ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HALF LIFE ¼ สายกามตามรัก l ลูกเทพ Set

    ลำดับตอนที่ #3 : HALF02 ; เอาให้หลาบจำ {อัพ100%}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.69K
      157
      26 ธ.ค. 62

    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *


    EP02

    เวลา 21.20 นาฬิกา

    ถนนเรียบทางด่วนสาย A

    วี้หว่อวี้หว่อ~

    ทุกคืน ช่วงเวลาระหว่างหกโมงเย็นจนก่อนถึงสี่ทุ่ม ฉันมักจะหายตัวออกจากพระราชวังโพรงกระต่ายมาขลุกอยู่กับสิ่งที่รักร่วมกับมูลนิธิกู้ภัยค่ะ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกวัน งานที่มูลนิธิจึงมีไม่ขาด ยิ่งด้วยคนสมัยนี้ทำทุกอย่างด้วยความประมาท ฉันจึงได้ออกลาดตระเวนไปยังจุดเกิดเหตุแบบไม่เว้นวัน

    อย่างเช่นคืนนี้ หน่วยของฉันถูกเรียกมายังถนนเรียบทางด่วนสาย A ซึ่งเพิ่งมีการประสานงานระหว่างรถตู้โดยสารที่คนขับหลับในกับรถสิบล้อขนดิน มีคนเจ็บ 8 ราย ตาย 3

    แม้ตอนนี้ร่างคนเจ็บถูกคนในมูลนิธิพึ้นรถไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเรียบร้อยแล้ว แม้เหตุการณ์บนถนนสายนี้จะเริ่มสงบลงจากตอนแรกที่วุ่นวายเพราะมีคนตาย แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้หัวใจฉันเต้นช้าลงเลย 

    ยิ่งสายตาปรายมองไปเห็นเศษกระจกของรถที่แตกกระจายร่วงอยู่บนพื้นกับซากรถตู้ที่พังยับเยินทั้งคัน ไหนจะเลือดกองใหญ่ที่เจิงอยู่บนพื้นหลังจากการประสานงานที่แสนรุนแรงด้วยแล้ว

    ฮ้ารู้สึกดีจนคืนนี้ไม่อยากกลับบ้านเลยค่ะ!

    ทามเรียกพี่ช้าง ได้ยินแล้วตอบด้วย เปลี่ยน” เสียงเข้มของผู้ชายที่มาด้วยกัน ทำฉันซึ่งกำลังยืนเนื้อตัวเต้นอยู่บริเวณจุดเกิด เหลียวมองไปยังต้นเสียงทันที พร้อมกับเสียงจากวิทยุที่ตอบกลับมา

    {ได้ยินแล้ว เปลี่ยน}

    คนเจ็บถุูกส่งตัวขึ้นรถหมดแล้ว ผมกับถินกลับเลยได้ใช่ไหม เปลี่ยน

    {เออ กลับกันได้เลย ระวังด้วย เปลี่ยนทันทีที่ประสาททางการรับฟังได้ยินเสียงตอบรับจากวิทยุกลับมาเช่นนั้นความรู้สึกที่เคยกระชุ่มกระชวยก็ฟ่อลงทันตา และดูท่าแล้วคนตัวใหญ่ซึ่งนั่งยืนพิงกับกระโปรงหลังรถเองก็คงสังเกตได้ เขาจึงลดวิทยุสื่อสารในมือลงแล้วเอ่ยทักขึ้น

    ไม่ร่าเริงเหมือนขามาเลยนะถิน

    เราจะกลับกันจริงๆเหรอทาม

    ใช่ เดี๋ยวเราขับรถไปส่งถินที่บ้าน แล้วค่อยเลยเอารถไปเก็บที่มูลนิธิ...” จู่ๆ ทามก็หยุดพูดไปเฉยๆ เมื่อเห็นฉันทำท่าอิดออดไม่อยากกลับ เขายิ้มแล้วกล่าวขึ้นคล้ายกับเตือนสติ “ไหนถินบอกคืนนี้มีธุระต้องทำตอน 4 ทุ่มไง ไม่ทำแล้วเหรอ ?”

    หลังได้ฟังสมองอันน้อยนิดของฉันก็เริ่มได้สติ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ก่อนออกจากมหาวิทยาลัย คุณพี่กั้งกำชับเอาไว้ว่าให้ไปช่วยงานที่ห้องตอนสี่ทุ่ม พอนึกได้ดังนั้นฉันจึงตอบทามกลับไปอย่างเสียไม่ได้

    อือ...กลับก็กลับ...” โดยยึดคติที่ใครต่อใครว่าไว้ ‘ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน

    ปลงแล้วค่ะ...

    การตัดสินใจขึ้นรถมูลนิธิโดยได้ทามเป็นคนขับพาไปส่งบ้านนั้น ไม่ใช่เพราะฉันอยากทำงานให้คุณพี่กั้งจนตัวสั่น แต่กฎของพระราชวังโพรงกระต่ายที่คนทำงานอยู่ภายในนั้นรู้กันดีและต้องท่องจำให้ขึ้นใจก็คือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามห้ามขัดใจคุณหนู เพราะดันมีกฎแบบนี้ ฉันจึงต้องทำทุกอย่างตามคำสั่งแม้ว่าเรื่องที่ถูกเรียกใช้นั้นเป็นเรื่องไร้สาระ ยากแก่การเข้าใจก็ตาม

    ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ทามใช้เวลาขับรถจากถนนเรียบทางด่วนสาย A พาฉันมาส่งส่งที่พระราชวังโพรงกระต่ายกลางเมืองใหญ่ สำหรับฉันเวลามันผ่านไปไวมากเลยค่ะ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว

    ถิน พรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วไปไหนป่ะ ?” ขณะเปิดประตูเตรียมลงจากรถ ทามก็ถามขึ้น จำต้องหยุดชะงักมือเพื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้านิดๆ

    ไม่ไป…”

    เออดีเลย เราได้ตั๋วดูหนังมาสองที่นั่ง พรุ่งนี้ถินไปดูหนังกับเราไหม?”

    หนังเหรอ...” ฉันย้อนเสียงเรียบ ขณะเดียวกันในหัวก็กำลังตัดสินใจ นึกหาคำตอบให้ทามไปด้วย

    ใช่หนัง เป็นหนังฆาตกรรมอ่ะ เราเห็นว่าถินชอบอะไรแนวนี้ก็เลยชวน ไปไหม?”

    ไปสิ” ปฏิกิริยาทางความชอบส่งผลให้ฉันพลั้งปากตอบโดยที่ในหัวยังคงอยู่ในขั้นตอนการประมวล หากแต่นั้นดันทำให้คนฟังฉีกยิ้มกว้างแสดงความชอบใจ

    เดี๋ยวพรุ่งนี้เลิกเรียนแล้ว เราส่งข้อความหานะ” ฉันพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนหันกลับไปเปิดประตูลงจากรถ ยืนมองทามขับรถถอยหลังออกจากบริเวณหน้าบ้านใหญ่ ขับเลี้ยวออกจากซอยไปจนกระทั่งไฟท้ายรถสีสดหายไปกับมืด จึงจะตัดสินใจหันกลับเข้าบ้าน 

    ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะบริเวณที่ทามขับรถมาส่งมันคือประตูทางเข้าบ้านใหญ่ค่ะ มีไว้สำหรับเจ้าของบ้านใช้เข้าออกเท่านั้น ส่วนคนทำงานบ้านทุกคนไม่ว่าจะสถานะใดก็ตาม จะถูกสั่งให้ใช้ประตูเล็กด้านหลังสำหรับเข้าออกเท่านั้น

    ทว่า ในตอนที่หันหลังกลับไปเตรียมที่จะเดินย้อนไปทางด้านหลังพระราชวังโพรงกระต่ายนั้นเอง..

    กึก!

    ทำไมกลับช้านักเล่า !” สิ่งที่เจอเมื่อหันกลับไปดันเป็นชายตัวสูงในชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกันแต่ดูไม่ค่อยเรียบร้อยนัก ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ว่าตอนนี้ฉันต้องตกใจก่อนค่ะ

    อ๊ะ ! คุณพี่กั้ง !”

    ตกใจช้าไป เข้าบ้าน !” เขาดุใส่ฉันแสดงนิสัยเอาแต่ใจตามประสาลูกคุณหนูให้ได้เห็น มิหนำซ้ำยังถือวิสาสะคว้าแขนฉันกึ่งดึงกึ่งลากให้เดินตรงไปยังหน้าประตูทางเข้าบ้านใหญ่ เห็นดังนั้นฉันจึงร้องทักเสียงดัง

    คุณพี่กั้งคะ....ถิน ถินต้องเข้าประตูหลังค่ะ

    เธอรู้ไหมว่าเธอมาตามนัดสายไปกี่นาทีแล้ว” เพราะถูกต่อว่าฉันจึงค่อยๆ ใช้มือหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกจากกระเป๋าเสื้อคลุมของมูลนิธิ ทว่า โทรศัพท์ก็ถือคนตัวใหญ่ที่ไวกว่าฉวยไปแล่วเป็นฝ่ายตะคอกเสียงเฉลยออกมาเอง “ครึ่งชั่วโมง ! เธอเลทไปครึ่งชั่วโมง !”

    ตะ...แต่ถินต้องเข้าประตูหลังค่ะ

    ช่างหัวประตูหลังแม่งเถอะ !” คุณพี่กั้งหันมาทำตาดุใส่ ราวกับจะกำหลาบใส่คนผิดนัด ทว่า 

    สายตาเขานั้นกลับไม่ได้มองหน้าฉันแต่เพียงอย่างเดียว เขาค่อยๆ เลื่อนตาลงต่ำมายังหน้าอก และดูจะต่ำลงเรื่อยๆ ไปยังขอบกระโปรงนักศึกษา จังหวะเดียวกันนั้นก็เอียงคอโน้มตัวลงนิดๆ พร้อมทั้งกัดปากและพึมพำบางอย่างออกมาด้วย

    เพราะว่าฉัน...

    คะ ?” คำพูดกับท่าทางแปลกชวนงุนงงของคนตัวใหญ่ทำฉันหลุดปากถามออกมาด้วยความสงสัย และทันทีที่สิ้นเสียงคนตัวใหญ่ก็ช้อนตาขึ้นมองหน้านิดๆ และพูดบางอย่างออกมาต่อท้ายประโยคที่ขาดหายจนจบ

    “ชอบประตูหน้ามากกว่า...”

    เอ๊ะ...ประตู...อะ” อีกหนที่คุณพี่กั้งไม่เปิดโอกาสให้ได้ครุ่นคิดหรือทบทวนคำพูดแปลกๆ ของเขา และเลือกจะฉุดกระชากฉันตรงไปยังประตูใหญ่เพื่อพาเข้าไปภายในตัวพระราชวังโพรงกระต่าย

    ตลอดเวลาที่คุณพี่กั้งกึ่งดึงกึ่งลากฉันให้เดินไปตามเส้นทางตามอำเภอใจ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรีบร้อนและรวดเร็ว เพียงไม่นานในที่สุดเขาก็พาฉันมาถึงยังที่หมาย ห้องขนาดเล็กนอกตัวบ้านสไตล์ญี่ปุ่นติดอยู่กับสวนสวยญี่ปุ่นล้ำสมัย พูดให้ถูกก็คือ ห้องนอนส่วนตัวของคุณพี่กั้งเขานั่นแหละค่ะ

    ครืดด !

    ประตูห้องถูกเลื่อนปิดลงเสียงดังทันทีที่เจ้าของห้องพาฉันเข้ามาอยู่ภายในห้องส่วนตัวของตัวเองได้สำเร็จ คุณพี่กั้งยอมปล่อยมือออกไป แล้วเอ่ยขึ้นแกมดุ

    ถินทำให้พี่เสียเวลา

    ฉันไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยืนงง มองสภาพภายในห้องเพื่อเช็กความเรียบร้อยตามหน้าที่ของแม่บ้าน โดยรวมแล้วสภาพห้องคุณพี่กั้งก็ดูเข้าที บนโต๊ะหนังสือก็ไม่ได้มีกองเอกสารหรืองานอะไรที่น่าจะทำค้างเอาไว้

    คุณพี่กั้งให้ถินมาที่นี่ทำไมคะ ?” และถามขึ้นเมื่อไม่พบเข้ากับสิ่งผิดปกติภายในห้อง แต่คำถามนั่นกลับทำให้เจ้าของกระโดดทิ้งตัวลงบนเตียงของตัวเองทันทีสภาพนอนหงาย โดยสายตาของเขายังจดจ้องมายังฉันแบบไม่วางตา

    นี่ไง ปัญหามันอยู่ตรงนี้...” ได้ยินเช่นนั้น ฉันจึงจำต้องเลื่อนสายตาไปมองเจ้าของคำพูดแบบตรงๆ

    แต่ก็เหมือนเดิม ฉันยังไม่เห็นความผิดปกติหรือกองงานที่เขาเปรยไว้ว่าต้องการรับความช่วยเหลือและเป็นตัวการที่ทำให้เขาโมโหกับการรอการเข้าให้ความช่วยเหลือจากฉันอยู่ดี และเพราะว่าฉันยังยืนนิ่ง มันเลยทำให้คุณพี่กั้งพูดออกมาเอง 

    นี่ไง ถินไม่เห็นงานที่ควรช่วยพี่ทำเหรอ ?”

    คราวนี้คนตัวใหญ่ไม่ใช่แค่พูดแต่เขายังเลื่อนมือลงต่ำมายังกระดุมกางเกง กัดริมฝีปากล่างตัวเอง โดยใช้นัยน์ตาคมซึ่งบางคราวก็ส่อแววใสซื่อเหมือนกระต่ายบางคราวก็ส่อแววเหมือนหมาป่าที่ลอบหยิบชุดกระต่ายมาสวม พร้อมออกคำสั่งกึ่งขอสั้นๆ

    งื้ออ...พี่ถอดกางเกงเองไม่ได้อ่ะ ถินถอดให้พี่หน่อย

    และนี่แหละค่ะ คืองานไร้สาระที่ฉันมักถูกคุณพี่กั้งใช้อยู่บ่อยๆ แต่เพราะกฎของบ้านคือห้ามขัดใจคุณหนู ฉันซึ่งเป็นคนชั้นผู้น้อยจึงต้องทำตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่ทำงานที่นี่มาฉันยังไม่เคยลองเลี่ยงหรอกค่ะ คิดไม่ทัน ทำเสร็จแล้วเพิ่งนึกได้ทุกที

    นึกช้าไปจริงๆ ค่ะ ได้แต่บอกตัวเองอยู่เสมอว่ารอบหน้าค่อยเอาใหม่...

    งานปลดกางเกงให้คุณพี่กั้งมันไม่มีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่ คล้ายกับงานบริการช่วยเหลือคนอื่น ก็แค่ใช้มือปลดกระดุมกางเกง แล้วดึงมันออกไป อารมณ์คล้ายๆ ช่วยผู้ป่วยที่มีลักษณะเป็นง่อยหรืออัมพาตช่วยเหลือตัวเองไม่ได้นั่นแหละค่ะ

    งานก็คืองาน ฉันแยกแยะได้ เพราะงั้นสายตาจึงไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากมือตัวเองที่กำลังเอื้อมเข้าไปช่วยปลดกระดุมกางเกงให้คนตัวใหญ่บนเตียง ทว่า ระหว่างกำลังจัดการกับการรูดซิปลงอยู่นั้น จู่ๆ เจ้าของกางเกงก็เลื่อนมือข้างหนึ่งเข้ามากุมมือฉันไว้จนทำหน้าที่ของตัวเองได้ไม่ถนัด

    เอามือออกสิคะคุณพี่กั้ง ถินทำงานไม่ได้...

    ก็ถินช้า ไม่ทันใจ” เขาพูดแทรกเสียงบอกกล่าวของฉันแบบไม่ฟัง พร้อมกันนั้นก็รีบดีดตัวลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่งใช้วงแขนข้างที่เหลืออ้อมเข้ามารั้งสะโพกฉันดึงเข้าหาตัวแบบไม่ทันให้เตรียมตัวจนเสียหลักล้มทับไปนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของคุณพี่กั้งอย่างไม่ตั้งใจ

    สายตาเลื่อนช้อนมองหน้าคนตัวใหญ่กว่าเล็กน้อย และพบว่าคุณพี่กั้งเองก็กำลังมองฉันอยู่เช่นกัน

    ที่บอกว่าวันนี้ใส่กางเกงในสีขาว...” เขาพูดไปพลางใช้ลิ้นเลียริมฝีปากล่างไป อยากจะใช้คำว่าท่าทางหื่นกระหายอยู่เหมือนกันค่ะ แต่องค์ประกอบบนดวงหน้าของคุณพี่กั้งดันให้ความรู้สึกว่าน่ารักจนฉันไม่กล้าใช้คำนั้นเลยทีเดียว ถึงจะค่อนข้างขัดกับนิสัยและคำพูดที่ได้ฟังอยู่ก็ตามที “ถินเปิดให้พี่ดูหน่อยได้ป่ะ ?”

    ถินต้อง...ถอดกางเกงคุณพี่กั้งออกก่อนค่ะ

    งั้นก็รีบถอดออกสิ...” ปากเขาว่าแบบนั้นแต่มือที่เขาใช้กุมมือฉันบริเวณซิปกางเกงกลับเริ่มเพิ่มน้ำหนักมือเรื่อยๆ ราวกับต้องการขัดขวางการทำงานไม่หยุด ขณะเดียวกันบริเวณสะโพกก็รู้สึกถึงฝ่ามือหนาลูบคลึงไปมาอย่างถือวิสาสะด้วยเช่นกัน

    เพราะอยากรีบทำงานให้มันเสร็จๆ ไป จะได้รีบกลับไปอาบน้ำและเตรียมตัวเขานอน วินาทีนั้นฉันจึงตัดสินใจยื้อแรงขัดขวางจากฝ่ามือของผู้เป็นนายโดยยังใช้สายตานิ่งๆ มองตอบแววตาเจ้าเล่ห์ของเขากลับไป ใช้นิ้วชี้กับหัวแม่โป้งดึงหัวซิปเอาไว้ให้มั่นก่อนออกแรงกระชากดึงลงอย่างเต็มแรง ทว่า

    อ๊ะ ! ซี๊ดดด...” การกระทำดังกล่าว ทำเอาคุณพี่กั้งครวญเสียงซี๊ดในลำคอออกมาคล้ายกับเจ็บปวด รีบผละมือซึ่งกำลังลูบไล้สะโพกอย่างถือโอกาสออกไปบีบมือตัวเอง 

    เมื่อหลุบตามองไปยังที่มือก็พบว่าบริเวณสันนิ้วโป้งมือของคนตัวใหญ่กำลังปรากฏเลือดซิบๆ ให้ได้เห็น คงเพราะแรงกระชากเมื่อครู่ เลยทำให้โครงซิปที่รูดลงบาดมือคุณพี่กั้งแน่ๆ แต่ว่า

    ฮ้า...เสียงเขาตอนเจ็บปวดฟังเพราะเสนาะหูมากเลยค่ะ..

    จะ เจ็บไหมคะ ?” ปากฉันถามเขาอย่างรู้สึกผิด ขณะเดียวกันหัวใจก็เริ่มเร่งอัตราการเต้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างห้ามไม่ได้

    ซี๊ด...จะ เจ็บดิ ทำไมถินไม่ระวังเลย อะ...” เสียงบ่นอุบของคุณพี่กั้งขาดช่วงวลีสุดท้าย เมื่อร่างกายเริ่มทำปฏิกิริยากับเลือดบริเวณหัวแม่โป้งมือของอีกฝ่ายด้วยการเลื่อนมือตะครุบเอาไว้แบบไม่สามารถควบคุมได้

    ฉันหลุบตามองเลือดสีสดที่ค่อยไหลซิบออกมาอย่างเชื่องช้า สลับกับมองหน้าคุณพี่กั้งไปด้วย ส่วนปากก็ถาม

    เจ็บ...มากเลยเหรอคะ ?”

    ก็ใช่น่ะสิ ถินต้องรับผิดชอบพี่เลยนะ ทำอะไรไม่ได้แล้วเนี่ย...โอ๊ยย !” อีกครั้งที่คุณพี่กั้งครวญเสียงเพราะความเจ็บปวดอันไพเราะออกมาให้ได้ยิน ก่อนตามด้วยเสียงของฉันที่เอ่ยถาม

    คุณพี่กั้ง ยังเจ็บมากอยู่หรือเปล่าคะ...” ฉันถามเขา...ทั้งที่มือค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักบีบกดบริเวณข้างปากแผลให้เลือดไหลทะลักออกมามากยิ่งกว่าเก่า “ถินเป็นห่วงจัง

    ถะ ถิน...เจ็บ...” เสียงครวญน่าฟังหลุดผ่านปากของคุณพี่กั้งอีกครั้ง และนั่นเหมือนยิ่งเป็นแรงผลักดันทำฉันควบคุมตัวเองไม่อยู่ 

    วินาทีที่คุณพี่กั้งทำท่าเหมือนจะชักมือหนีออกไป กำลังมือก็ยิ่งเพิ่มแรงต้านมากขึ้นและยืนกรานความต้องการของตัวเองบอกอีกฝ่ายกลับไปน้ำเสียงเฉื่อยเฉยตามนิสัย

    อย่าค่ะ... เดี๋ยวถินทำแผลให้...” แต่ไม่ใช่กับร่างกายที่พลั้งเผลอทำตามความต้องการของตัวเองอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ผลักอกผู้เป็นเจ้านายล้มนอนนาบลงกับเตียงนอน

    ฟึ่บ ! ตุบ !

    เฮือก !” ฉันหรี่ตาลงเล็กน้อย มองสีหน้าตื่นตูมราวกับตกใจของลูกกระต่ายเจ้าของพระราชวังหลังใหญ่อย่างนึกชื่นชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ฉันค่อยๆ เคลื่อนคลานเข้าเข้าไปหา ชันเข่าคร่อมทับร่างกายเขาไว้แล้วมองลงมาจากมุมสูง

    เจ็บ... นิดหนึ่งนะคะ...” คำพูดปลอบใจเอ่ยขึ้นเพื่อปลอบใจกระต่ายตัวน้อย ขณะลดมือข้างที่ไม่ได้ใช้งานล้วงลงกับกระเป๋าเสื้อคลุมของชุดมูลนิธิคว้าของบางอย่างขึ้นมาขณะที่มือข้างที่บีบมือคุณพี่กั้งเอาไว้ยังเพิ่มน้ำหนักมือเรื่อยๆ

    หนะ นั่นอะไรอ่ะ...” เสียงลูกกระต่ายสั่นเครือราวกับกำลังหวาดกลัวอะไร แววตาที่เขาใช้มือขวดยาขนาดเล็กในมือฉันก็ด้วย เห็นแล้วมันช่างเป็นภาพที่น่าพิสมัยอย่างสุดๆ

    ทิงเจอร์ค่ะ...” ฉันตอบเสียงเรียบและเริ่มอธิบาย “เรา...ต้องล้างแผลกันก่อนนะคะ

    มะ ไม่ต้องก็ได้มั้ง ละ เลือดออกแค่นี้เอง... เฮือก” อีกหนที่คำพูดสำหรับใช้เถียงของลูกกระต่ายถูกทำให้เงียบลง ทันทีที่ฉันตัดสินใจบีบกดบริเวณรอบปากแผลเป็นหนที่สองให้เลือดไหลไปตามรูปทรงของหัวแม่โป้งมือ และให้เหตุผลเขากลับไป

    เลือด...ไหลเยอะแล้วนะคะ ทำแผลเถอะค่ะ

    เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้และกันการเขาหลบหนีก่อนที่การปฐมพยาบาลจะสิ้นสุด ร่างทั้งร่างจึงทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบริเวณปากกางเกงและซิปที่ถูกรูดออกและจงใจถูกไถสะโพกเคลื่อนผ่านจุดรับความรู้สึกของลูกกระต่ายไปด้วยเพื่อหาที่นั่งเหมาะในการทำแผล

    อะ...ถิน...เบาหน่อย...” คุณพี่กั้งครวญออกมาไม่หยุดเมื่อฉันเริ่มขยับ แววตาเขาบ่งบอกถึงความพอใจ ยามถูกฉันกระทำอย่างหนักแต่ขณะเดียวในแววตาคู่นั้นก็แฝงไว้ด้วยความหวาดหวั่นและความหวาดกลัวไปด้วย

    ไม่ต้องกลัวนะคะ มันจะไม่เจ็บ...” ร่างทั้งร่างของเขาเกร็งจัด แถมยังชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งที่ภายในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศยามถูกคร่อมทับกายเอาไว้แบบนี้

    ถะ ถิน...บะ เบาๆ พี่เสียว...” เขาครวญชื่อฉันซ้ำๆ ราวกับกลัวลืมชื่อ ยามที่ร่างกายเราเบียดแนบชิดกัน 

    รับรู้ได้ถึงลูกเล่นความทะลึ่งทีเล่นทีจริงของอีกฝ่ายผ่านคำพูด โดยเฉพาะฝ่ามือของเขาข้างหนึ่งคว้าเข้าบริเวณช่วงเอวอย่างฉวยโอกาส ก่อนค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักมือเกร็งจัดราวกับหาช่องทางลวนลามและระบายความรู้สึกที่ได้รับอยู่ขณะนี้ให้หมดไปพร้อมกัน ในยามที่ฉันบรรจงเปิดฝาขวดทิงเจอร์ในมือออกอย่างเชื่องช้าและไม่รีบร้อน

    นิดหนึ่งนะคะ...” ฉันไม่สนใจหรอกค่ะว่าคุณพี่กั้งคิดจะทำอะไร เพราะฉันชอบเสียงเขา เวลาขาดเป็นช่วงๆ กระท่อนกระแท่นไม่เป็นศัพท์ โดยเฉพาะเสียงเฮือกสุดท้าย ตอนที่เขาเรียกชื่อฉันแล้วพูดประโยคนั้นออกมาเคล้าเสียงหอบหนักๆ

    ถะ...ถิน...พะ พี่ไม่ไหวแล้ว...” 

    ไม่เจ็บค่ะ...ไม่เจ็บ...” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเสียงกรีดร้องของคุณพี่กั้งที่ปานจะขาดใจ ในยามที่ทิงเจอร์สำหรับล้างแผลถูกเทอาบบริเวณบาดแผล

    อะ....อ๊ากกกก เจ็บ ถิน พี่เจ็บบบบบบบบบ

    มันช่างไพเราะเสนาหูเหลือเกินค่ะ...

    ________________________________

    ไม่เม้นไม่ว่าแต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา

    ติดแท็กในทวิต #กระต่ายกินเต่า

      

     

    FEAT.

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×