ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RACE ON ¼ ll แรงเขย่าใจร้ายเขย่ารัก

    ลำดับตอนที่ #9 : Race08 ll ความเจ็บของติ่งครั้งที่8 {อัพ100%} คนของติ่งขี้โมโห

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.6K
      25
      12 ก.พ. 60



    EP07
    -ความเจ็บของติ่งครั้งที่7-


    ฉิบหายล่ะ!!!

    นาทีฉุกเฉินที่เกิดขึ้นยามนี้ ทำผมรีบละความสนใจไปจากหญิงสาวที่บุกเข้าห้องผมกลางดึกไปยังใครอีกคนที่ดูจะตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะไฝว้อยู่ตลอดเวลา จากนั้นก็รีบเร่งฝีเท้าตรงเข้าหาเธอพร้อมทั้งใช้แขนทั้งสองข้างรวบตัวเธอเอาไว้แน่น ขณะอีกฝ่ายแสดงการขัดขืนด้วยการดิ้นไปดิ้นมา จนผมต้องพูด

     “อยู่นิ่งๆ ได้ไหม แล้วตามมา!”

    จะทำอะไร!”

    เออน่า ตามมาก่อน

    ปล่อยฉันนะอย่ากอด กรี๊ดดดดดดดด ={}=” ในเวลาเร่งรีบแบบนี้ผมไม่มีเวลาอธิบายอะไรให้กาละแมฟังมากนักนอกจากใช้กำลังรวบตัวเธอเพื่อพาไปซ่อนตัวที่ไหนสักแห่งภายในห้องนอน ทว่า ในตอนนั้นเอง

    ไอ้วินทร์!” เสียงขานชื่อเล็กแหลมที่ดังมาจากหน้าประตูห้องนอนทำผมสะดุ้งเฮือก รีบเหลียวขวับมองเจ้าของเสียงซึ่งไม่รู้ว่าไขกุญแจเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ซ้ำร้ายยังยืนปั้นหน้าเป็นยักษ์ เท้าเอวมองมาที่เราทั้งคู่

    พอเจอสายตาเธอมองมาตรงๆ แบบนี้ สิ่งที่ผมทำได้คือฉีกยิ้มแห้งๆ เอ่ยปากทักทายไปตามมารยาท

    งะ ไงแหวน!”

    ทำอะไร?” คำถามสั้นๆ แต่โคตรกดดันของ ‘แหวน’ ทำผมพูดอะไรไม่ถูก เพราะทุกครั้งที่เห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ ผมมักรับรู้ถึงรังศีอำมหิตที่แผ่ออกมาได้อย่างชัดเจน จนพานให้บรรยากาศรอบตัวกดดันลงไปด้วย

    บอกให้ปล่อยยังไงล่ะ!”

    ฟึ่บ!

    ไม่ใช่แค่สายตาของแหวนเท่านั้นหรอกที่ทำให้ผมไปไม่เป็น แต่มันรวมไปถึงแรงสะบัดอย่างรุนแรงของผู้หญิงอีกคนที่ผมกอดเอาไว้ด้วยเช่นกัน

    กาละแมหันมาขึงตาใส่ผมทันทีคล้ายกับจะแสดงออกให้ผมรู้ว่าเธอไม่พอใจ แต่ก็ครู่เดียวเท่านั้นแหละ เมื่อเธอดันสังเกตเห็นแหวนที่ยืนเท้าเอวมองเราทั้งอยู่ที่หน้าประตูห้องอย่างเงียบๆ

    “…”

    “…”

    “…”

    สภาพของเราทั้งสามคนในตอนนี้ตกอยู่ในสภาวะกินจุดกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ไม่มีใครพูด หรือส่งเสียงใดออกมาเลยสักคน ขนาดผมเองแค่เสียงหายใจ ผมยังอยากทำให้มันหยุดเสียตอนนี้ แต่ไม่นาน คนที่เป็นฝ่ายเอ่ยแทรกทำลายบรรยากาศความเงียบภายในห้องขึ้นมามันก็ดันเป็นแหวนนั่นแหละ

    แอบมาซุกหัวอยู่ที่นี่ บ้านช่องไม่กลับ พ่อแม่ไม่ติดต่อ เพราะแบบนี้งั้นเหรอ?”

    ไม่ใช่เว้ยแหวน ติดต่อพ่ออยู่ แล้วก็คืองี้...คือยัยนี่น่ะ…” ผมพยายามอธิบาย แต่

    เกิดเป็นผู้หญิงน่ะ ควรหัดพกยางอายติดตัวบ้างนะคะ ไม่ใช่คิดจะหนีตามมาอยู่กับผู้ชาย ก็มาง่ายๆ” น้ำเสียงเรียบนิ่งไว้ชั้นเชิงของแหวนยิ่งพานให้บรรยากาศภายในห้องกดดันยิ่งกว่าเก่า

    แถมคนถูกต่อว่าก็เริ่มจะแสดงสีหน้าไม่ค่อยดีนัก แน่ล่ะ ในเมื่อเธอไม่ได้หนีตามใครมา แต่ถูกผมพามาเองนี่หว่า

    มาอยู่กับวินทร์แบบนี้เนี่ย…” แต่ท่าทีที่นิ่งงันของกาละแมไม่อาจจะทำให้แหวนสนใจ หนำซ้ำยังถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบโทนเดิม “ท้องเหรอ?”

    คะ คือฉันไม่ได้…”

    กะท้องกับเขาเรียกร้องสมบัติว่างั้นเถอะ? ฉลาดดีนี่” แหวนขัดและเป็นฝ่ายย้อนแบบไม่ฟัง

    เฮ้ยแหวนมันไม่ใช่แบบนั้น…”

    อีกครั้งที่ผมหาจังหวะเหมาะๆ พยายามอธิบายให้แหวนฟัง แต่

    หุบปากไป ฉันไม่ได้ถามความเห็น วินทร์อย่าสเหล่อ!”

    คนตัวเล็กดันหันมาถลึงตา พูดเสียงเรียบเชิงสั่งใส่ผมจนต้องสงบปากสงบคำลงอย่างเสียไม่ได้

    บนโลกนี้มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกที่ผมกลัว หนึ่งในนั้นคือยัยนี่ด้วยเช่นกัน

    แหวนค่อยๆ เดินสาวเท้าเข้ามาในห้องนอน สายตาของเธอจ้องจิกไปที่หน้าของยัยเต้าหู้ กวาดสายตามองสำรวจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าคล้ายกับดูแคลนจากนั้นก็พูดออกมาอีกครั้ง

    จะบอกอะไรให้นะ ถ้าเธอคิดจะจับวินทร์แล้วล่ะก็ บอกเลยว่าเธอกำลังคิดผิด…” แหวนเว้นวรรคช่วงหายใจเมื่อเท้าทั้งสองข้างหยุดลงคั่นกลางระหว่างผมกับกาละแม บนใบหน้าเรียวสวยไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเลยแม้แต่นิดเดียว ที่สำคัญเธอดูหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

    คนอย่างวินทร์น่ะ ทำอะไรไม่เป็นหรอก ขนาดเรื่องของตัวเอง เขายังไม่มีความรับผิดชอบเลย…”

    คะ คือ… คุณคงเป็นแฟนกับวินทร์สินะคะ” น้ำเสียงตะกุกตะกักถามย้อนขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ

    พอได้ฟังแบบนั้นผมก็พยายามจะอ้าปากเพื่อแย้งในสิ่งที่กาละแมกำลังคิดแต่… เสียงเหล่านั้นก็ดันถูกทำให้เงียบ เมื่อแหวนตวัดหางตามองผมอีกครั้งคล้ายกับจะกำหลาบ

    ฉันกับวินทร์ไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้ท้องด้วย” อีกครั้งที่กาละแมรีบชิงพูดออกมาเพื่อปกป้องสิทธิของตัวเอง

    แหวนยืนจ้องหน้ากาละแมอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่สายตาเธอจะเหลือบมาเจอเข้ากับโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กที่ผมถืออยู่ ไวกว่าความคิดเธอรีบดึงโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวไปจากมือของผมทันที นัยน์ตากลมจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ซึ่งถูกชิงไปอย่างพิจารณา และเอ่ยออกมาสั้นๆ

    นี่โทรศัพท์ของเธอหรือเปล่า?”

    คะ ค่ะ!”

    เธอชื่ออะไร?”

    กาละแมค่ะ เรียกสั้นๆ ว่าแมก็ได้นะคะ!” แม้ว่ายัยเต้าหู้จะดูเกร็งๆ ไปบ้าง แต่สกิลความเป็นมิตรของยัยนี่ดันทำงานได้ดีกว่าที่ผมคิดเอาไว้นัก นี่แหละมั้ง… ที่เป็นอีกจุดหนึ่งที่ผมมองว่ามันทำให้เธอดูน่ารัก

    สรุปแล้วเธอกับวินทร์…”

    ไม่ใช่แฟนค่ะ!” กาละแมพูดเสียงดังฟังชัด จนคนพยักหน้ารับหงึกๆ อย่างเข้าใจ และถามออกมาเป็นหนที่สอง

    เป็นติ่งวงSWAGเหรอ?”

    ค่ะฉันเป็นติ่งวงนี้มาหลายปีแล้ว เมนของฉันคือวอร์อปป้า ฉันคือหัวบ้านแฟนไซต์ และแฟนเบสของวงนี้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะคะ!”

    การแนะนำตัวที่เป็นทางการของกาละแม ทำเอาผมอึ้งไปเล็กน้อย อย่าว่าแต่ผมเลย แหวนเองก็คงคิดเช่นนั้น

    ปกติแล้วแหวนน่ะเป็นคนที่เข้ากับคนได้ยากมากถึงมากที่สุด เธอเป็นคนที่ค่อนข้างพูดตรง บางทีก็ตรงเกินไป เป็นคนที่มีออร่าของนางพญาติดตัวอยู่เสมอๆ  และเข้าถึงยาก พูดง่ายๆ ก็คือการวางตัวของแหวนมักจะตามมาด้วยบรรยากาศขมุกขมัวกดดันทุกครั้ง

    แต่ครั้งนี้มันดันกับตาลปัตร

    ฉันชื่อแหวน

    เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเธอแนะนำตัวกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันครั้งแรกแบบนี้

    เป็นน้องสาวของวินทร์

    ยินดีที่รู้จักค่ะ!” เสียงใสแจ๋วตอบขึ้นแทบจะทันทีเช่นกัน น่าแปลกที่คราวนี้บนใบหน้าเรียวสวยของน้องสาวเพียงคนเดียวที่ผมมีกำลังเหยียดยิ้ม

    ตอนแรกฉันอาจจะเข้าใจผิดเธอไปหน่อย หน้าตาบ้านๆ ซื่อๆ แบบนี้คงไม่กล้าทำเรื่องไร้ยางอายแบบนั้นหรอกใช่ไหม?” คำถามที่ทั้งแรงและตรง คำเอาคนถูกถามพยักหน้าหงึกหงักคล้ายกับเด็กนักเรียนซึ่งกำลังถูกครูประจำชั้นตำหนิ แต่แล้วไม่นานไอ้บรรยากาศกับไอ้สายตาน่ากลัวคู่นั้น มันดันพุ่งตรงมาทางผมเสียเอง พร้อมด้วยคำพูดสั้นๆ

    ไอ้พี่เวรนี่ มันจะปล้ำเธอเหรอ?”

    คะ คือ…”

    บอกฉันได้ ถ้าเธอต้องการ ไอ้วินทร์ทำอะไรเธอบ้าง?”

    คะ คือเขา…” กาละแมยังคงอ้ำอึ้งไม่พูดไม่จา เธอมองหน้าผมสลับกับมองหน้าแหวนไปมา คล้ายกับลังเล ไม่ได้การแล้ว ขืนปล่อยไว้แบบนี้ มีหวังแหวนต้องกดดันยัยเต้าหู้มากไปกว่านี้แน่ๆ

    แหวน!” ผมกลั้นใจตะคอกเสียงใส่หญิงสาวตรงหน้า ด้วยท่าทางวางมาดสมกับเป็นพี่ชาย ส่วนคนถูกเรียกเองก็รีบละสายตาจากกาละแมมาเป็นที่ผมแทบทันที เมื่อสถานการณ์ลงล็อก ผมก็ไม่รอช้ารีบพูดสิ่งที่อยู่ในอกออกไปในทันที และหวังว่าไอ้สายตาคาดคั้นดังกล่าวจะหมดไป

    เลิกยุ่งกับแมได้แล้ว มีอะไรถามพี่ตรงๆ ดีกว่า เข้ามาห้องคนอื่นทำวางมาดแบบนี้ มันเสียมารยาทนะรู้ไหม? อีกอย่างพี่เป็นพี่แหวนนะ หัดพูดจามีมารยาทกับพี่บ้าง!” ดูเหมือนว่าแผนเรียกร้องความสนใจของผมจะเป็นผลสำเร็จ เมื่อแหวนยอมละสายตาแล้วหันมามองผมด้วยแววตาเฉียบขาดเรียบนิ่งไม่แสดงสีหน้าใดแบบตรงๆ และก่อนที่เธอจะพูดหรือทำอะไรไปมากกว่านี้ ผมจึง

    เข้าใจที่พี่พูดไหม แหวน….ผัวะ!” หมัดเน้นๆ ของผู้หญิงพุ่งเข้าซัดเข้าใส่แก้มผมแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ความแรงของมันพอๆ กับแรงผู้ชายที่จงใจเตะลูกบอลอัดหน้าใครสักคนหนึ่งด้วยความเคียดแค้น และนั่นตามมาด้วยคำต่อว่าทำทำเอาผมฉี่แทบราด

    ไอ้คนไม่เอาอ่าวแบบพี่ มีอะไรตรงไหนให้น่าเคารพ!”

    คำต่อว่าของแหวนตามมาด้วยหมัดเน้นๆ อีกข้าง โดยที่ปากของเธอยังต่อว่าไม่หยุด

    ผัวะ!

    ไอ้คนที่หนีออกจากบ้านไม่สนใจธุรกิจของครอบครัว วันๆเอาแต่ขับรถเล่นแบบนี้น่ะ ขลุกอยู่กับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า คนอย่างฉันไม่ควรเรียกแกว่าพี่ด้วยซ้ำ!!!!”

    ผลัก!

    T^T << หน้าเทวินทร์

    -_-++ << หน้าแหวน

    =_=;;; << หน้ากาละแม

    เออกูยอม! ต่อยกูเลย เหยียบกูเท่าไหร่ก็ได้ตามใจเลย แต่ขอได้ไหม อย่ากระทืบกูต่อหน้าผู้หญิงที่กูชอบ 

    มันเสียเซลฟ์!!!! TTOTT

    -KARRAMARE TALK-

    ผัวะพลั่ก!

    “=_=”

    ฉันคิดว่าตอนนี้ ฉันกำลังหลุดเข้ามาอยู่ในหนังสงครามค่ะ ไม่ใช่สงครามระหว่างเมืองหรือระหว่างประเทศ แต่เป็นสงครามระหว่างครอบครัว

    ช่วงเวลาน่ากดดันจากการถูกรัวด้วยคำถามจากผู้หญิงแปลกหน้าผ่านไป และนั่นทำให้ฉันรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น แต่ไม่นับกับเรื่องที่เธอกำลังตีกับเทวินทร์ซึ่งเป็นพี่ชายหรอกนะ

    พลั่ก!

    จะกลับบ้านได้หรือยัง!” แหวน(เรียกตาม) ตะคอกเสียงถามพลางกระชากคอเสื้อของผู้เป็นพี่ชายอย่างแรงจนติดมือขึ้นมา ใบหน้าสวยๆ ของเธอยังดูนิ่งแม้ว่าในเวลานี้เธอกำลังแสดงพลังอันน่าสะพรึงเกินกว่าผู้หญิงปกติทั่วไปออกมาให้เห็น ในขณะที่ผู้ชายเจ้าเล่ห์ที่คิดจะปล้ำฉันมาตลอดดูจะหง่อยไปในพริบตาเดียว

    ก็บอกว่าไม่กลับยังไงล่ะ!” แถมยังดื้อหัวชนฝา พูดจาด้วยประโยคเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ดูไปแล้วพี่น้องคู่นี้คล้ายกับสลับเพศกันหรือไม่ก็น่าจะสลับสถานะกันถึงจะดูถูกกว่านะ =_=

    จะบ้าหรือไง ทิ้งงานของที่บ้านมาเพื่อขับรถบ้าๆ นี่น่ะนะ พี่นี่เป็นแบบที่ผู้ชายคนนั้นพูดเอาไว้ไม่มีผิด!” แหวนยังคงตวาดเสียงกร้าวกำหลาบพี่ชายตัวเองไม่หยุด ต่างจากเทวินทร์ที่มักจะแสดงทีท่ายียวนตลอดเวลา ในตอนนั้นเขาดันเอาแต่เงียบ ก็หน้าไม่หือ เมื่อต่อคำพูดใดๆ ที่สวยก่นต่อว่าเลยสักคำ

    และในตอนนั้นเอง

    แหวนพอเหอะว่ะ ตอนนี้เราไม่ได้อยู่กันสองคน” เทวินทร์ที่เงียบมาครู่ใหญ่ ก็เอ่ยแทรกเสียงดุดันของน้องสาวตัวเองออกมา ที่สำคัญ เขายังเดินชนไหล่น้องสาวของตัวเองมาทางฉันด้วย

    ไอ้พี่วินทร์ ยิ่งพี่ทำแบบนั้น ทุกอย่างมันก็ยิ่งแย่ลงนะ!”

    ทุกอย่างแม่งจะแย่ลงกว่านี้ ถ้าแหวนไม่หยุดพูด อีกครั้งที่บรรยากาศภายในห้องลดลงต่ำเต็มไปด้วยความกดดัน และนั่นมาพร้อมด้วยฝ่ามืออุ่นที่เอื้อมคว้าแขนฉันเอาไว้แน่น

    คนเรา ถ้าไม่ได้ทำอะไรที่ชอบ ชีวิตมันก็ไม่มีความสุขหรอก” เรียกว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคำพูดอะไรแบบนี้หลุดออกจากปากของเทวินทร์ คำพูดที่ดูมีหลักการและความน่าเชื่อถือ หลังจากเทวินทร์พูดประโยคนั้นจบ ทั้งคู่ก็ต่างฝ่ายต่างเงียบเสียงกันไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะตามมาด้วยแรงกึ่งดึงกึ่งกระชาก พร้อมคำพูดสั้นๆ

    เต้าหู้ กลับเหอะ เดี๋ยวจะพาไปส่งบ้าน…”

    แล้วฉันล่ะ!!?” เสียงเล็กหวีดร้องออกมาอย่างนึกขัดใจ นั่นจึงทำให้คนถูกถามเหลือบมองเล็กน้อยด้วยทีท่าที่ต่างออกไปจากเดิม จากนั้นก็ตอบสั้นๆ

    รอที่นี่ อีกครึ่งชั่วโมงจะกลับมา

    ฉันเหลือบมองหน้าแหวนเล็กน้อย ใบหน้าสวยของเธอกำลังแสดงความไม่พอใจซึ่งถูกคนเป็นพี่ชายพูดจาขัดใจ แต่เธอไม่ได้หวีดเสียงร้องเหมือนกับนางร้ายในละครหรอก(ถึงลุ๊คของเธอจะให้ก็เถอะ) เทวินทร์เองก็เช่นกัน เขาไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นแต่เลือกที่จะดึงมือฉันเดินออกไปยังห้องนั่งเล่น หยิบกระเป๋าสะพายคู่ใจโยนคืนมาให้แล้วดึงตัวออกไปที่ประตูห้องด้วยท่าทีนิ่งๆ ไม่พูดอะไร

    จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เพียงการทะเลาะกันเล็กๆ ระหว่างพี่ชายกับน้องสาวหรอก ถึงฉันจะดูโง่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังพูดกันหรอกนะ และการที่แหวนถามฉันเรื่องท้องรวมไปถึงพูดเรื่องสมบัติอะไรนั่น อาจจะแปลความหมายได้ว่า ความจริงแล้วฐานะทางบ้านของผู้ชายคนนี้และเธอ คงจะไม่ธรรมดา

    วัดง่ายๆ อย่างแรกก็คงเป็นห้องที่กว้างแถมยังมีแต่เฟอร์นิเจอร์หรูราคาแพง และอย่างที่สองก็คือรถแข่งคันหรูสีแดงสดที่เขามักใช้ขับเป็นประจำ

    ตลอดเวลาที่เทวินทร์พาฉันออกมาจากห้องจนกระทั่งขึ้นรถและขับพาฉันไปส่งบ้าน เขาไม่ได้พูดหรือแสดงทีท่ายียวน พูดจากวนประสาทฉันเหมือนทุกทีออกมาให้เห็น ฉันลอบมองเขาอยู่บ่อยครั้งจากที่นั่งของคนขับ และต้องพบกับสีหน้าเครียดตึงของเขาขณะขับรถอยู่ตลอดเวลา พอเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปแบบนั้นแล้ว ฉันก็อดไม่ได้ที่จะเผือก

    นายกับน้องสาวดูรักกันดีเนาะ” สาบานเลยว่านั่นไม่ใช่คำพูดประชดประชัน

    เห็นเป็นแบบนั้นเหรอ?” ถึงแม้ว่าเขาจะดูเครียดๆ ลงไปบ้างก็ตาม แต่เทวินทร์ก็ยังยินดีที่จะพูดตอบฉันด้วยน้ำเสียงแบบเคยๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มยียวนตามประสา

    ใช่ จะมีพี่น้องสักกี่คนที่กล้าซัดหน้ากันกระจายคาห้องพักแบบนั้น ฮ่าๆ ฉันนี่อึ้งไปเลย” สาบานรอบที่สองว่านี่ก็ไม่ใช่คำพูดจาประชดประชัน

    ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้นหรอก” คราวนี้น้ำเสียงของเทวินทร์เริ่มเปลี่ยนไป “ยัยนั่นก็แค่หงุดหงิดหรือไม่คงรำคาญเสียงบ่นของคนที่บ้าน จนไม่ไหวต้องมาหาที่ห้อง…”

    คำพูดที่เหมือนรู้นิสัยน้องสาวตัวเองเป็นอย่างดี ทำฉันเม้มปากลงเล็กน้อย เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ อีกอย่าง ฉันเองก็เป็นแค่คนนอก จะให้พูดเผือกอะไรมากไปกว่านี้มันก็คงไม่ใช่เรื่อง

    เธอเคยเบื่ออะไรๆ ที่มันอยู่ในกรอบบ้างไหม?” แล้วมันก็เป็นเทวินทร์เองนั่นแหละที่พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบออกมาเอง “เบื่อจนอยากออกมาทำอะไรๆ คนเดียว อยู่คนเดียว ทำในสิ่งที่เธอชอบแค่คนเดียว…”

    พอได้ฟังเทวินทร์ถามแบบนั้น เสียงบ่นของแม่ตอนสมัยที่ฉันยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายก็ดังขึ้น ซึ่งคำพูดและเสียงบ่นของแม่ในช่วงเวลานั้น มันก็คงไม่พ้นกับเรื่องความคลั่งไคล้ศิลปินที่ตัวเองชอบ

    เคยสิ” ฉันตอบยิ้มๆ เมื่อในหัวเริ่มนึกถึงเรื่องของตัวเอง พอได้พูดปากมันก็เริ่มขยับไปเองไม่หยุด “ฉันเป็นพวกคลั่งไคล้ศิลปิน โดนเรียกว่าติ่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ คนที่บ้านไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ฉันต้องเสียเงินเยอะๆ เพื่อซื้อบัตรคอนเสิร์ต อลบั้มเพลง อลบั้มภาพหรือของสะสม พวกเขาบอกว่ามันไร้สาระและเสียเงินเปล่า…”

    “…”

    แต่สิ่งที่พวกเขาบอกว่าไร้สาระน่ะ มันคือความสุขของฉันเลยนะเพราะแบบนั้นฉันก็เลยตัดสินใจย้ายออกมาอยู่บ้านพักคนเดียว(ถ้าได้อยู่คนเดียวจริงๆ มันก็คงดีน่ะนะ)” ฉันยิ้มให้กับตัวเอง เมื่อนึกได้ว่านับตั้งแต่ช่วงเวลานั้น ฉันผ่านช่วงเวลาและข้อครหาของพวกผู้ใหญ่มายังไง

    ตอนแรกฉันไม่ชอบเลย การที่ถูกสังคมเรียกคำแทนตัวว่าติ่งน่ะ ฟังแล้วมันก็ให้ความรู้สึกแปลกๆนะ แต่พอนานๆ ไป ฉันก็รู้สึกว่าการเป็นติ่งมันก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย พวกเราก็แค่เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่รักและชื่นชอบ อยากสนับสนุนศิลปินที่ตัวเองชอบเท่านั้นเอง…”

    “…”

    แล้วนายรู้ไหม มันพีคที่สุดตรงไหน?”

    ตรง?”

    ก็ตรงที่ความเป็นติ่งของเรา มันทำให้คนที่เราชื่นชอบประสบความสำเร็จก้าวไกลได้มากกว่าใครๆ ยังไงล่ะ… นั่นแหละ แค่นั้นมันก็คือความสุขที่สุดของติ่งแบบพวกเรา

    ฉันขยับยิ้มเล็กน้อยให้กับสิ่งที่เพิ่งพูดออกไป และเมื่อลองมองย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา กับการเห็นภาพของวง SWAG ขึ้นงานต่างๆ เพื่อรับรางวัล พอคิดแบบนั้นฉันก็ยิ้มอดยิ้มไม่ได้

    แล้วนายล่ะ ที่ถามแบบนี้ก็เพราะว่านายเองก็มีความรู้สึกอะไรแบบนี้ใช่ไหม?”

    มั้ง” เขาตอบสั้นๆ

    เรื่องนั้นคืออะไรเหรอ?” สุดท้ายความขี้เผือกของฉันก็บังเกิด เมื่อปากพลั้งถามเขาออกไปแบบไม่เกรงใจ ถ้าจะบอกว่าไม่หวังจะได้คำตอบในสิ่งที่อยากรู้เลยมันก็คงเป็นเรื่องโกหก แต่กลับกันถ้าเขาไม่คิดตอบอะไรกลับมา ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แต่

    เบื่อกรอบที่ผู้ใหญ่สร้าง” คำตอบสั้นของเทวินทร์ ทำฉันเหลือบมองใบหน้าด้านข้างเขาเล็กน้อย สายตาที่มั่นคงและแน่วแน่กำลังมองผ่านกระจกหน้ารถ ด้วยท่าทีที่ตั้งใจ ต่างจากปากที่เริ่มขยับพูด “บ้านฉันทำธุรกิจ พ่อกับแม่เลยชี้เส้นทางให้ต้องเดินตามอยู่ตลอดเวลาตามคำสั่งสอนของพวกผู้ใหญ่ในสังคม ตลอดทั้งชีวิต ฉันไม่เคยได้เลือกเรียนเองหรอก มีก็แค่ช่วงมหาวิทยาลัยเท่านั้นแหละ…”

    เขายังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่งั้นเหรอ?

    พวกท่านอยากให้เรียนบริหาร แต่ฉันเลือกที่จะเรียนนิเทศน์ฯ

    ทำไมอ่ะ นายอยากเป็นนักแสดงเหรอ?” ฉันแย้งอย่างนึกสงสัย

    ไม่ใช่” ส่วนเทวินทร์ก็ยังตอบสั้นๆ ด้วยคำพูดห้วนๆ ที่เขากล่าวออกมา มันก็เลยเป็นอีกครั้งที่เขาทำฉันพูดไม่ออก “ฉันอยากเป็นนักแข่งรถแต่พวกผู้ใหญ่มองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ

    “…”

    การได้นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ บนสนามแข่งมันคือเรื่องที่เจ๋งสุดๆ แล้ว แต่นั่นน่ะไม่ใช่จุดที่พีคสุดๆ หรอกนะ… เพราะไอ้เรื่องที่พีคที่สุดก็คือ การที่รถของเราขับเข้าสู่เส้นชัยเป็นคนแรก โดยมีเราเป็นคนขับนั่นแหละ…”

    สีหน้าตอนพูดของเทวินทร์ในคราวที่กำลังพูดถึงเรื่องการแข่งรถตอนนี้ เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข ต่างจากสีหน้าเครียดตึงในตอนแรกลิบลับ ดูๆ ไปแล้วเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากฉันนัก ที่ไม่เหมือนกันก็คงเป็นความชื่นชอบและเป้าหมายที่ต่างกัน

    เพราะว่าชอบและรักมาก ฉันจึงผลันตัวมาเป็นหัวหน้าบ้านแฟนไซต์ และแฟนเบส ติดตามและคอยบอกเล่าข่าวสารต่างๆ พยายามตั้งใจเรียนภาษาเพื่อที่จะแปลสิ่งต่างๆ จากทางฝั่งของต่างประเทศ เพื่อให้คนที่ชื่นชอบและมีความคิดคล้ายกันรับรู้ความเคลื่อนไหวของศิลปินที่ตัวเองรัก

    ขอบใจนะยัยเต้าหู้ ที่ชวนคุยช่วยให้อารมณ์ดีได้เยอะเลย” เสียงทะเล้นแบบเก่าของเทวินทร์ซึ่งฟังดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว ทำฉันเหลือบมองหน้าคนพูดอีกครั้งพร้อมด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนจะพบว่าเขาในตอนนี้กำลังหันมามองฉันอยู่เช่นกัน

    ไฟสีแดงของสัญญาณจราจรตรงหน้ารวมไปถึงไฟหน้าของรถคันอื่นซึ่งสอดผ่านเข้ามาภายในรถ ทำให้เห็นใบหน้าหล่อทะเล้นของผู้ชายบนเบาะคนขับชัดเจนมากขึ้น แววตาของเทวินทร์ที่มองฉันในตอนนี้ดูใจดี แถมรอยยิ้มบนหน้าเขาเองก็เช่นกัน เพียงแค่เห็นเท่านั้น บรรยากาศภายในรถก็เริ่มเปลี่ยนไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม

    รู้ป่ะ ตอนแรกฉันเฟลแค่ไหนที่ถูกน้องสาวอัดต่อหน้าเธอ? ไหนจะเรื่องที่ยัยนั่นว่าฉันเกี่ยวกับเรื่องที่บ้านอีก...” ฉันสะอึกเล็กน้อย เมื่อจู่ๆ คำพูดคำจาของเทวินทร์เปลี่ยนไปจากเรื่องที่คุยกันอยู่ในตอนแรกเป็นอีกเรื่องซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือคล้ายคลึงกันเลยสักนิด ท่าทีของเขาเองก็เช่นกัน โดยเฉพาะคำพูดประโยคถัดมา “แต่พอได้คุยกับเธอแบบนี้แล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะ ไม่คิดเลยว่าเคมีเราจะเข้ากันได้ขนาดนี้

    หัวใจฉันมันเริ่มเต้นแรงอีกแล้ว พอได้เห็นรอยยิ้มกว้างๆ บอกอารมณ์แบบนั้นของเขาโดยเฉพาะกับประโยคยืดยาวช่วงท้าย

    “ฉันอยากรู้สึกดีแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าขอให้เธอทำ เธอจะทำให้ไหม?

    นายมีสิทธิ์ไรมาสั่งชาวบ้านเขา?” ฉันย้อนคำพูดเพ้อฝันอย่างเผด็จการกลับไปอย่างไม่ต้องคิดหลังสิ้นเสียง

    ไม่มีเขาตอบ ที่จะพูดจริงๆก็คือ ถ้าเธอยังไม่มีแฟน ฉันก็อยากจีบสิ้นเสียงของเทวินทร์ มันก็ดันเป็นฉันเองที่ต้องตัวแข็งทื่อ เมื่อคนตัวใหญ่ทำท่าโน้มหน้าเข้ามาใกล้ จนเผลอผละตัวถอยชิดไปกับประตูเพื่อหลบเลี่ยงการถูกจู่โจม

    ตึก ตัก… ตึก ตัก

    จีบได้ไหม…” ซึ่งการหลบหนีภายในพื้นที่แคบก็ดูไม่ได้ช่วยให้คนตัวใหญ่หยุดเอนกายเข้ามาหาได้เลย อีกทั้งเขายังใช้สายมองมาจ้องราวกับรอคำตอบ และเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เทวินทร์ก็เริ่มใช้คำพูดกดดัน แสนเอาแต่ใจเออ ออเองอยู่ฝ่ายเดียว

    ไม่ตอบ...ถือว่าตกลงนะ

    มือฉันมันเย็นไปหมด เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งมีเขานี่แหละที่เป็นผู้ชายคนแรกที่เอ่ยปากขอจีบอะไรแบบนี้  ไหนจะนัยน์ตาคมคู่นั้นที่จ้องมองมาแบบไม่วางตา บ่งบอกความรู้สึกที่เขามี ขณะเอี้ยวตัวเข้ามาใกล้จนฉันหมดทางหนีจำต้องเบียดตัวแนบเข้าติดกับประตูรถ

    เพราะหลบก็แล้ว ปฏิเสธการเข้าหาก็แล้ว แต่เทวินทร์ก็ดูจะไม่หยุดเคลื่อนกายเข้ามาหา มิหนำซ้ำเขายังปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกเพื่อกระทำตามใจตัวให้ได้มากกว่าที่เคย เพราะงั้นปากจึงรีบพลั้งถามกึ่งปรามออกไปแบบไม่ต้องคิด

    จะ จะขยับเข้ามาทำไมเล่า ถอยไปนะ!”

    ถ้าบอกว่า ตอนนี้โคตรอยากจูบเธอเลย…”

    ตึก ตัก… ตึก ตัก

    จะยอมให้จูบป่ะ?

    คำถามจากปากของเทวินทร์ซึ่งอยู่ในระยะประชิด ทำฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก ทั่วหน้ามันร้อนวูบวาบไปหมด กว่าจะตั้งสติเพื่อให้คำตอบเขาได้ ฝ่ามือหนาของคนตัวใหญ่ก็กระแทกเข้าใส่กับบานกระจกโดยทิ้งระยะห่างระหว่างเราไว้เพียงนิดหน่อย

    ตึง!!

    เฮือก!” เขาเป็นคนเอาแต่ใจสมกับเป็นลูกชายของครอบครัวที่มีฐานะเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกจนถึงวินาทีนี้ไม่เปลี่ยน การที่เขาเทวินทร์ยังคงโน้มใบหน้าเข้ามายิ่งเป็นตัวบอกชัดว่า ต่อให้ฉันเบือนหน้าหลบหรือปฏิเสธความต้องการอีกฝ่ายเท่าไหร่ เขาก็คงไม่คิดจะหยุดอยู่ดี

    ทั้งที่รู้แต่จิตใต้สำนึกและความเขินอายที่เขาเอาแต่รุกหนักไม่หยุดมาตั้งแต่ต้นมันก็ยังส่งผลให้ฉันต้องเบือนหน้าหลบการจู่โจมดังกล่าวอยู่ดี และใช่ เขาก็ยังเป็นฝ่ายยืนกรานความต้องการของตัวเองให้เห็นโดยการใช้มือข้างที่เหลือบีบปลายคางบังคับให้หันไปสบสายตากับเขาตรงๆ

    ยิ่งเขาบังคับและทำเช่นนั้น อัตราการเต้นในอกก็ยิ่งรุนแรงขึ้น มือทั้งสองข้างเองก็เย็นเฉียบทั้งที่แอร์ในรถก็ไม่ได้เย็นอะไรนักหนาเมื่อถูกกักขังอยู่บนที่นั่งข้างคนขับแบบนี้ ความรู้สึกมันต่างจากการเห็นอปป้าที่หน้าเวทีคอนเสิร์ตลิบลับ ทว่า วินาทีที่ริมฝีปากอุ่นเลื่อนเข้ามาจนเสียดสีกับผิวปากนั้นเอง

    ปี๊นนนปี๊นนนนน!

    เฮือก!” เสียงบีบแตรที่ดังลั่นจากรถคันหลังทำทั้งฉันและเทวินทร์รีบผละใบหน้าออกจากกันอย่างร้อนรน ก่อนจะพบว่าสัญญาณไฟจารจรตรงหน้าได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวไปแล้ว

    เวรเอ้ย!” เสียงสบถฉุนเฉียวอย่างคนขัดใจ ทำฉันแอบลอบมองผู้ชายอีกคนบนเบาะคนขับด้วยหน้าที่ร้อนจัดก่อนพบว่าเทวินทร์ไม่ได้มองฉันแต่เลือกที่จะหยุดจอดรถของตัวเองขวางการจารจรอยู่แบบนั้น ปล่อยให้รถคันอื่นขับผ่านรถของเราไปแบบไม่สนใจ ท่ามกลางเสียงบีบแตรไล่จากรถคันหลัง

    ความปากไวและความขี้สงสัยในตัวจึงทำให้พลั้งปากถามออไปอย่างลืมตัวด้วยเสียงติดๆขัดๆ

    ทะ ทำไมไม่ขับรถออกไปล่ะ?

    ฟึ่บ!

    เทวินทร์ไม่ได้สนใจคำถามของฉันเลยสักนิด แต่เขาเลือกที่จะเปิดประตูออกไปแบบดื้อๆ จากนั้นก็ตะโกนดังลั่นถนน ซึ่งเต็มไปด้วยรถรามากมายว่า

    จะบีบแตรทำไมวะไม่เห็นเหรอว่าคนเขาจะจูบกัน!!”

    ว๊อดดดดดดดดดด ={}=

    ปี้นนน ปี้นนนนน!

    จะบีบแตรทำซากอะไร พูดภาษาคนไม่เข้าใจหรือไง!!!” เขายังไม่ยอมหยุดโวยวายด้านนอกรถ ที่สำคัญเขาดูจะหงุดหงิดและใส่อารมณ์เป็นอย่างมากเมื่อรถคันหลังยังคงบีบแตรไม่ยอมหยุด

    เฮ้ย!”

    เทวินทร์!” เมื่อเห็นท่าไม่ดี ฉันจึงพยายามตะโกนเรียกเขาจากด้านในรถพร้อมทั้งกวักไม้กวักมือเรียกไปด้วยอย่างร้อนใจ ขืนปล่อยให้หมอนี่โวยวาย จอดรถขวางการจารจรแบบนี้ มีหวังตำรวจได้เข้ามาลากเราทั้งคู่ไปโรงพักแน่ๆ แถมตอนนี้ที่ด้านนอกรถยังดังงสนั่นไปด้วยเสียงบีบแตรไม่หยุด

    จะบีบแตรหาพระแสงอะไร!? ลงมาต่อยกันเลยมา!” นอกเขาไม่สนใจเสียงเรียกของฉันแล้ว แถมยังทำท่าจะจะเดินไปท้าตีท้าต่อยกับรถคันหลังที่บีบแตรอีก

                   อะไรของเขาวะเนี่ย!

    เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่นอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งฉันยังเป็นคนเดียวที่โดยสารมากับคนขับรถนิสัยอันธพาลอย่างเขาด้วย ทางเลือกสุดท้ายคือตัดสินใจเปิดประตูลงจากรถ แม้จะรู้สึกอับอายกับสิ่งที่ผู้ชายคนนี้กำลังทำบนท้องถนนก็ตามที

    อย่างน้อยถ้าฉันสามารถทำให้เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นวุ่นวายไปมากกว่านี้ แม้อายแค่ไหนฉันก็คงต้องทำนั่นแหละ!

    นี่ ขึ้นรถเถอะ!” ฉันรีบตรงเข้าไปดึงแขนเทวินทร์ซึ่งกำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงทำท่าทางนักเลงอยู่บนถนนแบบไม่ลังเล โดยที่ปากก็พยายามพูดเร่งไปด้วย วินทร์ ขึ้นรถอายเขา!”

    ถอยไปเต้าหู้ คนกำลังหงุดหงิด!” ดูจากท่าทางและน้ำเสียงที่เทวินทร์หันมาตะคอกเสียงใส่ฉันแล้ว มันแปลได้ตามอย่างที่เขาพูดออกมาจริงๆ นั่นแหละ

    เลิกหงุดหงิดได้แล้ว ขึ้นรถเหอะ!” แต่ฉันก็ยังดึงดันที่จะดึงเขากลับขึ้นรถต่อไป เพราะสถานการณ์ตอนนี้ชักจะเริ่มไม่ค่อยดีแล้ว ไหนจะเสียงแตร ไหนจะจารจรที่เริ่มติดขัดเพราะรถเพียงแค่คันเดียวหน้าสี่แยก ไหนจะคนขับรถคันหลังที่ทำท่าเหมือนจะเปิดประตูลงมา

    โอ๊ยยยยย นี่มันวันบ้าอะไรเนี่ย!

    ขึ้นรถ เร็วๆ!” ฉันเริ่มทำเสียงดุพลางฉุดกระชากแขนคนตัวใหญ่ให้กลับไปขึ้นรถไม่หยุด ทว่า เทวินทร์กลับเลือกที่จะสะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดออกจากมือฉัน พร้อมทั้งตะคอกเสียงดัง จนชักไม่แน่ใจว่าตอนนี้ไอ้ที่เขากำลังเหวี่ยงอยู่ มันเป็นเพราะฉันหรือเพราะคนขับรถคันหลังกันแน่

    บอกว่าหงุดหงิดไง เธอกลับขึ้นไปนั่งในรถเลยไป!” พูดดีก็แล้ว ใจเย็นด้วยก็แล้ว แต่หมอนี่ก็ยังแสดงความเอาแต่ใจออกมาให้เห็น จนฉันชักเริ่มจะทนไม่ไหว จำต้องต่อว่าเขากลับไปด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน

    เป็นบ้าอะไรของนาย ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไง ทำตัวเหมือนเด็กไปได้!”

    เธอนั่นแหละเป็นบ้าอะไร เสียงดังทำไม!”

    นายนั่นแหละ พูดภาษาคนไม่เข้าใจหรือไง บอกให้ขึ้นรถ!”

    จะขึ้นได้ไงละวะ ก็ไอ้เวรคันหลังมันบีบแตร ฉันเลยชวดจูบเธอเนี่ย!” 

    To Be Continued...
    โมโหเลยเนี่ยๆๆๆ บีบแตรทำไมฮะ!
    ปล.เนื้อหายาวไป ไปต่อกันชาร์ปหน้า

    ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%

    1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย

    ติดแท็กในทวิต 

    #ชีวิตติ่งยิ่งกว่าเจ็บ #ติ่งแฟนวินทร์

    แก๊งลูกเทพ¼ 
     จิ้มซะจะได้ไม่เป็นธุระของพ่อกับแม่! 

        




    ll Character ll






    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้จิ้มเน้นๆที่หน้าเทวินทร์!

    ^
     รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน 
     ส่งฟีดแบ็กทางทวิต เพจ คอมเม้น
     หรือโหวตข้างล่างเต็ม100นะเออ 
    v
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×