับน้อยเนื้อต่ำใจบีบหัวใจผมอย่างช่วยไม่ได้ ผมรู้สึกเหมือนจะบ้าเพราะความไม่เข้าใจ ตกลงว่าผมควรจะเลือกอะไรระหว่างความพอใจทางกาย กับความสัมพันธ์ทางใจที่ไม่รู้ว่ามันจะมีตัวตนไหม
ทว่าในตอนนี้ผมกลับไม่อยากไปไหนกับใคร
“ขอโทษนะ วันนี้ผมไม่ว่าง”
(ติดเรียนเหรอ หรือว่าไปดินเนอร์กับพี่คริส ?)
“เปล่า ผมแค่อยากพัก”
กึก !
“อยากลองนอนคนเดียวดูบ้าง บางทีมันคงไม่หนาวเท่าที่ผมคิด”
(...)
“แล้วค่อยคุยกันนะ” ผมกดตัดสายทันทีโดยไม่รอให้ปลายสายตอบกลับ ผมรู้ว่าเขาคงจะคาดคั้นไม่ก็เซ้าซี้ผมยกใหญ่ว่าทำไมผมถึงคิดแบบนั้น ดีไม่ดีถ้าเกิดคิดในมุมหลงตัวเองเขาอาจจะขับรถมาหาผมที่มหาลัยก็ได้ ใครจะไปรู้
คนอย่างชานยอลก็ทำได้หมดตราบใดที่เขาพอใจที่จะทำน่ะแหละ
“แบคฮยอน คุยโทรศัพท์เสร็จยัง”
กึก !
“อาจารย์จะเริ่มสอนแล้วนะ”ผมรีบเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงอย่างไวตอนที่จงอินเดินมาตาม ก่อนจะหันไปพยักหน้ากลบเกลื่อนความรู้สึกทุกอย่างราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เสร็จแล้ว ไปเรียนเถอะ”
“ใครโทรมาเหรอ”
“…”
“เห็นออกมาคุยนานน่ะ” จงอินเกาท้ายทอยตัวเองเหมือนกับประหม่า เขาคงอยากรู้แต่การถามแบบนี้ไม่ต่างจากการก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผม แน่นอนว่าถ้ามันไม่มีอะไรผมก็คงจะบริสุทธิ์ใจแล้วพูดความจริงให้เขาได้รับรู้
ทว่าผมก็เผลอหลุกหลิกไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ”
“แบคฮยอน”
“ถ้าช้ากว่านี้เดี๋ยวก็เรียนไม่ทันหรอกจงอิน” ผมเลือกที่จะตัดบทสนทนาโดยไม่สนใจว่าเขาจะอยากรู้แค่ไหน ผมยกยิ้มให้เขาบางๆเพียงชั่วแวบนึง จากนั้นก็ถือวิสาสะเดินผ่านหน้าเขาไปเข้าคลาสต่อ จงอินเดินตามผมมาทีหลัง เราไม่ได้คุยอะไรกันเพราะผมตั้งหน้าตั้งตาจดเลคเชอร์ตามอาจารย์
ถึงอย่างนั้นจงอินอาจจะรู้ก็ได้...
ว่าต่อให้ผมทำตัวเหมือนไม่มีอะไรแค่ไหน สุดท้ายก็ถูกอ่านออกได้ง่ายอยู่ดี
เลิกเรียน
ตลอดทั้งวันผมใช้เวลาอยู่กับจงอินก็จริง แต่ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากตอนที่ผมอยู่คนเดียวเท่าไหร่ ผมยังคงเหม่อ ทำเป็นไม่สนใจราวกับว่าตอนนี้อยู่กับใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่รู้จัก ส่งผลให้อีกฝ่ายพยายามอย่างหนักในการดึงผมให้กลับมาเผชิญหน้ากับโลกแห่งความเป็นจริง
นี่มันดีแล้วเหรอที่ผมจะตอบรับความรู้สึกที่เรามีให้กัน ?
ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันไม่ควรทำ พอคิดไปคิดมาถ้าวันนึงเราเลิกกัน เท่ากับว่าผมจะเสียมิตรภาพดีๆไปเลยใช่ไหม จงอินดูแลผมมาตลอดผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาด้วยความลังเลของตัวเอง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ชานยอลมีอิทธิพลกับผมขนาดนั้นเลยเหรอ ?
ผมบ้าไปหรือเปล่าที่ไปหลงใหลความสัมพันธ์แบบนั้นน่ะ...
“นี่แบคฮยอน”
หมับ !
“วันนี้เป็นอะไรเหรอ ทำไมนายดูเหม่อจัง”
“อะ...”
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ?”ผมสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ทันทีที่มือหนาเลื่อนมาจับมือผมไว้ บีบเบาๆให้ผมกลับมาปัจจุบัน ที่ผมกับเขานั่งอยู่ในร้านกาแฟหอมกรุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดวงตาสีสวยสบเข้ากับดวงตาผมแสดงความอ่อนโยนระคนห่วงใยออกมา
จงอินไม่เคยมองผมด้วยแววตาเกลียดชังเลยสักครั้ง นั้นทำให้ผมรู้สึกว่าเขาคือคนที่ดีและสำคัญที่สุดในชีวิตผมรองจากพ่อของผมเอง
น่าเสียดายที่ผมกำลังไขว่เขว มีบางคนกำลังสั่นเชือกเส้นนั้นอยู่...
“เปล่านิ ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
“คงเรื่องใหญ่มากงั้นสิ นายถึงได้เหม่อทั้งวัน”
“ก็ไม่ขนาดนั้น...” ผมหลุบตาต่ำมองมืออุ่นจัดซึ่งจับมือตัวเองอยู่ ครั้งหนึ่งผมเคยอธิษฐานต่อดวงดาวขอให้อีกฝ่ายจับมือผมแบบนี้ในตอนที่ผมไม่สบายใจ ไม่ว่าจะสถานที่ไหนผมก็อยากให้เขาทำและตอนนี้คำขอนั้นมันก็เป็นจริงแล้วติดตรงที่ว่าผมไม่ได้รู้สึกดีเหมือนที่คาด
กลับกันมันเหมือนกับเขาเอาน้ำร้อนมาสาดให้ผมปวดร้าวมากกว่าเดิม
“นี่ ถ้าเกิดฉันทำให้นายไม่สบายใจ นายบอกฉันได้นะ”
“…”
“ฉันจะปรับตัวให้ดีกว่าเดิม”
“ไม่หรอก ไม่ใช่ที่นายหรอกจงอิน แต่เป็นฉัน”
กึก !
“ฉันต่างหากที่ต้องปรับตัว” ผมบอกออกไปตามความจริงพลางลอบถอนหายใจออกมา “ถ้านายรู้ว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง บางทีนายอาจจะไม่ชอบฉันแล้วก็ได้”
“นายหมายความว่าไง ?”
“บางครั้งฉันก็ไม่ใช่คนดีอย่างที่นายคิดจงอิน”
“…”
“ฉัน...ไม่ใช่คนดีเลย”
จงอินดูไม่เข้าใจความหมายที่ผมต้องการจะสื่อ ซึ่งผมก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม หันไปให้ความสนใจกับเครื่องดื่มแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เหม่อลอยราวกับคนบ้า รู้สึกเหมือนว่าชีวิตนี้ช่างจืดชืดสิ้นดี ทั้งๆที่นี่มันก็ชีวิตปกติ สิ่งที่ไม่ปกติคือคนที่เข้าออกในชีวิตผมต่างหาก
นั่นแหละคือสิ่งที่แตกต่าง
หลังจากทานขนมรวมถึงเครื่องดื่มเสร็จ เราก็จ่ายเงินและออกมาจากร้าน จงอินยังคงพยายามชวนผมคุยอยู่ แม้ว่าผมแทบจะไม่ตอบเขาเลยก็ตาม ผมไม่อยากให้จงอินรู้สึกแย่นะ เพราะงั้นมันจะดีกว่าไหมถ้าเราหยุดคุยกันแล้วแยกกันกลับทางใครทางมัน
ผมอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักหน่อย
“จงอิน”
“ซอยอล” เราสองคนหยุดกึกทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกจากเบื้องหน้า ส่งผลให้ผมที่เดินก้มหน้าอยู่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองแฟนเก่าของจงอินที่เพิ่งเลิกกัน เจ้าตัวดูชะงักเล็กๆถึงอย่างนั้นก็ดูจะไม่แปลกใจเท่าไหรที่เห็นผมกับจงอินมาด้วยกัน ส่วนจงอินทำยังไงน่ะเหรอ...
ก็แค่มองกลับแล้วไม่พูดอะไร
“เลิกกันวันเดียวก็ควงมันมาเปิดตัวเลยเหรอ”
กึก !
“รักกันดีเลยนะ”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอนิ”
“อะ...”
“นี่มันคือความพอใจของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่ง...อีกแล้ว” จงอินกดเสียงต่ำ ผมสัมผัสได้ถึงความไม่ถูกกัน ก็แน่ล่ะ ถ้าเลิกกันด้วยเหตุผลที่ฝ่ายใดฝ่ายนึงมีคนอื่นหรือมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ย่อมเป็นการเลิกกันที่แย่กว่าอะไร เรื่องแบบนี้มันค่อนข้างสะเทือนจิตใจผู้หญิง หรือต่อให้เป็นผู้ชายเรื่องแบบนี้ก็เซฟซิทีฟพอกัน
ไม่ว่ายังไงการเลิกกันด้วยเหตุผลนี้มันก็เป็นอะไรที่แย่มาก
ไม่มีใครอยากถูกทำร้ายหัวใจที่ให้เขาไปทั้งหมดหรอกนะ
“ใช่สิ ก็ฉันมันสู้แบคฮยอนไม่ได้นิ”
“ซอยอล”
“เขาดีทุกอย่าง หาใครเปรียบไม่ได้เลยสำหรับนาย”ซอยอลประชดประชันอย่างไม่ชอบใจ พลางตวัดสายตามามองผมที่ไม่ยอมปริปากพูดอะไร ตอนนี้ผมไม่อยากจะมาฟังหรือว่ามีอะไรให้คิดเพิ่ม ผมบอกแล้วว่าผมอยากอยู่คนเดียว
แต่ทำไมทุกคนถึงมาวุ่นวายกับผมจัง
ผมก็มีความอดทนแบบจำกัดเหมือนกันนะ...
“อะไรๆก็แบคฮยอน รักมันมากแล้วมาคบกับฉันทำไม”
“…”
“ฉันเป็นแค่ตัวสำรองของนายเหรอจงอิน !” คนตัวเล็กตวาดเสียงกร้าว ดีหน่อยที่แถวนี้แทบไม่มีใครผ่านเลยนอกจากพวกเรา ทำให้ไม่มีใครมาเห็นลุคนางฟ้าหลอกคราบของเธอ แน่นอนว่ามันคงไม่ดีเท่าไหร่ ใครๆก็รู้ว่าซอยอลเป็นคนดี น่ารัก และเป็นมิตรขนาดไหน ถ้ามีใครมาเห็นคงได้มองเธอมุมใหม่
อาจกลายเป็นนางร้ายชั่วข้ามคืน
“มันไม่เกี่ยวกัน ฉันก็ชอบเธอไม่งั้นจะคบกับเธอทำไม”
“แล้วทำไมนายถึงทิ้งฉันไปล่ะ นายทำร้ายฉัน !”
“ฉันเสียใจซอยอล แต่มันจบแล้ว”
“…”
“ตอนนี้ฉันชอบแบคฮยอนเพราะงั้นเลิกมายุ่งกับฉัน และอย่ามาขัดขวางความรักของพวกเรา !”ผมหันไปมองจงอิน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นเขาโกรธขนาดนี้ อารมณ์แบบว่าพร้อมจะเข้าไปกระชากอีกฝ่าย เล่นเอาผมต้องจับมือเขาไว้ เจ้าตัวเลยประสานนิ้วลงมา
แน่นอนว่าซอยอลเห็นภาพนั้นเธอเม้มริมฝีปากดูโกรธจัดจนน่าสงสาร
น่าสงสารสิเพราะเธอกำลังเจ็บปวดกับความรักนี่น่า
และเหมือนว่าเธอจะไม่ยอม ตรงเข้ามาหาจงอินกระชากเขาไปหาตัวส่งผลให้มือของผมกับเขาหลุดออกจากกัน คนตัวเล็กตวัดสายตามามองผมอย่างไม่ยอมแพ้กัน ผมเลยได้แต่ยืนนิ่งมองหน้าเธอแสดงความเป็นเจ้าของกับเพื่อนผม
ชั่วแวบนึงผมมีความรู้สึกอยากหมุนตัวเดินหนีไปอีกทาง
ทว่าก่อนที่จะทำได้เสียงรถคันนึงก็บีบแตรดังสนั่น เรียกความสนใจของเราให้หันไปมองผู้ชายคนนึงที่ลดกระจกลงมองหน้าพวกเราด้วยรอยยิ้ม กับคนอื่นเขาอาจจะไม่รู้จัก แต่กับผมเรารู้จักกันดียิ่งกว่าอะไร มันทำให้หัวใจผมเต้นแรง
โดยเฉพาะตอนที่เขาเรียกให้ผมขึ้นรถ
“ขึ้นมาสิคนดีของผม ผมมารับกลับบ้านแล้วนะ แบคฮยอน”
LOADING 100 PER
เจิมรอเส้นทางที่สับสน งานนี้มีคนจนปัญญา !
รอเยอะอัพไวนาจา ใครอยากอ่านรีบเจิมไวๆ ไม่นานเกินรอ !
ฝากติดตามด้วยน้า อย่าลืมเม้นน้า
1 เม้น 1 กำลังใจให้กำลังใจแบคฮยอน
เมื่อพูดถึงค่ำคืนของพวกเขา อย่าลืมติดแท็กในทวิต !
#ฟิคคืนของชานแบค
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คือแบบ... .
หนูจะไม่เหงาแล้วนะ มีคนมาวอแวตลอดเลยช่วงนี้
55555555555555555555
ฝากติดตามด้วยน้า
อิผัวอาก็ทำเปนปากดี นี่เรียกตบหัวแล้วลูบหลังค่ะ เฬววววววววว
ก็ไม่ต้องไปกะใครทั้งนั้นค่ะ ขึ้นรถเมกลับเองไปค่ะลูก รำคานนนนน
ร้ายกาจจจ
นั่นซานต้า ! แฮร่ !