ตอนที่ 3 : Hug You [ #Gyeomhug ]
- Hug You -
ครั้งแรกที่ผมกับมาร์คกอดกัน มันเป็นวันที่ผมเมา
ตื่นเช้ามาก็พบว่ารอบเอวหนาถูกแขนของใครบางคนรัดแน่น ในขณะที่แขนทั้งสองข้างของผมก็โอบกอดร่างนุ่มนิ่มของใครคนนั้นอยู่เช่นกัน
“...”
“...” เราสองคนตื่นพร้อมกัน และสบตากันอยู่อย่างนั้นนานหลายวินาที
ถ้าเป็นในนิยายคงมีใครโวยวายออกมา และสำรวจว่าตัวเองเสียตัวให้อีกฝ่ายหรือยัง
แต่นี่ไม่ใช่นิยาย... ก็เลยไม่มีใครพูดอะไรสักคำ
ผมสารภาพว่าตัวเองกำลังกรีดร้องอยู่ในใจ ตอนที่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเจ้าของดวงตากลมโตใสแจ๋วที่จ้องมาพลางกะพริบตาปริบๆ อย่าน่าหมั่นเขี้ยวในระยะประชิดแบบนี้ ริมฝีปากสีชมพูเผยอนิดๆ ทำท่าจะพูด แต่เหมือนจะนึกคำพูดอะไรไม่ออก ในขณะที่ผมอยากจะปัดปรอยผมสีบลอนด์สว่างที่ตกลงมาปรกหน้าเขาออก แต่ก็ยั้งมือไว้เช่นกัน
เราอึกอักแล้วก็เงียบใส่กันอยู่แบบนั้นสักพัก กว่าจะได้สติว่าควรปล่อยมือ ผมลุกหวือขึ้นมาอย่างทำตัวไม่ถูก แต่นั้นแม่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะตัวของผมมันดันสูงเกินกว่าที่จะหลับหูหลับตาลุกขึ้นมาทั้งที่อยู่ชั้นล่างของเตียงสองชั้นแคบๆ
โป๊ก!
และนั่นก็ส่งผลให้หัวโตๆ ของผมโขกเข้ากับเหล็กที่เป็นโครงของเตียงชั้นบนเต็มๆ
“เฮ้ย!” คนข้างตัวร้องขึ้นมาทั้งที่ผมได้แต่ทำหน้าเหยเก ไม่ร้องสักแอะเพราะความมึน “เป็นไรมั้ย” เจ้าของเสียงทุ้มกุลีกุจอลุกขึ้นมา แต่ไม่ยักจะหัวโขกเหมือนผม
แต่ก็แน่ล่ะ เขาตัวเล็กกว่าผมตั้งหลายเซน
ฝ่ามือเรียวเล็กวางมาบนหัวตรงจุดที่กระแทกด้วยท่าทีเป็นห่วงเป็นใยได้ไม่นาน อยู่ๆ ริมฝีปากบางก็ยิ้มขำเมื่อเห็นหน้ามู่ทู่ของผม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนๆ เหมือนเคย
“ชนแค่หัว ทำไมบวมทั้งหน้าเลย”
อ้าว... แซวกันเฉย
แต่แทนที่จะโกรธผมกลับขำ ยิ่งมองรอยยิ้มยิงฟันก็ยิ่งยิ้มกว้างตามจนต้องก้มหน้าหลบตาพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมหัวโนๆ ของตัวเอง
ให้ตาย...ทำไมน่ารักขนาดนี้วะ
ปกติผมกับมาร์คไม่ได้เป็นรูมเมตกันดังนั้นการที่เราได้นอนร่วมเตียงกันมันจึงมีโอกาสอยู่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์
ต้องขอบคุณฤทธิ์แอลกอฮอล์ในวันนั้น ที่ทำให้ผมละเมอเผลอไปทิ้งตัวบนเตียงของเขาได้ยังไงก็ไม่รู้
โอเค ยอมรับก็ได้ว่าผมตั้งใจ...
ตั้งใจไปนอนเล่นบนเตียงเล็กๆ นั่นโดยอ้างว่าเมา แต่ความจริงแค่อยากใกล้ชิดกับเขาสักพักให้คุ้นชิน ก่อนจะตัดสินใจสารภาพรัก...
ใช่ครับ ผมชอบเขา คุณมาร์คต้วนคนนั้นที่ชอบยิ้มยิงฟันให้ใจผมสั่นเล่นมานานนับปี
แต่ความขี้ขลาดกลับทำให้อมพะนำจนเก็บงำความรู้สึกเอาไว้มาจนกระทั่งตอนนี้ แถมพอมีโอกาสก็เอาแต่ลีลาทำให้เผลอหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้พูดอะไร... จนกระทั่งเช้า
สาบานได้ว่าแผนของผมไม่มีคำว่ากอดหรือแตะเนื้อต้องตัวเลย เหตุการณ์ในเช้าวันนั้นมันเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด ผมไม่ได้ตั้งใจจะกอดเขา และไม่คาดฝันด้วยว่าเขาจะกอดตอบผม บางมีมาร์คอาจจะละเมอคิดว่าผมเป็นตุ๊กตาหมีตัวโตก็ได้ถึงได้ซุกซะขนาดนั้น
แต่ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นเพราะอะไรแต่เชื่อเถอะว่าความอบอุ่นจากอ้อมกอดเล็กๆ นั่นยังคั่งค้างอยู่ในความรู้สึก จนเผลอตั้งความหวังให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง
ซึ่งดูท่าจะยากกว่าที่คิด
ทั้งที่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าทริปต่างประเทศครั้งนี้คงจะเนียนๆ เลือกห้องนอนเดียวกับเขาเหมือนเคย และใช้โอกาสที่ได้อยู่ตามลำพังสารภาพความในใจให้ได้สักที แต่กลับกลายเป็นว่าผมถูกคนอื่นยกมือเลือกนอนห้องเดียวกับเขาตัดหน้าไปซะงั้น
ผมเก็บซ่อนอาการไม่พอใจไว้แทบไม่มิด ตอนที่พวกเรารวมตัวกันสังสรรค์หลังเลิกงาน และหมอนั่นตามมาร์คต้อยๆ เข้าไปในห้องนอนก่อนใคร
แต่เหมือนโชคจะเข้าข้าง ที่เจ้าก้างขวางคอดันหวนกลับมานั่งในวงอีกครั้งด้วยเหตุผลว่านอนไม่หลับ ต้องการแอลกอฮอล์ช่วยกล่อม ผมเลยอาศัยจังหวะนั้นแกล้งทำเป็นหาว และขอตัวเข้านอน โดยมีใครหารู้ไม่ว่าผมมีแผนการอยู่ในใจ
แน่นอนว่าห้องที่ผมเปิดเข้าไป ไม่ใช่ห้องของผมตามที่ตกลงก่อนหน้านี้ แต่เป็นห้องที่อยู่ติดกัน โดยทำทีเป็นว่าจำผิดด้วยความเคยชิน
ซึ่งมันง่ายดายซะจนน่าหงุดหงิดที่เขาไม่ระวังตัว
“อ้าว” คนตัวเล็กอุทานเบาๆ เมื่อเงยหน้าจากจอสมาร์ทโฟนแล้วพบว่าคนที่เดินเข้าห้องมาไม่ใช่รูมเมตตัวเอง
"..." ผมไม่ตอบอะไร แต่หันกลับไปล็อกประตูพร้อมคล้องโซ่ก่อนจะแสร้งทำเป็นบิดขี้เกียจสีหน้างัวเงีย
“เฮ้! นายไม่ได้นอนห้องนี้นี่” เสียงโวยวายดังขึ้นเมื่อผมตีมึนทิ้งตัวลงบนเตียง
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเตียงของเขา...ด้วยความเนียน
ผมลอบยิ้มและแกล้งหลับตาลงขณะฟังเสียงโวยวายด้วยความประหลาดใจของคนที่นอนหันหลังให้
“ยูคยอม?” เขาเรียกพลางตีแขนผมป้าบใหญ่ “กลิ่นเหล้าหึ่งเลย นี่เมาเหรอ?”
“...” ผมไม่ตอบอะไร และเนียนทำเป็นหลับต่อไป
“ถึงจะเข้าห้องผิดก็เหอะ แต่ไปนอนเตียงนู้นไป เจ้าหมี!” เสียงทุ้มตะโกนใส่หูพลางพยายามดันร่างหนาๆ ของผมออกจากเตียงตัวเอง
แต่ใครมันจะไปยอม
ผมยื้อไว้สุดกำลังพยายามไม่ให้ตัวเองขำกับแรงน้อยๆ ที่ไม่ว่ายังไงก็ดันผมไม่ไป จนเจ้าตัวถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างยอมแพ้
“โอเค ฉันย้ายเตียงเองก็ได้” คนตัวเล็กเอ่ยคล้ายจะบ่นกับตัวเอง
แต่ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะขยับไปไหนผมก็พลิกตัวกลับไป และใช้มือข้างหนึ่งกดร่างเขาให้นอนหันหน้าเข้าหากัน คราวนี้ผมลืมตาเพื่อสบตาคนตรงหน้า และดวงตาคู่นั้นก็ดึงเอาคำที่เก็บไว้ในใจตลอดออกมา
“ชอบนะ”
“...”
“ผมชอบมาร์คนะ”
บทจะง่ายก็ง่ายจนใจหาย
ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำตอนที่พูดออกไป พอได้สติก็เริ่มคิดได้ว่า ฉิบหาย...ผมยังไม่ทันได้เตรียมใจเลยว่าถ้าถูกปฏิเสธจะเป็นยังไง พอคิดได้แบบนั้นก็เลยซ่อนสายตาจริงจังเอาไว้ภายใต้ความมึนเมา เพื่อที่ว่าถ้าหากคนตัวเล็กแสดงออกว่าไม่มีใจ ผมจะได้เฉไฉทำเป็นจำไม่ได้ในเช้าวันต่อไป
ผมลุ้นสุดตัว ตอนที่ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ก่อนที่ริมฝีปากบางจะถามออกมาด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ
“นี่นายเมาจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย”
“...” สีหน้าแบบนั้นมันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะแกล้งหลับตาลง แสร้งทำเป็นว่าตัวเองกำลังละเมอ
ผมกลายเป็นคนขี้ขลาดเสมอแหละ เวลาอยู่ต่อหน้าเขา
“ให้ตาย เมาจริงๆ สินะ”
“...” ผมยังคงไม่ตอบ ไม่กล้าจะตอบอะไร
เวลาผ่านไปหลายวินาที่จนผมเริ่มจะถอดใจ ปล่อยให้ตัวเองหลับใหลไปและเริ่มวันใหม่พร้อมกับแกล้งล้างความทรงจำ
“หึ” แต่แล้วเขาก็หัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมวางฝ่ามือลงมาขยี้หัวผมแรงๆ เหมือนหมั่นไส้
ก่อนที่ลมหายใจร้อนๆ ที่รดลงมาข้างหูขณะเอ่ยประโยคที่แทบไม่ได้ยิน จะทำให้ผมแอบยิ้มออกมาอีกครั้งทั้งที่ยังหลับตา
ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยเหตุการณ์ที่เหมือนวันนั้นราวกับภาพที่ถูกฉายซ้ำ จะต่างกันตรงที่คราวนี้หลังจากกะพริบตาถี่ๆ มองผมแล้ว แก้มเนียนใสกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ก่อนจะหลับตาลงแล้วผละอ้อมกอดหนีไปกอดก่ายหมอนตัวเองที่อยู่ข้างกาย เพราะถูกแทนที่ด้วยแขนของผมแทน
“อื้อ หมี~” แล้วแกล้งทำเป็นละเมอใส่กันหน้าตาเฉย
ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มขำกับท่าทางน่ารักแบบนั้น ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้คนตัวเล็กกว่าแล้วถือวิสาสะสวมกอดไว้จากด้านหลังจนเจ้าของร่างบางสะดุ้งโหยง
“ละเมอเหรอ?”
“อะ...อืม” ดูสิยังมีหน้ามาโกหกหน้าตายอีกต่างหาก
ผมหลุดขำอีกรอบ พลางยกคางขึ้นไปเกยไหล่บางเพื่อสังเกตใบหน้าที่แดงก่ำและดวงตาที่พยายามปิดแน่นอย่างน่าหมั่นเขี้ยวนั่น ก่อนจะตั้งคำถาม
“งั้นที่พูดเมื่อคืนละเมอด้วยหรือเปล่า”
คราวนี้เขาลืมตา หันมามองหน้าผมที่อยู่ใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน
“จำได้เหรอ?” ผมล่ะชอบชะมัดเวลาที่เขากะพริบตาปริบๆ ทำหน้าเหมือนแมวงงแบบนี้
ผมเลยอมยิ้ม พยักหน้าแล้วถามย้ำอีกครั้ง “แล้วตกลงละเมอหรือเปล่า”
ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงขึ้นไปอีก ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะส่ายหน้าอายๆ... แค่นั้นก็ทำผมเกือบจะคลั่งตายซะให้ได้ คราวนี้ผมยิ้มกว้างกว่าเดิมอย่างได้ใจ ก่อนจะซุกหน้าลงกับไหล่คนตัวเล็กที่มิดไปกับอ้อมแขน ก่อนจะกระซิบสารภาพความจริง
“ผมก็ไม่ได้เมาเหมือนกัน” มีสติครบถ้วนพอที่จะจำได้แม่นว่าตัวเองพูดอะไรออกไป และรับรู้ว่าเสียงกระซิบเบาๆ เจือความเขินอายนั่นตอบอะไรกลับมา
‘ชอบนะ’
‘…’
‘ผมชอบมาร์คนะ’
.
.
.
‘อืม... ชอบนายเหมือนกัน’
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เคยแชร์เรื่องนี้ในทวิตเตอร์ไปแล้วค่ะ
แต่อ่านแล้วอ่านอีกก็ได้นะ 55555
ตอนแรกเราไม่คิดว่าตัวเองจะชิปจริงจังจนมาเปิดบทความขนาดนี้ ก็เลยแชร์จากกูเกิ้ลไดรฟ์เอา
แต่ตอนนี้ลงเรือจริงจังแล้วเลยเอามาอัพในนี้ด้วยค่ะ อ่านง่ายกว่าเนอะ 555
ใครเล่นทวิตเตอร์ส่งพีดแบ็คติดแท็ก #Gyeomhug นะคะ
ฝากด้วยน้า
-makok_num-
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฟิคดีมากน่ารักมากจนเราเสียใจมากที่เพิ่งเจอตอนนี้ ในทวิตก็ไม่เห็นอาะ เราทำอะไรอยู่ไหนอะ
ฮือ น่ารักมากๆๆๆ น่ารักมากๆ ไม้ยมกหมื่นเจ็ดสี่พันตัว
ครั้งแรกที่เมาแล้วตื่นมากอดกันอยู่ก็น่ารักมาก มาร์คแซวว่าหน้าบวมเฉย แง ม้าคน่ารักม้าก
คยอมเขินโดนแซวละหัวปูดยิ้มตามมาร์คก็น่ารักมาก โคตรน้องคยอมเลยค่ะ
แล้วตอนแรกยังเป็นลูกหมา อยากจะสารภาพรักแต่ป๊อดแล้วก็หลับเฉย
แต่รอบสองนี่ลูกหมาเราโตแล้ว เนียนระดับสิบ เนียนเมาเข้าห้องผิดนอนเตียงเค้าแล้วละเมอบอกรักเสร็จสรรพ
มาร์คขยี้หัวคยอมก็น่ารักมาก โอ๊ย แอบรอเค้าพูดอยู่ใช่มั้ยม้าค
คนแอบชอบกันแอบมองกันมาทั้งคู่มาจีบกันแบบกระมิดกระเมี้ยนนี่มันน่ารักจังเลยค่า
ฮือ ชอบอะ ชอบมากนะคะ น่ารักมาก พิมคำว่าน่ารักไปไม่รุ้กี่รอบแล้ว น่ารักมากจริงๆ
เล่าเรื่องได้สบายๆไปตามคาแรกเตอร์คยอมมากเลยค่ะ อ่านไปจิกผมไป ทำไมน่ารักขนาดนี้ คนเนียนนี่เนียนจริง แอคติ้งเต็มร้อย เนียนนอนเตียง เนียนเข้าห้องผิด เนียนละเมอ เนียนกอดเค้าอีกนี่
ชอบๆนะคะ ชอบฟิคฟีลนี้มากๆเลย