ตอนที่ 13 : ข้ามคืนครั้งที่ 12 : โกหกหน้าตาย [100%]
TEMPORARY BLISS : CHAPTER 12
ข้ามคืนครั้งที่ 12 : โกหกหน้าตาย
#ฟิคคืนของชานแบค
จงแดขมวดคิ้วมองเราสองคนด้วยความแปลกใจ ผิดกับผมที่ไม่สามารถเก็บสีหน้าแห่งความตื่นตระหนกไว้ได้ มันฉายชัดอยู่บนใบหน้าไม่ต่างจากพ่อของผมที่เดินออกมายืนอยู่ข้างจงแด เขาเลื่อนสายตามองชานยอลที่ยืนอยู่ด้านหลังผม
นัยน์ตาของเราสี่คนสบกันมาเหมือนหาข้อเท็จจริง
“ไงครับพี่คริส”
“อะ...”
“เพิ่งเห็นว่าพี่มาที่นี่” ชานยอลยกยิ้มให้พ่อผม ทักทายอย่างไม่ทุกข์ร้อนหรือมีพิรุธอะไร เล่นเอาพ่อผมถึงกับแปลกใจ ซ้ำร้ายยิ่งต้องนิ่งงันเข้าไปใหญ่เมื่อคนข้างกายผมทอดสายตาลงมองหลานชายของตัวเอง “แถมยังมากับหลานชายตัวดีของผมด้วย หมายความว่าไงกันนะJ”
“ก็แค่...”
“อาคริสเจอผมที่มหา’ลัย เขาเลยพามาทานข้าวเพราะเห็นผมยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เถียง” แทนที่พ่อผมจะได้ตอบ จงแดกลับเป็นฝ่ายโต้ตอบอาเขาเสียเอง แถมยังยกแขนกอดอกตัวเองมองเราสองคนด้วยแววตาไม่ไว้ใจ “แล้วทำไมอามากับแบคฮยอนได้”
“เดาสิคนเก่งของอา”
“…”
“เราฉลาดไม่ใช่เหรอ” ผมไม่แน่ใจว่าชานยอลกำลังสื่ออะไรให้จงแดฟัง รู้แค่ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน ไม่อย่างงั้นจงแดคงไม่นิ่งไปขนาดนี้ “อีกอย่างการพาหลานชายมาทานข้าว ก็เป็นเรื่องที่ดีของคนเป็นอา ใช่ไหมครับพี่คริสJ”
“...ก็ใช่”
“แม้ว่าจะไม่ใช่หลานในไส้ก็ตาม” คำพูดนั้นทำให้ผมหันไปมองชานยอลที่ยกยิ้มให้ ผมไม่รู้เลยว่าเขาซ่อนอะไรไว้ในรอยยิ้มนั้น มันเหมือนกับว่าเขาเป็นกระจกสะท้อนเงา แต่ไม่สะท้อนความรู้ด้านในนั้นออกมา ร่างสูงปล่อยมือที่โอบเอวผมไว้อย่างแนบเนียนเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้ทำอะไร
มันทำให้ผมแปลกใจ แต่มันก็สมควรแล้วที่เขาจะทำ
“เราควรร่วมโต๊ะกันไหมครับหรือว่าควรแยกย้ายกันกลับไปโต๊ะใครโต๊ะมัน”
“ก็แล้วแต่นะ ฉันได้หมดอยู่แล้ว” พ่อผมหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เขาเว้นระยะห่างจากจงแดออกนิดหน่อยไม่ให้ผิดสังเกต แม้ตอนนี้ผมจะมองพวกเขาอย่างไม่วางตาก็ตาม “จงแดล่ะว่าไง อยากนั่งร่วมโต๊ะกับแบคฮยอนไหม”
“ผมอยากกลับบ้าน”
“อะ...”
“เผอิญมีธุระต้องไปจัดการ ขอบคุณที่เลี้ยงอาหาร เอาไว้โอกาสหน้านะครับ” จงแดว่าโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าหรือแม้จะหันไปพูดตรงๆกับพ่อผมก็ไม่มี เพราะพอเขาตัดบทสนทนาไว้แค่นี้ เจ้าตัวก็เดินหนีไปอีกทางเลย เล่นเอาพ่อผมทำท่าเหมือนจะตามไป
แต่ก็ไม่ทัน ชานยอลวิ่งตามอีกฝ่ายไม่ซะก่อนทิ้งให้ผมกับพ่อยืนมองหน้ากัน
โดยที่ช่องว่างระหว่างเรามันเริ่มเกิดขึ้นมา
-CHANYEOL PART-
“จงแด ! จงแดหยุดก่อน ! อาบอกให้หยุด !” ผมคว้าแขนเล็กของคนเป็นหลานเอาไว้ทันที หลังจากเดินตามเขามาที่ลานจอดรถ ขาก็มีแค่นี้แต่เดินเร็วกว่าวิ่งซะอีก ดีแค่ไหนที่ผมมาทันก่อนที่เขาจะขึ้นแท็กซี่ไป แน่นอนว่าพอผมดึงแขนเขาไว้ อีกฝ่ายก็ตวัดสายตามามอง
ดวงตาสีเดียวกับผมสะท้อนภาพของผมออกมา
“ทำผิดแล้วจะคิดหนีเหรอ ?”
“ผมทำอะไรผิด”
“…”
“ถ้าหมายถึงเรื่องที่ผมมากับพ่อของแบคฮยอน ผมบอกก่อนว่าผมไม่ผิด”คนตัวเล็กสวนกลับมาอย่างรวดเร็วไม่เปิดโอกาสให้ผมเปิดหัวเรื่องก่อนเลยสักนิด “หรือต่อให้ผิด ผมว่าอาเองก็ผิดเหมือนกัน”
“อาผิดยังไง อาแค่พาแบคฮยอนมาทานข้าว”
“คริสก็แค่พาผมมาทานข้าวเหมือนกัน”
“งั้นทำไมต้องทำตัวมีพิรุธขนาดนั้น”
“ผม…”
“แค่มากินข้าวก็ไม่เห็นต้องขอตัวกลับมาก่อนเลยนิ”
“ผม...ผมบอกแล้วไงว่าผมมีธุระ” คนตัวเล็กไม่สบตากับผม หนำซ้ำยังเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเหมือนไม่อยากฟังเรื่องที่ผมกำลังเซ้าซี้เขาอยู่ “อาจะมาคาดคั้นอะไร คนมีธุระก็ต้องไปทำธุระสิ”
“มีธุระหรือว่าไม่อยากให้แบคฮยอนรู้ว่าเราเล่นกับพ่อเขาอยู่กันแน่”
“อ๊ะ !”
“จะเล่นเกมทั้งที เล่นให้มันเนียนกว่านี้หน่อยนะหลานชาย เพราะดูออกง่ายเหมือนเผยไต๋ออกมาให้รู้เองJ”
“อย่าบอกแบคฮยอนนะ”
“…”
“ห้ามบอกแบคฮยอนเด็ดขาดเลยนะ อาชานยอล” คนตัวเล็กอ้อนวอนคล้ายบังคับเพราะน้ำเสียงที่เขาใช้ มันไม่ได้เหมือนกับการขอร้องเลยสักนิด กลับกันเหมือนเขากำลังขู่ผมมากกว่า แต่สำหรับคนอื่นก็คงคิดแบบนั้น คงมีแค่ผมเท่านั้นที่รู้ดีว่านี่คือการขอร้องจากเด็กเจ้าอารมณ์
เด็กน้อยที่ผมเลี้ยงมากับมือ
“งั้นบอกความจริงมาสิว่าทำไมเราถึงมาเล่นกับพ่อแบคฮยอนแบบนี้”
“ผมไม่มีผิดนิ”
“…”
“เขามาของเขาเอง” คนตัวเล็กมองหน้าผมนิ่ง ผมไม่เห็นแววตาสั่นไหวแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้พูดโกหก ซึ่งมันทำให้ผมแปลกใจไม่น้อยเลยว่าทำไมพี่คริสถึงเลือกมาเล่นกับเด็กแบบนี้ เด็กที่หัวรั้น ดื้อดึงแตกต่างจากลูกชายเขาอย่างสิ้นเชิงน่ะ “เงียบแบบนี้กำลังเอาผมไปเปรียบเทียบกับแบคฮยอนอยู่ล่ะสิ”
“เปล่า อาแค่สงสัยว่าทำไมเขาถึงมาเล่นกับเราได้”
“ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน ไล่เท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมไป”
“…”
“สงสัยติดสัตว์มั้ง” ผมชินชากับถ้อยคำแรงๆจากปากเด็กคนนี้จนมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ ผมว่าจะไปซักไซ้พี่คริสคนเดียวคงไม่พอ บางทีเข้าหลานของผมอาจจะไปชักนำเขามาก่อนก็ได้ ทว่าไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงรู้สึกได้ว่าหลานชายของผมกำลังเปลี่ยนไป
ใครบางคนกำลังเปลี่ยนตัวเขาอยู่
“งั้นอา...”
“จงแด”
“อ๊ะ !”
“อยู่นี่เอง...เหรอ” เราสองคนหันไปมองพี่คริสที่วิ่งมาหยุดยืนห่างจากเราไม่กี่ก้าว เขามองผมสลับกับจงแดเช่นเดียวกับผมที่ทำแบบนั้นเหมือนกัน ใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่มีรอยยิ้มประดับเหมือนที่ชอบทำผิดกับผมที่แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด...
ผมก็ยังยิ้มออกมาได้อย่างปกติJ
“พี่คริสนี่ใจดีจังนะครับ ทิ้งลูกออกมาตามหลานชายผมด้วย”
“ชานยอล”
“ผมควรจะขอบคุณกับการเสียสละของพี่ดีไหมนะ” ผมยิ้มให้เขาจนแทบหยีติดกัน แน่นอนว่าคำพูดของผมไม่ได้ทำให้ใครในทีนี้ยิ้มไปด้วยเลย บอกกันตามตรงผมก็ไม่ต่างจากพ่อหวงลูกสาว แม้จงแดจะเป็นเด็กผู้ชาย ผมก็รักเขาเหนือสิ่งอื่นใดราวกับว่าเขาเป็นลูกชายของตัวเอง
พอมีคนเข้ามาในชีวิตเขาแล้วเป็นคนที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี ก็ยิ่งทำให้ผมสร้างกำแพงมาโอบล้อมหลานชายตัวเองไว้ แหม ก็ผมเลี้ยงของผมมาตั้งนานจะยอมให้คนอื่นมาพรากไปได้ไง
ต่อให้แลกด้วยแบคฮยอน...ผมก็ไม่เอาJ
“ฉันอธิบายได้ ถ้านายอยากฟัง”
“ผมว่าพี่ควรไปทานข้าวกับลูกชายพี่นะ ทิ้งเขาไว้แบบนี้ มันไม่ดี” ผมพูดตามหลักความเป็นจริง ต่อให้ผมจะอยากคลุกคลีกับแบคฮยอนแค่ไหน แต่การที่จะให้ไปอ้อร้อเขาในขณะที่พ่อเขาอยู่ที่นี่มันก็ไม่ใช่ อีกอย่างผมเองก็อยากจะคุยอะไรกับหลานชายตัวเองนิดหน่อย
ทว่าคนแถวนีก็หัวรั้นกว่าหลานชายผมซะอีก
“นายมากับเขานิ เขาคงจะดีใจกว่าถ้านายกลับไปทานข้าวกับเขา”
“เหรอครับ เสียดายจังที่ผมไม่ว่าง”
หมับ !
“ผมต้องไปส่งหลานชายตัวเอง” ผมยิ้มพลางเอื้อมมือไปโอบไหล่เล็กของร่างบางเอาไว้ รั้งให้เข้าหาตัวราวกับยั่วยุให้อารมณ์พี่คริสแตกหัก “ขออภัยที่ไม่ได้ขออนุญาตพี่ก่อนว่าพาลูกชายพี่มาทานข้าว แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ผมจะไปส่งหลานผมกลับบ้าน”
“แต่จงแดมากับฉัน ฉันไปส่งเขาเองได้”
“ผมว่าพี่ได้ยินที่ผมพูดไม่ชัด”
“…”
“ผมบอกว่าให้พี่กลับไปหาลูกชายก่อนที่เขาจะเสียใจไปมากกว่านี้ คริส”
“…”
“อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ” คำพูดของผมเรียบนิ่งผิดกับรอยยิ้มบนใบหน้า เล่นเอาพี่คริสถึงกับชะงัก แน่นอนว่าผมไม่ได้เปิดทางให้เขามาวุ่นวายกับหลานผมอีกครั้ง ผมโอบไหล่ของตัวเล็กไว้แน่นขณะที่หมุนตัวเตรียมพาเขาไปที่รถของตัวเอง
โดยไม่ลืมหันไปกล่าวลารุ่นพี่ของตัวเองก่อน
“ไปก่อนนะครับพี่คริสJ” เจ้าของชื่อได้แต่ยืนหน้าตึงไม่พูดอะไร และผมก็ไม่คิดจะยอมให้เขาได้พูดอะไรด้วย ผมพาหลานของตัวเองมาขึ้นรถ พาเจ้าตัวออกมาจากร้านอาหาร ไม่สนใจใบหน้าของแบคฮยอนตอนที่เขาเดินออกมาจากตัวอาคาร
ดวงตาแสนเศร้ามองรถของผมจนลับสายตาไป
อุตส่าห์คิดว่าจะได้ผูกสัมพันธ์ที่ดีกับอีกฝ่ายไว้ อาการ ‘หวงหลาน’ ก็กำเริบขึ้นมาซะได้ สงสัยพรุ่งนี้คงต้องลองใหม่
หลังจากที่ผมเคลียร์ใจกับเจ้าเด็กดื้อเสร็จแล้ว
“ไงเรา เอาแต่นั่งเงียบเชียวนะ”
กึก !
“คิดหาทางกลับไปหาพี่คริสเหรอ” ผมถามคนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งเงียบมาตลอดทาง ราวกับว่าถูกขโมยปากจนไม่สามารถสื่อสารกับใครได้ แต่ผมรู้ดีว่าทำไมเขาถึงเงียบ เขาคงกำลังคิดว่าเขาควรจะทำยังไงหรือไม่ก็คงหาทางกลับไปหาพี่คริสจริงๆ
แต่มีเหรอที่คนอย่างจงแดจะยอมรับความจริง เพราะทันทีที่ผมพูดแบบนั้นออกไป เขาก็หันมาสวนผมกลับอย่างรวดเร็ว
“อาอย่ามาพูดบ้าๆ ผมไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น”
“นี่ขนาดไม่จริงจัง”
“…”
“ยังทำหน้ากังวลจนอยากจะผลักอาแล้วขับรถกลับไปหาเขาแล้ว”คนตัวเล็กเม้มปากแน่นเมื่อผมพูดแบบนั้น เลยเอาผมถึงกับแค่นหัวเราะ ส่ายหน้าเบาๆให้กับการอ่านออกได้อย่างง่ายดายของหลานชายตัวเองที่ร้อยวันพันปีไม่เคยแสดงอะไรออกมาได้ง่ายๆ
ผมคงคิดไม่ผิดจริงๆสินะที่รู้สึกว่าหลานชายตัวเองเปลี่ยนไป
“อา มากับคนอื่น แต่กลับกับอีกคนแบบนี้มันไม่ดีนะ”
“แบคฮยอนจะเข้าใจในสิ่งที่อาทำ”
“…”
“พี่คริสเองก็เหมือนกัน เขาจะเข้าใจว่าทำไมอาถึงพาเราออกมาแบบนี้”
“นี่อาชานยอล อย่ามาทำเหมือนผมเป็นเด็กนะ ผมโตแล้ว”
“ต่อให้อายุสามสิบ เราก็เด็กในสายตาอา”
“อาชานยอล...!”
“อาเลี้ยงเรามากับมือ ทำหน้าที่แทนพ่อตัวเองทุกอย่าง จะให้อาปล่อยเราไปง่ายๆ อาทำไม่ได้หรอกนะ และจะไม่มีวันทำด้วย” ผมกดเสียงต่ำปรามเขานิดหน่อย ให้เขารู้ว่าการใส่อารมณ์กับผมไม่ใช่เรื่องที่ดี แม้ว่าทั้งชีวิตผมจะตามใจเขามาตลอดเลยก็ตาม แต่จงแดรู้ดีว่าถ้าผมเอาจริงขึ้นมา เขาก็ต้านผมไม่ได้
ยังไงซะ ผมก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของเขา ถ้าจะมีคนที่เขายอมอ่อนข้อด้วยได้ก็มีแค่ผมล่ะมั้ง
แต่ตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่ากำลังมีใครอีกคนมาแทนที่ผมหรือเปล่า
“อาหวงเรามาก เราก็รู้นิ”
“แต่อามีแบคฮยอนอยู่แล้ว”
“…”
“อย่าทำให้เขารู้สึกว่าถูกผมหักหลัง แย่งความรักจากเขารอบด้าน”แวบนึงผมเห็นความสั่นไหวในดวงตาคู่นั้น คู่ที่มักจะแข็งกร้าวและแสดงความไม่พอใจออกมาตลอดเวลา “เพราะแค่วันนี้เขาคงรู้สึกแย่มาก ที่ทุกคนทิ้งเขามาหาผม แม้ว่าผมจะไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้นก็ตาม”
“ก็ถ้าเราไม่ทำตัวมีพิรุธ ป่านนี้เราอาจจะนั่งร่วมโต๊ะกันก็ได้”
“…”
“ถ้าจะมีคนที่ทำให้แบคฮยอนไม่ไว้ใจ...”
“…”
“มันก็คือตัวเราเองนั้นแหละ จงแด”
LOADING 100 PER
เจิมโกหกหน้าตาย ใครไม่เนียนมีเจ็บให้จำ !
รอเยอะอัพไวนาจา ใครอยากอ่านรีบเจิมไวๆ ไม่นานเกินรอ !
ฝากติดตามด้วยน้า อย่าลืมเม้นน้า
1 เม้น 1 กำลังใจให้กำลังใจแบคฮยอน
เมื่อพูดถึงค่ำคืนของพวกเขา อย่าลืมติดแท็กในทวิต !
#ฟิคคืนของชานแบค
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอลุ้นๆๆ
พ่อคริสนี่ก็แลดูเลวค่ะ บอกเลยทิ้งลูกออกมาหาเด็ก
ลูกเขาก็มีพ่อมีแม่ คิดบ้างดิคิด ว่าเขาอิเหนาเปนเอง อิบ้า!
ไปแบค กลับบ้าน ช่างแม่งให้หมด ช่างหัวพ่อแกด้วย
ทั้งเพื่อน ทั้งพ่อ ทั้งผัว ไม่ได้เรื่องสักคน พวกผุ้ชายเฮงซวย!!!!
อยู่ที่ว่าจะรักแบบไหนเท่านั้นเอง