ตอนที่ 4 : Chapter 4 ll คิดไม่คิด
Chapter 4 ll คิดไม่คิด
ศุกร์หรรษาที่ไม่หรรษา T_T
“วันนี้ปาร์ตี้ห้องพี่เป๊กนะจ๊ะหนูๆ” พี่โบว์ที่แวบมาหาพวกเราที่ล็อบบี้หอเอ่ยเตือนเรื่องปาร์ตี้สำหรับคืนนี้
มันเป็นปกติไปแล้วที่ทุกศุกร์ต้องหาเรื่องออกไปดื่มตามร้านอิซากะยะ[1]หรือไม่ก็จัดปาร์ตี้เล็กๆ กันเองในห้องของใครสักคน พวกเราถึงได้เรียกมันว่าศุกร์หรรษา
แต่วันนี้ฉันไม่หรรษาเลยเพราะมีเรื่องกวนใจอยู่
วันนี้คะแนนสอบย่อยครั้งล่าสุดเพิ่งออกมา และคะแนนของฉันมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ TOT เซนเซเลยบอกให้เตรียมตัวอ่านไปใหม่เพื่อจะให้คนที่คะแนนไม่ดีสอบซ่อมในวันจันทร์หน้า
รู้มั้ยว่ามันไม่ง่ายเลยนะกว่าจะอ่านแต่ละบทไปสอบได้ ไหนจะแกรมม่า การอ่าน คันจิ บทหนึ่งมีแกรมม่าตั้งกี่ตัว คันจิไม่คุ้นตาอีกตั้งเท่าไหร่ สอบเสร็จฉันก็เทไปหมดแล้ว นี่ต้องมาสอบใหม่ก็เท่ากับต้องอ่านใหม่หมด
แทนที่จะได้ปาร์ตี้อย่างสบายใจ ฉันต้องมาพะว้าพะวงว่าจะอ่านไม่ทันนี่ล่ะ T^T
“เดี๋ยวสักสี่ทุ่มด้าตามขึ้นไปนะพี่โบว์ ขอจำคันจิก่อนค่ะ” ฉันบอกพี่โบว์ไป ตรงหน้าของฉันคือสมุดคันจิที่ฉันต้องจำไปสอบใหม่ทั้งหมด
“โหย ค่อยอ่านวันอาทิตย์ก็ได้ รีบอ่านทำไมด้า”
“ด้าจำคันจิไม่ค่อยได้พี่โบว์ก็รู้ T_T ถ้าสอบครั้งนี้ไม่ผ่านอีก กลัวจะโดนย้ายไปอยู่ห้องแย่กว่านี้”
ยิ่งอยู่ห้องที่เรียนอ่อนเท่าไหร่ ก็จะทำให้เสียเวลาเรียนไปเท่านั้น เพราะต้องไปเรียนอะไรที่เคยเรียนมาแล้วซ้ำๆ ฉะนั้นทุกคนที่นี่ต่อให้เที่ยวเล่นกันหนักแค่ไหน ถ้าถึงเวลาจริงจังก็ตั้งใจกับการเรียนกันหมด อ่านเป็นอ่าน สอบเป็นสอบ เล่นเป็นเล่น แม้ว่าใน Social Network คนภายนอกจะมองว่าพวกเราเอาแต่อัพรูปเที่ยวเล่นลั้ลลาไปวันๆ แต่คงไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังชีวิตดี๊ดีพวกนั้น พวกเราก็ทรหดกันพอตัวนะ T_T
Study Hard Party Harder อะไรประมาณนั้น -.,-
พี่โบว์อยู่คุยไม่นานก็ขอตัวขึ้นห้องไปก่อน เลยเหลือพี่เนม ปกป้อง พั้นช์ และฉันที่เป็นเจ้าประจำนั่งกันอยู่ตามเดิม
ดูสิ...คนอื่นนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือสบายใจ มีแต่ฉันที่ต้องมาอ่านหนังสือ คิดแล้วก็เศร้าใจ
ฉันไหลตัวลงเอาคางเกยบนสมุดคันจิแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ จนทุกคนหันมามอง
“ทำท่านั้นแล้วคันจิมันจะไหลเข้าหัวเหรอ” พี่เนมเอ่ยแซวฉัน
“เข้าอะไรล่ะ จำไม่ได้สักกะตัว T^T”
“รีบอ่าน จะได้ไปข้างบน” ปกป้องตบหลังฉันเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน “ฉันขึ้นไปรอที่ห้องพี่เป๊กนะ เสร็จแล้วรีบตามไปละกัน”
“ไปด้วย” พี่เนมรีบลุกขึ้นตามปกป้องไปอีกคน
อะไรเนี่ย ทิ้งฉันขึ้นไปลั้ลลากันหมดเลย TOT ไม่ยุติธรรม ฮือออออ
“จะทิ้งด้าไว้คนเดียวเหรอ รอกันก่อนสิ” ฉันงอแงแล้วส่งสายตาปริบๆ ไปยังพี่เนม
“อะไร ก็มีคนนั่งเป็นเพื่อนแล้วนี่ไง พี่ไม่จำเป็นต้องอยู่หรอกมั้ง”
นั่นไง -_- พูดอะไรไปเข้าตัวตลอด!
พี่เนมกับปกป้องหาพากันหัวเราะแล้วทิ้งฉันเดินออกไปจากลอบบี้อย่างไม่ใยดี ปล่อยให้ฉันอยู่กับคนที่เอาแต่นั่งดูคลิปในโทรศัพท์มือถือแล้วหัวเราะคิกคัก
“นี่ =_=” ฉันยื่นมือไปสะกิดพั้นช์ เขาเงยหน้าขึ้นมองเมื่อฉันเรียก
“อะไร”
“ไม่ขึ้นไปข้างบนเหรอ”
“ยังไม่อยากขึ้น”
“ขึ้นไปก่อนก็ได้นะ ฉันนั่งคนเดียวได้ คนอื่นจะได้ไม่ล้อเราด้วย =_=”
“ก็ฉันยังอยากนั่งอยู่ก่อน จะมาไล่ทำไมเนี่ย” พั้นช์ทำเป็นพูดน้ำเสียงหาเรื่องฉัน ฉันเลยเบ้ปากใส่เขาเหมือนที่ทำบ่อยๆ
“ไม่ได้ไล่แค่พูด จะนั่งก็นั่ง” ก็เกรงใจเฉยๆ ที่ต้องมารอเป็นเพื่อน
ฉันรู้หรอกน่าว่าเขาตั้งใจจะรอเป็นเพื่อนฉัน แม้จะไม่พูดก็เหอะ -.,- บทจะคนดีก็ดีจริงๆ เลย
“อ่านไปสิคันจิน่ะ นั่งมาเป็นชั่วโมงยังไม่ได้สักตัว” พั้นช์ยื่นมือมาผลักหัวฉัน “ถ้าจำทั้งหน้านี้ไม่ได้ก็ไม่ต้องไปปาร์ตี้นะวันนี้”
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งไม่ทราบ”
“มีละกัน -_-“ กวนประสาท!
เขายักคิ้วให้ฉันแล้วกลับจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือตามเดิม และเพราะไม่มีใครให้ฉันคุยด้วยแล้ว ฉันก็เลยได้เริ่มตั้งใจแบบจริงๆ สักที กว่าจะผ่านหน้าหนึ่งไปได้ก็ปาไปเกือบชั่วโมง T_T
เหนื่อยมาก เหนื่อยยิ่งกว่าปั่นจักรยานไปโรงเรียนอีก TOT
“จำได้แล้วเหรอ” พั้นช์เหลือบมองเมื่อเห็นฉันเริ่มอยู่ไม่สุข
“ได้แล้ว” เขาหรี่ตาลง
“ไม่น่าเชื่อ”
“ฉันคัดคันจิซ้ำๆ มาตั้งชั่วโมงนึงแล้วนะ จำไม่ได้ก็บ้าแล้ว TOT”
“โอเคๆ” เขาพูดเจือเสียงหัวเราะพร้อมกับเอื้อมมือมาปิดสมุดคันจิของฉัน “อ่านแค่นี้ก็พอแล้ว เห็นแล้วสงสาร ขึ้นไปข้างบนกัน”
ฉันเห็นด้วยกับที่เขาพูดมา ตอนนี้ใจฉันลอยไปอยู่บนห้องพี่เป๊กแล้ว ป่านนี้คนอื่นคงจะกำลังนั่งดื่มและเปิดเพลงแหกปากกันอย่างสนุกสนาน
ฉันรีบเก็บของก่อนที่เราสองคนจะเดินออกมาจากล็อบบี้ และฉันก็เห็นใครบางคนเดินเข้าหอมาพอดี
ยัยแซน รูมเมทฉันเองล่ะ
“อ้าว” ยัยนั่นเอ่ยออกมาเมื่อเห็นเราสองคน
ฉันกดลิฟต์ ส่วนพั้นช์ก็แยกเดินไปอีกทางเพื่อจะขึ้นบันไดไปห้องของเขาที่อยู่ชั้นสอง เขาทักทายแซนเล็กน้อยแล้วหันกลับมามองฉัน
“เดี๋ยวฉันรีบตามไปนะ” พั้นช์พูดพลางเอามือยกขึ้นทำสัญลักษณ์เป็นรูปโทรศัพท์ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปทันที
ไปโทรหาแฟนสินะ แฟนดีเด่นแห่งชาติจริงๆ =_=
ฉันหันกลับมาหายัยแซน เราสองคนพากันขึ้นลิฟต์เดินกลับมาที่ห้องของตัวเอง เพราะฉันจะเอาของมาเก็บ แล้วค่อยลงไปหาพี่เป๊กที่ห้องน่ะ
“วันนี้มีปาร์ตี้ห้องพี่เป๊ก ไปมั้ยแก” ฉันหันไปถามยัยแซนที่เพิ่งจะทิ้งตัวลงบนเตียงตัวเอง
“ไม่ปายยย ขี้เกียจจจ~” ฉันพยักหน้ากับคำตอบยานคางของยัยนั่นและไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรอีก
เป็นแบบนี้ล่ะรูมเมทฉัน เจ้าแม่อินดี้ประจำกลุ่มเด็กไทย
แซนนิสัยดีมากนะ ทั้งๆ ที่เราเพิ่งมารู้จักกันที่นี่แต่กลับรู้สึกเหมือนรู้จักกันมานาน ถึงแม้ว่ายัยนี่จะชอบปลีกวิเวก ไม่ค่อยจับกลุ่มอยู่ด้วย ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ถ้ามีอะไรก็ปรึกษาและพึ่งพาได้ทุกเรื่อง เวลาอยู่นอกหอเราสองคนไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกันก็จริง แต่ถ้าอยู่ในห้องด้วยกันแบบนี้นะ...เม้าท์กระจายเลยขอบอก =.,=
“เออแก วันนี้มีเพื่อนเวียดนามคลาสฉัน มาถามว่าแกกับพั้นช์เป็นแฟนกันเหรอ”
“ฮะ?” ฉันมองแซนอย่างงงๆ “ถามทำไมวะ”
“สงสัยนางจะเล็งพั้นช์ไว้ ละเห็นแกสนิทกับพั้นช์มั้ง”
“บ้าละ บอกนางไปว่าฉันไม่ใช่แฟนหมอนั่น”
“โถ บอกไปใครจะเชื่อ นี่ถ้าไม่นับคนไทยนะ ฉันบอกเลยว่ามีแต่คนเข้าใจว่าแกสองคนเป็นแฟนกัน” น้ำเสียงแซนเวลาเม้าท์มอยนี่มันช่างถึงใจถึงอารมณ์ระดับ HD จริงๆ -_-
“ตลก!”
“มันดูมีซัมติงอ่ะแก แบบเวลาพวกแกอยู่ด้วยกันมันมีรังสีอะไรบางอย่างแผ่ซ่านอย่างบอกไม่ถูก ขนาดเมื่อกี้ที่ฉันเจอแกสองคนข้างล่าง ฉันยังสัมผัสได้ คือเจนญาณทิพย์ก็ทำไม่ได้ ริวจิตสัมผัสเหรอ...อย่าหวังเลยขอบอก สู้เซ้นส์ฉันไม่ได้สักคนจังหวะนี้”
“แก เพราะพวกคนไทยชอบชงฉันกับพั้นช์แล้วมโนกันไปเองนี่ล่ะ มันไม่มีอะไรเลย =_=” แซนหรี่ตามองฉัน
ท่านอนตะแคงเอามือเท้าศรีษะมองฉันของยัยนี่ทำเอาฉันอยากจะกระโดดเอาผ้าห่มคลุมหัวจริงๆ
“เออ~ ฉันก็รู้แหละว่าตอนนี้มันยังไม่มีอะไร”
“จะตอนไหนก็ไม่มีทางมี”
“ด้า ฉันกล้าฟันธงเลยนะ ว่าเดี๋ยวมันต้องมีเชื่อป่ะ”
“แกกำลังทำให้ฉันวิตกจริต -_-;”
“ไม่ๆ ฟังก่อน” แซนยกนิ้วชี้ขึ้นมาปรามไม่ให้ฉันพูดอะไร “ฉันว่ามันแปลกตั้งแต่พั้นช์โฟกัสแต่เรื่องของแกคนเดียวละ จริงอยู่ว่าหมอนั่นเฟรนด์ลี่มาก แต่เขาสองมาตรฐานสุดๆ นะ พวกคนไทยก็สนิทกันหมดแต่แบบทุกอย่างที่ทำนี่เอียงมาที่แกหมดเลยอ่ะ ทั้งๆ ที่ตอนมาใหม่ๆ ก็ไม่ขนาดนี้นะ”
“=_=;”
“คนที่มาอยู่ต่างประเทศ แล้วต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เจอกันทุกวัน ใส่ใจกันทุกเรื่องขนาดนี้ แถมคนอื่นยังพากันล้อกันชงแบบขั้นสุด มันจะไม่หวั่นไหวไม่คิดอะไรจริงๆ เหรอวะ ยิ่งแกกับพั้นช์นี่ตัวติดกันมากกว่าเพื่อนแล้วนะ ไม่รู้สึกอะไรจริงๆ เหรอด้า”
“แก ฉันยอมรับว่าฉันกับพั้นช์สนิทกันจริง แต่เราต่างคนต่างก็มีแฟนแล้ว แล้วหมอนั่นก็รักแฟนมากแกก็เห็น มันไม่มีทางเป็นไปไม่ได้เลย” ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง
“แค่ดูเหมือนจะรักแฟนมาก มันก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าพั้นช์จะไม่นอกใจแฟนนะแก อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”
“...”
“ที่ฉันพูดไม่ใช่อะไรนะ ฉันแอบเป็นห่วงแกอยู่ห่างๆ ว่ะ ตอนนี้ทุกคนอาจจะสนุกที่จับคู่แกกับพั้นช์ แต่ถ้าวันนึงระหว่างแกกับพั้นช์มีใครคิดเกินเลยขึ้นมาจริงๆ แกสองคนเองนั่นล่ะที่จะขำไม่ออก แล้วเราต้องอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปอีกเป็นปีนะ ไหนแฟนแกจะตามมาเรียนที่นี่อีก”
“...”
...ทำไมอยู่ดีๆ ฉันก็รู้สึกเครียดขึ้นมา TOT นี่มันอะไรกัน
เราสองคนก็แค่สนิทกันเองนะไม่เห็นจะแปลกตรงไหน และฉันก็ไม่เคยคิดอะไรด้วย เพราะถ้าคิดจริง...เวลาเจอหน้าเขาฉันก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างสิ แล้วที่พั้นช์ทำดีกับฉัน ฉันก็พอจะเห็น...ว่าเขาตามใจและทำอะไรให้ฉันมากกว่าคนอื่น แต่มัน...ก็คงไม่มีอะไรหรอก
...มั้ง
บ้าเหรอ!...ยัยแซนก็แค่เตือนด้วยความหวังดี มันยังไม่เกิดขึ้นซะหน่อย จะไปคิดมากให้มันได้อะไรขึ้นมาเนี่ย!
ไม่มีทางก็คือไม่มีทาง ฉันพูดเป็นสิบรอบแล้ว เชื่อสิ!
“เออ เข้าใจ ขอบคุณแกนะแซนที่เป็นห่วง”
“=O=”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่สนิทกัน ยากนะที่จะเป็นมากกว่านั้น”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีไป”
“...”
“ระวังตัวระวังใจไว้ให้ดีก็แล้วกันรูมเมทที่รัก” แซนทำท่ายิ่งปืนใส่ฉัน เหมือนยัยนั่นจะดูออกว่าฉันเริ่มวิตกจริต -_-; เลยทำท่าทางตลกแบบนั้นใส่แทน
“เออๆ ขอบใจย่ะ เดี๋ยวฉันลงไปห้องพี่เป๊กก่อน”
“โอเค ฝันดีล่วงหน้าเลยแล้วกัน แกกลับห้องมาฉันคงหลับไปละ”
พอเราสองคนจบบทสนทนาเพียงเท่านั้นฉันก็ออกมาจากห้องทันที ไม่รู้ทำไมคำพูดของยัยแซนถึงวนไปเวียนมาอยู่ในหัวฉันแบบนี้ก็ไม่รู้
สงสัยฉันจะเครียดจากจำคันจิเมื่อกี้ พอมาฟังยัยแซนพร่ำสวดยาวเลยยิ่งเครียดไปอีกแหงๆ T^T
ก็บอกกับตัวเองเป็นพันรอบแล้วไงว่าไม่มีอะไรเลย แล้วจะเก็บมาคิดทำไมเนี่ย
ติ๊ง!
ฉันเงยหน้ามองประตูลิฟท์ที่กำลังเปิดออก แต่ก็ต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นว่าใครอยู่ในลิฟต์ O.O
“อ้าว กำลังจะขึ้นมาตามเลย เห็นยังไม่ไปห้องพี่เป๊กอีก”
“...”
ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มั้ยล่ะว่าใคร มีอยู่คนเดียวนั่นล่ะ
คงเป็นเพราะฉันกำลังคิดถึงเรื่องที่ยัยแซนพูด พอเจอเขาแบบนี้มันเลยตกใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่หมอนี่ก็ชอบขึ้นมาตามฉันถึงที่ห้องเป็นประจำอยู่แล้ว
“เป็นอะไรเนี่ย รีบเข้ามาสิ” พั้นช์กดปุ่มลิฟต์ค้างเอาไว้เมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่ยืนนิ่ง ฉันพยักหน้าหงึกแล้วก้าวเข้าไปในลิฟต์ทันที “ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”
“ไม่ทันดู โทษที =_=”
“ตลอดอ่ะ” เขาเหล่มองฉันด้วยสายตากวนๆ ฉันเลยยกมือขึ้นจะทุบเขาแต่พั้นช์ก็เอี้ยวตัวหลบ สุดท้ายเลยได้แต่ส่งสายตาฟาดฟันไปแทน
...เป็นไปไมได้หรอก คอยกวนโมโหแบบนี้เนี่ยนะจะมาคิดอะไรกับฉัน =_=
ก็ไม่มีอะไรให้คิดมากซะหน่อย เจอหน้าก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ใจก็ไม่ได้เต้น ก็แค่สนิทกันแค่นั้นจริงๆ
หมอนี่ก็เป็นแบบนี้ล่ะ ทำดีกับฉันคนเดียวซะที่ไหน ไม่มีทางมาคิดอะไรกับฉันแน่ๆ เรื่องอย่างที่ยัยแซนพูดไม่มีทางเกิดขึ้น
โอเค...เลิกคิด
เท!
[1] อิซากะยะ คือ ร้านเหล้าแบบญี่ปุ่น ที่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขาย
ทอล์คทอล์ค <3
สวัสดีตอนดึกค่า มาแล้นนนนนน
รอบนี้มาเร็วเป็นพิเศษ เพราะว่าาา...
ต้นฉบับผ่านแล้วค่าาา กรี๊ดดดดดด 555555
เรื่องนี้จะออกเดือนกรกฎาคมนะคะ เก็บเงินรอกันเลยน้า
เพราะว่ามันหนาจุใจแน่นอน! อ่านกันไปยาวๆ เลยค่ะ 55555
เพราะฉะนั้นจะลงต่อให้อีกไม่เกินสิบตอนนะคะ >.<
ที่เหลือไปตามต่อกันในเล่มน้า ฮี่ๆ >3<
มาเข้าเรื่องกันหน่อย
เอาล่ะสิ...คิดไม่คิด คิดไม่คิด
แต่สุดท้ายก็ไม่คิดนาจาาาา 555555
ไม่คิดจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ค่ะติดตามกันต่อไป (ฮา)
เรื่องทำนองนี้เชื่อว่าหลายๆ คนที่เคยไปเรียนต่างแดน
อาจจะเคยพบเจอนะคะ 5555555
ความหวั่นไหวนี่มันน่ากลัวจริงๆ *ยิ้มอ่อน*
รอติดตามกันต่อไปค่ะ ย้ำคำเดิมว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ในเรื่องนี้ 55555
นั่งดูเดอะสตาร์อยู่ค่ะตอนนี้ แต่แวบมาลงนิยายให้
กลัวจะดึกเดี๋ยวคนอ่านหนีไปนอนกันหมดด >.<
เอาไว้เจอจะมาลงเรื่อยๆ จนถึงตอนที่สิบนะค้าา
ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ
1 คอมเม้นท์ 1 กำลังใจน้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รออ่านตอนต่อไปนะคะ