ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Target [yaoi] -จบแล้ว-

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18.78K
      118
      16 พ.ย. 60


    ตอนที่ 2

     

    ศตคุณยืนจัดขวดบรรจุวัตถุดิบสำหรับชงกาแฟอยู่หลังเคาท์เตอร์ในร้านกาแฟ เขาเพิ่งเป็นเจ้าของร้านกาแฟได้หมาดๆ

    ร้านเล็กๆ ของศตคุณตั้งอยู่ใต้อาคารเรียนรวม

    แต่เดิมร้านนี้ขายเฉพาะขนมปังเท่านั้น พอศตคุณที่เพิ่งจบปริญญาโทกลับมาจากต่างประเทศได้ข่าวว่าญาติที่เป็นเจ้าของร้านต้องการหยุดดำเนินกิจการ เขาจึงขอซื้อร้านมาทำต่อ และปรับเปลี่ยนจากร้านขายขนมปังมาเป็นร้านกาแฟที่มีบริการขายขนมปังด้วย

    ศตคุณเพิ่งปรับปรุงร้านเสร็จก่อนมหาวิทยาลัยจะเปิดภาคการศึกษาได้ไม่กี่วัน ดังนั้นวันเปิดเรียนจึงเป็นวันเปิดร้านไปในตัว

    เขามีความใฝ่ฝันจะมีร้านกาแฟเป็นของตัวเองตั้งแต่เรียนปริญญาตรี และตอนไปเรียนต่างประเทศก็ได้ลองทำงานเป็นพนักงานที่ร้านกาแฟจนมีประสบการณ์ระดับหนึ่ง บัดนี้ความฝันได้กลายเป็นจริง และได้พบว่าการบริหารร้านกาแฟด้วยตัวคนเดียวไม่ง่ายเลย เขาจึงคิดจะประกาศรับสมัครพนักงานแบบพาร์ทไทม์ โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่มีเวลาว่างมาช่วยงานในร้าน

    กิ๊ง...กิ๊ง...

    เสียงกระดิ่งตรงประตูร้านดังขึ้น เป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน

    ศตคุณเงยหน้าขึ้นเพื่อจะกล่าวต้อนรับ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาเยือน

    "เทมส์" เขาเอ่ยชื่ออีกฝ่าย ไม่นึกว่าจะได้พบ 'อดีตเพื่อน' ที่นี่

    "ณัท..." ชายที่ชื่อเทมส์ดูแปลกใจไม่แพ้กัน ไม่นานก็ปรับสีหน้าให้นิ่งขรึม

    "เป็นอาจารย์อยู่ที่นี่เหรอ?" ณัทมองการแต่งกายและการถือหนังสือกับเอกสารของเทมส์แล้วคาดเดาเอาเอง

    "ใช่ เพิ่งมาสอนเป็นเทอมแรก"

    ระหว่างการพูดคุย ณัทสังเกตท่าทีของเทมส์ว่าจงใจทำตัวห่างเหินเหมือนเดิม ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น...

    "บังเอิญเนอะ เราก็เพิ่งมาเปิดร้านกาแฟเหมือนกัน"

    อาจารย์หนุ่มไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ทำสีหน้าสื่อว่า 'เหรอ' อย่างเฉยชา

    เจ้าของร้านกาแฟพยายามชวนคุยอีก

    "แล้วเทมส์จะสั่งอะไรไหม ...เป็นมอคค่าเหมือนที่ชอบหรือเปล่า"

    "เอสเพรสโซ่แก้วหนึ่ง"

    ฟังก็รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจให้เขาเดาผิด เมื่อก่อนเทมส์ชอบมอคค่าที่สุด เขาเป็นเพื่อนสนิท ทำไมจะไม่รู้

    "อ่า...ได้ๆ"

    ศตคุณชงกาแฟเงียบๆ ฝ่ายลูกค้าก็รอเงียบๆ เช่นกัน

    "อะนี่"

    พอชงเสร็จก็นำแก้วกาแฟวางบนเค้าท์เตอร์

    "ไม่ต้องจ่ายหรอก ถือว่าเป็นการฉลองได้ที่เราได้มาเจอกันอีกครั้งไง" ณัทฝืนยิ้ม

    เทมส์วางเงินเท่าราคากาแฟที่แปะบนผนังด้านหลังเคาท์เตอร์ไว้ข้างๆ แก้วกาแฟ "ไม่เป็นไร ไม่สำคัญอะไรขนาดนั้น"

    พูดจบก็คว้าแก้วกาแฟแล้วหมุนตัวเดินออกจากร้าน

    ณัมทอดมองตามหลังร่างสูง ในใจรู้สึกเบาหวิว

    ยังเจ็บอยู่สินะ เจ็บจนไม่อาจมองหน้ากันได้อีกสักครั้งเลยเหรอ...

     


    เจมดูดโกโก้ปั่นที่รุ่นพี่หน้าหล่อให้มาจนหมด ไม่ลืมจะทิ้งถังขยะระหว่างที่เดินกลับหอพัก จากนั้นเขาก็หยิบสมุดมากางนับลายเซ็นรุ่นพี่

    เจมนิ่วหน้าเมื่อเห็นจำนวนลายเซ็นทั้งหมดที่ล่ามาได้ภายในระยะเวลาสามวัน ซึ่งได้มาเพียงสามสิบกว่าคนเท่านั้น

    เขาหวังว่าจะไม่เป็นยี่สิบคนที่ได้ลายเซ็นมาน้อยที่สุดก็แล้วกัน อย่างน้อยก็มีไอ้เต้คนหนึ่งที่ได้น้อยกว่าเขาแน่ๆ

    เจมสลัดความกลัดกลุ้มทิ้งแล้วเดินขึ้นหอพัก

    หอพักของเจมเป็นหอพักในกำกับของมหาวิทยาลัย หรือเรียกสั้นๆ ว่า 'หอใน' ตั้งอยู่ภายในบริเวณมหาวิทยาลัยเพื่อความสะดวกในการเดินทางของนักศึกษา

    เป็นหอที่แบ่งโควต้าการเข้าพักส่วนใหญ่ให้กับนักศึกษาปีหนึ่ง แต่ยังเว้นที่ให้แก่นักศึกษาปีอื่นด้วย โดยนักศึกษาตั้งแต่ปีสองขึ้นไปต้องร่วมกิจกรรมหอพักเพื่อสะสมคะแนนให้ได้ตามเกณฑ์ จึงจะสามารถเข้าพักในปีต่อไปได้

    หอในจะคิดค่าธรรมเนียมหอถูกกว่าการอยู่หอนอก กระนั้นก็ต้องแลกมาด้วยสิ่งอำนวยความไม่สะดวกหลายอย่าง ดังเช่นการใช้ห้องน้ำรวม เป็นต้น

    เจมไขกุญแจเปิดประตูห้องของตัวเอง และได้พบกับความโดดเดี่ยวเป็นหมาเหงาอีกตามเคย

    สาเหตุเกิดจากไอ้เต้ เพื่อนร่วมห้องที่จับจองเตียงชั้นสองไว้แต่ตัวมันดันไปขลุกอยู่กับแฟนตั้งแต่เปิดเทอม ปล่อยให้เขานอนเตียงชั้นล่างตามลำพังมาสองคืนแล้ว

    ส่วนเตียงเดี่ยวที่อยู่ตรงข้ามกับเตียงสองชั้นพวกเขานั้นยังไม่มีเจ้าของแสดงตัวให้เห็น

    ปกติห้องหนึ่งจะมีผู้เข้าพักได้สามคน และดูเหมือนว่าละแวกห้องรอบข้างจะมีคนอยู่กันครบ ยกเว้นแต่ห้องของเจมที่ไม่ปกติอยู่ห้องเดียว

    ในกรณีของเต้ยังพอเข้าใจว่าอยู่ในช่วงติดแฟนจึงไม่มานอนหอ แต่เตียงอีกเตียงที่ว่างเปล่าอยู่นั้น...เจมเองก็ไม่เข้าใจว่าคนที่พักด้วยอีกหนึ่งคนเป็นใคร และทำไมยังไม่ขนข้าวของมาพักเสียที

    การจองหอพักในมหาวิทยาลัยนี้เป็นระบบจองหนึ่งคนต่อหนึ่งเตียง ไม่ได้จองทั้งห้องเหมือนหอนอกทั่วไป ฉะนั้นจึงมีความเสี่ยงที่จะได้พักกับคนแปลกหน้าในกรณีที่ฟอร์มทีมไม่ครบสามคน

    เจมกับเต้ที่ต้องมารอลุ้นเอาดาบหน้าว่าจะได้เพื่อนร่วมห้องอีกคนเป็นใครเช่นกัน

    ...อีกคนจะเป็นใครช่างแม่งละ ไปกินข้าวดีกว่า

    เจมวางกระเป๋าลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง ถอดป้ายชื่อทิ้ง แล้วหยิบเฉพาะกุญแจห้อง มือถือ และกระเป๋าตังค์เพื่อลงไปทานอาหารมื้อเย็นที่โรงอาหารใต้หอ

    เมื่อทานเสร็จก็กลับขึ้นห้อง เขาไขกุญแจเปิดประตู เตรียมใจพบกับความว้าเหว่เอกาที่จะได้นอนคนเดียวอีกหนึ่งคืน

    แต่ก็ต้องชะงักเมื่อห้องพักไม่ได้ว่างเปล่าอย่างเคย

    ใครคนหนึ่งกำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ที่เคยว่างเปล่า บนเตียงเดี่ยวปูที่นอนปลอกหมอนอะไรเสร็จเรียบร้อย

    "รุ่นพี่..." เจมอ้าปากค้าง

    "อ้าว น้องเจม พักที่ห้องนี้เหรอ" พี่นนท์ รุ่นพี่ปีสี่คณะเดียวกันซึ่งเจอกันเมื่อช่วงบ่ายหันมาทัก

    "ค...ครับ"

    เจมผงกศีรษะ พอเหลือบเห็นป้ายชื่อบนโต๊ะของตนก็หน้าถอดสี

    ...เชี่ยยยย ไม่ได้ห้อยป้าย!!!

    กฏของป้ายชื่อมีอยู่ว่าต้องใส่ตลอดเวลา ห้ามถอด ยกเว้นเวลาอาบน้ำและตอนนอน ถ้ามีรุ่นพี่ปีแก่คนไหนเห็นว่าไม่ได้ห้อยป้าย เฟรชชี่คนนั้นจะโดนเรียกตัวเมื่อถึงวันที่มีว้าก

    ปกติปีหนึ่งแทบทุกคนก็แอบลักไก่ถอดเมื่ออยู่ในห้องกับเพื่อนอยู่แล้ว เจมก็เองทำแบบนั้นบ่อยครั้ง แต่ไม่นึกว่าวันนี้จะเจอแจ๊คพอตเข้าให้

    เจมทำทีเบี่ยงตัวหันหน้าเข้าโต๊ะ แกล้งหยิบจับสมุดหนังสือเพื่อหันหลังให้พี่นนท์ แล้วนึกโทษฟ้าโทษดินในใจ

    ...อะไรมันจะซวยงี้วะ เสือกได้รูมเมทเป็นรุ่นพี่ที่กำลังเพ่งเล็งกูอี๊กกกก

    หมดกัน อนาคตอันสดใสวัยเฟรชชี่ของกู...

    "ทำตัวตามสบายเลยนะ ไหนๆ ก็ได้อยู่ร่วมห้องกันแล้ว"

    ...กูสบายไม่ลงแล้วครับ แม่ง ไม่ต้องพูดตอกย้ำก็ได้ครับพี่

    "แล้วคนที่นอนชั้นบนเป็นเพื่อนเจมหรือเปล่า" รุ่นพี่ถามขณะหันไปจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ต่อ

    เจมฉวยโอกาสรีบเอาป้ายมาห้อยคอด้วยความเร็ว 4G

    ...ฝู้ววว์ เกือบไปแล้วไหมล่ะมึ้งงง

    "ครับ มันชื่อเต้ แต่คืนนี้มันคงไม่นอนหอ"

    "เหรอ ทำไมล่ะ"

    "มัน..." เจมลังเลว่าจะบอกยังไงดี สุดท้ายก็เลือกไม่บอกความจริงเพราะไม่รู้ว่ารุ่นพี่จะหาเรื่องเอาไปว้ากหรือเปล่า

    "มันไปหาพี่มันครับ"

    "งั้นก็เหลือแค่เราสองคนแล้วดิ" นนท์ปิดตู้ หันมายิ้มให้เจม

    ...พูดงี้หมายความว่าไง? จะมาไม้ไหนวะเนี่ย ตั้งตัวไม่ถูกเล้ยวุ้ย

    เจมได้แต่ยิ้มแหยกลับไป

    "พี่จะลงไปทานข้าว ไปด้วยกันไหม"

    คนถูกถามส่ายหน้าหวือ "ผมกินมาแล้วครับ ตามสบายนะครับพี่"

    "อืม โอเค"

    พอนนท์ออกจากห้องไปแล้วเจมก็รีบต่อสายถึงไอ้เพื่อนเต้เป็นการด่วน

    "มีไรมึง กูแดกข้าวกะแฟนอยู่ เดี๋ยวค่อยคุยได้ป่ะ"

    "ไม่ได้ ต้องคุยเดี๋ยวนี้เว้ย"

    นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะเล่าให้เพื่อนฟังก่อนที่รุ่นพี่จะกลับขึ้นห้อง

    "เออๆ รีบพูดมา"

    "มึงงงง จำพี่นนท์ได้ปะ"

    "พี่นนท์ไหนวะ?"

    "ก็รุ่นพี่ปีสี่ที่กูสงสัยว่ากำลังหมายหัวกูไง"

    "อ๋อออ"

    "เออนั่นแหละ คืองี้เว้ย หลังจากแยกกะมึง กูก็ไปขอลายเซ็นรุ่นพี่ที่คณะ แม่งเสือกเจอพี่นนท์"

    "เชี่ยยย โครตซวย"

    "เออดิ แต่แปลก สั่งให้กูไปซื้อกาแฟแลกกับลายเซ็น แถมยังซื้อโกโก้ปั่นให้กูอีกนะเว้ย"

    "หา? มีงี้ด้วยเหรอวะ แปลกๆ ว่ะ"

    "แต่นั่นยังไม่ใช่ไคลแมกซ์เว้ย ที่กูโทรหามึงก็เพื่อจะบอกว่า...พี่นนท์เป็นรูมเมทพวกเราว่ะ!"

    "เชี่ยยยย อ๊ะ...ขอโทษครับที่รัก หล่อเสียงดังไปหน่อย"

    เจมเบะปากหลังได้ยินเสียงแอ๊บแบ๊วของเพื่อนรัก แล้วพูดต่อ "มึง หรือว่าพี่นนท์จะเป็นสปายให้พวกพี่ว้ากวะ"

    มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างระหว่างปีหนึ่งด้วยกัน ว่าจะมีรุ่นพี่แฝงตัวเข้ามาตีสนิทเพื่อนำข้อมูลไปให้พี่ว้าก หากใครเผลอนินทาหรือทำผิดระเบียบอะไรก็จะถูกพี่ว้ากเรียกออกไปหน้าแถว

    "ไม่แน่นะมึง อาจจะใช่ว่ะ"

    "กูจะเอาตัวรอดยังไงดี เมื่อกี้กูถอดป้ายลงไปกินข้าวเว้ย พอกลับขึ้นห้องก็จ๊ะเอ๋กะพี่นนท์ ดีนะที่กูแอบใส่ป้ายทัน"

    "เกือบซวยละมึง แต่มึงก็ใช้ชีวิตปกติไปดิ กลัวไรวะ"

    "มึงก็รู้ว่าเวลาว้าก ไอ้พวกรุ่นพี่มันหาเรื่องว้ากได้ทุกเรื่อง แค่กูหายใจก็โดนว้ากแล้ว"

    "ก็ปล่อยให้ว้ากไปดิ พวกนั้นแม่งจะทำไรเราได้ ...มึง กูกินข้าวต่อแล้วนะ"

    "อ่าวไอ้เหี้ย ทิ้งกูเฉย ให้คำปรึกษากูก่อนดิ"

    "ก็ให้ไปแล้วไง แค่นี้นะ"

    ตู้ด...ตู้ด...ตู้ด...

    "ไอ้เชี่ยเต้ ไอ้เพื่อนทรพี!" เจมด่าโทรศัพท์หลังโดนชิ่งวางสาย

    พอนึกอะไรได้ก็กดมือถือเข้าไปดูเวบสำหรับจองหอพักเพื่อดูรายชื่อผู้พักในห้องของเขา นอกจากชื่อ-นามสกุลของเขากับเต้แล้วยังมีอีกหนึ่งชื่อ

    จิรานนท์ กิจธนโภคิน

    เจมคัดลอกชื่อ-นามสกุลนั้นไปค้นหาในเว็บสำนักทะเบียนของมหาวิทยาลัย ข้อมูลที่ปรากฏทั้งคณะและชั้นปีระบุว่าเป็นรุ่นพี่คนเดียวกันไม่ผิดตัวแน่

    ...ห่านจิก! ทำไมกูไม่เอะใจค้นดูชื่อตั้งแต่แรกวะ!

    เจมเอามือทึ้งผมตัวเอง นึกสงสัยอีกว่าเหตุใดพี่นนท์ถึงมาพักหอ หรือว่าเป็นคนต่างจังหวัดเหมือนเขากับไอ้เต้?

    วิญญาณสต๊อล์คเกอร์เริ่มเข้าสิง เจมเสิร์ชดูเฟสบุ๊คของพี่นนท์ทันที

    ด้วยความที่พี่นนท์มีหน้าตาดีถึงดีมาก จึงสามารถค้นหาเฟสบุ๊คจากเพจ cute boy ของมหา'ลัยได้ไม่ยาก

    พอเข้าหน้าเฟสบุ๊คได้แล้วก็กดเข้าไปดูข้อมูลส่วนตัวหมวดภูมิลำเนา

    แล้วเจมก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น

    ...อ่าว อยู่กรุงเทพนี่หว่า แล้วมาพักหอทำไม?

    ช่างแม่งละ ถ้ารุ่นพี่แกล้งกูให้ได้รับความอับอายตอนรับน้อง กูจะโพสลงเฟสฯประจานให้ออกสรยุทธ์เลยแม่ง!

    เจมวางมือถือไว้บนโต๊ะแล้วเตรียมข้าวของไปอาบน้ำ

    หลังอาบเสร็จเจมก็ไปขลุกตัวนั่งเล่นเนตในห้องคอมฯหอ ซึ่งอยู่ตรงโถงบันไดชั้นเดียวกับห้องพักเขา เพื่อหลีกเลี่ยงการอยู่ในห้องตามลำพังกับรุ่นพี่

    หากห้องคอมฯเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเขาก็จะหอบหมอนไปนอนในห้องคอมฯให้รู้แล้วรู้รอด แต่เสียดายที่เปิดถึงเที่ยงคืนเท่านั้น

    เจมภาวนาให้พี่นนท์หลับก่อนเขากลับเข้าห้อง แต่ไม่เป็นเช่นนั้น

    พอเขาเปิดประตูเข้าไปก็ต้องชะงักกับซิกแพคเป็นลอนสวยของรุ่นพี่อดีตเดือนคณะ เวลานี้จิรานนท์ใส่เพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวยืนใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมอยู่หน้าตูเสื้อผ้า

    ...เหยดดด กูกำลังโดนพี่นนท์เกทับด้วยการโชว์ซิกแพคหรือเปล่าวะ

    เจมนึกเปรียบกับตัวเองที่ใส่เสื้อยืดคอย้วยกับกางกางขาสั้นปกปิดสัดส่วน ซึ่งแม้จะไม่มีไขมันพอกพูนแต่ก็ไม่มีกล้ามเนื้อพอจะถอดเสื้อโชว์ใครได้

    "ไปอยู่ห้องคอมมาเหรอเจม" นนท์เอ่ยทัก

    "ครับ..."

    ...เสือกรู้อีก!

    "เผอิญพี่เดินขึ้นบันไดแล้วเห็นเรานั่งอยู่ในนั้นน่ะ"

    ...พี่นนท์ได้ยินกูพูดในใจหรือเปล่าวะ

    แล้วก็แม่ง ห้องคอมดันเป็นห้องกระจกใสไม่ติดผ้าม่านอีก

    "อ๋อครับ..."

    "ถ้าวันหลังจะพิมพ์งาน ยืมโน็ตบุ๊คของพี่ไปใช้ก็ได้นะ"

    "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวสิ้นเดือนพ่อจะโอนตังค์มาให้ซื้อโน็ตบุ๊คไว้ทำงานเหมือนกันครับ"

    ...หึ คิดจะข่มเรื่องมีโน็ตบุ๊คเหรอ ไม่ได้ผลหรอกเว้ย ข่มได้แค่ซิกแพคเท่านั้นแหละ!

    เจมกระหยิ่มยิ้มย่องขณะเอาโทรศัพท์มือถือไปเสียบชาร์ตแบตฯ ถอดป้ายชื่อ จากนั้นก็คลานขึ้นไปบนเตียง

    "จะนอนแล้วเหรอเจม จะให้พี่ปิดไฟไหม"

    "ถ้าพี่นนท์ยังไม่นอนก็ไม่ต้องปิดก็ได้ครับ ขอบเตียงชั้นสองมันบังไฟให้ส่วนหนึ่งแล้ว"

    "งั้นก็...เจอกันพรุ่งนี้นะ เจม"

    ...ไม่ใช่เฉพาะพรุ่งนี้หรอก เจอกันที่หอแม่งทั้งปีนั่นแหละ!

    "ครับพี่..."

    เจมไม่เข้าใจว่าทำไมพี่นนท์ถึงชอบชวนคุยขนาดนั้น จะพยายามล้วงความลับอะไรหรือเปล่า หรือหาจังหวะที่เขาเผลอพูดอะไรแล้วจะเอาไปเป็นประเด็นว้าก?

    เจมคิดนู่นนี่จนผลอยหลับไปพร้อมกับความสงสัยมากมาย

     


    เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัทพ์ทำให้เจมงัวเงียตื่น มองนาฬิกาพบว่าเป็นเวลาแปดโมงเช้า วันนี้เขามีเรียนเก้าโมงครึ่งจึงไม่ต้องรีบเร่งมากนัก

    เจมลุกออกจากเตียงแล้วเตรียมของไปอาบน้ำแปรงฟัน แต่ด้วยเป็นเวลาไพร์มไทม์ของคนเรียนเวลาเดียวกัน จึงมีคนใช้ห้องอาบน้ำ ห้องสุขา หรือโซนอ่างล้างหน้าเต็มเอี๊ยด คนมาทีหลังก็ยืนรอคิวตามระเบียบ

    เจมยืนถือขันอาบน้ำซึ่งใส่แปรงสีฟันกับตลับใส่สบู่อยู่หน้าห้องอาบน้ำห้องหนึ่ง ด้านหลังเพิ่งมีคนมายืนต่อคิว เขากะว่าจะไปแปรงฟันด้านในห้องอาบน้ำเลย

    ฉับพลันก็ระลึกได้ว่าลืมเอายาสีฟันใส่ขันมาด้วย

    ...ออกจากคิวตอนนี้ก็ได้กลับมายืนรอใหม่อีกแน่ เอาไงดีวะ

    พอคิดจะขอจากคนอื่น ก็ปรากฏว่าคนทุกคนบีบยาสีฟันใส่แปรงมาแล้วเรียบร้อย

    ...ไรวะแม่ง มีแต่กูที่มักจะพกยาสีฟันมาบีบในห้องน้ำเหรอวะ พวกเอ็งไม่คิดว่าจะเกิดแอ็คซิเดนทำยาสีฟันหล่นพื้นหรือไงหา!

    ไม่นานประตูห้องน้ำด้านหน้าเจมก็เปิดออก

    "อ่าวเจม อรุณสวัสดิ์" จิรานนท์เอ่ยทักในสภาพพันผ้าขนหนูไว้ครึ่งล่าง ในมือกำแปรงสีฟันและยาสีฟันไว้ข้างหนึ่ง

    "พี่นนท์" เจมตัดสินใจได้ในเสี้ยววินาที "ขอยืมยาสีฟันหน่อยครับ"

    "ได้สิ" นนท์ยื่นหลอดยาสีฟันให้

    "ขอบคุณครับ"

    ...อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแค่กูที่พกยาสีฟันมาบีบให้ห้องน้ำล่ะวะ

     

    เมื่อเจมกลับเข้าห้อง นนท์ก็แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเสร็จแล้ว

    เจมเอายาสีฟันคือรุ่นพี่ แล้วเดินมาเปิดตู้เสื้อผ้าของตน พอเห็นเสื้อกับกางเกงยังไม่ได้รีดก็สบถในใจ

    ...โอ๊ยยยย ลืมรีด!

    กะจะรีดเมื่อคืน พอต้องหลบหน้ารุ่นพี่เลยลืมเลยแม่ง

    "เจม ลงไปกินข้าวเช้าด้วยกันไหม" เสียงนนท์เอ่ยชวนทำให้เจมต้องเก็บความฉุนเฉียวไว้

    "ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่ได้รีดเสื้อ พี่นนท์ไปกินก่อนเลยครับ"

    รุ่นพี่หน้าหล่อพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบกระเป๋าออกจากห้อง

    เจมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

    ...ใครจะอยากกินข้าวกะพี่ปีสี่วะ เดี๋ยวโดนหาเรื่องไปว้ากอีก

    รีบรีดแล้วรีบไปอาคารเรียนเลยดีกว่า ค่อยซื้อขนมปังจากร้านใต้ตึกกินละกัน

    เจมสรุปกันตัวเองแล้วเสียบปลั๊กเตารีดพร้อมกับดึงโต๊ะรีดผ้าจากใต้เตียงออกมา

    ไม่นานเขาก็แต่งตัวชุดนักศึกษาเสร็จ ไม่ลืมที่จะหยิบป้ายชื่อมาห้อย

    เจมหวังว่าจะเจอรุ่นพี่อีกทีก็ช่วงเย็นตอนกลับหอพัก ระหว่างวันอย่าให้ได้เจอเลย แค่จินตนาการว่าได้เห็นหน้ากันที่ห้องทุกวันก็เต็มกลืนแล้ว

    เขาเดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง มีนักศึกษามากหน้าหลายตาเดินขวักไขว่ ส่วนใหญ่จะเป็นปีหนึ่งเพราะมีป้ายประจำตัวกันแทบทุกคน

    ในจังหวะที่เจมเหลือบตามองไปทางเข้าโรงอาหาร ก็เห็นจิรานนท์เดินออกมาพอดี เจมทำเสียงจึ๊กจั๊กในปาก

    ...อะไรจะดวงสมพงศ์กับพี่นนท์ขนาดนี้วะ รีบเดินออกจากหอดีกว่ากู

    คิดดังนั้นเจมจึงสาวเท้าแทรกใครหลายคนแถวนั้น แล้วเดินปะปนกะนักศึกษาปีหนึ่งที่กำลงเดินไปเรียนทางเดียวกัน

    เจมหันหลังกลับไปมองเป็นพักๆ ก็เห็นว่ารุ่นพี่นนท์เดินตามมาห่างๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะเลี้ยวไปทางอื่น ทำให้เขาเริ่มตื่นตูม

    ...อย่าบอกนะว่าไอ้พี่นนท์เดินตามกู ตามทำไมวะ?

    เย็นรุ่นพี่ปีสองนัดเก็บสมุดสะสมลายเซนนี่หว่า

    คงไม่ใช่ว่าพี่ปีแก่จะเรียกว้ากนะเว้ย!

    เหี้ยละ กูตกเป็นเป้าแน่ๆ แล้วใช่ไหมเนี่ย!!

    เมื่อกี้ก็ยืมยาสีฟันรุ่นพี่มาใช้ ถ้าถูกเอาไปว้ากเรื่องนี้กูไม่ต้องมุมดินหนีเลยเหรอวะ โดนว้ากเรื่องยืมยาสีฟันเนี่ย

    เจมจิตใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัว ก้าวเท้าฉับๆ แซงคนอื่นจนไปถึงใต้อาคารเรียนรวมซึ่งเขามีเรียนที่นี่คาบแรก พอเห็นร้านกาแฟก็เลี้ยวเข้าไปเพื่อหาซื้อขนมปัง

    ผ่านไปไม่กี่นาทีเจมก็ได้ขนมปังกับนมกล่องรสช็อกโกแลตอย่างละหนึ่ง เขาเดินไปจ่ายเงินที่เค้าท์เตอร์

    ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งตรงประตูร้าน

    "นนท์" คนขายยิ้มให้คนที่เพิ่งเข้ามาในร้านอย่างยินดี ลืมยิงบาร์โค้ดไปชั่วขณะ

    เจมหันไป พบว่าเป็น 'นนท์' คนเดียวกะที่ตนกำลังเดินหนีอยู่

    "พี่ณัท?" จิรานนท์เดินเข้ามายืนข้างเจม ทำหน้าเหมือนเห็นคนรู้จักที่ไม่ได้เจอมานาน

    เจมเลิกคิ้วเล็กน้อย

    ...สองคนนี้รู้จักกันเหรอ?

    "พี่ณัททำงานที่นี่เหรอครับ"

    "พี่เซ้งร้านนี้ต่อจากญาติน่ะ" ณัทพูดขณะนำขนมปังกับนมกล่องใส่ถุง แล้วหันไปแจ้งราคากับเจม "สามสิบบาทครับ"

    เจมนำแบ้งค์ยี่สิบกับเหรียญสิบยื่นให้ ก่อนจะรับใบเสร็จแล้วปลีกตัวออกมา จังหวะที่เดินผ่านประตูหน้าร้านก็เหลือบเห็นป้ายประกาศรับพนักงานพาร์ทไทม์ของร้านนี้

    เขาหยุดอ่านครู่หนึ่งแล้วรีบเดินขึ้นไปชั้นบนเพราะไม่อยากให้รุ่นพี่รู้ว่าเรียนห้องไหน

     


    จิรานนท์ยังคงยืนคุยกับคนรู้จักต่อ

    "งั้นก็ได้เป็นเจ้าของร้านกาแฟสมใจแล้วสิครับ"

    "ใช่" ณัทกล่าวยิ้มๆ "นนท์จะเอาอะไรไหม"

    "อ๋อครับ ผมขอ..." เขาหยุดมองรายการเครื่องดื่มบนผนังด้านหลังเค้าท์เตอร์ครู่หนึ่ง "โกโก้ปั่นก็แล้วกันครับ"

    "หืม? เรากินโกโก้ด้วยเหรอ จำได้ว่าชอบชาเย็น ไม่ก็กาแฟ"

    "อยากลองกินดู จะได้รู้ว่าทำไมบางคนถึงชอบนักหนา" นนท์ทำสีหน้าคล้ายกำลังนึกถึงใครคนนั้น

    ณัทเลิกคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไร

    พอทำโกโก้ปั่นเสร็จก็นำไปวางบนเค้าท์เตอร์ "แล้วนี่พี่ชายเราสบายดีหรือเปล่า พี่หาทางติดต่อไม่ได้เลยตั้งแต่กลับจากเรียนโท เฟสบุ๊คก็ปิดแอคเค้าท์ไปแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น..."

    ถึงศตคุณจะพูดไม่ชัดเจน จิรานนท์ก็เดาออกว่าหมายถึงเรื่องไหน เพราะเขาก็รับรู้เหตุการณ์นั้นด้วย

    "พี่นันท์เหรอครับ ก็เห็นยุ่งๆ เพราะเพิ่งเข้าไปช่วยงานพ่อ เดี๋ยวผมให้เบอร์ไว้ละกัน"

    "ดีเหมือนกัน"

    ศตคุณบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนเก่าเรียบร้อย พร้อมกับเห็นจิรานนท์ยื่นเงินค่าเครื่องดื่มให้

    "ไม่ต้องหรอกนนท์ พี่เลี้ยง"

    "ไม่ดีมั้งครับ เพิ่งเปิดร้าน เดี๋ยวเจ๊งนะ"

    "เอ้า ไหงมาแช่งกันงั้นล่ะ รับๆ ไปเหอะ วันหลังมาอุดหนุนบ่อยๆ ก็แล้วกัน"

    "งั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวจะมาอุดหนุนเป็นการชดเชยนะ" นนท์เก็บเงินแล้วคว้าแก้วโกโก้ไปถือ "ลาละนะครับ ขอบคุณสำหรับโกโก้ครับพี่"



    ___________________________________________

    พี่นนท์กลายเป็นรูมเมทของเจมซะได้ เจมจะทำไงต่อไปล่ะทีนี้ 555+

    //เรื่องนี้เป็นแนวละมุนๆ มุ้งมิ้งๆ ค่ะ ><

    [อัปเดท] 
    เห็นทักเรื่องพิมพ์ผิดคำว่า  ตามสบาย --> ตายสบาย เยอะก็เลยเข้ามาแก้แล้วนะคะ อายจัง =////=


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×