ตอนที่ 1 : ข้ามคืนครั้งที่ 0 : คืนแรกของเรา [100%]
TEMPORARY BLISS : CHAPTER 0
ข้ามคืนครั้งที่ 0 : คืนแรกของเรา
#ฟิคคืนของชานแบค
@โรงแรมแห่งหนึ่ง
ตึก !
“มันคงดีหากลูกได้เจอคนที่จริงใจกับลูกจริงๆ”
“ผมคิดว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เราควรจะคุยเรื่องนี้กัน ผมอยากเก็บมันไว้ก่อนครับ” ผมพูดกับ ‘พ่อ’ ด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน อันเนื่องมาจากความรู้สึกผมตอนนี้มันยังไม่พร้อมที่จะรื้อฟื้นอะไรทั้งนั้นเพราะผมเพิ่งพบเจอกับความรักที่พังยับไม่มีชิ้นดี
ผมหลงรักเพื่อนคนนึงที่คิดว่าตลอดที่ผ่านมาเรามีความรู้สึกดีๆให้กัน แต่มันกลับมีแต่ผมที่คิดไปเอง
อีกฝ่ายไม่เคยคิดกับผมมากกว่านั้น ซ้ำร้ายกว่าวันนี้เจ้าตัวเพิ่งพาผมไปเซอร์ไพรส์ขอผู้หญิงคนนึงเป็นแฟน คนที่ผมคิดว่าพวกเขาไม่น่าจะคบด้วยกันได้ ทว่าเธอกลับได้หัวใจของเพื่อนผมไปเต็มๆ แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจาก...
เก็บความรู้สึกไว้ พูดอวยพรทั้งคู่ไปด้วยน้ำเสียงยินดีที่กล้ำกลืนฝืนทน
แน่นอนว่าพ่อผมรู้เรื่องนี้ เขาเลยพาผมมาที่นี่เพื่อทานข้าวกัน หลังจากที่แม่ผมตายไป ผมก็เหลือแค่พ่อคนเดียวเท่านั้นไม่มีใคร ท่านรับรู้และรับฟังเรื่องของผมเสมอ เราเลยไม่เคยมีอะไรปิดบังกัน ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าเราจะบอกกันทุกเรื่อง ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ยิ่งแบกรับอะไรเองมากกว่าจะไปเล่าให้พ่อฟัง เพราะแค่นี้ท่านก็เหนื่อยมามากแล้ว
ผมควรรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเอง จึงพูดแบบนั้นกับท่านเพราะผมรู้ว่าถ้าพ่อปลอบผมมากๆ ผมจะระบายความรู้สึกของผมออกมา และมันจะเหมือนทุกครั้งที่ท่านจะรับฟังแล้วเอาไปคิดมาก ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น
ผมคือแบคฮยอน ผมอายุ 19 แล้ว ผมโตพอที่จะดูแลตัวเอง
“เมนูค่ะ” พนักงานสาวเสริฟ์ส่งเมนูให้ทันทีที่เราสองคนนั่งลง โต๊ะของพวกเราอยู่ในสุดมุมส่วนตัวของโซนราคาแพง พ่อผมจะพาออกมาทานข้าวข้างนอกเสมอเวลาที่ผมไม่สบายใจ เพราะเวลาที่ผมมีอะไรในใจ ผมจะชอบเก็บตัวเองอยู่ในห้อง ผมรับเมนูมาเปิดพยายามทำตัวดีๆไม่ให้พ่อต้องเป็นห่วง ดีหน่อยที่ท่านเองก็ช่วยโดยการชวนผมคุยเรื่องอื่นเลยทำให้ผมไม่ต้องวนกลับไปคิดเรื่องเดิมๆ
เราคืนเมนูให้กับพนักงานก่อนจะจิบไวน์ด้วยกัน ด้วยความที่พ่อออกงานสังคมตลอดมันเลยเป็นเรื่องปกติที่จะท่านจะสั่งไวน์ทุกครั้งที่เราออกมาทานข้าวด้านนอก ผมเลยติดดื่มไปกับท่าน แต่ก็นานๆครั้ง ผมไม่ชอบดื่มเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ไปดื่มกับพวกเพื่อนๆมันสะใจกว่า
“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจออกมาสอดสายตากวาดมองวิวไปทั่ว รับสายลมเย็นๆที่เข้ามาปะทะหน้าหวังให้มันพัดพาเอาความรู้สึกแย่ๆของผมไป นัยน์ตาของผมทอดมองลงไปที่ทิวทัศน์ด้านล่างร้านอาหาร มีคนมากมายยืนออกันเต็มไปหมด แต่โต๊ะที่นี่ถ้าไม่ได้จองก็อย่าหวังว่าจะได้กิน ดีหน่อยที่พ่อผมได้อภิสิทธิ์จากธุรกิจ การจองโต๊ะที่นี่เลยเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับวินาทีต่อมา...
“ขอโทษนะครับ”
“อะ...”
“จะปฏิเสธไหมถ้าผมจะขอนั่งด้วยคน...คริสJ”
“ชานยอล...”น้ำเสียงแปลกใจของพ่อทำให้ผมหันมามองตามต้นเสียงที่ดังขึ้นก่อนจะสบเข้ากับนัยน์ตาสวยของร่างสูงในชุดสูทดูภูมฐาน หากแต่แววตาก็ยังแฝงความเจ้าเล่ห์แบบเสือตะครุบเหยื่อเอาไว้ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักกับพ่อผมเป็นอย่างดีเพราะทันทีที่พ่อผมรู้ว่าเป็นใคร ท่านก็ยิ้มแล้วลุกขึ้นยืนจับมือทักทายกับอีกฝ่ายทันที “ไม่ยักรู้ว่ากลับมาจากอิตาลีแล้ว ฉันนึกว่านายจะกลับมาเดือนหน้า”
“พี่ก็รู้ว่าถ้าผมอยากกลับ ต่อให้เอาอะไรมารั้งผมก็จะกลับมาอยู่ดี”
“เลิกสักทีนะนิสัยแบบนี้ เดี๋ยวคนในบริษัทจะลาออกกันหมด”
“ถ้าเขาทนไม่ไหวจริง ป่านนี้บริษัทผมคงล้มละลายไปแล้ว”คำพูดของอีกฝ่ายทำให้พ่อผมหัวเราะนิดหน่อย ผมไล่สายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูจากลักษณะแล้วเขาน่าจะเป็นรุ่นน้องพ่อผมสักสองสามปีและไม่ใช่แค่ผมที่พินิจเขา เขาเองก็ทอดสายมามองผมเหมือนกัน “หืม...พาเด็กมาดินเนอร์ด้วยเหรอครับ ระวังเป็นข่าวนะพี่คริส”
“หึ ไม่มีพ่อคนไหนเป็นข่าวกับลูกชายตัวเองหรอกนะ” พ่อผมยิ้มก่อนจะผายมือมาทางผมเป็นเชิงแนะนำตัว “นี่แบคฮยอน ลูกชายฉันเอง”
“ลูกชายเหรอ...” ร่างสูงทวนคำนั้นแล้วสบตากับผม “ไม่ยักรู้ว่าลูกชายพี่โตขนาดนี้แล้ว ตอนพี่เล่าผมคิดว่าเป็นเด็กประถม ไม่คิดว่าจะโตจนเรียนมหาลัยแล้ว”
“…”
“ไม่แปลกที่คนในบริษัทจะเรียกพี่ว่าคุณพ่อติดลูก ก็น่ารักซะขนาดนี้ไม่ให้หลงคงไม่ได้” เขายิ้มให้ผมแสดงความจริงใจออกมาโดยการยื่นมือมาจับมือผมเป็นการทักทายตามแบบสากล แน่นอนว่าผมก็ไม่ได้ไร้มารยาทพอที่จะไม่รู้จักธรรมเนียม
เพียงแค่การจับมือของเขามันไม่ใช่แบบธรรมดา
ชานยอลจับมือผมขึ้นมาก่อนจะประทับริมฝีปากลงมาเบาๆ วินาทีนั้นหัวใจผมเต้นเร้าทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ยิ่งนัยน์ตาคมกริบตวัดมาสบตา ก็ยิ่งทำให้ร่างกายผมแข็งทื่อหากแต่รุ่มร้อนเกินจะอธิบาย ไม่นานนักเขาก็ถอนริมฝีปากออกไปแล้วใช้ลมร้อนปลุกปั่นผมแทน
“ยินดีที่ได้พบ...แบคฮยอนJ”
“ชะ...เช่นกันครับ” ผมตอบกลับเสียงเบาหลุบตาต่ำราวกับไม่กล้าสบตาเขาแทบจะทันที จู่ๆนัยน์ตาสีสวยนี้ก็เหมือนมีมนต์สะกดดึงดูดผมให้มองเข้าไป แต่ผมก็ทำไม่ได้ หัวใจมันสั่นไหวจนผมเจ็บไปทั้งอก “แล้วคุณคือ...?”
“ผมชื่อว่าชานยอล”
“…”
“เป็นรุ่นน้องพ่อของคุณ” เขาตอบด้วยรอยยิ้มที่สามารถเรียกเสน่ห์ออกมาให้โดดเด่นได้ ฝ่ามือหนาละออกไปหันไปคุยกับพ่อของผมต่อ “แต่พี่ยังไม่ได้ตอบผมว่าผมสามารถนั่งตรงนี้ด้วยได้ไหม”
“ฉันยังไงก็ได้ ทำไมนายไม่ลองถามลูกชายฉันล่ะ ?” คุณพ่อกอดอกยกยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนท้าทาย ชานยอลส่ายหน้าน้อยๆให้กับลุคแบบนั้นของท่านประธานใหญ่ก่อนจะหันมาพูดคุยกับผม ถามว่าเขาสามารถนั่งลงตรงนี้ได้ไหม
แล้วตามมารยาทผมควรปฏิเสธเขาหรือไง สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่บอกเขาว่าตามสบายเท่านั้น
“ขอบคุณครับ” เขาส่งยิ้มแล้วถือวิสาสะทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามผมข้างกับคุณพ่อ นัยน์ตาสีสวยมองไปรอบๆแสดงถึงการมองหาใครสักคนที่เขารออยู่ ไม่นานนักเขาก็ยกมือกวักเรียกเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับผมที่เดินอยู่ตรงทางเข้าส่งผลให้เขาที่กำลังมองหาอีกฝ่ายรีบเดินเข้ามา “คงไม่ว่านะครับถ้าผมจะขอเพิ่มที่นั่งอีกที่”
“ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้ชอบแนวมหาลัย”คุณพ่อว่าพร้อมมองไปที่ร่างบางซึ่งกำลังเดินมาทางนี้ “ประจำเห็นควงแต่เด็กดริ๊งค์ไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมถึงทำตัวเป็นป๋าไปซะแล้วล่ะ ?”
“นี่หลานชายผมครับพี่คริส ไม่ใช่เด็กผมอย่างที่พี่คิดหรอกนะ” ชานยอลหัวเราะให้กับมุกของพ่อผมก่อนจะผายมือแนะนำเจ้าของริมฝีปากยึดตรงที่ไม่พูดอะไรสักคำ “นี่หลานชายผมจงแด เขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้”
“…”
“บางทีนายควรพูดว่าสวัสดีนะ จงแด”เจ้าของชื่อที่ถูกแขวะยังคงตีหน้านิ่งใส่ผู้ใหญ่ของเขา นัยน์ตาที่เหมือนกับน้ำแข็งนั้นกำลังกวาดมองผมกับพ่อด้วยแววตาพินิจก่อนที่จะยอมปริปากกล่าวคำว่าสวัสดีออกมา ดูจากลักษณะอีกฝ่ายก็หัวนอกไม่เบาถึงได้ดูไม่ค่อยรู้จักมารยาทเท่าไหร่
แต่ก็ไม่เป็นไร เขาก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่หรอก
“เราจะนั่งร่วมกับพวกเขาเพราะงั้นเกรงใจด้วยนะจงแด”
“ผมก็ไม่เคยทำตัวเกินหน้าเกินตาอาอยู่แล้ว ไม่ต้องข่มให้ผมรู้สึกหรอก” ร่างสูงเงียบไปเล็กน้อยพลางถอนหายใจออกมาเมื่อได้รับคำตอบแบบนั้น เจ้าตัวเองก็ดูจะไม่ได้สนใจกับสิ่งที่อาของตัวเองเป็นเท่าไหร่ เพราะเขายังไม่คิดจะนั่งหนำซ้ำยังทำท่าจะเดินไปอีกทาง “ผมจะไปโทรศัพท์หาพ่อหน่อย ขอตัวสักครู่นะครับ”
“ให้อาพาไปไหม ?”
กึก !
“น่าจะยังไม่คุ้นกับเกาหลีเท่าไหร่ เดี๋ยวหลงทางไปจะแย่เอา” คุณพ่อผมบอกแบบนั้นพร้อมลุกขึ้นยืนเดินไปอยู่ตรงหน้าร่างบางที่ไม่ตอบอะไรเขาสักแอะ จงแดเหลือบสายตามามองผมซึ่งผมก็มองเขาเหมือนคาดเดาในคำตอบ
หากแต่อีกฝ่ายก็เลือกจะปล่อย เขาเพียงแค่พยักหน้าแล้วบอกกับพ่อผมเสียงแผ่วเท่านั้น
“ก็นำไปสิครับ”
“งั้นตามมานะ” ผมมองทั้งคู่เดินออกไปด้วยกันแล้วถอนหายใจนิดหน่อย พ่อของผมเป็นแบบนี้เสมอ ท่านชอบสานสัมพันธ์กับคนใหม่ๆจนบางครั้งมันก็ดูเหมือนว่าเขากำลังหว่านเสน่ห์อยู่ ซึ่งผมก็ชินไปแล้วกับนิสัยแบบนี้ของท่าน และพอทั้งสองคนหายลับสายตาไปนั้น ผมก็หันมามองชานยอลที่นั่งอยู่ตรงหน้าทันที
นัยน์ตาสีนิลมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ขับให้อีกฝ่ายดูโดดเด่นสะดุดตา
“เหลือเราสองคนแล้วนะ”
“…”
“ผมหวังว่าเราจะไปกันได้ด้วยดี” ชานยอลยิ้มแล้วเลื่อนมือมาสัมผัสมือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะเบาๆ ปลายนิ้วเรียวยาวกำลังไล้ไปตามหลังมือผม ใช้ไออุ่นร้อนวูบขับไล่ความเย็นชืดปลุกปั่นให้ผมใจเต้นไปหมด การแสดงออกที่เหมือนกับสนใจผมทำให้ผมเสตามองไปทางอื่น
“คุณกำลังล้อผมเล่นเหรอ ?”
“ผมรู้มาว่าคุณอกหัก”
“อะ…”
“หัวใจคุณคงจะบอบช้ำน่าดูสินะเพราะตั้งแต่ที่เข้ามา ผมยังไม่เห็นแววตาที่มีความสุขหรือสดใสของคุณเลย”อีกฝ่ายว่าพลางทาบมือลงกับมือของผม “ผมรู้นะว่าการเสียความรักไปมันเป็นเรื่องที่แย่ มันไม่แฟร์กับคนที่ถูกหักหลัง”
“พูดไปมันก็เท่านั้น ผมไม่อยากพูดเกี่ยวกับมันตอนนี้”
“งั้นเรามาพูดเรื่องอื่นกันดีไหม ?” คำถามของเขาทำให้ผมเลิกคิ้วใส่เป็นเชิงถามว่า ‘เรื่องอะไร’ แน่นอนอีกฝ่ายสามารถอ่านใจผมออกเขาเลยยิ้มแล้วเอื้อมมือมาเกลี่ยแก้มของผมเบาๆ ให้นัยน์ตาผมวูบเล่นไปกับสัมผัสของเขาที่ร้อนผ่าวไปทุกส่วน “มาพูดเรื่องความสนใจกัน”
“ความสนใจอะไร ?”
“ความสนใจ...ที่ผมมีต่อคุณ” จบประโยคนั้นร่างสูงก็เปลี่ยนอิริยาบถเลื่อนมือมาจับท้ายทอยผม รั้งเบาๆให้ผมยื่นหน้ามาแล้วเขาก็ก้มต่ำลงจนริมฝีปากเราเฉียดกัน วินาทีนั้นผมเบิกตากว้างอย่างตกใจไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้ในที่สาธารณะ แม้ว่าตรงนี้จะมีแค่เราก็ตาม
แต่มันอุกอาจมาก อาจมีใครบางคนมาเห็นเรา
แต่กว่าที่ผมจะนึกถึงเรื่องนั้นความอ่อนหวานก็เลื่อนผ่านริมฝีปากของผมไปเลยมาคลอเคลียส่งเสียงข้างหูของผมใกล้ๆ จนหัวใจผมสั่นระรัวมากกว่าเดิม
“ผมสนใจคุณ และจะว่าอะไรไหม ถ้าเกิดผมจะขอให้คืนนี้เราอยู่ด้วยกัน...บนเตียงของผมJ”
LOADING 100 PER
เจิมรอคืนแรกที่สะท้านเร่าอยู่ในกาย !
ความร้อนมันจะปะทุขึ้นมามากมายสำแดงเดชในค่ำคืนนี้ !
เรื่องนี้เป็นอีโรติก (18-20+) อาจจะแรงไปในบางฉาก
แต่ถ้าอยากร้อนเร่าไปกับพวกเขาก็ขอฝากติดตามด้วยนะคะ
เพราะเรื่องนี้ใครที่รักมากกว่าย่อมแพ้ไป ใครที่รู้ตัวไวคือผู้ชนะ !
1 เม้น 1 กำลังใจให้กำลังใจแบคคนบาปนะครัช
เมื่อพูดถึงค่ำคืนของพวกเขา อย่าลืมติดแท็กในทวิต !
#ฟิคคืนของชานแบค
(c) Chess theme
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฝากติดตามด้วยน้า
เจอหน้าน้องไม่ถึงวันจะชวนน้องไปเล่นผีผ้าห่มแล้ว จะบ้าาาาาาา
ละดูท่าอิคริสก็แรงพอกันกะอิชาน งี้เนาะถึงคบกันได้ ปั๊ดถ่อวววววว
ฝากติดตามด้วยน้าา