คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Race04 ll ความเจ็บของติ่งครั้งที่4 {อัพ100%} พรหมลิขิตของติ่ง
วะ วอร์อปป้า...
เพราะมนุษย์ทุกคนไม่ได้โชคดีบ่อยๆ หากมีโอกาสได้ใช้ความโชคดี
ฉันก็อยากจะใช้มันให้เต็มที่ เพราะแบบนั้นเท้าที่ตอนแรกพยายามมุ่งตรงเพื่อหาทางออกกลับลำโดยฉับพลัน
หัวใจที่ได้พักการรัวจังหวะถี่ๆ เริ่มกลับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้ง
เมื่อจิตใต้สำนึกสั่งให้ตัดสินใจก้าวเท้าพุ่งไปยังคนละทิศละทางกับจุดหมายแรกที่จะไป
ทั้งที่มันเป็นครั้งที่สองของคืนนี้แล้วแท้ๆ ที่จะได้มีโอกาสเจอวอร์อปป้าใกล้
แต่ไม่ว่าอย่างไร
ความชอบและความรักที่มีให้มันก็ไม่อาจทำให้ฉันสามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกให้กลับมาเป็นปกติได้เลย
“พรุ่งนี้หนูจะไปงานแฟนไซน์นะคะอปป้า~” เสียงของเด็กวัยรุ่นกลุ่มเล็กซึ่งดูแต่งตัวแตกต่างจากวัยรุ่นคนอื่น
ยิ่งพาให้ใจฉันสั่นผิดจังหวะ
โดยเฉพาะเมื่อเสียงเข้มของชายตัวสูงดูมีออร่าดังตอบโต้พวกเธอกลับมา
“ครับ งั้นพรุ่งนี้เราเจอกันที่งานนะ”
กึก...
ฉันเหมือนคนหายใจติดขัด
เมื่อเท้าก้าวมาหยุดอยู่เบื้องหลังกลุ่มเด็กวัยรุ่นซึ่งคาดว่าน่าจะมีความชอบเดียวกัน สายตามองจ้องไปยังผู้ชายตรงหน้า รู้ไหม
ฉันมีคำพูดมากมายอยากจะบอกเขา อยากลองทักเขาบ้างเหมือนแฟนคลับคนอื่นๆ
แต่เพียงแค่ได้เข้าใกล้แค่สองเอื้อมแขน คำพูดที่มีมันก็คล้ายกับจะหายไปหมด
จนกระทั่ง...
“อ้าว เธอ...” คนที่ฉันอยากคุยด้วยมากที่สุดเป็นฝ่ายเอ่ยทักออกมาเอง
“ใช่คนที่เอาน้ำมาให้พี่หรือเปล่าคะ?”
“คะ คะ ค่ะ!” บ้าจริง!
แค่คำสั้นๆ คำเดียวยังพูดยากลำบากขนาดนี้
“ขอโทษนะ พี่ไม่ได้กินเลยสักอึก พอดีมันหกหมดเลย” ทั้งที่เรื่องแบบนั้นไม่จำเป็นต้องบอกกันด้วยซ้ำ
แต่เขาก็ยังพูดราวกับแคร์ความรู้สึกของคนให้ “ไม่โกรธกันนะ”
ความน่ารักและดูใจดีของวอร์อปป้าไม่ได้มีเพียงแค่ในจอโทรทัศน์ จอยูทูป บนปกอลบั้ม
หรือบนภาพโปสเตอร์เท่านั้น ไม่ว่าในที่ที่มองเห็นไกลๆ จะเป็นอย่างไร
พอได้อยู่ใกล้เขาก็เป็นแบบนั้น
“ใช่หรือเปล่าอ่ะแก...”
“ไม่รู้สิ แกลองถามดู...” เสียงซุบซิบของกลุ่มวัยรุ่นซึ่งดูท่านะจะอายุพอๆ
กันซึ่งยืนพูดคุยกับวอร์อปป้าก่อนหน้า ทำฉันเหลือบมองด้วยความสงสัย
และต้องพบเข้ากับรอยยิ้มทักทายจากตัวแทนของเด็กกลุ่มนั้นพร้อมคำทักทาย
“ขอโทษนะคะ...พี่ใช่ขุ่นแม่กาละแมร์หรือเปล่าคะ?”
“คะ...ค่ะใช่” สิ้นเสียงตอบดูเหมือนว่าพวกเธอทั้งหมดดูจะชอบใจถึงได้หวีดเสียงแสดงท่าทางดีอกดีใจออกมาแบบนั้น
“หนูชอบมากเลยค่ะ หนูตามทุกข้อความที่พี่คอยแปลข่าวตลอดเลย”
“ระ เหรอคะ...ขอบคุณนะคะ” ปกติเคยแต่ตามกรี๊ดคนอื่น
แต่พอมีคนแสดงท่าทางดีอกดีใจใส่แบบนี้มันก็เขินๆ อยู่เหมือนกันนะ
“อะไรกันๆ ไหงความสนใจของพวกเราถึงกลายมาเป็นผู้หญิงคนนี้ได้ล่ะ?” เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้งเมื่อวอร์อปป้าซึ่งเคยตกเป็นจุดสนใจกลายเป็นคนที่ถูกติ่งด้วยกันเมินไปชั่วขณะ
แต่การทักท้วงของเขาก็แทนทำฉันลมจับในวินาทีนั้นเหมือนกัน เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากถามคำถามของตัวเอง
“ผู้หญิงคนนี้เขาเป็นใครเหรอครับ?” ซึ่งถ้าเขาแค่ถามเฉยๆ
ฉันก็คงไม่รู้สึกอะไร หากแต่ไม่ใช่ในตอนนี้
ตอนที่วอร์อปป้ากำลังวางมือของตัวเองลงบนไหล่ฉัน!!
“ขุ่นแม่กาละแมร์ค่ะอปป้า”
“หืม...ขุ่นแม่เหรอครับ?”
“ค่ะ
พี่กาละแมร์เป็นเหมือนกูรูของวง SWAG เลยนะคะอปป้า
พี่เขาคอยตามข่าวและแปลให้แฟนคลับคนอื่นๆ ได้รู้แบบวิต่อวิเลยค่ะ พวกหนูแล้วก็แฟนคลับส่วนใหญ่ตามข่าวของอปป้าจากพี่เขานี่แหละ”
หูฉันได้ยินสิ่งที่น้องแฟนคลับตรงหน้าให้คำตอบวอร์อปป้า
แต่ใจมันดันไม่ได้โฟกัสเรื่องนั้นเลยสัด
ถ้ามืออปป้ายังวางอยู่บนไหล่ในระยะใกล้ขนาดนี้ ฉันไม่สามารถสนใจอย่างอื่นได้จริงๆ
โดยเฉพาะในตอนที่กลั้นใจเหลือบมองหน้าเจ้าของฝ่ามือดังกล่าวแล้วพบว่าเขากำลังมองฉันกลับมาในระยะที่ใกล้พอกัน
“น้องกาละแมร์...เนี่ยน่ารักจัง”
แถมยังชมพานให้หัวใจรัวแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก “ขอบคุณนะคะที่คอยติดตามผลงานวงพวกพี่ตลอดเลย”
ขอยาดมหน่อยค่ะ!!!
“ไหนๆ ก็ได้เจอวอร์อปป้ากับพี่กาละแมร์แล้ว
ถ้ายังไงพวกหนูขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ?” เพราะกลัวว่าจะตัวเองจะเป็นลมล้มพับไปเสียก่อน
ฉันจึงอาศัยจังหวะในตอนที่น้องๆ แฟนคลับพูดกับศิลปินที่ตัวเองรัก
พยายามกระเถิบตัวออกห่างจากอปป้านิดหน่อยแต่ว่า
“พี่กาละแมร์ไม่ถ่ายรูปคู่กับวอร์อปป้าเหรอคะ?”
คำถามที่ชวนให้ความรู้สึปั่นป่วนก็ดังขึ้นมาอีก “เมนพี่คือวอร์อปป้านี่คะ?”
“จริงเหรอ?” คำถามต่อมาไม่ใช่เสียงของน้องแฟนคลับหรอก หากแต่เป็นเสียงของวอร์อปป้าซึ่งฟังดูคล้ายกับแปลกใจและดีใจไปในคราวเดียวกัน
“คะ...ค่ะ” จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย
ได้แต่ตอบและแสดงทีท่าประหม่าขัดสุดใส่ศิลปินที่ชอบไม่หยุด
แต่ไม่ใช่กับมือที่ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือให้น้องๆ ตรงหน้าหรอกนะ
ก็แหม! โอกาสไงโอกาส ถ้าพลาดไปแล้วชาตินี้จะมีโอกาสได้ใกล้ขนาดนี้อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้!
วอร์อปป้าเองก็ยังคงความเฟรนลี่ไว้เสมอต้นเสมอปลาย
ทันทีที่น้องแฟนคลับรับมือถือไป เขาก็เริ่มขยับตัวเขามาเบียดชิดฉันอีกครั้ง พลางโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้ดูใกล้ชิดกับแฟนคลับของตัวเองมากขึ้น
รู้สึกได้ถึงฝ่ามืออุ่นของอีกฝ่ายวางทาบลงบนบ่าได้ชัดกว่าในครั้งแรก
เหมือนว่าเขากำลังโอบไหล่
โดยที่ระยะห่างระกว่างแก้มเราทั้งคู่ก็ใกล้กันเพียงแค่หันไปหา
ฉันเกร็งไปหมด
มันเหมือนกับความฝันที่มีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“อีกรูปนะคะ!”
ฟึ่บ!
“อะ...” ฉันทำตาโตเมื่อจู่ๆ วอร์อปป้าผู้แสนในดีกระชับวงแขนบนบ่าดึงฉันเข้าไปเบียดกับตัวเองอีกครั้งชนิดแก้มเบียดแก้ม
พลางชูสองนิ้ว ยิ้มสู้กล้อง
และถ้าหากนี่เป็นความฝัน
ฉันคงเป็นติ่งที่ฝันได้น่าอิจฉามากกว่าใคร...
“ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะคะพี่กาละแมร์
หนูจะคอยตามข่าวที่พี่รายงานนะ” แต่ไม่นานระยะว่าที่จะได้แอบอิงอปป้าเกินกว่าแฟนคลับหลายๆ
คนของฉันและกลุ่มน้องแฟนคลับก็จบลง
แต่ก็จบแล้วไม่ได้จบเลย...
“พวกหนูขอตัวก่อนคะ
พรุ่งนี้เจอกันที่งานนะคะอปป้า กาละแมร์”
“แล้วเจอกันนะครับ”
เมื่อน้องแฟนคลับกลุ่มเดินคล้อยหลังออกไป
วอร์อปป้าก็เริ่มหันมาชวนฉันคุยอีกครั้ง
“คอยตามข่าวสารวงแบบนี้
เหนื่อยหรือเปล่าคะ?” เขาพยายามใช้น้ำเสียงและแสดงออกต่อฉันอย่างเป็นกันเหมือนรู้ว่าฉันกำลังเกร็งและประม่ามากแค่ไหนที่ได้คุยกับเขาใกล้ๆ
แบบนี้
“ไม่หรอกค่ะ
ก็หนูชอบ...” มันคือการบอกรักที่ฉันอยากทำมากที่สุดเลยนะรู้ไหม
“ขอบคุณนะคะที่ชอบ”
และนี่คงเป็นคำพูดที่ฉันอยากฟังมากที่สุดพอๆ กับสิ่งที่อยากบอก “ฝากติดตามผลงานของ SWAG ต่อไปเรื่อยๆ ด้วยนะ”
“ยะ ยินดีเสมอค่ะ”
บรรยากาศระหว่างฉันกับวอร์อปป้าในยามนี้เหมือนว่ามีแค่เราสองคน
หูไม่ได้ยินคำพูดอื่นได้นอกจากคำขอบคุณ สายตาก็เช่นกัน
ที่เวลานี้สามารถมองหน้าศิลปินอันเป็นที่รักได้เพียงที่เดียว
แต่ไม่นานนักหรอก
บรรยากาศหวาดหยดระหว่างศิลปินและแฟนคลับที่ฉันใฝ่ฝันก็เป็นอันต้องสะดุดลง
เมื่อเวลาเดียวกันนั้น มีเสียงกระโชกโฮกฮากของใครคนหนึ่งดังแทรกขึ้น
“เฮ้ย!!” เสียงของชายคนดังกล่าวฟังคุ้นหู และมันทำให้ทั้งฉันและวอร์อปป้าต่างรีบหันไปยังต้นเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง
จนได้พบเข้ากับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งอีกคนซึ่งมีลักษณะการแต่งตัวเหมือนวอร์อปป้าทุกระเบียดนิ้ว
ต่างก็แค่สีเสื้อยืดด้านในที่ของวอร์อปป้าเป็นสีขาว แต่ของชายคนดังกล่าวเป็นสีดำ!
“ทะ เทวินทร์!”
ฉันหลุดสบถชื่อของผู้ชายคนนั้นออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่ออีกฝ่ายรีบจ้ำเท้าเดินตรงดิ่งแทรกผู้คนตรงมาทางเราทั้งคู่
“น้องกาละแมร์รู้จักไอ้วินทร์ด้วยเหรอ?”
ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไรวอร์อปป้ากลับไป
ความมือไวของเทวินทร์ก็พุ่งเข้ากระชากแขนฉันให้ถอยห่างจากวอร์อปป้าทันทีอย่างรวดเร็ว
เทวินทร์ไม่ได้มองหน้าฉัน
แต่สายตากำลังมองจ้องไปยังวอร์อปป้าแบบไม่ชอบใจ ส่วนปากก็ต่อว่าไปด้วย
“ใครใช้ให้เธอมาคุยกับไอ้ไม่หลอนี่!?”
เสียงฮือฮาดังขึ้นแทบจะวินาทีนั้นเมื่อคำถามของเทวินทร์สิ้นสุดลง
ปฏิกิริยาตอบโต้อัตโมติของฉันคือการกระตุกปากอย่างนึกหมั่นไส้หลังได้ยินคำต่อว่าดังกล่าว
กลับกันนั่นดันใช้ไม่ได้กับวอร์อปป้า
“ไม่เจอนาน
ยังเหมือนเดิมเลยนะน้องชาย” ซึ่งพูดเหมือนกับว่ารู้จักกับเทวินทร์มานาน
“ใครน้องมึง?”
ทั้งที่วอร์อปป้าพูดดีกับเขาแท้ๆ
แต่หมอนี่กลับใช้คำพูดคำจาวอนโดนตบให้ปากเบี้ยวไม่หยุด โดยเฉพาะคำถามต่อมา “กลับมาทำไม!?”
“มีงานต้องทำ
แล้วเป็นไงบ้างล่ะ ได้ข่าวว่ามีคนทาบทามให้ไปลงแข่ง Endurance ปีนี้เหรอ?”
“ยุ่งไรด้วย?”
“เด็กน้อยอย่างมึงจะทำได้เหรอวินทร์?”
ตอนแรกฉันก็ไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของวอร์อปป้ามากนักหรอก
แต่ยิ่งฟังฉันยิ่งรู้สึกได้ถึงความกดดันผ่านน้ำเสียงและคำพูดนิ่งๆ
ใจดีของเขามากขึ้นเรื่อยๆ “แข่งระดับโลก
ถ้ายังฝีมือกระจอกแบบนี้ จะเอาอะไรไปชนะประเทศอื่นเขาวะ?”
คนฟังกัดฟันกรอดหลังวอร์อปป้าพูดจบ
จนฉันรู้สึกถึงอาการสั่นจากร่างกายเขาได้ชัด
“อยากรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมา
ฝีมือไปถึงขั้นไหนเหมือนกัน...วันเสาร์มาลองแข่งกันสักแมชไหม?”
“มึงเอาเวลาที่จะแข่ง
เก็บไว้ร้องเพลงเถอะ!” ส่วนนั่นคือคำตอบของเทวินทร์
ด้วยบรรยากาศที่เริ่มเปลี่ยนไป
อีกทั้งตอนนี้การต่อปากต่อคำของคนทั้งคู่ก็เริ่มเป็นที่สนใจของคนรอบข้างมากขึ้น
ฉันที่ตอนนี้อยู่กึ่งกลางระหว่างคนทั้งคู่จึงเริ่มทำตัวไม่ถูก
เพราะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกมีที่มาที่ไปอย่างไร ฉันที่เป็นคนนอกจึงได้แค่ยืนมองเฉยๆ
ด้วยความเกร็ง
“เพราะพ่อกับแม่ตามใจมึงมากไงวินทร์
มึงเลยไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน...”
“...”
“เมื่อไหร่จะโตสักทีวะวินทร์”
ฟึ่บ!
เทวินทร์แสดงทีท่าตอบโต้กลับคำต่อว่าและคำถากถางทั้งด้วยการกระทำ
เขาไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่ใช้เพียงนิ้วกลางในการบอกทุกความรู้สึกแทนคำพูด
ก่อนเป็นฝ่ายหันหลังเดินหนีออกมาโดยไม่ลืมที่จะดึงฉันให้ตามออกไปด้วย
ฉันรับรู้ได้ว่าตอนนี้เทวินทร์กำลังหงุดหงิดอย่างสุด
วัดจากการย่างก้าวของฝีเท้าและมือที่บีบแขนฉันแน่นจนเริ่มรู้สึกปวด แถมยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จนเริ่มจะทนไม่ไหว
“นี่หยุดบีบได้ไหม
มันเจ็บ!”
“ลงโทษไง
ที่ไม่ยอมฟังคำสั่ง” เขาบอกเสียงเรียบหากแต่น้ำเสียงยังคงแสดงความเคืองจัดจากเหตุการณ์เมื่อครู่เอาไว้
อีกทั้งยังต่อว่าวอร์อปป้าต่อหน้าต่อหน้าทั้งที่รู้ว่าฉันบ้าคลั่งมากแค่ไหน “เนี่ยนะเหรอ คนที่เธอบอกชอบนักหนา ไม่เห็นจะมีอะไรดี!”
ฉันรักของฉันมาตั้งนานยังไม่เคยคิดจะว่าวอร์อปป้าด้วยถ้อยคำแรงๆ
สักครั้ง แล้วไอ้หมอนี่มันเป็นใคร!
“นายมีสิทธิ์อะไรว่าวอร์อปป้าแบบนั้นไม่ทราบ!”
“แล้วไง แถมซัดหน้าแม่งต่อหน้าเธอด้วยยังได้เลย”
เขาพูดใส่อารมณ์ ทั้งที่เท้ายังเร่งจ้ำไปตามทางตรงหน้า “แค่มันหน้าตาดีนิดหน่อย ปกป้องไม่ลืมหูลืมตา รู้แล้วว่าติ่ง
ไม่ต้องออกตัวแรงมากก็ได้!”
เวลานี้บอกเลยว่าคำประชดประชันของเขามันไม่ได้ช่วยให้ฉันหยุดปกป้องสิ่งที่ตัวเองรักลงได้เลย
เพราะกฎของติ่งอย่างฉันก็คือ ไม่ว่าอปป้าจะดีหรือเลวฉันก็จะรัก!
“หน้าตาดีไม่เท่าก็อย่าอิจฉาชาวบ้านเขาสิ!” สิ้นเสียงต่อว่า เทวินทร์ซึ่งในตอนแรกเอาแต่ดึงฉันจ้ำเท้ากลับไปที่รถก็หยุดเท้าลง
เขายอมปล่อยมือที่จับแขนฉันออกไปพร้อมทั้งเหลียวหลังมองกลับมาจากทางหางตา
“เออ ไม่หล่อ!” เขาตะคอกคำพูดประชดประชันอีกครั้งเสียงดัง พานให้วัยรุ่นรอบตัวเราหันมองมาด้วยความสงสัย
จากที่คิดว่าจะพูดแดกดันเขากลับไปเท่านั้นกลับกลายเป็นว่า คำพูดที่เขาตอบโต้กลับมาดันทำให้ฉันไปต่อไม่ถูก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เจ้าของเสียงตะคอกดังกล่าวหันกลับมาเผชิญหน้ากับฉันตรงๆ และใช้แววตาโกรธจัดจ้องมา
หมับ! ฟึ่บ!
เทวินทร์ไม่รอให้ฉันเตรียมเนื้อเตรียมใจ
พุ่งเข้าคว้าข้อมือฉันกระชากเข้าหาตัวอย่างแรงด้วยสีหน้าและท่าทางเอาเรื่อง
รับรู้ถึงความโกรธจัดที่เขามีหลังถูกต่อว่าได้มากกว่าเก่า
“จะ จะทำอะไร ปล่อยนะ!”
“จะทำให้หลาบจำ...”
เขาเค้นเสียงพูดนิ่งๆ
ราวกับพยายามกักกลั้นความโกรธจัดของตัวเองเอาไว้
และเริ่มแสดงการกระทำรุนแรงของตัวเองให้เห็นด้วยการบีบรั้งข้อมือฉันแน่นจนปวด
“หยุดนะ! ฉันเจ็บ!” เกิดมาจนอายุเท่านั้น
ฉันก็เพิ่งจะเจอเรื่องน่ากลัวแบบนี้นี่แหละ เพราะแบบนี้ไง
ฉันถึงไม่รู้สึกเสียดายหากต้องหลงรักคนในโปสเตอร์มากกว่าผู้ชายที่มีลมหายใจในชีวิตจริง
“ตั้งแต่วันนี้ไป ช่วยจำใส่สมองไว้ด้วยนะว่าเทวินทร์คนนี้...”
อีกหนที่เทวินทร์เอ่ยทวนคำพูดประชดประชันของฉันออกมา ก่อนทำเรื่องไม่คาดฝันด้วยการใช้มือเลิกชายเสื้อยืดของตัวเองขึ้นสูง
เผยให้เห็นหน้าท้องเรียงลูกสวยในแบบที่ผู้ชายพึ่งจะมี
ฟึ่บ!
“อ๊ะ!!” ซึ่งการกระทำเช่นนั้นมันก็ตามมาด้วยแรงกระชากมหาศาลที่อีกฝ่ายใช้บีบบังคับมือฉันให้กดนาบลงหน้าหน้าท้องของตัวเอง
จากนั้นก็พ่นคำประกาศิตออกมาอีกครั้งแบบไม่สนใจสายตาใคร
นอกจากหน้าฉันที่ตอนนี้เหวอไปหมด
“ถึงจะไม่หล่อจนสาวเหลียว
แต่ซิกแพกฉันมันทั้งแน่นทั้งเสียวจนสาวร้องนะบอกเลย!
“พะ พูดอะไร อะ...”
ฉันปรามเขาโดยพยายามบิดข้อมือให้หลุดให้เป็นอิสระจากสิ่งที่คนตัวใหญ่ตรงหน้ากำลังทำ
แต่แล้ว เทวินทร์ก็หยุดเสียงของฉันลงด้วยคำถามสั้นๆ
“เสียวไหมล่ะ?”
ไม่ใช่แค่ถามแต่เขายังออกแรงบีบบังคับลากปลายนิ้วทั้งห้าของฉันลากไล้ไปตามหน้าท้องของตัวเอง
ไล่ระดับสูงขึ้นจนเลยไปถึงแผ่นอกกว้าง โดยยังคงจ้องสายตามองมานิ่งๆ
ราวกับรอฟังคำตอบ
การกระทำบ้าๆ
ของเขา ไหนจะสายตาของคนรอบข้างที่มองอยู่ ทำฉันรู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งหน้า
ตลอดชีวิตลูกผู้หญิง ที่คือครั้งแรกที่มืออันบริสุทธิ์ของฉันมีโอกาสได้ลูบคลำ
ลูบไล้ร่างกายในระยะประชิดขนาดนี้!
“กลับ!” ทั้งที่ตอนแรกเทวินทร์เหมือนต้องการเค้นเอาคำตอบอยู่แท้ๆ แต่แล้วจู่ๆ
เขาก็เปลี่ยนใจ
ตัดสินใจผละมือฉันออกจากร่างกายได้รูปของตัวเองมาเป็นกระชากดึงกลับไปยังรถที่จอดไว้ อย่าว่าแต่ฉันเลยที่หน้าร้อนเพราะการกระทำวูบวามไร้ยางของเขา
เทวินทร์เองก็เหมือนกัน
เพราะถ้ามองไม่ผิด
ดูเหมือนช่วงที่เขาตัดสินใจออกคำสั่งนั้น
หน้าเขาก็เริ่มขึ้นสีระเรื่อด้วยเหมือนกัน…
เรื่องที่เขาทำต่อหน้าผู้คนมันพานให้เราทั้งคู่ไม่ยอมพูดกันแม้แต่วลีเดียว
หลังจากฉันถูกเขาพาตัวกลับมานั่งในรถของตัวเองได้เป็นผลสำเร็จอีกครั้ง
เขาไม่พูดหรือถามอะไร แต่เลือกที่ขับรถเลี้ยวออกจากสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจดังกล่าว
และใช้เพียงเสียงเพลงในรถเท่านั้นที่ทำให้บรรยากาศระหว่างเราไม่เงียบจนเกินไป
แต่ไม่นานนักหรอกบรรยากาศความเงียบภายในรถก็พังลง
ทันทีที่รถคันหรูเหยียบเข้าสู่พื้นที่ตัวเมือง เทวินทร์ก็เริ่มเอ่ยปากถามขึ้น
“บ้านเธออยู่ไหน?”
เขายังยืนกรานจะไปส่งฉัน ทั้งที่ปฏิเสธไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
“ซอยรื่นรมนิยมชมชอบ7”
เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ฉันจึงต้องบอกทางเขาไป
บอกแบบไม่ได้มองหน้าคนฟังหรอกนะ แล้วก็แค่นั้นระหว่างเราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก
สุดท้ายแล้วเมื่อพ้นคืนนี้ไปเราก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้า ไม่ต้องเจอ ไม่จำเป็น
ไม่รู้จัก
เสมือนว่าคืนนี้เป็นเพียงแค่ฝันร้ายที่ปะปนเข้ามากับฝันดีเท่านั้น...
คืนนั้นเทวินทร์ขับรถมาส่งฉันยังบ้านพัก
แต่ก็ไม่ใช่บ้านพักของฉันจริงๆ หรอก ฉันหลอกให้เขาจอดเยื่องห่างจากที่อยู่จริงๆ
ไปเกือบ 4 หลัง คนเพิ่งรู้จักใครจะไปกล้าให้ส่งหน้าบ้านของเราจริงล่พถูกไหม?
อย่างที่บอกเรารู้จักกันภายในคืนเดียวเพราะความผิดพลาดทางเทคนิกพิชิตร่างกายไม่สำเร็จ
ถึงจะรู้จักชื่อแต่ความรู้สึกระหว่างเราก็ยังเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอยู่ดี อีกอย่างผู้ชายเข้าใจอารมณ์ยากอย่างเขาน่ะ
ชาตินี้อย่าเจอกันอีกเลยยิ่งดี!
“หาวววว~”
“เมื่อคืนนอนไม่พอเหรอ?”
เสียงเรียบนิ่งแฝงด้วยความเยือกเย็นของกระถินเอ่ยขึ้น
เมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่อ้าปากหาววอดๆ ด้วยอาการง่วงหงาวหาวนอน
แน่นอนว่าฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้าหงึกหงักตอบกลับไป
“เมื่อคืน
ฉันนอนดึกไปหน่อย”
“แล้วทำไมไม่นอนต่อ
ปลุกฉันมาทำอะไรที่มหาวิทยาลัยแต่เช้าล่ะ?”
“ก็วันนี้มันเป็นวันสำคัญนี่...” ฉันบอกกระถินยิ้มๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูไม่มีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่ พูดง่ายๆก็
เพื่อนฉันคนนี้เป็นคนนิสัยค่อยช้างแปลก และเป็นพวกความรู้สึกไม่อยู่กับร่องกับรอยเดี๋ยวรู้สึกไวเดี๋ยวรู้สึกช้า
แต่ส่วนใหญ่เธอมักเชื่องช้าเหมือนพวกสล็อตมากกว่า...
“...” คนฟังนิ่งไป นั่นอาจแปลได้ว่าเธอกำลังคิดอยู่
ค่ะ! วันนี้มันคือวันสำคัญ เป็นวันเสาร์ของการพบเจอกลุ่มบุคคลที่ฉันคลั่งไคล้และหลงใหลมากที่สุดในชีวิต อย่างวง SWAG บัตร Staff ที่ทอร์ชให้มาเมื่อวันก่อนระบุวันเวลาสำหรับเข้างานตอน 11.40 น. เพราะแบบนั้นต่อให้จะง่วงมากแค่ไหนฉันก็ต้องแหกตาตื่นอยู่ดี
ปกติแล้วฉันมักจะไปนั่งรอต้อนรับศิลปินในดวงในที่หน้างาน
แต่ว่าวันนี้ฉันไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว เพราะสิทธิ์ของบัตรStaffแสนวิเศษในมือมันสามารถทำให้ฉันผ่านไปด้านหลังงานเพื่อพบกับอปป้าจากแดนกิมจิได้ในระยะใกล้ๆ
ที่อยู่ในหัวตอนนี้ก็คงมีความคิดเดียว
มันคือความคิดซึ่งเต็มไปด้วยความหวัง
หวังว่าวอร์อปป้าจะจำฉันได้แบบที่เขาทักเมื่อคืน...
“อ๋อ...” จู่ๆ กระถินก็ร้องลากเสียงออกมาเหมือนนึกอะไรออก
ฉันที่ปล่อยให้เธอคิดมาสักพักจึงหันไปทำตาวาวใส่
เพราะคิดว่าเธออาจจะรู้แล้วว่าวันนี้สำคัญกับฉันยังไง
แต่ก็เปล่า...
“ฉันนึกออกแล้วว่าจะไปเข้าห้องน้ำ...” เธอดันพูดในสิ่งที่ต่างออกไป “เธอเดินไปรอฉันที่ลานน้ำพุก็ได้
จะได้ไม่เสียเวลาคอย”
“ลานน้ำพุตรงสวนหย่อมหน้ามหา'ลัยน่ะเหรอ” ฉันถาม กระถินจึงพยักหน้า
“โอเค อย่าช้านักล่ะ” อีกหนที่เธอพยักหน้ารับคำ ก่อนค่อยๆลุกออกจากโต๊ะไป
อย่างเชื่องช้า =_=…
เพราะไม่มีทางเลือกใดนอกจากทำใจรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น
การปลีกตัวลุกออกจากโต๊ะม้าหินตามข้อตกลงของกระถินเลยเป็นสิ่งที่ฉันเลือกทำ
แม้ลึกๆจะรู้ว่าเพื่อนคนนี้จะเคลื่อนไหวและทำตัวเชื่องช้าเป็นเต่าคลานก็ตาม
ฉันใช้เวลาไม่ถึง
5 นาทีพาตัวเองมานั่งรอกระถินบริเวณลานน้ำพุทรงกลมขนาดใหญ่ โดยหยิบบัตรสต๊าฟที่ได้จากทอร์ชพร้อมด้วยของแจกแฟนด้อมเดียวกันขึ้นมาเชยชมฆ่าเวลา
อีกไม่กี่นาทีงานแฟนไซน์ก็กำลังจะเริ่มแล้ว
ถึงตอนนั้นวอร์อปป้ายังจะจำหน้าฉันได้อยู่หรือเปล่านะ
ฮึ้ยย
คิดแล้วก็อยากจะเร่งสปีดความไวใส่กระถินให้รู้แล้วรู้รอด ฮืออ
อยากเจอวอร์อปป้าใกล้ๆอีกสักครั้งจังเลย!
และมันก็เหมือนทุกที
เมื่อใดที่เริ่มคิดถึงอปป้าที่อยู่สุดเอื้อมมือ
ฉันก็มักจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาคุยกับแฟนคลับกลุ่มเดียวกัน
ด้วยการโพสข้อความถามไถ่เหล่าแฟนด้อมเรื่องงานไซน์ที่จะจัดขึ้นในวันนี้
ขุ่นแม่กาละแมร์ :: วันนี้มีใครมางานไซน์บ้างคะ
เรามีของแจกหน้างานนะ
เพียงโพสถามไม่นาน
เหล่าสมาคมติ่งแฟนด้อมเดียวกันต่างก็พากันมาตอบข้อความกันอย่างล้นหลาม
วอร์ฮยองแฟนลี้จึน
:: หนูค่าขุ่นแม่
แล้วเจอกันนะคะ
ตาหนูอุนมยองของบ่าว
::
หนูมีทุเรียนทอดไปแจก เดี๋ยวรามาแลกกันนะคะขุ่นแม่
หลัวหนูชื่อลี้ลี้
:: แล้วเจอกันค่าา!
หลายสิบข้อความจากแฟนคลับด้อมเดียวกันทำฉันหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ยามต้องมานั่งไล่อ่าน
และเชื่อไหมฉันไม่เคยรู้สึกเบื่อกับการอ่านข้อความของกลุ่มนี้เลยสักครั้ง
แต่ไม่นานนักความเงียบสงบบริเวณลานน้ำพุก็ถูกทำลายลง
เมื่อวินาทีนั้นมีเสียงของเครื่องยนต์คันแรงขับเลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณใกล้ๆ เรียกความสนใจจากสายตาฉันให้หันมองได้โดยอัตโนมัติ
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือรถคันหรูถูกแต่งเครื่องให้ดูสวยและแรงตามสไตล์ของคนที่ชอบความเร็ว
อาจเพราะฉันได้มีโอกาสเผชิญโลกคนคนจำพวกนั้นมาล่ะมั้ง
เพียงแค่มองถึงได้ดูออกได้โดยไม่ยาก
กึก! ตึง!
แต่แล้วชื่นชมความสวยและความดูดีของรถราคาแพงตรงหน้าได้ไม่ทันเท่าไหร่
ฉันก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อเจ้าของรถปรากฏกายขึ้นในระยะห่างเพียงหนึ่งเมตร
ร่างกายตอบรับกับร่างชายหนุ่มที่ปรากฏตรงหน้าด้วยการกระโดดหมอบลงบริเวณแท่นกั้นของลานน้ำพุเพื่อซ่อนตัวอย่างไม่ต้องสงสัย
ทำไมน่ะเหรอ?
ก็เพราะไอ้ผู้ชายคนที่ลงจากรถคันนั้นมันคือคนคนเดียวกับที่เกือบพาฉันไปตายมาตลอดทั้งคืนน่ะสิ!
ตึก... ตึก...
ตึก...
ไม่รู้ว่าเวรซ้ำกรรมซัดอะไร
ทั้งที่ตั้งใจหลบให้พ้นจากสายา
แต่ว่าเสิ่งที่ตามมามันดันเป็นเสียงฝีเท้าของใครสักคนที่เดินเข้ามาใกล้ตรงจุดที่ฉันยืนอยู่
แต่ไม่นานหรอกเสียงเดินดังกล่าวก็เงียบไป
“ฮัลโหลครับ...อ๋อพ่อเหรอ?
วินทร์ไม่ไปอ่ะ ลำไย” แต่เปลี่ยนเป็นเสียงพูดคุยโทรศัพท์ในระยะที่ใกล้แทน
ฉันค่อยๆ
เกาะขอบแท่นกั้นน้ำพุชำเลืองมองเจ้าของเสียงในสภาพเหมือนคนมีความผิด
ก่อนพบว่าผู้ชายคนนั้นคือเทวินทร์จริงๆ
แถมเขายังยืนอยู่อีกฟากของลานน้ำพุเหมือนกับกำลังรอใครอยู่
“แค่นี้ก่อนนะพ่อ
วินทร์มีนัด” นั่นไง เขานัดกับใครเอาไว้จริงๆด้วย
ให้ตายสิ! ไปนัดกันที่อื่นไม่ได้หรือไงนะ!
อันที่จริงแล้วฉันไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องหลบหน้าเขาหรอก
แต่ก็อย่างที่บอกการไม่เจอหน้ากันเลยหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนมันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
ถึงจะคิดและทำแบบนั้นแต่การต้องมาคอยหลบๆ ซ่อนๆ
อย่างคนมีพิรุธมันก็ทำเอาใจฉันเต้นอย่างลุ้นระทึกอยู่ตลอดเวลา สายตาพลางกวาดมองหาเพื่อนรักที่ไม่รู้จะโผล่มาตอนไหนได้ด้วย
กึก...
“รอนานไหมวินทร์”
อีกครั้งที่ต่อมเผือกของฉันดันเริ่มทำงาน
เมื่อจังหวะที่บรรยากาศรอบตัวเงียบดันมีเสียงฝีเท้าอีกคู่ดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับคำทักทายของผู้หญิง
ไม่ต้องมองก็พอเดาได้ว่าเธอน่าจะเป็นคนที่เทวินทร์นัดเอาไว้ที่น้ำพุนี่
แต่ถึงจะเดาออกฉันก็ยังแอบลอบมองคนทั้งคู่อยู่ดี
เทวินทร์เวลานี้เขาสวมเสื้อยืดสีดำคลุมทับด้วยเสื้อหนังสีเดียวกันสไตล์เดียวกับที่ฉันเจอเมื่อคืน
ดูท่าแล้วกางเกงที่สวมอยู่ก็น่าจะตัวเดิมด้วยเช่นกัน
“วินทร์มีอะไรเหรอถึงเรียกเราออกมาแบบนี้?”
ส่วนหญิงสาวที่เป็นแขกของเทวินทร์นั้น ถ้ามองไม่ผิดรู้สึกว่าเธอจะเป็นรุ่นพี่ฉันปีหนึ่ง
เรียนคณะเดียวกัน เธอสวยและเป็นที่รู้จักของคนในคณะ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อว่า ‘ปลาดาว’ หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ
“เรื่องเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
ให้มันเป็นโมฆะไป”
“วินทร์หมายความว่าไง?”
“เราไม่ได้อยากได้ผู้หญิงของคนอื่น
ให้ผลรางวัลเป็นโมฆะไป”
พวกเขากำลังคุยอะไรกันบางอย่าง
บางอย่างที่คนนอกอย่างฉันไม่เข้าใจ
แถมน้ำเสียงของคนทั้งคู่ตอนพูดคุยกันก็เริ่มจะดุเดือดขึ้นทุกวินาที
“ทำไมล่ะ
ได้เราเป็นของรางวัลสำหรับผู้ชนะมันไม่น่าพอใจเหรอ?”
“เปล่า
แต่เรามีแฟนแล้ว” อุต๊ะ!
หมอนี่มีแฟนแล้วงั้นเหรอ?
“แล้วยังไง
แฟนกับของรางวัลไม่เห็นจะเกี่ยวกันนี่วินทร์”
ด้วยความที่ต่อมเผือกเริ่มทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน
จากที่ตั้งใจหลบซ่อนกลับกลายเป็นว่าฉันต้องยับตัวเข้าไปใกล้คนทั้งคู่ให้มากขึ้นเพื่อเผือกเรื่องชาวบ้านให้สุด
ทว่า ขณะกำลังจะขยับตัวอ้อมไปตามแนวกั้นน้ำพุอยู่นั้นเอง
กึก...
เบื้องหน้ากลับปรากฏเท้าของใครคนหนึ่งมายืนขวางเสียได้
เมื่อเงยมองฉันจึงพบว่าเจ้าของเท้านั้นไม่ใช่ใคร
แต่เป็นกระถินเพื่อนที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเมื่อหลายนาทีก่อน
“มานั่งทำไรตรงนี้อ่ะแมร์...” เธอถามเสียงเฉื่อยแต่ดัง
“ชู่ว์ๆๆๆๆ” นั่นรีบทำให้ฉันทำมือทำไม้ส่งสัญญาณให้เธอเงียบเสียงลงทันที พลางชำเลืองสายตามองไปยังเป้าหมายซึ่งกำลังถูกฉันแอบเผือกเรื่องส่วนตัวไปด้วย ก่อนต้องช็อก เมื่อพบว่านอกจากกระถินที่โผล่พรวดพราดเข้ามาทำเสียงดังแล้ว บุคคลที่ฉันกำลังแอบฟังเขาคุยกันก็กำลังหันมองมาทางฉันด้วยเช่นกัน
ซวยแล้ว...
To Be Continued...
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
ความคิดเห็น